ไซนัสอักเสบ โรคไม่อันตราย แต่สร้างความรำคาญใจ
ไซนัสอักเสบเป็นโรคที่พบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ คิดเป็น 15% ในประชากรทั่วไป แม้โรคนี้ไม่ได้เป็นอันตราย และสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากขาดการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม โรคก็อาจพัฒนาเป็นอาการเรื้อรัง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา ทำให้ต้องใช้เวลารักษาที่นานขึ้นครับ
เนื่องจากอาการของโรคไซนัสอักเสบใกล้เคียงกับไข้หวัดธรรมดา ภูมิแพ้ และโควิด-19 ในหลายจุด ในบทความนี้ หมอจะช่วยแยกให้ชัดว่าต่างกันอย่างไร ? พร้อมอธิบายสาเหตุ วิธีรักษา และการดูแลตัวเองให้หายเร็วขึ้น รวมถึงวิธีป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำ และเสริมภูมิคุ้มกันให้สุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วยง่ายครับ
สารบัญ ไซนัส
ไซนัสอักเสบ คืออะไร ?
ไซนัส (Sinus) ที่หลาย ๆ คนเรียกกันติดปากไม่ใช่ชื่อโรคครับ แต่เป็นชื่อเรียกส่วนของโพรงอากาศข้างจมูก ที่อยู่ภายใต้กระดูกใบหน้าของเรา มีด้วยกัน 4 คู่ บริเวณหน้าผาก (Frontal Sinus), ฐานสมอง (Sphenoid Sinus), ข้างหัวตา (Ethmoid Sinus), และโหนกแก้ม (Maxillary Sinus) ซึ่งจะเชื่อมต่อกันด้วยช่องว่างเล็ก ๆ โพรงไซนัสสามารถผลิตเมือก หรือน้ำมูก (Mucus) เพื่อกำจัดแบคทีเรีย สารก่อภูมิแพ้ เชื้อโรค และช่วยให้จมูกสะอาดครับ
โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis) คือ ภาวะที่เยื่อบุโพรงไซนัสเกิดการติดเชื้อหรือบวมขึ้น จึงขัดขวางทางระบายของน้ำมูก มักทำให้เกิดอาการคัดจมูก มีน้ำมูก และปวดแน่นที่ใบหน้า เช่น เบ้าตา รอบจมูก หรือหน้าผาก บางรายอาจหายใจมีกลิ่นเหม็น มีเสมหะไหลลงคอ หรือมีไข้ร่วมด้วย
ไซนัสอักเสบ มีกี่แบบ ?
โดยทั่วไปการจัดกลุ่มโรคไซนัสอักเสบจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะครับ คือ การแบ่งตามระยะเวลาที่เป็น และจากสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค ซึ่งอาการของโรคไซนัสอักเสบแต่ละประเภท จะไม่ได้แตกต่างกันมาก
โรคไซนัสอักเสบแบ่งตามระยะเวลา
- ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน (Acute Sinusitis) อาการคงอยู่ไม่เกิน 4 สัปดาห์ มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส
- ไซนัสอักเสบกึ่งเฉียบพลัน (Subacute Sinusitis) อาการคงอยู่ระหว่าง 4-12 สัปดาห์
- ไซนัสอักเสบเรื้อรัง (Chronic Sinusitis) อาการคงอยู่นานอย่างน้อย 12 สัปดาห์ มักพบร่วมกับโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืด
- ไซนัสอักเสบเฉียบพลันที่เกิดซ้ำ (Recurrent Acute Sinusitis) อาการกลับมาเป็นซ้ำ 4 ครั้งขึ้นไปในระยะเวลา 1 ปี แต่ละครั้งมีอาการน้อยกว่า 2 สัปดาห์
โรคไซนัสอักเสบแบ่งตามสาเหตุ
- ไซนัสอักเสบจากไวรัส (Viral Sinusitis) มักเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่ก่อให้เกิดอาการไข้หวัด
- ไซนัสอักเสบจากแบคทีเรีย (Becterial Sinusitis) มักมีอาการนานเกิน 10 วัน ในบางรายอาจมีช่วงที่อาการดีขึ้น แล้วก็กลับมาแย่ลงอีก
- ไซนัสอักเสบจากเชื้อรา (Fungal Sinusitis) สาเหตุนี้พบได้ไม่บ่อยครับ เกิดกับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเป็นทุนเดิม มักมีอาการรุนแรง และเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาได้
อาการโรคไซนัสอักเสบ เป็นแบบไหน ?
สำหรับใครที่ต้องการสำรวจตัวเองในเบื้องต้น โรคไซนัสอักเสบมีอาการ ดังนี้
- มีน้ำมูกไหลออกทางรูจมูก หรือไหลลงคอ
- น้ำมูกมีลักษณะข้นเหนียว เป็นสีเขียวหรือสีเหลือง
- คัดจมูก หายใจลำบาก รู้สึกแน่นในโพรงจมูก
- รู้สึกปวดหรือมีความดันบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะรอบจมูก ดวงตา และหน้าผาก อาการแย่ลงเวลาก้มหรือขยับศีรษะ
- ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น หรือรู้สึกมีรสชาติแปลก ๆ ในปาก
- การรับรู้กลิ่นและรสชาติอาหารแย่ลง
- เจ็บคอ ไอ อาการมักรุนแรงขึ้นในช่วงกลางคืน
- บางรายอาจมีอาการไข้ อ่อนเพลีย หรือปวดฟันร่วมด้วย
อาการไซนัสอักเสบ แตกต่างจากไข้หวัด ภูมิแพ้ และโควิด-19 อย่างไร ?
จุดเหมือนของโรคไซนัสอักเสบ ไข้หวัดธรรมดา ภูมิแพ้ และโควิด-19 อยู่ที่เรื่องคัดจมูก และน้ำมูกไหลครับ ส่วนความแตกต่างกัน มีดังนี้
- ไข้หวัดธรรมดา ในช่วงเริ่มต้นมักมีอาการเจ็บคอ คัดจมูก และน้ำมูกไหล โดยอาการจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นจนถึงจุดสูงสุด แล้วจะค่อย ๆ ทุเลาลง ใช้เวลาไม่เกิน 7 วันก็จะหาย
- ภูมิแพ้ แม้จะมีอาการคัดจมูก และน้ำมูกไหลเช่นเดียวกับไซนัสอักเสบ ต่างกันที่น้ำมูกมีลักษณะใส ไม่มีอาการปวดหน่วงใบหน้า และภูมิแพ้มักมีอาการจาม รู้สึกคันบริเวณจมูกและรอบดวงตา
- โควิด-19 โดยทั่วไปอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่มักมีอาการอื่น ๆ เพิ่มเติมมาด้วยครับ เช่น ไข้สูง หายใจลำบาก รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย บางรายอาจมีปัญหาท้องเสียร่วมด้วย
ทั้งนี้ ไข้หวัดธรรมดา โควิด-19 และภูมิแพ้ สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณโพรงไซนัส และเกิดโรคไซนัสอักเสบได้ครับ ดังนั้นหากมีอาการป่วยติดต่อกันนาน ๆ ป่วยบ่อย ๆ ก็ควรให้แพทย์ช่วยวินิจฉัย เพื่อรักษาอย่างเหมาะสม
ไซนัสอักเสบ มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง ?
สาเหตุของไซนัสอักเสบส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งหากมีเงื่อนไขสุขภาพดังนี้ ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไซนัสอักเสบทั้งแบบฉับพลันหรือเรื้อรังได้ครับ
- ไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่
- ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ หรือภูมิแพ้ตามฤดูกาล
- โรคหอบหืด
- มีความผิดปกติในโพรงจมูก เช่น มีผนังกั้นจมูกคด และมีริดสีดวงจมูก
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ป่วยบ่อย หรือมีโรคประจำตัว เช่น มะเร็ง หรือ HIV
- ใช้ยาประจำตัวที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
- การสูบบุหรี่ หรืออยู่ใกล้กับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
วิธีรักษาไซนัสอักเสบด้วยตัวเองและวิธีทางการแพทย์
ในความเป็นจริงแล้ว โรคไซนัสอักเสบเฉียบพลันสามารถหายได้เองในระยะเวลาไม่นาน โดยไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ครับ การดูแลตัวเองอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่หากอาการไม่ดีขึ้น หรือเป็นติดต่อกันนานเกิน 1 สัปดาห์ ก็ควรให้แพทย์วินิจฉัยเพิ่มเติม ซึ่งจะใช้การซักประวัติและตรวจร่างกายเป็นหลัก
สำหรับแนวทางการดูแลตัวเอง และวิธีทางการแพทย์ ในการรักษาไซนัสอักเสบ มีภาพรวมดังนี้
- กินยาตามอาการ เช่น ยาแก้แพ้ และยาลดน้ำมูก หากมีอาการปวดหน่วงบริเวณใบหน้า สามารถกินยาแก้ปวดได้ครับ แต่ไม่แนะนำให้ซื้อยาปฏิชีวนะมากินเอง
- ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เพื่อล้างเมือกจากโพรงจมูกและไซนัส ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก และช่วยให้หายใจได้โล่งขึ้น
- เพิ่มการดื่มน้ำสะอาด ช่วยให้จมูกไม่แห้ง และช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย
- นอนหลับพักผ่อน เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้เต็มที่ ไม่ควรหักโหมทำกิจกรรมต่าง ๆ
- ประคบร้อนบริเวณจมูก ช่วยลดแรงดัน และบรรเทาอาการปวดใบหน้าได้
- รักษาอุณหภูมิของร่างกาย โดยอาจใส่เสื้อผ้าอุ่น ๆ ห่มผ้า และงดลงว่ายน้ำในช่วงที่มีอาการ
- ใช้ยาพ่นจมูกที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ช่วยลดอาการบวมของเนื้อเยื่อและการแพ้อากาศ และยังช่วยป้องกันการงอกของริดสีดวงจมูกหลังการผ่าตัดไซนัส มักใช้ในกรณีที่คนไข้เป็นโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง
- กินยาปฏิชีวนะ โดยทั่วไปการรักษาไซนัสอักเสบไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะครับ แต่ถ้าคนไข้อาการไม่ดีขึ้นใน 10 วัน หรือแพทย์วินิจฉัยว่า โรคไซนัสอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ก็อาจจ่ายยาประเภทนี้ให้
- ผ่าตัดไซนัส ใช้ในกรณีที่มีอาการรุนแรง ยาไม่ได้ผล หรือในเคสที่ไซนัสอักเสบเกิดจากเชื้อรา ซึ่งพบได้น้อยครับ
เป็นไซนัสอักเสบไม่รักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
โรคไซนัสอักเสบเฉียบพลันสามารถพัฒนาไปเป็นแบบเรื้อรัง ที่สร้างความรำคาญใจได้ หากดูแลตัวเองไม่เหมาะสม หรือในบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้ครับ หากการติดเชื้อลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ เช่น
- ทางเดินหายใจส่วนบน-ล่าง เกิดการอักเสบบริเวณเยื่อบุลำคอ กล่องเสียง และหลอดลม เสี่ยงเกิดเป็นภาวะหอบหืด
- ดวงตา ส่งผลให้เนื้อเยื่อรอบ ๆ ดวงตาอักเสบ มีอาการตาบวม กลอกตาแล้วเจ็บ มองเห็นภาพซ้อน หรือเห็นภาพไม่ชัด
- สมอง มักมีอาการปวดศีรษะและใบหน้าร่วมกับมีไข้ หากการอักเสบเพิ่มมากขึ้น อาจมีไข้สูง เสี่ยงเกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือลุกลามไปเนื้อสมองได้
วิธีป้องกันไซนัสอักเสบ ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
เราสามารถป้องกันไซนัสอักเสบได้จากการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคครับ เช่น หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วยไข้หวัดหรือติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ, ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดประจำปี, และหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้
นอกจากนี้ก็ควรปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ให้สอดคล้องกับการดูแลสุขภาพเชิง Wellness ซึ่งมุ่งเน้นที่การป้องกันโรค และการเสริมสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรงทั้งด้านร่างกาย และจิตใจอย่างยั่งยืน เช่น
- พักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน และควรนอนให้เป็นเวลา
- กินอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ เน้นอาหารที่ให้วิตามินและเกลือแร่ เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ฝรั่ง ส้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แนะนำอย่างน้อย 3 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละ 20-30 นาที
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 1.5-2 ลิตร หรือตามน้ำหนักตัว
- ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนกินอาหาร หรือหลังเข้าห้องน้ำ
- ทำความสะอาดบ้าน และใช้เครื่องกรองอากาศ เพื่อลดการสะสมของฝุ่น ไรฝุ่น และขนสัตว์
ข้อควรรู้ : ไซนัสอักเสบไม่ใช่โรคติดต่อครับ แต่เชื้อไวรัสและแบคทีเรียต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ การล้างมือให้สะอาดจึงช่วยลดความเสี่ยงโรคไซนัสอักเสบ และโรคติดต่ออื่น ๆ ได้
ป้องกันไซนัสอักเสบฉบับคนไม่มีเวลา ด้วยดริปวิตามินเสริมภูมิฯ สูตร Immune Booster
สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง หรือต้องการเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงแบบเร่งด่วน การดริปวิตามินเป็นตัวเลือกที่ดีครับ เพราะเป็นการนำวิตามินและเกลือแร่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ไม่สูญเสียไประหว่างการดูดซึม และยังออกฤทธิ์ได้เร็วอีกด้วย
โปรแกรม IV Drip ของ V Square Clinic มีให้เลือกหลายสูตร ทั้งสูตรบำรุงร่างกาย และสูตรบำรุงผิวพรรณครับ หากมีปัญหาไซนัสอักเสบเรื้อรัง ภูมิแพ้เรื้อรัง ป่วยบ่อย จะเหมาะกับสูตร Immune Booster ที่มีส่วนประกอบหลักเป็นวิตามินซี ใช้เวลาทำประมาณ 1 ชั่วโมงต่อครั้ง ทำซ้ำได้ทุก 1-2 สัปดาห์
ทำไมต้องดริปวิตามินกับ V Square Wellness
จุดเด่นของโปรแกรม IV Drip ของ V Square Clinic อยู่ที่ใช้วิตามินและสารอาหารเกรดพรีเมียม ผ่านการรับรองจากอย.ไทย ไม่มีสารอันตรายครับ ก่อนดริปวิตามิน แพทย์จะช่วยประเมินสุขภาพของคนไข้ทุกเคส เพื่อความปลอดภัย และปรับสูตรให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย มาพร้อมโปรโมชันและแพ็กเกจราคาคุ้มค่า ให้เลือกตามความต้องการ
ราคาโปรโมชันดริปวิตามินที่ V Square Clinic
สรุปโรคไซนัสอักเสบ ลดความเสี่ยงได้ หากภูมิคุ้มกันแข็งแรง
การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงเป็นกุญแจสำคัญ ที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคไซนัสอักเสบครับ ซึ่งก็สามารถทำได้หลายวิธี เช่น กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ฝุ่นละอองต่าง ๆ
สำหรับใครที่ไม่มีเวลา และสนใจการดริปวิตามิน ก็ต้องเลือกคลินิกความงามที่ได้มาตรฐาน ใช้ตัวยาที่ไม่มีสารอันตราย และทำหัตถการกับแพทย์เท่านั้นครับ
อ้างอิง :
- คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. (2556), ไซนัสอักเสบ และโรคหืด | รศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน. เข้าถึงได้จาก https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1055
- คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. (2558), ไซนัส…….สำคัญไฉน | รศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน. เข้าถึงได้จาก https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1162
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ