รู้จัก skinvive ฟิลเลอร์งานผิวล่าสุด
ไม่ว่าจะยุคไหน การมีผิวคุณภาพดี ฉ่ำโกลว์เล่นแสง ก็ยังเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการครับ
อย่าง SKINVIVE ตัวช่วยงานผิวน้องใหม่จากค่าย Allergan ที่ได้พัฒนาต่อยอดมาจากฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Volite ให้กลายมาเป็นฟิลเลอร์ Skin Booster แบบเต็มตัว โดยจะเน้นเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว เรียบเนียนขึ้นโดยไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้า เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลผิวให้ดูสุขภาพดี และสดใสอย่างเป็นธรรมชาติในระยะยาว
บทความนี้หมอจะพาคนไข้ไปทำความรู้จักกับ SKINVIVE ให้มากขึ้นครับ skinvive คืออะไร ? ช่วยเรื่องใดบ้าง ? อันตรายไหม ผ่าน อย. ไทย หรือเปล่า ? skinvive ต่างกับฟิลเลอร์ทั่วไปไหม ? เหมาะกับใคร ? skinvive ราคาเท่าไหร่ ? พร้อมเปรียบเทียบ skinvive กับงานผิวยี่ห้ออื่น ๆ ไปติดตามอ่านกันได้ครับ
สารบัญ skinvive
skinvive คืออะไร ? ช่วยเรื่องใดบ้าง ?
“Hydrated skin is key to healthy skin
ผิวที่ชุ่มชื้น เป็นกุญแจสำคัญในการมีสุขภาพผิวที่ดี”
Skinvive (สกินวิฟฟ์) เป็นฟิลเลอร์ Skin Booster ที่ได้พัฒนาต่อยอดมาจากฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Volite ถูกออกแบบมาเพื่อเติมความชุ่มชื้นในชั้นผิวด้วย Hyaluronic Acid (HA) หรือกรดไฮยาลูรอนในรูปแบบไมโครดรอปเล็ต (Microdroplets of Hyaluronic Acid) ที่พิเศษกว่า HA ทั่วไป มีความเข้มข้นสูง กระจายตัวได้ดี กลืนไปกับผิว ทำให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ให้ผลลัพธ์นานถึง 9 เดือนครับ
Skinvive มีคุณสมบัติในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
- ช่วยเติมน้ำให้กับผิวได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ และชุ่มชื้นยาวนาน จากการกระตุ้นการทำงานของ Aquaporin-3
- ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ ลดปัญหารูขุมขนกว้าง ทำให้ผิวเรียบเนียน และกระชับขึ้น
- ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยได้ยากขึ้น
- ช่วยสร้างงานผิวให้โกลว์เล่นแสง ลดปัญหาแต่งหน้าไม่ติด เครื่องสำอางไม่เกาะผิว
- ช่วยลดน้ำมันในรูขุมขน ควบคุมความมัน
- ช่วยให้ผิวเปล่งประกาย มีออร่า ดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ
ส่วนประกอบสำคัญของ skinvive
Skinvive จะมี Hyaluronic Acid (HA) เป็นส่วนประกอบหลักครับ สามารถดึงดูด และกักเก็บน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัว เน้นเพิ่มความชุ่มชื้นในระดับชั้นผิวหนัง (Dermis) ช่วยฟื้นฟู บำรุงผิวให้ดูชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และสุขภาพดีในระยะยาวครับ
หลักการทำงานของ skinvive
Skinvive เป็นการฉีดกรดไฮยาลูรอนิกแบบไมโครดรอปเล็ต (Microdroplets of Hyaluronic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการดึงดูด และกักเก็บน้ำได้มากถึง 1,000 เท่า เข้าไปในชั้นผิวหนังตื้น ๆ ด้วยเทคนิค Microinjection ทำให้กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ไม่เป็นก้อน
หลังฉีดตัวยาจะไปช่วยเสริมการทำงานของโปรตีน Aquaporin-3 (AQP3) ที่ทำหน้าที่ส่งผ่านน้ำเข้าสู่เซลล์ผิว มีบทบาทสำคัญในการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว โดยระดับ AQP3 จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้งกร้าน AQP3 จะช่วยให้การไหลเวียนของน้ำ และกลีเซอรอล ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมช่วยกักเก็บ Glycerol ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นยาวนาน ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูโกลว์ เล่นแสง และเรียบเนียนขึ้นครับ
สรุปการทำงานร่วมกันของ Hyaluronic Acid และ Aquaporin
- ➤ Hyaluronic Acid ช่วยดึง และกักเก็บน้ำไว้ในชั้นผิว
- ➤ Aquaporin จะช่วยกระจายน้ำให้สม่ำเสมอไปทั่วเซลล์ผิว
ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ผิวชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่อง มีความสมดุล ดูเต่งตึง เรียบเนียน เปล่งปลั่ง และอ่อนเยาว์ครับ
skinvive อันตรายไหม ผ่าน อย. ไทย หรือเปล่า ?
Skinvive ไม่อันตรายครับ ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ไทย และ FDA สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ในระดับสากล ทำให้มั่นใจได้ว่า Skinvive มีความปลอดภัยในการใช้งาน
Skinvive ที่จัดจำหน่ายอย่างถูกต้องในประเทศไทยทุกกล่อง นำเข้าโดยบริษัท อัลเลอแกน (ประเทศไทย) ซึ่งสามารถตรวจสอบเลข อย. และเลขล็อตของยาได้อย่างละเอียด
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อผลิตภัณฑ์หรือคลินิกที่ได้รับการอนุมัติ คนไข้สามารถติดต่อสอบถามที่ บริษัท อัลเลอแกน (ประเทศไทย) จำกัด ผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ 02-640-4999 ต่อ 1 เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพครับ
skinvive ต่างกับฟิลเลอร์ทั่วไปไหม ?
Skinvive และฟิลเลอร์ทั่วไป เป็นสารเติมเต็ม HA ทั้งคู่ครับ แต่มีความแตกต่างในคุณสมบัติของเนื้อฟิลเลอร์ และจุดประสงค์การใช้งาน
- Skinvive : เป็นฟิลเลอร์เน้นฟื้นฟูคุณภาพผิว เนื้อฟิลเลอร์จะมีความละเอียดระดับไมโคร ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายในโดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างหรือวอลลุ่มของใบหน้า เหมาะสำหรับผิวแห้ง หมองคล้ำ ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ ดูสุขภาพดีเป็นธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์ทั่วไป : เน้นเติมเต็มร่องลึก และปรับโครงสร้างใบหน้า ช่วยแก้ไขริ้วรอย และเพิ่มวอลลุ่มในส่วนที่ใบหน้าสูญเสียไป ทำให้ใบหน้าดูเต็มขึ้นทันที
Skinvive จึงเหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดี อ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงใบหน้าในทันที ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่เน้นการเติมเต็ม และปรับรูปหน้าทันทีหลังฉีดครับ
จุดเด่นของ skinvive
Skinvive ผลิตด้วยเทคโนโลยีไมโครดรอปเล็ตที่เป็นเอกลักษณ์ โดยใช้กรดไฮยาลูโรนิกซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในผิวของเรา เพื่อปรับปรุงความเรียบเนียนของผิวอย่างมีนัยสำคัญ
ความโดดเด่นนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวเปล่งประกายเปล่งประกายยาวนานถึง 9 เดือน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผิวแบบ Glass Skin ที่เปล่งประกายจากภายในสู่ภายนอกครับ
ทำไมถึงต้องเลือก Skinvive ?
- ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา และ อย. ไทย ว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงในการฟื้นฟูผิว
- มีการทดสอบทางคลินิกที่พิสูจน์แล้วว่าปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ โดยไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
- Skinvive เป็นฟิลเลอร์งานผิว ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยเฉพาะ ช่วยกักเก็บน้ำให้กับผิวได้มากกว่า Skinbooster ทั่วไปถึง 3 เท่า
- ให้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 9 เดือน ช่วยฟื้นฟู และปรับปรุงคุณภาพผิวในระยะยาว ทำให้คนไข้มั่นใจได้ว่าผิวจะดูดีตลอดเวลา
- เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะมีผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม เพราะ Skinvive ได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมความงามตามธรรมชาติ
- หลังฉีดเห็นผลทันที ได้ผลลัพธ์ “ผิววิบ” โกลว์ฉ่ำ ไม่ต้องพักฟื้น
skinvive เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่ต้องการเติมน้ำให้กับผิวหน้าแห้งกร้าน ฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ดูอิ่มน้ำ สุขภาพดีจากภายใน
- ผู้ที่มีริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้า อันเนื่องมาจากมีผิวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่ต้องการกระชับรูขุมขน พร้อมฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน กระชับมากยิ่งขึ้น
- ผู้ที่ต้องการเติมเต็มหลุมสิว (ใช้ได้ในบางกรณี ต้องตรวจประเมินสภาพผิวกับหมอก่อน)
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน ผิวกลับมาดูกระจ่างใส มีชีวิตชีวา
- ผู้ที่มีปัญหาแต่งหน้าไม่ติด เครื่องสำอางไม่เกาะหน้า เนื่องจากผิวขาดความชุ่มชื้น
- ผู้ที่ต้องการมีผิวกระจ่างใส เรียบเนียน อิ่มน้ำ ฉ่ำวาวแบบ Glass Skin
เปรียบเทียบ skinvive กับงานผิวยี่ห้ออื่น ๆ
เทรนด์ความงามในปัจจุบันจะเน้นงานผิวที่สวยอย่างเป็นธรรมชาติครับ จึงมีฟิลเลอร์งานผิวหรือฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว รวมถึงหัตถการ Skin Booster ออกมาหลายตัว
หมอจะมาเปรียบเทียบ skinvive กับยี่ห้ออื่น ๆ ให้คนไข้ได้ศึกษากันในหัวข้อนี้ครับ
- Skinvive เป็น Skin Booster ที่เน้นเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย Hyaluronic Acid (HA) แบบ Microdroplets ซึ่งทำให้ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาวได้ยาวนานถึง 9 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผิวสุขภาพดี ดูเรียบเนียน
- Sculptra เป็น Collagen Biostimulator ที่เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ทำให้ผิวดูอิ่มฟู และกระชับขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มโครงสร้างผิวและลดริ้วรอย โดยเน้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี
- Rejuran เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้สาร PDRN เพื่อฟื้นฟูผิวจากภายใน กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม และฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากสิ่งแวดล้อม
- Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลก เป็นสาร HA+Glycerol ฉีดแล้วจะช่วยเพิ่มคุณภาพผิว (Skin Quality) ช่วยฟื้นฟูผิวได้ 4 มิติ ได้แก่ ผิวอิ่มฟู เรียบเนียน ชุ่มชื้นฉ่ำวาว และให้ความเด้งกระชับ
- Gouri เน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทั่วใบหน้า ช่วยฟื้นฟูผิวให้กระชับและยืดหยุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยและต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- Radiesse Filler : เป็น Collagen Biostimulator ที่เน้นการฟื้นฟูผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปพร้อมกัน โดย Radiesse สามารถเติมเต็มผิวและลดริ้วรอยลึกได้ เหมาะสำหรับการฟื้นฟูโครงสร้างใบหน้าและปรับรูปหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- Exosome : เป็นการฟื้นฟูผิวโดยใช้สารสกัดจากเซลล์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ และซ่อมแซมผิวที่เสียหาย ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและเรียบเนียน เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวจากการเสื่อมสภาพ
- เมโสหน้าใส : เป็นการฉีดวิตามินที่มีประโยชน์ต่อผิวเข้าไปในผิวชั้นกลางโดยตรง ทำให้ผลเร็ว ฉีด 1 ครั้งอยู่ได้นาน 1-2 เดือน มีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ตามปัญหาผิวที่กังวล เช่น REVS, มาเด้คอลลาเจน, Filorga, Neo-Glutenex Glow, Tensonez และ Alpha arbutin
- ฉีดวิตามินผิวขาว : เป็นการให้วิตามินเข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านทางเส้นเลือด ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ เหมาะกับคนที่ต้องการ บูสต์ร่างกาย ฟื้นฟูผิวพรรณแบบเร่งด่วนครับ
- โบท็อกซ์ : เป็นการฉีดโปรตีนจากแบคทีเรียชื่อ Clostridium botulinum ออกฤทธิ์โดยไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท (Neurotoxin) เป็นวิธีที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่น และปรับรูปหน้า ที่ได้ผลชัดเจน ใช้เวลาไม่นาน
ข้อควรรู้ : ฟิลเลอร์งานผิว หรือ Skin Booster แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นจะถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน หมอแนะนำให้เลือกจากปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข สภาพผิว และดูจากความต้องการ ว่าต้องการเห็นผลลัพธ์แบบไหน เร็วแค่ไหน หรือปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับสภาพผิวของคนไข้ครับ
skinvive ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?
Skinvive ได้รับการออกแบบมาให้สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งบนใบหน้าครับ เพื่อบูสต์ผิวให้ชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำและเรียบเนียน ได้แก่
- ทั่วใบหน้า
- หน้าผาก
- แก้ม
- ใต้ตา
- ริมฝีปาก/รอบปาก
- หลังมือ
- ลำคอ
- เนินอก
skinvive ราคาเท่าไหร่ ?
skinvive ราคาจะแตกต่างกันไปตามแต่ละคลินิก ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น และจำนวน CC ที่ใช้ครับ โดยจะมีราคาอยู่ในช่วง 15,xxx บาท ขึ้นไป ก่อนเข้ารับบริการควรสอบถามรายละเอียดราคา และเลือกคลินิกที่ได้รับการรับรองเพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ
ขั้นตอนการฉีด skinvive
- ก่อนการฉีด Skin Booster จะมีการทำความสะอาดผิวบริเวณที่ทำ เช็ดเครื่องสำอางออก เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- ยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความรู้สึกเจ็บ หรือไม่สบายผิวในระหว่างการฉีด
- แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีด skinvive เข้าไปในชั้นผิวหนังด้วยเทคนิค Microinjection ฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังตื้นๆ
- หลังการฉีด แพทย์จะนวดบริเวณที่ฉีดเบา ๆ เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ
- แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลผิวหลังฉีด พร้อมแจ้งข้อควรระวัง และอาการที่อาจเกิดขึ้น
การดูแลหลังฉีด skinvive
- ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นจากภายในสู่ภายนอก และเสริมประสิทธิภาพของ Hyaluronic Acid ในการอุ้มน้ำให้ผิวอิ่มน้ำยิ่งขึ้น
- ในช่วงหลังการฉีด Skinvive ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด หากต้องออกแดด ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เพื่อป้องกันการทำลายของรังสี UV ที่อาจส่งผลต่อการฟื้นฟูผิว
- ไม่ควรบีบหรือนวดบริเวณที่ฉีด Skinvive โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์ และลดความเสี่ยงในการอักเสบหรือระคายเคือง
- ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดมาก เช่น การออกกำลังกายหนัก ใน 48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือบวมบริเวณที่ฉีดได้
- หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ร้อนที่ลงสู่ชั้นผิวลึก เช่น RF หรือ HIFU เป็นเวลา 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจส่งผลต่อการฟื้นฟูผิว และทำให้ประสิทธิภาพของ skinvive ลดลง
ฉีด skinvive ที่ไหนดี ?
- ฉีดกับคลินิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้อง
- ฉีด skinvive กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านฉีดฟิลเลอร์ ได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทางจากบริษัท Allergan ผู้ผลิต Skinvive
- ฉีดกับคลินิกที่ใช้ Skinvive ของแท้จากบริษัท Allergan เท่านั้น เพราะเป็นบริษัทเดียวที่นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยตรง คนไข้สามารถขอดูใบรับรองการเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการได้
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ในแหล่งที่เป็นกลาง น่าเชื่อถือ
- มีบริการติดตามผลหลังการรักษา สามารถติดต่อแพทย์ได้หากมีข้อสงสัยหรือเกิดผลข้างเคียง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ skinvive
ฉีด skinvive กี่วันเห็นผลลัพธ์ ?
หลังฉีด skinvive คนไข้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวได้ทันทีครับ ฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน 100% ประมาณ 2 สัปดาห์
ฉีด skinvive มีผลข้างเคียงหลังทำไหม ?
หลังฉีด skinvive ทันที จะมีรอยแดงจากเข็ม และมีตุ่มเล็ก ๆ ซึ่งเป็นอาการปกติครับ เกิดจากเนื้อฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ดี ตุ่มนี้สามารถหายเองได้ใน 3-5 วัน
ระหว่างนี้ควรเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า นวดหน้าแรง ๆ เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์ และลดความเสี่ยงในการอักเสบหรือระคายเคือง
ฉีด skinvive อยู่ได้นานไหม ?
skinvive ช่วยเติมน้ำในผิว ให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น สุขภาพดีฉ่ำน้ำยาวนานถึง 9 เดือน
- ผิวโกลว์ กระจ่างใส ยาวนานถึง 6 เดือน
- ลดความมันของผิว ยาวนานถึง 3 เดือน
ฉีด skinvive ใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผล ?
จำนวน CC ที่ใช้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ผลลัพธ์ที่ต้องการ ตำแหน่งที่ฉีด และการประเมินของแพทย์ครับ โดย skinvive 1 กล่องจะมี 2 CC
จำนวน CC ที่แนะนำ
- 2 CC เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวเล็กน้อย ไม่ค่อยมีปัญหารุนแรง หรือคนที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น ฉ่ำวาวให้กับผิวโดยรวม
- 4 CC เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวแห้งมาก ผิวลอกเป็นขุย และรูขุมขนกว้าง ปริมาณ 4 cc สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวที่ขาดน้ำ และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนมากขึ้น โดยไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง
สรุป skinvive ดีไหม ?
Skinvive เป็นฟิลเลอร์งานผิวอีกหนึ่งตัวที่คุ้มค่ากับการลงทุนครับ ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิว ลดริ้วรอย และเพิ่มความชุ่มชื้นแบบเห็นผลทันที เหมาะกับทุกสภาพผิว ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และยาวนาน
สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหน้าที่ต้องการแก้ไข หรือบำรุงเพิ่มเติม แต่ไม่รู้จะเลือกยังไงดี สามารถเข้ามาปรึกษาหมอที่คลินิกได้ครับ หรือจะส่งรูป แจ้งปัญหาให้หมอช่วยวิเคราะห์ได้ทางออนไลน์ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ