ฟิลเลอร์ (Filler) กับ โบท็อกซ์ (Botox)
ฟิลเลอร์ (Filler) กับ โบท็อก (Botox) นอกจากเป็นหัตถการที่ใช้เข็มเหมือนกัน ช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าได้เหมือนกัน ยังมีอะไรที่เหมือนหรือแตกต่างกันอีกบ้าง ? เลือกทำหัตถการไหนดี ? ฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกพร้อมกันได้ไหม ? ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนครับว่า ฟิลเลอร์ คืออะไร ? โบท็อก คืออะไร ? แบบไหนเหมาะกับใคร ? หมอจะมาเปรียบเทียบให้ดูกันครับ
สารบัญ Filler กับ Botox
ฟิลเลอร์ คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ใช้ในการเติมเต็มชั้นผิวที่เริ่มเสื่อมสภาพ เกิดการเปลี่ยนแปลงในผิวชั้น SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic system) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อสำคัญของกล้ามเนื้อใบหน้า Retaining Ligaments หรือเส้นเอ็นยึดผิวต่าง ๆ เกิดการหย่อนคล้อย หรือยุบตัวลง
การฉีดฟิลเลอร์ สามารถทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว รวมถึงทดแทนคอลลาเจนและไฮยาลูรอนที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่ร่างกายสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น มีความปลอดภัย โอกาสเกิดการแพ้น้อย สลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในผิว ระยะเวลาอยู่ได้นานตั้งแต่ 6-24 เดือน (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์และรุ่นฟิลเลอร์)
ฟิลเลอร์ ช่วยรักษาริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า ช่วยเติมเต็มให้ผิวเรียบเนียน เต่งตึง ใบหน้าอ่อนเยาว์ เพราะฟิลเลอร์มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น และยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต นอกจากฟิลเลอร์จะช่วยเรื่องริ้วรอยแล้ว ยังเป็นที่นิยมในการปรับรูปหน้าหรือปรับโครงสร้างต่าง ๆ ของใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด
ตำแหน่งที่ได้รับความนิยม หลังฉีดฟิลเลอร์เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน เช่น
โบท็อกซ์ คืออะไร ?
Botulinum Toxin หรือโบทูลินั่ม ท็อกซิน คือสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium Botulinum) เป็นโปรตีนที่มีคุณสมบัติพิเศษ หลังฉีดจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราว ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยบนใบหน้า รอยย่นบนหน้าผาก หว่างคิ้ว หางตา (ตีนกา)
การฉีดโบท็อกยังช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อ เช่น ฉีดโบท็อกลดกราม ปรับรูปหน้าเรียว หรือใช้ในทางการแพทย์ ฉีดโบท็อกไมเกรน เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะเรื้อรัง บำบัดออฟฟิศซินโดรม
ปัจจุบันการฉีดโบท็อก (Botox) เป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยมในปัจจุบัน ด้วยขั้นตอนที่สะดวก ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล แก้ปัญหาได้ตรงจุดและเห็นผลเร็วกว่าการทาครีมลดริ้วรอย ทำให้การฉีดโบท็อกซ์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในคลินิกความงามครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดโบท็อก กี่วันเห็นผล ? ใช้เวลานานหรือไม่ ?
ฟิลเลอร์ (Filler) กับ โบท็อกซ์ (Botox) ต่างกันอย่างไร ?
ฟิลเลอร์และโบท็อกซ์มีจุดที่เหมือนกัน คือ สามารถใช้ลดริ้วรอย โดยไม่ต้องผ่าตัดทั้งคู่ครับ แต่ยังมีหลายจุดที่แตกต่างกัน เช่น คุณสมบัติของสาร/ตัวยา โมเลกุล หลักการทำงาน รวมถึงผลลัพธ์ที่ได้ หมอเปรียบเทียบมาเป็นตาราง จะได้เข้าใจได้ง่าย ๆ ครับ
Filler | Botox | |
---|---|---|
สาร/ตัวยา | Hyaluronic Acid | Botulinum Toxin A |
โมเลกุล | เป็นเนื้อเจล โมเลกุลต่างกัน เช่นเนื้อนิ่ม เนื้อละเอียด และเนื้อแน่น | เป็นผลึกขาวอยู่ที่ก้นขวดหมอจะเอาน้ำเกลือมาเติมผสม |
หลักการทำงาน | เติมเต็มหรือเสริมในชั้นผิวหนังทดแทนคอลลาเจน อิลาสติน เนื้อและกระดูกที่ยุบตัว | ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราวลดขนาดกล้ามเนื้อ |
ชั้นผิวที่ฉีด | ชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนัง | ชั้นกล้ามเนื้อ |
ผลลัพธ์ที่ได้ | ร่องลึกตื้นขึ้น ริ้วรอยลดลง ผิวเรียบเนียน เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ | ขนาดกล้ามเนื้อเล็กลง ผิวยกกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง |
ระยะเวลาเห็นผล | เห็นผลทันที | เห็นผลใน 3-4 วัน |
อยู่ได้นาน | 6-24 เดือนสลายหมด 100% | 4-6 เดือนสลายหมด 100% |
นอกจากนี้ Filler กับ Botox ยังนำมาฉีดปรับรูปหน้า แก้ปัญหาในจุดที่ต่างกัน
- Filler ฉีดเพื่อ “เติมเต็ม” ผิวบริเวณร่องลึกให้ตื้นขึ้น ใช้เติมเต็มริ้วรอย เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ที่ต่อให้ไม่ขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าก็ยังมองเห็น ปรับรูปหน้าให้สมส่วน มีมิติ และลดโอกาสการเกิดริ้วรอยร่องลึกในอนาคต
- Botox ฉีดเพื่อ “ลด” การหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ใช้ลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นบนหน้าผาก รอยตีนกา รอยย่นระหว่างคิ้วเวลาขมวดคิ้ว ปรับรูปหน้า ลดกราม หน้าเรียว
เปรียบเทียบข้อดี ข้อจำกัดของฟิลเลอร์ กับโบท็อกซ์
ข้อดี ฉีดฟิลเลอร์
- หลังฉีดฟิลเลอร์เห็นการเปลี่ยนแปลงทันที ผลลัพธ์ชัดเจน
- เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- เหมาะฉีดปรับรูปหน้า เติมเต็มแก้ไขจุดบกพร่อง
- ให้ผลลัพธ์สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ
- สามารถปรับแต่งได้เรื่อย ๆ หากไม่พอใจผลลัพธ์ สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้
ข้อจำกัด ฉีดฟิลเลอร์
- การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่ใครก็ฉีดได้ครับ ต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ รู้ตำแหน่งฉีด เพื่อป้องกันการอักเสบ ติดเชื้อ รุนแรงถึงขั้นตาบอด
- ฉีดฟิลเลอร์ต้องฉีดเยอะ ๆ ถึงจะดี เป็นความเข้าใจที่ผิดครับ ควรฉีดในปริมาณที่เหมาะสม ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม หากฉีดปริมาณ CC เยอะเกินไป อาจทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนบวม
- การฉีดฟิลเลอร์ในบางจุด ปริมาณ CC ที่เหมาะสม เช่น ฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่เกิน 1 CC เพราะ 1 CC ก็เห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ถ้าฉีดให้คางยาวเกินกว่า 1 เซนติเมตร จะดูคางย้อย ไม่เป็นธรรมชาติ
ข้อห้าม ฉีดฟิลเลอร์
- ผู้ที่มีอาการแพ้ฟิลเลอร์ หรือแพ้สารไฮยาลูรอนิคแอซิด
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา
- สตรีมีครรภ์ ให้นมบุตร
- ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก มีแผลฟกช้ำง่าย
- ผู้ที่รับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน (ASA), ยาแก้อักเสบปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ (NSAIDS), ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด (Warfarin), วิตามินอี (Vitamin E), สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo biloba)
- ผู้ที่เป็นเริม หรืองูสวัด
ข้อดี ฉีดโบท็อก
- มีความปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย และมีงานวิจัยรองรับ
- ฉีดได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย ฟื้นฟูผิวใส ดูอ่อนเยาว์
- ฉีดปรับรูปหน้า ปรับรูปร่าง รวมทั้งลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัวได้
- เห็นผลเร็ว หลังฉีดโบท็อกไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้หน้า ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ราคาไม่แพง มีโบท็อกหลายยี่ห้อให้เลือกได้ตามงบประมาณ ฉีดโบท็อกที่ไหนดี ?
ข้อจำกัด ฉีดโบท็อก
- ผลลัพธ์อยู่ไม่ถาวร สามารถฉีดเพิ่มได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
- หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเกิดผลข้างเคียง เลือกยี่ห้อโบท็อกไม่เหมาะสม ใช้ปริมาณโบท็อกมากเกินไป จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติ หน้าแข็ง ตึง และอาจดื้อโบท็อกได้
ข้อห้าม ฉีดโบท็อก
- ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ส่วนผสมของโบท็อก
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อในการกลืน
- ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงต่าง ๆ เช่น amyotrophic lateral sclerosis (ALS), Lou Gehrig’s disease, myasthenia gravis, Lambert-Eaton syndrome
- ผู้ที่มีอาการติดเชื้อที่ผิวหนังในจุดที่จะฉีดโบท็อก
- ผู้ที่มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือมีภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดโบท็อกอันตรายไหม ? ซื้อโบท็อกมาฉีดเองได้ไหม ?
เลือกฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ดี แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ?
ถ้าคนไข้ไม่แน่ใจว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจะแก้ด้วยฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ แนะนำให้ส่งรูปหน้ามาให้ประเมินก่อนได้ครับทางออนไลน์ หรือจะนัดคิวเข้ามา Consult กับหมอที่สาขาใกล้บ้าน
ริ้วรอยก่อนวัยสามารถป้องกันได้ครับ วิธีที่ดีที่สุดที่ทำได้คือการป้องกันให้ริ้วรอยเกิดช้าลง และรักษาริ้วรอยที่เกิดขึ้นให้ผิวกลับมาเต่งตึง เรียบเนียน ซึ่งวิธีต้านริ้วรอยก่อนวัยในทางการแพทย์ที่เห็นผล ก็คือการฉีดฟิลเลอร์และโบท็อก
ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ ราคาเท่าไหร่ ?
ฟิลเลอร์ ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ ปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลายยี่ห้อ หลายรุ่นให้แพทย์เลือกใช้ เช่น
- ฟิลเลอร์ Juvederm (อเมริกา)
- ฟิลเลอร์ Restylane (สวีเดน)
- ฟิลเลอร์ Belotero (สวิตเซอร์แลนด์)
- ฟิลเลอร์ Definisse (อิตาลี)
- ฟิลเลอร์ Flore Max (เกาหลี)
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? แพทย์จะต้องประเมินปัญหาก่อนครับ เพราะฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติต่างกัน ทั้งเนื้อฟิลเลอร์ ความยืดหยุ่น ความคงตัว รวมถึงระยะเวลาอยู่ได้นาน ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์ในการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสม แก้ปัญหาได้ตรงจุด และตรงกับงบประมาณของคนไข้
โบท็อก ราคาเริ่มต้น 6,900.- เป็นราคาที่ไม่แพงครับ โดยราคาจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด จำนวน U และยี่ห้อโบท็อกที่ใช้ V Square Clinic เลือกใช้โบท็อกแบรนด์ระดับโลก ได้แก่ โบท็อก Allergan (อเมริกา), โบท็อก Xeomin (เยอรมัน), โบท็อก Dysport (อังกฤษ), โบท็อก Aestox และ Nabota (เกาหลี) ฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี ? อ่านเพิ่มเติมได้ครับ
ฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ พร้อมกันได้ไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ และโบท็อก เป็นหัตถการที่สามารถทำร่วมกันได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น เช่น ในการแก้ปัญหาร่องแก้มลึก หมอจะแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเติมเต็มกระดูกที่ยุบตัว ทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้น
แต่เนื่องจากปัญหาร่องแก้มเกิดได้จากหลายสาเหตุ ในเคสที่ร่องแก้มลึกจากการแสดงสีหน้า ยิ้มบ่อย ๆ จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป หมอแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบท็อกปริมาณที่น้อยมาก ๆ ลงในชั้นผิว เพื่อให้เส้นเอ็นของกล้ามเนื้อที่มาเกาะกับผิวหนังชั้นบนคลายตัว โดยที่ไม่ทำให้กล้ามเนื้อชั้นล่างคลายไปด้วย ซึ่งเทคนิคนี้จะเรียกว่า Dermotoxin
แต่ไม่ควรแก้ด้วยโบท็อกทั้ง 100% เพราะจะทำให้ยิ้มดูแข็ง ๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ควรแก้ไขด้วยโบท็อก 50% และที่เหลือค่อยเติมฟิลเลอร์เทคนิค Myomodulation ซึ่งเป็นการใช้ฟิลเลอร์ฉีดหนุน หรือฉีดกดกล้ามเนื้อ จะสามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้บางส่วน ไม่แข็งเกินไป จะช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า และผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่าฉีดโบท็อกอย่างเดียว
อ่านบทความเพิ่มเติม : โบท็อกอยู่ได้กี่เดือน อยู่ได้นานแค่ไหน ?
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ กับโบท็อกซ์
สรุป
ฟิลเลอร์ (Filler) กับ โบท็อกซ์ (Botox) เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในคลินิกความงาม เพราะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ผลลัพธ์ชัดเจน ในด้านการลดริ้วรอยและปรับรูปหน้า
ก่อนทำหมอจะประเมินปัญหาผิวของแต่ละคน เพราะถึงแม้จะมาด้วยปัญหาเดียวกัน แต่สาเหตุของปัญหานั้นต่างกัน ดังนั้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดี ดูเป็นธรรมชาติ และตรงกับความต้องการ การเลือกหัตถการที่เหมาะสมจึงสำคัญครับ ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ และการฉีดโบท็อกซ์ รู้ตำแหน่งที่ฉีดและมีเทคนิคการฉีดที่คำนึงถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ต้องมาควบคู่กันครับ
เอกสารอ้างอิง :
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/320510
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3865975/
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6489637/
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ