ผื่นลม
“ ลมพิษ ” เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย ๆ ครับ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตเรามักเคยเป็นลมพิษครับ
ลมพิษมักแสดงอาการด้วยผื่นนูนแดงคัน ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย บางครั้งอาจมาพร้อมกับอาการบวมใต้ผิวหนัง ที่เรียกว่า Angioedema ซึ่งมักพบบริเวณริมฝีปาก เปลือกตา และอวัยวะเพศ
ในปัจจุบันโรคลมพิษ มีแนวทางการรักษาที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว การดูแลสุขภาพให้ครบทุกด้าน (wellness) การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการเสริมวิตามินที่จำเป็น รวมถึงการให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ (IV Drip Therapy) ที่กำลังได้รับความนิยมและหมอมีข้อมูลเหล่านี้มาแชร์ครับ
สารบัญ ลมพิษ
ผื่นลมพิษคืออะไร ?
ลมพิษ หรือ Urticaria ในทางการแพทย์ เป็นปฏิกิริยาของผิวหนังที่เกิดจากการที่ร่างกายปลดปล่อยสารฮิสตามีน และสารเคมีอื่น ๆ จากเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง แสดงออกมาในรูปแบบของผื่นนูนแดง มีอาการคัน
ผื่นลมพิษมักจะหายไปได้เองภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่เหลือร่องรอยภายหลังผื่นยุบ แต่อาจเกิดขึ้นใหม่ในตำแหน่งอื่น ๆ ของร่างกาย ในกรณีรุนแรงบางรายอาจมีอาการปวดท้อง แน่นจมูก คอ หายใจไม่สะดวก ความดันโลหิตต่ำ และเป็นลมได้ครับ แต่ก็พบได้น้อยมาก
ประเภทของโรคลมพิษ
ลมพิษออกเป็น 2 ประเภท คือ
- ลมพิษเฉียบพลัน (Acute Urticaria) : มักเกิดขึ้นไม่เกิน 6 สัปดาห์ มีสาเหตุชัดเจน เช่น การแพ้อาหารหรือยา สามารถหายได้เองเมื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
- ลมพิษเรื้อรัง (Chronic Urticaria) : มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ อาการคงอยู่นานกว่า 6 สัปดาห์และไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดและอาจเกี่ยวข้องกับโรคภูมิแพ้ตัวเองร่วมด้วย ลมพิษประเภทนี้จำเป็นต้องดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง
ลักษณะอาการผื่นลมพิษ
ลักษณะผื่นที่จัดว่าเป็นลมพิษมีลักษณะเฉพาะดังนี้
- ผื่นนูนแดง (Wheal) มีขอบเขตชัดเจน
- มีอาการคันร่วมด้วย บางกรณีอาจคันรุนแรง
- ขนาดของผื่นอาจเล็กเท่าเม็ดถั่วหรือใหญ่เท่าจานได้
- ผื่นสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ และรู้สึกร้อนบริเวณผื่น
- มักหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง
- อาจมีอาการบวมร่วมด้วย โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปาก(Angioedema)และรอบดวงตา
- อาการมักแย่ลงในเวลากลางคืน ในบางรายอาจมีอาการหายใจลำบาก
รวมสาเหตุอาการ “ ลมพิษ ” เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
สาเหตุของการเกิดลมพิษมีหลายปัจจัยครับ หลัก ๆ มักมาจาก สารกระตุ้นก่อผื่นลมพิษ ที่ส่งผลทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ดังนี้
- การแพ้อาหาร เช่น อาหารทะเล ถั่ว ไข่ นม สารกันบูด สีผสมอาหาร
- การแพ้ยา โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ และยาแก้ปวดบางชนิด
- การสัมผัสสารก่อผื่นลมพิษ ในสิ่งแวดล้อม (มักเกิดผื่นในบริเวณที่สัมผัส)
- การถูกแมลงกัดต่อย เช่น ผึ้งหรือต่อต่อย
- ความเครียดหรือความวิตกกังวล
- ร่างกายอ่อนแอ จากการติดเชื้อไวรัส, แบคทีเรีย, เชื้อรา หรือมีพยาธิ
- การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร้อน – เย็น อย่างฉับพลัน
- โรคภูมิแพ้ตัวเอง (Autoimmune diseases) มีภูมิคุ้มกันไปกระตุ้นให้เกิดการหลั่งสารเคมีบางชนิดออกมาที่ผิวหนัง หรือกลไกอื่น ๆ ที่นำไปสู่การปลดปล่อยฮีสตามีนและการเกิดลมพิษขึ้นได้
รู้จักตัวการสารกระตุ้นก่อผื่นลมพิษ ที่ทำภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ตัวการสารกระตุ้นผื่นลมพิษที่พบบ่อย เช่น สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด, ละอองเกสรดอกไม้, ไรฝุ่น, น้ำยาซักผ้า และเครื่องสำอางครับ
นอกจากนี้ยังมีสารกระตุ้นก่อผื่นลมพิษที่ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องได้ง่าย ๆ เช่น ความเครียดเรื้อรัง, การพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงการขาดสารอาหารและวิตามินที่จำเป็น
รับมือการเกิดผื่นลมพิษอย่างไรดี ?
เมื่อเกิดอาการลมพิษ ควรปฏิบัติดังนี้
- การดูแลเบื้องต้นในผู้ที่มีเฉพาะผื่นลมพิษที่ผิวหนัง
- ไม่แกะเกาผิวหนัง เนื่องจากอาจทำให้เกิดผิวหนังอักเสบจากการเกา
- ประคบเย็นบริเวณที่มีผื่น หรือทาคาลาไมน์โลชั่น หากมีติดบ้าน
- สวมเสื้อผ้าที่หลวมสบาย เพื่อลดการเสียดสี
- พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่สงสัย
- การรักษาดูทางการแพทย์
สำหรับผู้เป็นลมพิษที่ผื่นเป็นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลมพิษเฉียบพลัน ที่มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ปวดท้อง มีหน้าบวม ตาบวม ปากบวมอย่างมาก ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว
ในการรักษาอาจมีการให้ยาแก้แพ้ (Antihistamines), ยาสเตียรอยด์ในกรณีที่มีอาการรุนแรงและยากดภูมิคุ้มกันในกรณีเรื้อรังเป็นต้น
ป้องกันการเกิดผื่นลมพิษ วิธีไหนได้บ้าง ?
วิธีการป้องกันการเกิดอาการลมพิษที่ดีที่สุดคือ การดูแลสุขภาพในทุกด้านและการปรับพฤติกรรมครับ
การดูแลอาหารด้านอาหาร
- รับประทานอาหารที่สะอาด สุก ใหม่
- หลีกเลี่ยงอาหารที่เคยแพ้
- เน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่แอลกอฮอล์ ที่มีอนุมูลอิสระทำลายระบบภูมิคุ้มกัน
การดูแลสุขภาพจิตใจ
- พยายามฝึกจิต ผ่อนคลายความเครียด
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายเกิดกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมในช่วงการนอนหลับ
การดูแลด้านสิ่งแวดล้อม
- รักษาความสะอาดที่อยู่อาศัย หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดอาการผื่นลมพิษ
- หลีกเลี่ยงสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการแพ้
- ควบคุมความชื้นในบ้าน
การเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย
การเสริมสร้างร่างกายด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสามารถลดอาการการเกิดลมพิษได้ครับ เช่น การเสริมวิตามินอย่างรวดเร็วผ่าน IV Drip Vitamin โดยแนะนำสูตรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระระดับสูงเพื่อช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และเสริมภูมิคุ้มกัน ลดอาการแพ้ ลดอาการผื่นลมพิษ และยังช่วยขจัดสารพิษ ทำให้อาการผื่นแพ้และภูมิแพ้หายเร็วขึ้นได้ด้วย
เป็นลมพิษง่าย เพราะขาดวิตามินจริงไหม ?
เนื่องจากการเกิดลมพิษเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย การขาดวิตามิน หรือขาดสารอาหารถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง จึงติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียได้ง่ายครับ
หากต้องการเสริมวิตามิน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่ดี แนะนำให้เสริมสารต้านอนุมูลอิสระหรือสารแอนติออกซิแดนซ์ (antioxidants) โดยเฉพาะวิตามินซี (Vitamin C) ครับ
วิตามินซี (Vitamin C) สำคัญอย่างไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
วิตามิน C เป็นวิตามินที่พบในอาหาร หรือ อาหารเสริมต่าง ๆ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และมีความสำคัญ กับระบบการทำงานของ ภูมิคุ้มกัน และเป็นสาร ที่ช่วยในการ ต้านอนุมูลอิสระ ลดการหลั่งฮิสตามีน ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดลมพิษ
ความสำคัญของวิตามินซีในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
จากการศึกษาพบว่าวิตามินซีมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวของร่างกายครับ โดยเม็ดเลือดขาวเป็นหนึ่งในสารภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้ (Antibody) ของร่างกายของเรา
ดังนั้นหากเราได้รับวิตามินซีเพียงพอก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีประวัติที่เสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น ทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นหวัดบ่อย ป่วยง่าย เป็นผื่นลมพิษง่าย ซึ่งอาจส่งผลให้เซลล์เม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลงจนทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เกิดโรคหรือทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นได้
ดริปวิตามินซีเข้มข้นสูง สูตร Immune Booster ช่วยลดอาการลมพิษเรื้อรัง
การดริปวิตามินซีเข้มข้นสูตรทางหลอดเลือดดำสูตร Immune Booster สามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยจะกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ลดการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ เพิ่มความแข็งแรงของเซลล์ผิวหนัง และยังช่วยลดการอักเสบ ลดการหลั่งสารฮิสตามีน บรรเทาอาการคันและบวม ช่วยให้ผื่นยุบเร็วขึ้นด้วยครับ
ข้อดีของการดริปวิตามินเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงคือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม ร่างกายเราได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะ ผลลัพธ์ที่ได้คืออาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ลดความถี่ของการเกิดผื่นลมพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
ที่ V Square Wellness Center ให้บริการดูสุขภาพครบทุกด้าน ทั้งร่างกายและจิตใจ โดยจะเน้นไปที่การป้องกันไม่ให้เกิดโรค และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ในอนาคต มี Healthy lifestyle เพื่อคุณภาพชีวิต และการใช้ชีวิตประจําวันที่ดีขึ้น พร้อมให้คําปรึกษาโดยแพทย์ การตรวจสุขภาพเบื้องต้น ตลอดจนการดูแลเรื่องวิตามิน IV Drip Healthy Booster และ Aura Bright Booster ดังนี้
สรุปโรคลมพิษ ดูแลป้องกัน ลดอาการเรื้อรังได้
ลมพิษเป็นโรค ที่พบได้บ่อยและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การดูแลรักษาที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการผสมผสานหลายวิธี ทั้งการใช้ยา การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมครับ
ในส่วนของการดูแลป้องกัน ด้วยการให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ (IV Drip Therapy) ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมภูมิต้านทาน โดยเฉพาะในเคสที่มักมีอาการลมพิษเรื้อรัง หากใครสนใจวิธีนี้ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ V Square Wellness Center สาขา Centraworld ชั้น 5 ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
อ้างอิง
- WebMD. (2023). The Health Benefits of Antioxidants. WebMD. https://www.webmd.com/diet/health-benefits-antioxidants
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ