IV drip   ฟื้นฟูผิว บูตส์ร่างกายด้วยการฉีดวิตามินผิว คืออะไร ? ช่วยอะไร ? เหมาะกับใครบ้าง ?

Reading Time: 4 minutes

IV drip

IV drip

ในยุคที่เราต้องเผชิญกับมลภาวะ ความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ การดูแลสุขภาพแบบเดิม ๆ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป นี่คือเหตุผลที่ทำให้ IV drip หรือการฉีดวิตามินเข้าเส้นเลือดโดยตรง เป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบันครับ

IV drip ไม่ได้เป็นแค่เทรนด์ความงาม แต่เป็นวิธีฟื้นฟูร่างกาย และผิวพรรณแบบเร่งด่วนด้วยการส่งวิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพกว่าการรับประทานอาหารเสริมทั่วไป

IV drip คืออะไร ? ทำไมถึงกลายเป็นที่นิยมในหมู่คนรักสุขภาพ และความงาม ? มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ? เหมาะกับใคร ? บทความนี้หมอจะพาคนไข้ไปทำความรู้จักกับ IV drip อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้ว่า IV drip เป็นวิธีดูแลสุขภาพที่คนไข้กำลังมองหาอยู่หรือไม่

สารบัญ IV drip


IV drip คืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยม ?

IV drip คืออะไร

IV drip ย่อมาจาก Intravenous Drip หรือที่เราเรียกกันทั่วไปว่า ดริปวิตามิน เป็นวิธีการนำวิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ มาฉีดเข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านทางเส้นเลือด ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ และรวดเร็วกว่าการรับประทานอาหารเสริมทั่วไปครับ

เหตุผลที่ IV drip เป็นที่นิยม เพราะ

  • ดูดซึมได้เร็ว และมีประสิทธิภาพสูง
  • สามารถปรับสูตรให้เหมาะกับแต่ละคนได้
  • เห็นผลเร็วกว่าการทานอาหารเสริม
  • ช่วยฟื้นฟู ปรับสมดุลร่างกาย และผิวพรรณได้อย่างรวดเร็ว

IV drip อันตรายไหม ?

IV drip อันตรายไหม

IV drip มีความปลอดภัยสูงหากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และคลินิกที่ได้มาตรฐานครับ แต่เนื่องจาก IV drip เป็นการนำสารเข้าสู่ร่างกายโดยตรง จึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกคลินิก และแพทย์ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลสุขภาพอย่างครบถ้วน เพื่อให้การทำ IV drip เกิดประโยชน์ และปลอดภัยที่สุด

ถ้าฉีดกับหมอกระเป๋า คลินิกเถื่อน หรือซื้อชุด IV drip มาฉีดเองที่บ้าน จะเกิดอะไรขึ้น ?

  • เสี่ยงติดเชื้อ หากอุปกรณ์ไม่สะอาด หรือขั้นตอนการฉีดไม่ถูกสุขลักษณะ อาจนำไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือดได้
  • เสี่ยงเกิดการแพ้ บางคนอาจแพ้ส่วนผสมบางอย่างในสารละลาย IV drip ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้
  • เสี่ยงเกิดภาวะเป็นพิษจากวิตามิน การได้รับวิตามินหรือแร่ธาตุในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้

ด้วยเหตุนี้ การทำ IV drip จึงต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพราะแพทย์จะประเมินสุขภาพโดยรวม ตรวจสอบประวัติการแพ้ และปรับสูตร IV drip ให้เหมาะสม นอกจากนี้แพทย์ยังสามารถจัดการกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีครับ


IV drip มีกี่สูตร ?

IV drip มีกี่สูตร

IV drip มีหลายสูตรให้เลือกตามความต้องการ เช่น

  • สูตรบำรุงผิวพรรณ – เน้นวิตามินซีและกลูต้าไธโอน
  • เสริมภูมิคุ้มกัน – มีวิตามินซีสูง และวิตามินบีรวม
  • สูตรลดความเหนื่อยล้า – เน้นวิตามินบีรวม และแร่ธาตุ
  • สูตรดีท็อกซ์ – มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ

สำหรับที่ V Square Clinic จะใช้สูตร IV drip พิเศษที่ออกแบบมาเพื่อการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ชื่อว่า “Bright&Shine” ประกอบด้วยส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รวม 50 CC ดังนี้ครับ

  • วิตามินซีเข้มข้นสูง (Vit C Megadose) : ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใส พร้อมทั้งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
  • วิตามินบีรวม (Vit B Complex) : ช่วยฟื้นฟูพลังงานให้ร่างกาย ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมทั้งบำรุงผิว เส้นผม และเล็บให้แข็งแรง
  • กลูตามีน (Glutamine) : สารอาหารสำคัญที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และยังช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
  • กรดอะมิโน (Amino Acids) : ช่วยเสริมสร้างโปรตีนในร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิว ผม และเล็บ ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ และมีสุขภาพดี
  • NAC (N-Acetyl Cysteine) : สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยชะลอวัยและป้องกันริ้วรอย พร้อมทั้งช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ผิวสะอาด กระจ่างใส

สูตร Bright&Shine นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คนไข้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำ IV drip ทั้งในแง่ของการบำรุงผิวและการเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม ช่วยให้ผิวสดใส เปล่งปลั่ง มีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกครับ


IV drip ดีไหม ?

IV drip คุณต่าย

IV drip มีประโยชน์หลายด้านไม่ใช่เพียงการบำรุงผิวเท่านั้นครับ แต่จะช่วยเสริมสร้างให้ผิวแข็งแรง มีภูมิคุ้มกัน และสุขภาพดีขึ้น 6 ประโยชน์ที่ได้จากทำ IV drip คือ

  • เสริมสร้างคอลลาเจน และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว
  • ผิวขาวใส ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน
  • เสริมสร้างการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ
  • กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • ร่างกายสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย
  • ปกป้องผิว ทำให้เซลล์แข็งแรง บำรุงผิวแพ้ง่าย

ทั้งนี้การทำ IV drip ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิม และร่างกายของแต่ละคนครับ ว่ามีปัญหามากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดวิตามินผิว ก็จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์เช่นกันครับ


IV Drip VS ทานวิตามิน อะไรดีกว่ากัน ?

IV Drip VS ทานวิตามิน อะไรดีกว่ากัน

การเปรียบเทียบระหว่าง IV Drip และการทานวิตามินเป็นประเด็นที่น่าสนใจ เพราะทั้งสองวิธีมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการเสริมสารอาหารให้ร่างกาย แต่มีวิธีการ และประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน มาดูการเปรียบเทียบแบบเห็นภาพชัดกันครับ

  1. วิธีการนำเข้าสู่ร่างกาย
    • ฉีดวิตามินใช้เข็มฉีดเข้าสู่ร่างกายโดยตรง
    • กินวิตามินรับประทานผ่านทางปากในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูล
  2. ความเร็วในการดูดซึม
    • ฉีดวิตามินดูดซึมเร็ว ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที
    • กินวิตามินต้องผ่านระบบทางเดินอาหาร ใช้เวลาในการดูดซึมและเห็นผล
  3. ปริมาณที่ร่างกายได้รับ
    • ฉีดวิตามินได้รับวิตามิน 100%
    • กินวิตามินได้รับวิตามิน 20-50% เนื่องจากสูญเสียระหว่างกระบวนการย่อยและดูดซึม
  4. ประสิทธิภาพ
    • ฉีดวิตามินให้ผลไวกว่า ได้รับสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุครบถ้วนมากกว่า
    • กินวิตามินต้องใช้ระยะเวลาในการดูดซึมอย่างน้อย 3 เดือนจึงจะเห็นผล

สรุป IV Drip VS ทานวิตามิน อะไรดีกว่ากัน ?

IV Drip เหมาะสำหรับ

  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน
  • ผู้ที่มีปัญหาการดูดซึมสารอาหาร
  • ผู้ที่ต้องการปริมาณวิตามินสูงเพื่อฟื้นฟูร่างกาย

ทานวิตามิน เหมาะสำหรับ

  • การบำรุงร่างกายในระยะยาว
  • ผู้ที่ต้องการความสะดวกในชีวิตประจำวัน
  • ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด

ทั้งสองวิธีมีข้อดี และข้อเสียต่างกัน การเลือกวิธีใดขึ้นอยู่กับความต้องการ สภาพร่างกาย และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเองครับ


IV drip ช่วยอะไรได้บ้าง ?

IV drip สามารถช่วยในหลายด้าน เช่น

  • บำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวกระจ่างใส มี glass skin
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • ลดความเหนื่อยล้า เพิ่มพลังงาน
  • ดีท็อกซ์ร่างกาย
  • ช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังการออกกำลังกายหนัก
  • แก้ปัญหาหน้าลอกเป็นขุย แต่งหน้าไม่ติด ผิวแห้งกร้าน
  • ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน

ใครบ้างที่เหมาะจะทำ IV drip ?

  • คนที่ต้องการฟื้นฟูผิวพรรณอย่างเร่งด่วน
  • ผู้ที่มีปัญหาการดูดซึมสารอาหาร
  • คนที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกัน
  • คนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง นอนดึก พักผ่อนน้อย
  • คนที่เหนื่อยล้า ขาดพลังงานจากการทำงานหนัก
  • นักกีฬาที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายหลังการแข่งขัน
  • คนที่ต้องการฉีดวิตามินผิวขาว บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง กระจ่างใส

เตรียมตัวก่อนทำ IV drip อย่างไร ?

ก่อนทำ IV drip ควรเตรียมตัวดังนี้

  • งดอาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนทำ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • แจ้งประวัติการแพ้ยาหรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • หากทานยาประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าต้องหยุดยาหรือไม่

ขั้นตอนการทำ IV drip

  • ตรวจสอบสุขภาพ และประเมินความต้องการกับแพทย์
  • เลือกสูตร IV drip ที่เหมาะสม
  • ทำความสะอาดบริเวณที่จะแทงเข็ม
  • ระหว่างเดินยาคนไข้อาจจะรู้สึกปวด ๆ ตึง ๆ บริเวณที่ฉีดได้เป็นปกติ
  • ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณ และสูตร
  • หลังเสร็จ แพทย์จะถอดเข็ม และปิดแผล

IV drip ราคาเท่าไหร่ ?

ฉีดวิตามินผิว ราคาจะต่างกันไปตามสูตรที่ใช้ ปริมาณ และ IV drip ราคาโปรโมชันของแต่ละคลินิกครับ มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน แต่ถ้าเจอราคาที่ถูกมาก ๆ แบบหลักสิบ ตัวยาไม่มีที่มาที่ไป แนะนำให้เลี่ยงจะดีที่สุดครับ เพราะอาจเสี่ยงต่อการใช้ตัวยาที่ไม่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งอาจมีสิ่งเจือปนที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้

ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงและเลือกใช้บริการ IV drip จากคลินิกที่น่าเชื่อถือ และได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น V Square Clinic ที่เรามุ่งมั่นให้บริการด้วยความปลอดภัย และคุณภาพที่ดีที่สุดด้วยการฉีดวิตามินผิวแบบ IV Push ที่เป็นการฉีดวิตามินเข้าเส้นเลือดข้อพับแขนโดยตรง ใช้ตัวยาล้วน ไม่ผสมน้ำเกลือ ใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีเท่านั้นครับ

ฉีดวิตามินผิว ราคา โปรโมชั่น ที่ V Square Clinic

Landingpage_วิตามินผิว_2024_V.3

การดูแลรักษาหลังทำ IV drip

  • ดื่มน้ำมาก ๆ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงหลังทำ
  • สังเกตอาการผิดปกติ หากมีควรแจ้งแพทย์ทันที

หลังทำ IV drip มีผลข้างเคียงหรือไม่ ?

โดยทั่วไป IV drip มีผลข้างเคียงน้อยมากครับ แต่อาจพบอาการเล็กน้อยได้ เช่น

  • รอยแดง รอยเข็มเล็ก ๆ หลังฉีด
  • ในคนที่มีผิวบอบบาง อาจมีรอยช้ำบริเวณที่ฉีดได้ จะหายไปเองภายในไม่กี่วัน
  • รู้สึกร้อนวูบวาบขณะทำ เกิดจากการไหลเวียนของสารละลายในเส้นเลือด
  • อาการมึนงงเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นได้หากร่างกายกำลังปรับตัวกับสารอาหารที่ได้รับ
  • ปวดศีรษะเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นได้หากร่างกายกำลังปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของสารอาหาร
  • รู้สึกขมคอขณะเดินยา โดยเฉพาะเมื่อได้รับวิตามินบีรวมในปริมาณสูง เหตุผลคือ
    • วิตามินบีบางชนิด เช่น B1 (Thiamine) มีรสขม
    • เมื่อฉีดเข้าเส้นเลือด สารเหล่านี้จะกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว รวมถึงบริเวณคอ และปาก
    • ต่อมรับรสในปากอาจตรวจจับรสขมนี้ได้ ทำให้รู้สึกเหมือนมีรสขมในคอ
    • อาการนี้ไม่เป็นอันตราย และจะหายไปเอง

สิ่งสำคัญคือ หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก หรือมีผื่นขึ้น ควรแจ้งแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของการแพ้

ที่ V Square Clinic ก่อนฉีดแพทย์จะแจ้งให้คนไข้ทราบถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และวิธีจัดการกับอาการเหล่านั้นกับคนไข้ทุกเคส ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผลข้างเคียงมักเป็นเพียงชั่วคราว และไม่รุนแรงครับ


IV drip ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ ?

ผลลัพธ์ของ IV drip จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนอาจรู้สึกสดชื่นขึ้นทันทีหลังทำ แต่สำหรับผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น ผิวพรรณที่ดีขึ้น อาจต้องทำ 3-5 ครั้งห่างกันครั้งละ 1-2 สัปดาห์ครับ


ทำ IV drip เจ็บไหม ?

การทำ IV drip คนไข้อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยตอนแทงเข็ม แต่หลังจากนั้นจะไม่รู้สึกอะไร บางคนอาจรู้สึกเย็น ๆ หรืออุ่น ๆ ขณะที่ตัวยาไหลเข้าร่างกายครับ


สรุป ทำ IV drip ดีไหม ?

IV drip เป็นวิธีทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ และรวดเร็วกว่าการรับประทานอาหารเสริม ด้วยความสามารถในการฟื้นฟูร่างกาย และผิวพรรณอย่างตรงจุด IV drip จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาการดูดซึมสารอาหาร ต้องการเสริมภูมิคุ้มกัน หรือเพียงแค่อยากฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า

อย่างไรก็ตาม IV drip อาจไม่ใช่วิธีการที่เหมาะกับทุกคน ก่อนตัดสินใจทำ IV drip ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสม และเลือกสูตรที่ตรงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุด

นอกจากนี้ ไม่ควรลืมว่า IV drip เป็นเพียงส่วนเสริมของการดูแลสุขภาพ การทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ ยังคงเป็นพื้นฐานสำคัญของการมีสุขภาพดีครับ

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ42คน
บทความแนะนำ

ฟิลเลอร์ (Filler) กับโบท็อกซ์ (Botox) ต่างกันอย่างไร ? ทำพร้อมกันได้ไหม ?

Reading Time: 4 minutes- ฟิลเลอร์ คืออะไร ? - โบท็อกซ์ คืออะไร ? - ฟิลเลอร์ (Filler) กับ โบท็อกซ์ (Botox) ต่างกันอย่างไร ? - เปรียบเทียบข้อดี ข้อจำกัดของฟิลเลอร์ กับโบท็อกซ์ - เลือกฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ดี แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ?

November 19, 2024 อ่านต่อ

9 ข้อ ที่ต้องระวัง ! และควรรู้ในการทำ Hifu | โดยทีมแพทย์ ...

Reading Time: 5 minutes- Hifu คืออะไร อันตรายกับผิวไหม ? - อายุไม่ถึง 25 ปีทำ Hifu จะมีผลเสียอย่างไร ? - ควรเลือกทำ Hifu ที่ไหนดี คลินิกไหนดี ระวังการโฆษณา Hifu ที่เกินจริง ของคลินิกต่าง ๆ - Hifu เห็นผลทันที จริงไหม ? - Hifu ทั่วทั้งตัว ได้ผลทุกส่วนจริงหรือไม่ ?

โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก คืออะไร ? อันตรายไหม ? เหมาะกับใครบ้...

Reading Time: 4 minutes- ภาวะยิ้มเห็นเหงือก คืออะไร ? เกิดจากสาเหตุใดบ้าง ? - โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก คืออะไร ? แก้ยิ้มเห็นเหงือกได้อย่างไร ? - โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก ช่วยเรื่องใดบ้าง ? - โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก เหมาะกับใคร ? - โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก ข้อดี และข้อเสีย

ฟิลเลอร์สะโพก เสริมก้น เติมเต็มส่วนที่เว้า บุ๋ม ต้องใช้ฟิ...

Reading Time: 3 minutes- ฟิลเลอร์สะโพกคืออะไร ? - ฟิลเลอร์สะโพกอันตรายไหม ? มีอะไรที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ - ฟิลเลอร์สะโพกช่วยปรับรูปทรงสะโพกให้โค้งสวยได้จริงหรือไม่ ? - แก้ปัญหา Hip Dip ด้วยฟิลเลอร์สะโพก เคล็ดลับเพื่อสะโพกสวยเนียน - ปัญหาสะโพกที่ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ไขได้ มีอะไรบ้าง ?

[เจาะลึก] ฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดคาง แต่ละวิธี มีข้อดี-ข้อเ...

Reading Time: 3 minutes- ทำไม ? ฉีดฟิลเลอร์คาง มาแล้วยิ้มเป็นก้อน ดูไม่ธรรมชาติ - ฉีดฟิลเลอร์คางด้วยเทคนิคเดียวกับการผ่าตัด ดีอย่างไร ? - ฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดเสริมคาง ? - ฟิลเลอร์คาง มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร ? - ฟิลเลอร์คาง ใช้ยี่ห้อไหนดีที่สุด ?

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ร่องแก้มลึก ด้วยเทคนิคเฉพาะที่แตกต่าง...

Reading Time: 3 minutesฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ร่องแก้มลึก ด้วยเทคนิคเฉพาะที่แตกต่างในแต่ละเคส

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า