สิวผด
สิวผด เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยครับ โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย สิวผดจะมีลักษณะเป็นเม็ดผื่นเล็ก ๆ กระจายทั่วผิว บางครั้งมีอาการคันระคายเคืองร่วมด้วย เกิดจากมลภาวะหรือพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้ผิวอ่อนแอลง สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้เรื่อย ๆ ดังนั้นการรักษาสิวผดจึงควรแก้จากต้นเหตุ เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น หมอจะอธิบายในบทความนี้ครับ
สารบัญ สิวผด
สิวผด คืออะไร ?
สิวผดเป็นสิวผื่นเม็ดเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งเกิดจากเชื้อราประเภทยีสต์ในกลุ่ม มาลาสซีเซีย (Malassezia species) โดยทั่วไปจะพบเชื้อชนิดนี้ที่ผิวหนังของทุกคนอยู่แล้ว แต่หากเชื้อมีการเจริญเติบโตมากผิดปกติ จะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคผิวหนังหลายชนิด เมื่อเจอความร้อน เหงื่อ ฝุ่นละออง ทำให้เกิดอาการแพ้ คัน และเป็นเม็ดผื่นขึ้นบนใบหน้า หรือที่เรียกกันว่าสิวผด ซึ่งจะไม่มีหัวสิวเหมือนสิวประเภทอื่น หากทำความสะอาดและรักษาอย่างถูกวิธีก็จะหายได้โดยใช้เวลาไม่นานครับ
สิวผด เกิดจากอะไร ?
สิวผดมักจะเกิดจากปัจจัยภายนอกที่มากระทบหรือรบกวนผิว ได้แก่
- สภาพอากาศที่ร้อนจัด, แพ้เหงื่อตัวเอง
เวลาที่อากาศร้อนมาก ๆ ร่างกายจะขับเหงื่อออกมา ทำให้ผิวชื้นแฉะ เมื่อสัมผัสกับฝุ่นละอองจึงทำให้เกิดการสะสมและเกิดการระคายเคือง ทำให้เกิดสิวผดได้
- เชื้อแบคทีเรีย
สิ่งสกปรก แบคทีเรีย ที่ชื่อ P.ovale เมื่อสัมผัสผิวหน้าจะเกิดปฏิกิริยากับบริเวณต่อมไขมัน ทำให้เกิดเป็นสิวผดได้ เช่น หน้าผาก จมูก คาง
- ต่อมเหงื่อที่ผิวหนังอุดตัน
ต่อมเหงื่อที่ผิวหนังอุดตัน เกิดจากความผิดปกติของการระบายเหงื่อ ระบายเหงื่อไม่ทัน ทำให้ต่อมเหงื่ออุดตันจนกลายเป็นตุ่มขนาดเล็ก ๆ กระจายบนผิวหนัง
- ความผิดปกติของร่างกาย
เมื่อร่างกายมีภาวะภูมิคุ้มกันตกลง หรือเกิดอาการแพ้จากมลภาวะ PM 2.5 สภาพอากาศ น้ำ เหงื่อ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ก็เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวผดได้
- พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
การใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะกับผิว ล้างหน้าไม่สะอาด พักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด
- การใช้น้ำอุ่นล้างหน้าบ่อย ๆ
การล้างหน้าบ่อย ๆ ด้วยน้ำอุ่น จะทำให้ผิวแห้งกร้าน ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย ต่อมไขมันต้องทำงานหนักมากขึ้น นำไปสู่การปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวผดได้ง่าย
ลักษณะของสิวผด
สิวผด จะมีลักษณะเป็นผื่นเล็ก ๆ (เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 มิลลิเมตร) กระจายอยู่บนผิวหน้า ไม่มีหัวสิว ไม่สามารถบีบออกได้ สิวผดจะเป็น ๆ หาย ๆ ไม่ได้เป็นเรื้อรัง แต่ถ้าหายแล้วก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกเรื่อย ๆ ถ้าไม่ดูแลรักษาให้ถูกวิธี สามารถเป็นสิวผดอย่างเดียวหรือเป็นร่วมกับสิวประเภทอื่น ๆ ก็ได้ ส่วนใหญ่สิวผดจะเกิดบริเวณใบหน้า แต่ก็สามารถเกิดขึ้นบริเวณอื่น ๆ บนร่างกายได้ด้วย โดยส่วนที่พบได้บ่อย ได้แก่
- สิวผดที่หน้าผาก มักพบในผู้ที่ไว้ผมหน้าม้า หรือมีผมตกลงมาปรกหน้า บริเวณที่มีไรผมจะมีคราบเหงื่อ หรือความมันจากผม ทำให้เกิดสิวได้ง่าย
- สิวผดที่แก้ม เกิดจากการระคายเคือง หรือแพ้ ส่วนใหญ่มาจากการใส่แมสก์
- สิวผดที่คาง พบได้ไม่บ่อย แต่ก็เกิดจากการระคายเคือง หรือรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ
- สิวผดที่หลัง – หน้าอก ส่วนใหญ่เกิดจากเหงื่อ ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยระบายอากาศ ทำให้อับชื้นและมีการเสียดสีกับเนื้อผ้า
- สิวผดที่จมูก เกิดจากความมันหรือการอุดตันของผิว
ประเภทของสิวผด
สิวผด สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ตามสาเหตุของการทำให้เกิดสิวผด คือ
- สิวผดที่เกิดจากการที่ผิวไม่แข็งแรง
เมื่อผิวของเราอ่อนแอ บอบบาง ภูมิคุ้มกันตกลง หากโดนสิ่งกระตุ้นก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเกิดสิวผดได้โดยง่าย เช่น สิวผดที่เกิดจากเหงื่อ สิวผดที่เกิดจากอากาศที่ร้อนหรือเย็นเกินไป สิวผดที่เกิดจากฝุ่นและมลภาวะ
- สิวผดที่เกิดจากพฤติกรรมไม่พึงประสงค์
พฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสิวผด ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงและป้องกันได้ เช่น การใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมกับใบหน้า การล้างหน้าผิดวิธี ล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด ใช้ผ้าเช็ดถูหน้าแรง ๆ
การดูแลตัวเองเมื่อเป็นสิวผด
เมื่อเป็นสิวผด ควรดูแลตัวเองเพื่อลดอาการ ดังนี้
- รักษาความสะอาด ดูแลร่างกายให้ถูกสุขลักษณะ
- ไม่ใช้ครีมหรือยาที่ทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงแสงแดด ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
- ล้างหน้าให้สะอาดและถูกวิธี
- ไม่เช็ดหรือถูหน้าแรง ๆ ด้วยผ้าไม่สะอาด
- ใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยลดความมันบนใบหน้า
- ใช้ผลิตภัณฑ์ลดการอุดตันของรูขุมขน
- ดื่มน้ำมาก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว
วิธีการป้องกันการเกิดสิวผด
- หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสผิวหน้า โดยเฉพาะมือที่ไม่สะอาด
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ เช่น ฝุ่น มลภาวะ น้ำ เครื่องสำอาง
- หลีกเลี่ยงแสงแดด ทาครีมกันแดดเสมอ
- เติมความชุ่มชื้นให้ผิว อย่าปล่อยให้ผิวแห้งกร้าน
- เช็ดเครื่องสำอางให้สะอาดทุกครั้งหลังแต่งหน้า
- บำรุงผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ เช่น ทาครีม หรือฉีดเมโสหน้าใส
รักษาสิวผดด้วยตัวเอง
เพราะสิวผดจะเกิดจากปัจจัยภายนอกที่รบกวนผิว ดังนั้นส่วนใหญ่จึงสามารถรักษาให้หายได้เองเพียงดูแลสุขอนามัยให้ถูกต้องครับ สำหรับวิธีรักษาสิวผด ได้แก่
ใช้ยาทาเพื่อบรรเทาอาการของสิวผด
เมื่อเป็นสิวผดและต้องการรักษาให้หายเร็ว ๆ สามารถใช้ยาทาเพื่อรักษาสิวได้ครับ โดยควรอยู่ในความดูแลและคำแนะนำของแพทย์ จะเป็นตัวยาที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อยีสต์ที่เป็นสาเหตุของสิวผด
ใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน
สิ่งสำคัญเมื่อเป็นสิวผดคือการรักษาความสะอาด และใช้ผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับสภาพผิว มีความอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ได้ เช่น Retinoic acid, Benzoyel peroxide AHA, BHA
พอกหน้าด้วยวิธีธรรมชาติ
เพราะสิวผดจะเกิดจากการระคายเคืองของผิว เมื่อพอกหน้าด้วยมะเขือเทศหรือแตงกวา ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี วิตามินเอ และมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ จะช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ลดความมัน และช่วยลดสิวผดได้
ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือคลินิกเสริมความงามเพื่อจัดการสิวผด
หากเป็นปัญหาสิวผดไม่หาย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์สำหรับปัญหาของสิวผดที่เกิดจากเชื้อรา ยาที่เหมาะสมจะเป็นยาฆ่าเชื้อรา มีทั้งแบบยาทาและรับประทานครับ แต่มักจะเริ่มด้วยการให้ยารับประทานก่อนเพราะมีประสิทธิภาพสูงกว่า สามารถแพร่กระจายไปยังรูขุมขนซึ่งอยู่ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ได้ดี
- นอกจากนี้เพื่อป้องกันปัญหาสิวผด ควรรักษาและบำรุงผิวหน้าให้แข็งแรงอยู่เสมอ สำหรับใครที่รู้สึกว่าการทาครีมเห็นผลช้า หรือทาแล้วไม่ค่อยเห็นผล ปัจจุบันจะมีการฉีดเมโสหน้าใส หรือมาเด้คอลลาเจน ซึ่งเป็นการฉีดวิตามินและสารบำรุงเข้าไปยังผิวชั้นกลางได้ทันที ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและแก้ปัญหาต่างๆ บนผิวหน้า ทำให้ผิวชุ่มชื้นและลดการอักเสบของผิวหนัง
อ่านบทความเพิ่มเติม
- ฉีดเมโสหน้าใส คืออะไร ? อันตรายหรือไม่ ? ข้อควรรู้ก่อนทำเมโสหน้าใส
- ฉีดมาเด้คอลลาเจน คืออะไร ? made collagen 16 จุด ? ต่างจากเมโสหน้าใสอย่างไร ?
สิวผด แบบไหนที่ต้องให้แพทย์รักษา
โดยปกติถ้าเป็นสิวผดที่เกิดจากพฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดสิว สภาพอากาศ หรือมลภาวะ เมื่อดูแลตัวเอง รักษาความสะอาด และเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ผิวระคายเคือง หรือเกิดการแพ้ สิวผดก็จะค่อย ๆ หายไปได้เองครับ แต่ถ้าเป็นสิวที่เกิดจากเชื้อรา ทำให้รูขุมขนอักเสบ ก็จะสังเกตได้ว่าเป็นแล้วไม่หายและอาจมีอาการคันร่วมด้วย ถ้ารักษาด้วยการทายาทั่วไปก็จะหายช้าหรือไม่ได้ผล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อซักประวัติ วินิจฉัย และจ่ายยาให้อย่างถูกต้อง
ฉีดเมโสหน้าใส รักษาสิวผดได้ไหม ?
พื้นฐานของการรักษาและป้องกันปัญหาสิวไม่ว่าจะสิวผด สิวอักเสบ หรือสิวประเภทอื่น คือการมีผิวที่แข็งแรง ชุ่มชื้น จะช่วยให้ผิวเหมือนมีเกราะป้องกันต่อสิ่งสกปรกและมลภาวะต่าง ๆ ได้ดี ซึ่งการบำรุงผิวสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทาครีมบำรุง หรือการฉีดวิตามินบำรุงผิว
สำหรับการฉีดเมโสหน้าใส รักษาสิวผดได้ไหม จริง ๆ ประโยชน์หลักคือช่วยบำรุงโครงสร้างผิวให้แข็งแรงและมีความยืดหยุ่น ทำให้สามารถช่วยฟื้นฟูผิวจากสารพิษ เช่น ภาวะผื่นแพ้ สิว ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ให้ผิวมีความชุ่มชื้น แข็งแรง สุขภาพดี ลดฝ้า กระ และแก้ปัญหารูขุมขนกว้าง
ในการฉีดเมโสหน้าใส แพทย์จะมีการประเมินปัญหาผิวของคนไข้แต่ละคนและแนะนำสูตรที่เหมาะสม โดยคนที่มีปัญหาสิวผดสามารถฉีดเมโสหน้าใสสูตรที่เน้นลดสิว แก้ผื่น จะช่วยลดการอักเสบ ขับสารพิษที่สะสมออก โดยเมโสหน้าใสที่มีจุดเด่นในเรื่องนี้คือยี่ห้อมาเด้คอลลาเจนครับ
“ ข้อควรรู้ : ผลลัพธ์ของการฉีดเมโสหน้าใส อยู่ได้นาน 1-2 เดือน หากฉีดอย่างสม่ำเสมอ และจะอยู่ได้นานขึ้น หากดูแลตัวเอง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว ”
รักษาสิวผดกี่วันหาย ?
การรักษาสิวผด กี่วันหาย ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคนครับ หากเกิดจากการแพ้ทั่วไปก็ใช้เวลาไม่นานครับ แต่ถ้าเป็นปัญหาจากเชื้อราที่ต้องใช้การรักษาด้วยตัวยาก็จะใช้เวลารักษาประมาณ 1-2 เดือน แต่บางกรณีอาจใช้เวลารักษานานกว่านั้น อย่างกรณีที่เป็นซ้ำบ่อย ๆ
สรุป
ปัญหาสิวผดจริง ๆ แล้วแก้ไม่ยากครับ แต่ด้วยความที่ประเทศไทยอากาศร้อน ทำให้คนมีเหงื่อเยอะ บวกกับฝุ่นและมลภาวะ ก็จะพบคนที่มีปัญหาสิวผดได้ทั่วไป ดังนั้นการรักษาและป้องกันสิวผดที่ดีที่สุดคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวแข็งแรง สะอาด ไม่มีสารพิษตกค้างบนผิว ก็จะช่วยลดปัญหาสิวผลได้มากครับ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ