สิวหัวช้าง
สิวหัวช้าง ถือเป็นปัญหาสิวที่เห็นได้ชัดเจน ลักษณะจะเป็นตุ่มใหญ่ ปวด บวม แดง คนไข้จะรู้สึกเจ็บและรำคาญ ยิ่งอักเสบหรือมีเม็ดใหญ่มาก ๆ เวลาหายแล้วก็อาจทิ้งรอยแผลเป็น (Keloid) จากสิวไว้อีก ดังนั้นเมื่อเป็นสิวหัวช้างแล้วต้องรีบรักษาครับ
ในบทความนี้หมอบอกถึงสาเหตุการเกิดสิวหัวช้าง มีปัจจัยอะไรบ้างที่กระตุ้นให้เกิดสิว รักษาอย่างไร และมีวิธีป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดสิวซ้ำซาก
สารบัญ สิวหัวช้าง
สิวหัวช้าง คืออะไร ?
สิวหัวช้าง (Acne Conglobata) คือ สิวอักเสบหรือสิวอุดตันประเภทหนึ่งครับ แต่มีความรุนแรงมากกว่า เพราะมีอาการอักเสบบริเวณกว้างลึกลงไปในชั้นผิว เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย P.acnes (Propionibacterium acnes) มีการเจริญเติบโตและดึงดูดเซลล์เม็ดเลือดขาวเข้ามารวมตัวอยู่ในตุ่มสิว บวกกับในตัวแบคทีเรียมีเอนไซม์สำหรับย่อยน้ำมัน (Sebum) ให้กลายเป็นกรดไขมัน จึงกระตุ้นให้สิวเกิดการอักเสบได้
ลักษณะของสิวหัวช้าง จะเป็นสิวไม่มีหัว หรือมีหัวก็ได้ (บางรายอาจพบหัวสิว 2-3 หัวอยู่ในสิวเม็ดเดียว) ระยะเริ่มจะเป็นตุ่มแดง ๆ ไม่มีหัวครับ ก่อนจะอักเสบขึ้นเรื่อย ๆ มีอาการปวด บวม แดง และมีหนองตามมา
หนอง (Pus) คือ ของเหลวสีขาวเหลือง หรือ สีน้ำตาลอ่อน เมื่อสิวมีการอักเสบ จะมีหนอง ส่วนใหญ่ประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายแล้ว และเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราที่ก่อให้เกิดการอักเสบ
สิวหัวช้าง แตกต่างกับสิวแบบอื่นอย่างไร ?
สิวหัวช้าง เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มขนาดใหญ่ มักมีหนองสะสมอยู่ภายใน บวม แดง และเจ็บปวดมาก มีการอักเสบลึกกว่า ใหญ่กว่า และรุนแรงกว่าเมื่อเทียบกับสิวประเภทอื่น ๆ อย่าง สิวหัวดำ, สิวหัวขาว, สิวหัวหนอง, สิวหิน สิวข้าวสาร และ สิวเสี้ยนครับ
ซึ่งระดับการอักเสบรุนแรงนี้จะลึกลงไปในชั้นผิวหนัง จนสามารถทำลายเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และทำให้เกิดแผลเป็นสิว หลุมสิวได้ง่ายครับ
แต่เมื่อเกิดหลุมสิวขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าแก้ไขยังไงดี คนไข้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความนี้ครับ รักษาหลุมสิว วิธีไหนดี ? กี่วันหาย ? หลุมสิวลึกมาก แก้ไขได้ไหม ?
สิวหัวช้างเกิดจากอะไร ?
สาเหตุการเกิดสิวหัวช้าง เกิดได้จากการทำงานของฮอร์โมนร่างกาย และพฤติกรรมที่รบกวนผิวมาก ๆ ครับ
- ปัจจัยจากการทำงานของฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิว
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ที่ทำให้ร่างกายผลิตแอนโดรเจนเกิน (Hyperandrogenism/Hyperandrogenemia) ทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมาเป็นจำนวนมาก จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และเป็นสิวรุนแรง หรือที่เราเรียกว่า สิวฮอร์โมน
- การทำงานของแบคทีเรีย C.acne ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันจะกระตุ้นให้รูขุมขนเกิดการอักเสบเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นสิวอักเสบ
- ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากเกินไป (Excessive sebum production) ทำให้หน้ามัน
- การอักเสบและการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน (Inflammation and immune response) เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปสู่ร่างกาย เช่น เชื้อโรค แบคทีเรีย
- เซลล์ในรูขุมขนเพิ่มจำนวนเซลล์มากเกินไป (Follicular epidermal hyperproliferation)
- ปัจจัยจากพฤติกรรมที่รบกวนผิว
- การใช้มือที่ไม่สะอาดลูบ เช็ด หรือสัมผัสหน้าบ่อย ๆ
- ล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด ใช้เครื่องสำอาง ครีมบำรุง ที่ไม่เหมาะกับผิว
- ออกกำลังกายขับเหงื่อมากเกินไป (เหงื่อกับความมันเป็นสาเหตุการเกิดสิวได้)
- นอนดึก พักผ่อนน้อย มีความเครียด
- ดื่มน้ำน้อย ตากแดดบ่อย ๆ ทำให้ผิวแห้ง
นอกจากนี้สิวหัวช้าง ยังอาจเกิดได้จากกรรมพันธุ์ หรือผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ลิเทียม, คอร์ติโคสเตียรอยด์ รวมถึงปัจจัยของฝุ่นและมลภาวะต่าง ๆ
บริเวณที่มักเกิดสิวหัวช้าง
- สิวที่แก้ม
- สิวที่คาง
- สิวที่หลัง
- สิวที่คอ
- สิวที่หน้าผาก
- สิวที่ปาก
- สิวหัวช้างบริเวณหน้าอก
- สิวหัวช้างบริเวณจมูก
วิธีรักษาสิวหัวช้าง
เนื่องจาก สิวหัวช้าง เป็นสิวชนิดที่มีการอักเสบรุนแรง วิธีรักษาสิวจึงต้องทำอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผิวมีสุขภาพดี และลดความเสี่ยงในการเกิดสิวในอนาคตครับ เช่น
1. ทายารักษาสิวหัวช้าง
เป็นการใช้ยาทาบนผิวหนังบริเวณที่เป็นสิวหัวช้าง ยาจะออกฤทธิ์ลดการอักเสบของผิว ลดการทำงานของต่อมผลิตไขมัน ลดจำนวนแบคทีเรีย ลดการระคายเคืองของผิว โดยยาที่ใช้จะเป็นในกลุ่มของ Retinoids, Benzoyl peroxide, Azelaic Acid หรือหมออาจพิจารณาใช้ร่วมกับยากลุ่มอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามระดับความรุนแรงของสิวหัวช้างของแต่ละคน
2. ฉีดยารักษาสิวหัวช้าง
เป็นการใช้ corticosteroids ฉีดเข้าที่สิวโดยตรง จะช่วยรักษาการอักเสบของสิวโดยไม่ต้องกรีดเอาหนองออก และให้ผลลัพธ์ที่ดี สิวจะยุบลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีข้อควรระวัง เพราะไม่สามารถฉีดสิวได้ทุกตำแหน่ง ฉีดแล้วอาจทิ้งรอยขาว ๆ หรือทำให้ผิวยุบตัวบุ๋มลงไปได้ ต้องใช้ปริมาณยาที่เหมาะสม จึงควรฉีดกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น
3. กินยารักษาสิวหัวช้าง
ตัวยาจะช่วยปรับฮอร์โมน ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการทำงานของต่อมไขมัน ลดการอักเสบของสิว ยาที่นิยมใช้จะเป็นตัวยาในกลุ่ม ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic and antibacterial agents), ยา Isotretinoin, Spironolactone, ยาคุมกำเนิด (ใช้รักษาสิวหัวช้างระยะเริ่มต้น)
4. กดสิวหรือการกรีดเอาหนองสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ
เป็นการกรีดเอาหนองออกจากสิว เพื่อลดการอักเสบ แล้วจึงรักษาต่อไป แต่ปัจจุบันจะไม่แนะนำให้ทำครับ เพราะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อและเป็นแผลเป็นได้ง่าย
5. ทำเลเซอร์และการบำบัดด้วยแสง
เป็นวิธีใหม่ในการรักษาสิวหัวช้าง เช่น เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์, แสงบำบัด (Light therapy) ช่วยลดจำนวนแบคทีเรีย ลดการทำงานของต่อมไขมัน ลดการอักเสบ และลดรอยแดงจากสิว
สำหรับคนไข้ที่หลังจากรักษาสิวหัวช้างแล้วมีรอยดำ มีปัญหาหลุมสิว หมอมีวิธีลดรอยสิวแบบต่าง ๆ แนะนำให้ในบทความ ลดรอยสิว รอยแดง ให้หน้าใส วิธีไหนเห็นผล เลือกหัตถการทางการแพทย์วิธีไหนดี ?
วิธีรักษาสิวหัวช้าง ให้ไม่เป็นแผลเป็น
สิวหัวช้างเป็นสิวที่มีการอักเสบรุนแรง หากรักษาไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้ ซึ่งการรักษาสิวหัวช้างเพื่อไม่ให้เป็นแผลเป็นต้องมีความระมัดระวังและใช้วิธีที่ถูกต้อง มาดูกันครับว่ามีวิธีไหนบ้าง
- ใช้ยาทาภายนอก ที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ หรือกรดซาลิไซลิก ซึ่งสามารถช่วยลดการอักเสบ และกำจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวหัวช้างได้
- สำหรับสิวหัวช้างที่มีการอักเสบอย่างรุนแรง การใช้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานสามารถช่วยควบคุมการติดเชื้อและลดการอักเสบได้ แต่ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาและป้องกันการดื้อยา
- ในกรณีที่สิวหัวช้างมีขนาดใหญ่และเจ็บปวด แพทย์อาจฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปในตุ่มสิว เพื่อลดการอักเสบ บรรเทาอาการเจ็บปวด และลดโอกาสการเกิดแผลเป็น
การรักษาสิวหัวช้างเพื่อไม่ให้เป็นแผลเป็น ต้องอาศัยการดูแลอย่างถูกวิธี และสม่ำเสมอ การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำ และการรักษาที่เหมาะสมแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดโอกาสการเกิดแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
วิธีดูแลผิวเพื่อไม่ให้เป็นสิวหัวช้าง
การป้องกันสิวหัวช้าง ต้องอาศัยการดูแลผิวอย่างถูกวิธี เพื่อให้ผิวมีสุขภาพดี และลดความเสี่ยงในการเกิดสิว คนไข้สามารถดูแลผิวเพื่อไม่ให้เป็นสิวหัวช้าง ได้ตามคำแนะนำดังนี้ครับ
ดูแลรักษาความสะอาดใบหน้า
การดูแลรักษาความสะอาดเป็นขั้นตอนพื้นฐานในการป้องกันสิวครับ เพราะสิ่งสกปรกและแบคทีเรียที่ตกค้างบนใบหน้าก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว แต่ก็ไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกินไป อาจทำให้หน้าแห้ง ขาดความชุ่มชื้น กระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม โดยควรล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
นอกจากนี้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะกับผิวหน้าของแต่ละคน เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม รวมถึงการเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ หลังแต่งหน้าแล้วล้างเครื่องสำอางให้สะอาด หมั่นล้างแปรงบ่อย ๆ ก็จะช่วยป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรก ลดการเกิดสิวได้เป็นอย่างดีครับ
เสริมความแข็งแรงให้ผิว
ผิวที่เป็นสิวได้ยาก คือผิวที่แข็งแรง สุขภาพดี มีความชุ่มชื้นและผลิตน้ำมันออกมาอย่างเหมาะสมครับ ยิ่งผิวแห้งมากต่อมไขมันก็ยิ่งต้องผลิตน้ำมันออกมามาก เกิดการอุดตันในรูขุมขน เป็นสาเหตุของการเกิดสิว สำหรับการเสริมความแข็งแรงให้ผิว ได้แก่
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ 1.5-2 ลิตร จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวได้
- ทาครีมกันแดด ป้องกันรังสี UVA, UVB เพราะความร้อนจากแสงแดดอาจทำให้ผิวเกิดการผลิตไขมันมากกว่าปกติ
- เสริมวิตามินให้ผิว เช่น การรับประทานวิตามิน, ฉีดวิตามินผิว, ฉีดมาเด้คอลลาเจน, เมโสหน้าใส
การเสริมความแข็งแรงให้ผิวด้วยการฉีดมาเด้คอลลาเจน
Made Collagen เป็นหนึ่งในยี่ห้อยาที่ใช้ฉีดเมโสหน้าใสครับ จริง ๆ แล้ว เมโสหน้าใสมีอีกหลายยี่ห้อ เช่น Tensonez, Neo-Glutanex Glow, Filorga, Alpha arbutin แต่ละตัวจะมีส่วนประกอบที่ออกฤทธิ์ต่างกันไป
สำหรับคนที่มีปัญหาสิวบ่อย ๆ เป็นสิวซ้ำซาก หมอจะแนะนำให้ฉีดมาเด้คอลลาเจนครับ เพราะตัวยาจะออกฤทธิ์ในการลดสิวผด ลดผื่น ช่วยขับสารพิษ ลดผิวอักเสบ ปรับความสมดุล ช่วยให้ผิวแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี ไม่ถูกทำร้ายจากสภาพแวดล้อมหรือมลภาวะได้ง่าย
ฉีดเมโสหน้าใสราคา พิเศษ คลิกเพื่อดูโปรโมชันเด็ด!
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดมาเด้คอลลาเจน คืออะไร ? made collagen 16 จุด ? ต่างจากเมโสหน้าใสอย่างไร ?
สิวหัวช้างบีบได้ไหม ?
สิวหัวช้าง บีบได้ไหม ? สิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบรุนแรงครับ ในบางครั้งเป็นสิวที่ยังไม่มีหัว ดังนั้นไม่ควรกดสิว บีบสิว เด็ดขาด เพราะอาจทำให้เชื้อลุกลามและเป็นวงจรสิวไม่จบไม่สิ้น ถ้าหากต้องการกดสิวแนะนำให้กดในขณะที่ยังเป็นสิวอุดตันอยู่ครับ จะช่วยป้องกันไม่ให้สิวอักเสบก่อตัวเป็นสิวหัวช้างที่รุนแรง
วิธีการดูแลเมื่อเป็นสิวหัวช้าง
เมื่อเป็นสิวหัวช้างแล้ว ควรดูแลเรื่องความสะอาด ลดต้นเหตุที่กระตุ้นให้เกิดสิว ได้แก่
- ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน เหมาะสมกับสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย
- รักษาสิวหัวช้าง แบบธรรมชาติ เช่น กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวหนัง, ดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5-2 ลิตร/วัน และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
- หลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและเกิดการระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิว เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรีย
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง
- หากสิวหัวช้างมีความรุนแรงและไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการรักษาสิวหัวช้าง คือ การใช้ยาสีฟันแต้มสิวแล้วจะช่วยให้สิวยุบลง กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงครับ แม้ในยาสีฟันจะมีส่วนประกอบบางอย่างที่เป็นชนิดเดียวกับยารักษาสิวแต่ก็ไม่มีความเข้มข้นมากพอ และยังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแห้ง เป็นรอยแดง เกิดการระคายเคือง ทำให้ปัญหาสิวเป็นหนักกว่าเดิมได้ครับ
สิวหัวช้างอันตรายไหม ?
สิวหัวช้างไม่อันตรายครับ ไม่ได้สัมพันธ์กับการเกิดโรคต่าง ๆ แต่ถ้าพูดถึงการทำลายชั้นผิว ก็ถือว่ารุนแรงถ้าเทียบกับสิวชนิดอื่น ๆ เพราะมีขอบเขตที่กว้างและลึก หลังรักษาหายแล้วก็มักทิ้งรอยแผลเป็นจากสิวไว้ และอาจกลับมาเป็นซ้ำได้บ่อย ๆ
สิวหัวช้างเป็นกี่วันหาย ?
การรักษาสิวหัวช้างค่อนข้างใช้ระยะเวลาครับ อาจใช้เวลาหลายเดือน เพราะเป็นสิวที่มีการติดเชื้อถึงผิวหนังชั้นใน ทำลายผิวลงลึกและกว้าง ในเคสที่มีการอักเสบเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันทำลายเนื้อเยื่อตัวเอง ก็จะทิ้งรอยแผล รอยสิว หรืออาจกลับมาเป็นซ้ำ ๆ ได้อีกถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุการเกิดสิว ทั้งนี้จะหายช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยาของคนไข้แต่ละรายด้วยครับ
สิวหัวช้าง สามารถหายเองได้ไหม ?
เนื่องจากสิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบ จึงไม่สามารถหายเองได้ครับ หากปล่อยไว้ไม่รักษาจะทำให้เชื้อลุกลาม เป็นสิวอักเสบรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเป็นสิวหัวช้างต้องใช้ยาเพื่อฆ่าเชื้อครับ
สรุป
สิวบางชนิดที่ไม่รุนแรง ใช้ยาแต้มก็อาจจะหายครับ แต่สิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบที่มีการติดเชื้อ หมอจึงไม่แนะนำให้พยายามกด บีบ หรือรักษาด้วยตัวเอง เพราะจะยิ่งทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
นอกจากนี้การกำจัดปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว รักษาความสะอาด เสริมความแข็งแรงให้กับผิว ช่วยไม่ให้เกิดปัญหาสิวหัวช้างซ้ำซาก เป็นวิธีป้องกันสิวทุกประเภทที่ให้ผลดีและยั่งยืน ดีกว่าเป็นแล้วต้องมารักษาทีหลัง เสี่ยงเกิดแผลเป็น หรือรอยสิวได้ครับ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ