9 ข้อ ที่ต้องระวัง ! และควรรู้ในการทำ Hifu
ตอนนี้ใคร ๆ ก็อยากทำ Hifu (ไฮฟู) เพราะเป็นการยกกระชับหน้าที่ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด เป็นคลื่นเสียงที่มีความปลอดภัยสูง ไม่มีอันตรายต่อผิว แต่เนื่องจากการทำ Hifu ราคาค่อนข้างสูงจึงแนะนำให้ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีก่อนตัดสินใจ ว่าจะได้ผลในแบบที่เราต้องการจริงหรือไม่ ได้ผลตามที่โฆษณาจริงไหม ควรเลือกทำที่คลินิกไหนดี และต้องเลือกใช้เครื่องยี่ห้อไหนจึงจะได้ผลคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย เพราะถ้าลองถามเพื่อนที่เคยทำ Hifu บางคนรู้สึกว่าทำแล้วไม่ได้ผล หรือไม่ได้ผลมากตามที่หวังไว้ก็มี เพราะไม่ได้ศึกษาข้อมูลก่อนทำ
สารบัญ 9 ข้อ ที่ต้องระวัง ! และควรรู้ในการทำ Hifu
1. Hifu คืออะไร อันตรายกับผิวไหม ?
Hifu คือนวัตกรรมความงามรูปแบบใหม่ที่ให้ผลทางด้านลดเลือนริ้วร้อย ความหย่อนคล้อย และเพิ่มความกระชับให้กับบริเวณผิวหน้าและร่างกาย Hifu Macrofocus มีหลักการทำงานโดยใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่พัฒนามาจากการอัลตร้าซาวด์ดูครรภ์ทางการแพทย์ ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิวแต่ละชั้นเพื่อทำให้ผิวชั้นนั้นหดตัวเสมือนกับการเย็บที่เนื้อ ซึ่งเป็นการดึงหน้า ที่ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับและอ่อนเยาว์มากขึ้น จึงมีความปลอดภัยสูงและไม่ทำร้ายผิวหนังบริเวณชั้นนอก (เพราะไม่ใช่ laser และไม่ใช่คลื่นแสง) อีกทั้งคลื่นเสียงนี้ไม่เป็นอันตรายต่อสายตา จึงสามารถช่วยเน้นที่บริเวณใต้ตาและรอบดวงตาได้โดยตรง
2. อายุไม่ถึง 25 ปีทำ Hifu จะมีผลเสียอย่างไร ?
เมื่ออายุเกิน 20 ปีใบหน้าทุกคน 90% จะเริ่มหย่อนลง Elastin เริ่มยืดออก ทำให้เริ่มมีร่องใต้ตา ร่องแก้ม และถ้าปล่อยให้ยืดออกเรื่อยๆ ผิวหน้าจะเริ่มหย่อนลงแบบทวีคูณ (เปรียบเทียบคล้ายๆการที่เราต้องใส่ยกทรงเพื่อไม่ให้หน้าอกหย่อน ก็ควรเริ่มใส่ตั้งแต่วัยรุ่น) เราควรทำให้ใบหน้าของเรากระชับอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่อายุน้อย ๆ
ในคนที่เริ่มทำ Hifu Macrofocus ตั้งแต่อายุน้อย จะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดร่องใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก ซึ่งถ้ามีร่องพวกนี้เกิดขึ้น จะทำให้ดูโทรม ดูแก่ และมีอายุครับ โดยอายุ 20 กว่า ๆ ก็สามารถเริ่มทำได้แล้วครับ
อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวยโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด รวมถึงการยกกระชับใบหน้าหรือยกแนวคิ้วให้ขึ้น และผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย ลดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง ลดเหนียงใต้คางหรือลดคางสองชั้น
3. ควรเลือกทำ Hifu ที่ไหนดี คลินิกไหนดี ระวังการโฆษณา Hifu ที่เกินจริง ของคลินิกต่าง ๆ
เรามักจะเห็นจากโฆษณาหลาย ๆ ที่ว่า การทำ Hifu/Ulthera เห็นผลทันทีและไม่เจ็บ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย การทำ Hifu ที่ได้ประสิทธิภาพนั่น ขณะทำต้องมีความรู้สึกปวดๆตึงๆบริเวณใต้ชั้นผิวแสดงถึงการยิงคลื่นเสียงเข้าถึงชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ (SMAS) เพื่อความยกกระชับ และผลการทำ Hifu Macrofocus จะอยู่ได้ 5-6 เดือนเท่านั้น และสามารถมีระยะเวลาถึง 1 ปี แต่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม Hifu/Ulthera จึงมักมีฉายาว่า ยิ่งเจ็บ ยิ่งสวย
ที่บางคลินิกโฆษณาว่าไม่เจ็บ จะเป็นเพราะเครื่องที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการปรับพลังงานที่ไม่สูงผล ผลที่ได้จะน้อยลง และระยะเวลาอยู่ได้สั้นลงครับ
บางคลินิก พนักงานเซลล์เมื่อเจอเคสที่ใต้ตาหรือร่องแก้มลึก ๆ ก็ยังแนะนำ Hifu / Ulthera ว่าสามารถแก้ไขร่องพวกนี้ได้อย่างชัดเจน เพราะราคาแพงกว่าฟิลเลอร์ได้ค่าคอมมิชชั่นเยอะกว่า ซึ่งในความจริงแล้ว ถ้าร่องลึกมากๆควรทำฟิลเลอร์ จะเป็นการแก้ปัญหาได้ตรงจุด เห็นผลชัดเจนทันทีและประหยัดเงินมากกว่าครับ
ในทางทฤษฎี Textbook แนะนำให้ทำ Hifu ก่อนการทำฟิลเลอร์แต่ในทางปฎิบัติ การจ่ายเงิน 2-3 หมื่นบาท เพื่อทำ Hifu ก่อน และได้ผลการรักษา แค่ 10-20% จากที่วางแผนไว้ คนไข้รับไม่ได้ครับ (คือจ่ายแพงแต่ได้ผลน้อย) คนไข้ส่วนใหญ่พอใจกับการทำ ฟิลเลอร์ใต้ตา หรือ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ก่อน เพราะได้ผลก่อน 80-90% ในจำนวนเงินที่จ่าย 2-3 หมื่นบาท เท่ากัน แล้วถ้ามีงบเหลือ ค่อยแนะนำให้ทำ Hifu เพื่อเก็บรายละเอียดครับ
Hifu สามารถใช้เก็บรายละเอียดในเคสที่เติมฟิลเลอร์แล้วได้ครับ ถ้าฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคที่ถูกต้องในชั้นเยื่อหุ้มกระดูกและหมอมีความชำนาญในการยิง Hifu ก็จะไม่ทำให้ฟิลเลอร์ละลายครับ
แต่ในเคสที่กลัวการฉีด ก็สามารถเริ่มต้นด้วยการทำ Ultra Hifu / Ulthera ได้ครับ เมื่อทำต่อเนื่อง ก็สามารถได้ผลใกล้เคียงฟิลเลอร์แต่ต้องทำหลายครั้ง และใช้งบประมาณสูงครับ
ควรเลือกทำ Hifu ที่ไหนดี คลินิกไหนดี มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาตามลำดับความสำคัญดังนี้
- ยี่ห้อเครื่อง Hifu (สำคัญที่สุด) การทำ Hifu จะได้ผลดีเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนและอยู่ได้นานนั้น ขึ้นกับคุณภาพของเครื่องที่ใช้เป็นหลักนะครับ
ข้อเสียของเครื่องเกรดต่ำ
- พลังงานจะไม่คงที่บางไลน์แรงมาก บางไลน์เบามาก หมอจึงไม่กล้าใช้พลังงานสูง เพราะไลน์ที่แรงเกินไปอาจจะทำให้ผิวไหม้หน้าบวมและอาจโดนเส้นประสาทและทำให้หน้าเบี้ยวได้ การที่หมอใช้พลังงานต่ำลงทำให้ยิงแล้วไม่เจ็บ อาจเห็นผลบ้างแต่ก็จะอยู่ได้ไม่นาน
- จุดของพลังงานจะไม่ Focus บางจุดร้อนตรงกลาง บางจุดไม่ร้อน ไม่มีความสม่ำเสมอ ทำให้เห็นผลน้อยลง
- รอบประมวลผลในการปล่อยพลังงานต่ำใช้เวลาในการยิงนานขึ้น จะเจ็บมากขึ้นโดยที่ได้ผลเท่าเดิม
- ใน 1 หัวยิง สมมุติว่ามี 20,000 line ไลน์ที่ยิงออกมาแรก ๆ จะพลังงานสูงไลน์ท้าย ๆ พลังงานจะต่ำลงทำให้ได้ผลน้อยลง
- ราคา จะเห็นว่าแต่ละคลินิกมีการตั้งราคา Hifu แตกต่างกัน ก็ต้องย้อนกลับไปดูยี่ห้อเครื่องที่ใช้ครับว่าเป็นเกรดไหน โดยเฉพาะกรณีไม่จำกัด line ก็ต้องถามรายละเอียดเงื่อนไขให้ดี เพราะอย่างที่อธิบายไปแล้วว่าเครื่องเกรดดีๆ ย่อมมีต้นทุนหัวยิงและต้องเปลี่ยนหัวเมื่อไลน์หมด การทำ Hifu บุฟเฟ่ อาจโดนจำกัดด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ ดังนี้
- จะอ้างว่าหมอจะเป็นผู้พิจารณาเท่านั้นว่าควรใช้กี่ line คนไข้ไม่มีสิทธิ์เลือก
- หมออาจจะเกี่ยงว่าถ้ายิงเยอะกว่านี้หน้าจะบวม ผิวจะไหม้ แก้มจะตอบ หรืออาจจะบอกว่ายิงให้แค่เห็นการเปลี่ยนแปลง
- การนับ line hifu จะยิงออกมา line ละประมาณ 15-25 จุด ซึ่งบางคลินิกจะนับ 1 จุด = 1 line อันนี้ก็ควรระวังครับ
- แพทย์ผู้ทำ ข้อนี้มีผลไม่มากครับ เพราะการทำ Hifu มีรูปแบบการยิงที่ชัดเจน ถึงแม้จะมีเทคนิคพิเศษบ้างในบางจุดเช่น ถุงใต้ตา แก้หนังตาตก ยกมุมปาก แต่ก็เป็นเทคนิคที่ไม่ซับซ้อนเท่าการทำ โบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหมครับ
- การดูแลหลังการรักษา ข้อนี้ก็สำคัญเพราะเคสส่วนมากที่ผิดหวังกับการทำ hifu เกิดจากการคาดหวังผลที่เกินจริง อาจจะเป็นเพราะคำโฆษณาจากเซลล์ หรือรูปภาพที่ผ่านการตัดต่อ ซึ่งทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาก่อนทำ ถามให้ชัดเจนว่าจะได้ผลประมาณไหน เพราะหมอทุกคนย่อมมีจรรยาบรรณและความรับผิดชอบ
แต่บางคลินิกไม่มีการเปิดโอกาสให้คนไข้ปรึกษาหมอ ให้คุยกับเซลล์เสร็จก็เข้าห้องทำเลย หมอก็ไม่มีโอกาสอธิบายคนไข้ จึงเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และเกิดความผิดหวังในผลการรักษาตามมา ซึ่งในกรณีนี้ หากเป็นคลินิกที่มีความรับผิดชอบ ย่อมสามารถแก้ไขให้คนไข้พึงพอใจได้ โดยสามารถดูได้จาก รีวิวตามสื่อต่าง ๆ ที่เป็นกลางครับ
4. Hifu เห็นผลทันที จริงไหม ?
หลังทำจะเห็นผลทันทีประมาณ 20% ชั้นผิวจะหดจากความร้อนที่ Focus ลงใต้ผิว 60°C-70°C โดยไม่ทำให้ผิวชั้นบนร้อน ไม่ทำให้ผิวไหม้ หลักการคล้ายกับเนื้อที่เราวางลงบนกระทะร้อน ๆ เนื้อจะหด
ผลการทำ Hifu Macrofocus จะเห็นผลเต็มที่ในระยะ 2-3 เดือน โดยทั่วไปจะอยู่ได้ 5-6 เดือนและสามารถ มีระยะเวลาถึง 1 ปีขึ้นอยู่กับคนไข้สามารถทนเจ็บได้หรือไม่
5. Hifu ทั่วทั้งตัว ได้ผลทุกส่วนจริงหรือไม่ ?
สามารถยิงได้ทุกบริเวณที่เราต้องการให้กระชับขึ้นครับ โดยจะมีหัวที่ยิงหลากหลายตามระดับความลึกของผิวในบริเวณนั้น ๆ
จุดที่ยิงแล้วเห็นผลชัดเจนแยกเป็น 2 ส่วนได้แก่
ใบหน้า – เหนียง คอ ร่องมุมปาก ร่องแก้ม พวงแก้ม ใต้ตา หน้าผาก เปลือกตาบน และกรอบหน้า
ร่างกาย – ต้นแขน ต้นขา เอว หน้าท้อง และสะโพก
6. Ulthera vs Ultra-Hifu vs Hifu บุฟเฟ่ ที่ราคาถูกมาก ๆ ควรเลือกทำ Hifuที่ไหนดี ?
Ulthera เป็นเครื่อง Original ซึ่งพลังงานจะสูงกว่า Hifu Macrofocus 2 เท่าครับ ทำให้อยู่ได้นานกว่า 2 เท่าครับ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บ 2 เท่าเช่นกัน ถ้ายิง Ulthera แล้วไม่เจ็บ เป็นได้ 2 กรณี
คือหมอใช้พลังงานต่ำลง หรือใช้การฉีดยาชา (ยาชาเป็นน้ำซึ่งมีความหนาแน่นต่างจากชั้นผิว จึงทำให้ความแม่นยำในการยิงลดลง) ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ก็จะทำให้ผลจากการทำคลื่นเสียง Ulthera ได้ผลน้อยกว่าปกติครับ (no pain no gain)
อีกจุดเด่นนึงของเครื่อง Ulthera คือ จะมีหน้าจอเพื่อระบุความลึกของการยิง เพื่อให้ยิงพลังงานลงในชั้น SMAS ได้แม่นยำมากขึ้น
แต่ในทางปฎิบัติแล้ว แพทย์ที่ใช้เครื่อง Ulthera จะต้องละสายตามามองหน้าจอในทุก Line ที่จะยิง และต้องปรับความลึกโดยการกดมือ Line ต่อ Line ซึ่งจะใช้เวลาต่อ Line ประมาณ 5-6 วินาที เพื่อให้ได้ผลตามทฤษฎี ซึ่งในความจริง แพทย์ส่วนน้อยที่จะยอมเสียเวลามองจอในทุก Line ที่จะยิง 600-1000 Line โดยที่ต้องใช้เวลา 60-90 นาที/เคส (ทั้งทรมานสายตา และเมื่อยมาก ๆ ครับ)
แพทย์ส่วนมากที่ชำนาญแล้ว จะไม่มองหน้าจอ หรือมองหน้าจอแค่บางจุด และอาศัยความชำนาญในการยิง ก็จะลดเวลาในการทำลงได้เหลือ 40-60 นาที/เคส ซึ่งถ้าแพทย์ทำ Ulthera โดยไม่มองหน้าจอแล้ว ก็แทบจะไม่แตกต่างจากการทำ Hifu Macrofocus ครับ
ซึ่งถ้าเทียบความคุ้มค่าและราคา Hifu Macrofocus จะคุ้มค่าคุ้มราคากว่าเมื่อเทียบ Line ต่อ Line
Hifu บุฟเฟ่ คืออะไร ?
ทำไมถึงราคาแตกต่างกันมาก บางที่ถูกมาก บางที่แพงมาก ในปัจจุบันจะเห็นโปรโมชั่น hifu แบบถูกมาก ๆ ตามสื่อต่างๆ เช่น 3,999 บาทไม่จำกัด line แต่ข้อเท็จจริงคือหัวที่ยิง Hifu นั้นมีต้นทุนราคาตามจำนวน line ที่ใช้ (เช่นเมื่อยิงครบ 20,000 line ก็ต้องทิ้งแล้วซื้อหัวใหม่) จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ราคาถูก ๆ แล้วจะได้หัวยิงที่คุณภาพดี ๆ
การที่ราคาต่ำมาก ๆ นั่นหมายถึง เกรดของเครื่องที่ด้อยลงตามราคา และหัวยิงที่พลังงานไม่คงที่ จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหลาย ๆ คนไปทำ Hifu มาแล้วไม่เห็นผลหรือเกิดผลข้างเคียงหรืออยู่ได้ไม่นาน และเครื่อง Hifu ก็มีหลายเกรดไล่ตามลำดับ ยี่ห้อที่ดีที่สุดคือ Ulthera รองลงมาคือ Ultraformer 3 (Ultraformer เป็น Hifu ที่ดีที่สุดรองจาก Ulthera เนื่องจาก พลังงานเป็น Macrofocus และมีรอบพลังงานไวที่สุดจึงเจ็บน้อยลง ใช้พลังงานได้สูง และหัวยิงให้พลังงานคงที่), exilis, smazlift, …
ไปจนถึง Hifu เกรดต่ำลงไปอีกหลายยี่ห้อ ดังนั้นจึงควรจะหาข้อมูลก่อนทำว่าโปรโมชั่นนั้น ๆ ของคลินิกใช้เครื่องยี่ห้ออะไร คุณภาพดีไหม ที่บอกว่าไม่จำกัด line มีเงื่อนไขอย่างไร เพื่อให้ได้ผลคุ้มค่าตามราคาที่จ่าย และไม่ผิดหวัง
ตารางเปรียบเทียบราคา | |
---|---|
Ulthera | Hifu Macrofocus |
300 line ราคา 29,999.- | แก้ม และ เหนียง 300 line ราคา 8,999.- |
500 line ราคา 49,999.- | ทั่วหน้า หรือ ต้นแขน 600 line ราคา 15,900.- |
1000 line ราคา 99,999.- | ทั่วหน้า+คอ /ต้นขา 1,000 line ราคา 25,000.- |
ราคา Hifu Buffet เครื่องยี่ห้ออื่น ๆ ที่เกรดรองลงไป ควรสอบถามยี่ห้อเครื่อง ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับยี่ห้อเครื่อง และศึกษาเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำ
- ไม่จำกัด Shot 15,999.-
- ไม่จำกัด Shot 9,900.-
- ไม่จำกัด Shot 3,999.-
Ultraformer III เป็นเครื่อง Hifu ที่ดีที่สุดรองจาก Ulthera เนื่องจาก เป็นระบบ Macrofocus รอบพลังงานไวที่สุดเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ ทำให้เจ็บน้อยลง สามารถใช้พลังงานได้สูงเต็มที่ และระหว่างที่ยิงพลังงานจะคงที่ ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากยุโรป (ที่ V Square Clinic จะใช้เครื่องยี่ห้อนี้เป็นหลักครับ)
7. สรุป ข้อดี-ข้อเสีย ของการทำ HIFU Macrofocus
Ultra Hifu เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยน้อย ๆ ร่องใต้ตาร่องแก้มไม่ลึกมาก และไม่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ อีกทั้งราคายังไม่แพงมาก ทำได้บ่อยครั้งและหลังการทำ Hifu ยังสามารถทำการรักษาอย่างอื่นอีกได้ ผู้ที่ทำ HIFU Macrofocus จะรู้สึกอุ่น ๆ ปวด ๆ ใต้ผิว บริเวณผิวขณะทำ ผิวจะไม่แสบร้อน
สามารถใช้ยาชาทาจะช่วยลดความเจ็บลงได้ ทำให้ผู้ที่เข้ารับการบริการสามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติหลังจากทำ เนื่องจากไม่มีบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้นนั่นเอง
หลังการทำ HIFU Macrofocus อาจมีรอยแดงบ้างหลังการทำ และจะหายไปได้เองภายใน 1 – 2 ชั่วโมงครับ
8. หัตถการที่ไม่สามารถทำร่วมกับ Hifu มีอะไรบ้าง ?
การยกกระชับใบหน้า ในแต่ละครั้งเราไม่จำเป็นต้องเลือกทำได้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทำแค่ Hifu อย่างเดียว แต่เราสามารถทำ Hifu ควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหม ฟิลเลอร์ เมโสแฟต เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพื่อประเมินและเรียงลำดับการทำได้อย่างถูกต้อง เห็นผลมากที่สุด และปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทีมแพทย์ V Square Clinic ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
9. วิธีการดูแลตัวเองก่อน-หลัง การทำ Hifu
ก่อนการทำ Hifu
- ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะจะช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้กับเซลล์ใหม่ให้เป็นไปได้ด้วยดียิ่งขึ้น
หลังการทำ Hifu
- สามารถทาครีมบำรุงผิวหน้าได้ตามปกติ แต่แนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ เสริมจากเดิมเพื่อป้องกันแสงแดด
- หลีกเลี่ยงการออกแดดกลางแจ้งสัก 1-2 สัปดาห์ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูของคอลลาเจนใต้ผิว
- หากมีอาการเมื่อยหรือตึงผิวก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
- ไม่ควรนวดหรือถูใบหน้าแรง ๆ
- ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นการทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนัง
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ