ทำความรู้จักไหมกุหลาบ
การร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้าเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในวงการความงาม แต่การเลือกชนิดของไหมที่เหมาะสมยังคงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะในปัจจุบันจะได้ยินการเรียกชื่อไหมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไหมกุหลาบ ไหมก้างปลา ไหมเงี่ยง หรือไหมฉลาม
ซึ่งในบทความนี้หมอจะมาพูดถึงไหมกุหลาบ ซึ่งเป็นไหมชนิดหนึ่งที่มีเงี่ยงคล้ายหนามกุหลาบ และได้ถูกนำมาเปรียบเทียบกับไหมก้างปลาที่หลายคนคุ้นเคย มาดูกันว่าไหมแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร ? อยู่ได้นานแค่ไหน ? สามารถยกหน้า ดึงหน้าได้เหมือนกันหรือไม่ ? หมอมีคำตอบให้ในบทความนี้ครับ
สารบัญ ไหมกุหลาบ
ไหมกุหลาบ คืออะไร ดีไหม ?
ไหมกุหลาบ คือ ไหมมิ้นท์ (Minimal Invasive Non surgical Thread) หรือไหมเงี่ยง ในทางการแพทย์เงี่ยงลักษณะนี้มีชื่อเรียกว่า bidirectional barbed thread คือมีเงี่ยงยื่นออกมาจากเส้นไหมเพื่อเกี่ยวรั้งผิว เพื่อยกกระชับผิว วัสดุที่ใช้ทำเส้นไหมกุหลาบมีความปลอดภัย แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ PDO PLLA และ PCL ครับ
ซึ่งวัสดุทั้ง 3 ชนิดนี้ ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยในการเย็บแผล ไม่มีส่วนผสมของโลหะ สามารถละลายได้หมด 100% ตามระยะเวลา โดยไม่มีสารตกค้าง หลังไหมละลายหมดจะเหลือเพียงเส้นใย elastin ที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาซึ่งจะช่วยประคองผิวไว้
สำหรับไหม Barb ที่เรียกว่า “ ไหมกุหลาบ ” เพราะลักษณะของไหมชนิดนี้คล้ายหนามกุหลาบ เวลาอธิบายกับคนไข้จึงง่ายต่อการเข้าใจ และตั้งชื่อให้แตกต่างกันด้วยเหตุผลทางการค้าครับ
ไหมกุหลาบกับไหมก้างปลา แตกต่างกันอย่างไร ?
ไหมกุหลาบกับไหมก้างปลา จะเป็นไหมละลายชนิด PDO และมีเงี่ยง (Bidirectional Barbed Thread) เช่นเดียวกัน แต่ทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันในแง่ของ กระบวนการผลิต และ ลักษณะของเส้นไหม ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวครับ
- ไหมกุหลาบ : มีเงี่ยง 360 องศา 3 มิติ อยู่รอบตัวไหม ช่วยเพิ่มแรงยกในทุกทิศทาง ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลางถึงมาก
- นอกจากนี้ เส้นไหมกุหลาบยังแข็งแรงกว่าไหมทั่วไป เพราะใช้การขึ้นรูปแบบ Press Molding ซึ่งทำให้เงี่ยงและเส้นไหมมีความหนาเท่ากัน ไม่เปราะหรือหักง่าย จึงให้ผลลัพธ์การยกกระชับที่เทียบเท่ากับการศัลยกรรมดึงหน้า
- ไหมก้างปลา : มีเงี่ยงเป็นเส้นตรง และออกแรงดึงใน 1-2 ทิศทาง แม้จะไม่มีเงี่ยง 360 องศา แต่ก็มีความยืดหยุ่นสูง และไม่หักง่าย จึงนิยมใช้ในการร้อยไหมหลายแบบ เช่น ปรับรูปหน้า หรือดึงหน้าให้กระชับ
ที่ V Square Clinic ใช้ไหมละลายที่ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อให้แพทย์สามารถเลือกใช้ไหมที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคนไข้ ให้บริการโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการร้อยไหมก้างปลาด้วยเทคนิคพิเศษ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวมหรือช้ำ และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติครับ
ไหม PDO / PCL ต่างกันอย่างไร เลือกร้อยไหมแบบไหนดี ?
วัสดุที่ใช้ผลิตเส้นไหมที่มีความปลอดภัยมีอยู่ 3 ชนิด คือ PCL / PLLA / PDO แต่ที่ได้รับความนิยมคือ ร้อยไหม PDO และ PCL
สาเหตุที่วัสดุ PLLA (Polylactate) ไม่ค่อยได้รับความนิยม เนื่องจากเมื่อนำไปใช้งานจริงไหมขาดความยืดหยุ่น อาจจะพบปัญหาไหมขาด ไหมทะลุได้บ่อยๆ ถึงแม้จะแข็งทนต่อแรงดึงได้ดีที่สุดก็ตาม
- PCL (Polycaprolactone) ละลายหมดภายใน 18-24 เดือน มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด เส้นใหญ่ที่สุด ทนต่อการขยับได้ดี ไม่เปราะและขาดง่าย
- PDO (Polydioxanone) จะละลายหมดภายใน 4-6 เดือน มีความยืดหยุ่นสูง และเป็นที่นิยมมากที่สุดในการร้อยไหม สามารถรับแรงดึงได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
ล่าสุดได้มีการผลิตเส้นไหมโดยนำ PLLA มาผสมในไหม PCL (PCL+PLLA) เพื่อช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้นหลังจากร้อยไหม ที่ V Square Clinic จะเลือกใช้ไหมก้างปลาที่ดีที่สุดเท่านั้นครับ โดยมีให้เลือก 2 วัสดุคือ PDO กับ PCL+PLLA
ร้อยไหมกุหลาบ เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก เช่น บริเวณแก้ม เหนียง
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ผู้ที่มีร่องลึกบริเวณร่องแก้ม แก้มหย่อนคล้อยจากการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิว
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน และรวดเร็ว
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูยกกระชับ หน้าเรียว และได้รูปมากขึ้น
- ผู้ที่อยากร้อยไหมจมูก แก้ปัญหาจมูกบาน ปีกจมูกใหญ่
ร้อยไหมกุหลาบ กี่เส้นถึงจะเห็นผล ?
จำนวนเส้นไหมกุหลาบที่ใช้จะขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และบริเวณที่ต้องการยกกระชับ แพทย์จะประเมิน และกำหนดจำนวนเส้นไหมตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้ประมาณ 4-10 เส้นครับ แต่ในกรณีที่มีปัญหาผิวมาก ๆ ผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกหน้าให้ตึงขึ้น ก็อาจต้องใช้ไหมจำนวนมากกว่าเคสที่มีปัญหาน้อย ๆ
หรือถ้าใครไม่อยากร้อยไหมหลายเส้น ก็สามารถปรึกษาแพทย์ให้ร้อยไหมร่วมกับการทำหัตถการอื่น ๆ เพื่อให้ใช้จำนวนเส้นไหมน้อยลงได้ เช่น คนที่มีแก้มเยอะ สามารถฉีดเมโสแฟตก่อน เพื่อช่วยสลายไขมันบนใบหน้า จึงจะทำให้สามารถดึงไหมได้เยอะขึ้น ไม่เป็นก้อน ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติครับ
หลังร้อยไหมกุหลาบ ดูแลตัวเองอย่างไรให้เข้าที่เร็ว ?
- หลังร้อยไหมในช่วง 3 ชั่วโมงแรก รอยเข็มโดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ ได้
- อาจจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันได้ในจุดที่ทำเป็นปกติ ให้หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดในจุดนั้น ๆ อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 3-4 วัน
- 6 ชม.หลังทำ ถ้ามีจุดไหนที่ยังบวมมาก ควรประคบเย็นช่วยเบา ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์
- หลังร้อยไหม 3 วัน อาการปวดบวมแดงช้ำจะเริ่มดีขึ้นและลดลง หากอาการมีแนวโน้มแย่ลงให้ติดต่อคลินิกเพื่อขอรับยากินเพิ่ม (ในช่วงนี้จะสามารถขยับใบหน้าได้เกือบเท่าปกติ ไหมจะเข้าที่แล้วประมาณ 90% แต่ยังไม่ควรกดนวดแรง ๆ )
- หลังทำ 14 วัน อาการบวมจะหายไปเกือบ 100% สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ กินอาหารได้ปกติ
- หลังร้อยไหมจนถึง 1 เดือน ไม่ควรอ้าปากกว้าง ๆ เช่น การอ้าปากทำฟัน หรือ การแปรงฟันแรง ๆ
ไหมกุหลาบ ราคาเท่าไหร่ ?
ไหมกุหลาบราคาจะขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นไหมที่ใช้ และวัสดุไหมครับ ที่ V Square Clinic
ไหมกุหลาบ ราคาจะเริ่ม ต้นที่ 8,xxx.-
สรุป ไหมกุหลาบดีไหม
ไหมกุหลาบ หรือไหมมิ้นท์ (Mint Lift) เป็นไหมสำหรับการยกกระชับใบหน้า โดดเด่นด้วยวัสดุและกระบวนการผลิตที่พิเศษ ทำให้เส้นไหมมีเงี่ยง 360 องศา แข็งแรงมากกว่าไหมทั่วไปถึง 4 เท่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย และไม่ต้องการผ่าตัดดึงหน้า ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน 6-8 เดือน
สำหรับผู้ที่สนใจการร้อยไหมกุหลาบ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาผิว และจำนวนเส้นไหมที่ต้องใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผิวยกกระชับ เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติครับ