Sculptra คืออะไร ราคาเท่าไหร่ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างไร ?

Reading Time: 5 minutes

Sculptra

sculptra

Sculptra คืออะไร ? ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างไร ?

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่จะสังเกตได้ชัดคือผิวเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ ไม่เต่งตึงเหมือนตอนเด็ก ๆ หากขาดการดูแลเป็นเวลานานก็จะเห็นเป็นริ้วรอยร่องลึก ผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ใบหน้าหมองคล้ำ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคนครับ สาเหตุมาจากการที่ร่างกายของคนเรามีความสามารถในการสร้างคอลลาเจนได้ลดลง ผิวที่มีองค์ประกอบสำคัญคือคอลลาเจน จึงเกิดการเสื่อมสภาพตามไปด้วยครับ

Sculptra เป็นเทคโนโลยีการฟื้นฟูผิวแบบใหม่ ที่จะช่วยบำรุงผิวตั้งแต่ภายใน ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้แก่ผิว ฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเรียบเนียน ดูอ่อนวัยขึ้น เป็นวิธีที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากครับ

ในบทความนี้ หมอจะแนะนำให้รู้จักกับ Sculptra ให้มากขึ้น Sculptra คืออะไร อันตรายไหม ช่วยอะไรได้บ้าง เหมาะกับผิวแบบไหน ราคาเท่าไหร่ เปรียบเทียบกับวิธีการกระตุ้นคอลลาเจนแบบอื่น ข้อดี-ข้อเสีย รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีด Sculptra หมอรวมให้ในบทความนี้แล้วครับ


Sculptra คืออะไร ?

Sculptra คืออะไร ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง เหมาะกับใครฉีดตำแหน่งไหนใช้กี่ CC l หมอ V Square แชร์หมดเปลือก

Sculptra คืออนุภาคของสาร Poly-L-Lactic acid หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า PLLA ซึ่งถือเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติตัวแรกของโลก (The First & Original Collagen Biostimulator) มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น ช่วยให้ผิวกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่น  ฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวชั้นลึก ทำให้ผิวแข็งแรงจากภายใน คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ

Sculptra ได้ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 1999 โดยมีงานวิจัยรองรับมากกว่า 50 ฉบับ และได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาในประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย  Sculptra ผลิตและพัฒนาโดยบริษัท Galderma Laboratories, L.P. 

อนุภาค PLLA ของ Sculptra ใช้กระบวนการผลิตที่ได้จดสิทธิบัตรเฉพาะของบริษัท กัลเดอร์มา เท่านั้น ได้เป็นอนุภาค PLLA-SCA ที่สามารถใช้ฉีดเข้าชั้นผิวได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพครับ

คอลลาเจนคืออะไร สำคัญอย่างไร ?

ก่อนที่จะไปทำความรู้จักกับ Sculptra อย่างละเอียด หมอแนะนำให้เข้าใจถึงความสำคัญของคอลลาเจนก่อนครับ

คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนสายยาวที่เป็นโครงสร้างหลักในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของมนุษย์ เช่น ผิวหนัง เส้นเอ็น และหลอดเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผิวหนัง ที่มีส่วนประกอบเป็นคอลลาเจนถึง 75% และคอลลาเจนเป็นโปรตีนปริมาณถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการทำให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นครับ

คอลลาเจนมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีความแข็งและยืดหยุ่นได้ดีแตกต่างกันตามแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบ โดยสามารถแบ่งคอลลาเจนออกเป็น 5 ชนิด ดังนี้

Collagen Type I : เป็นคอลลาเจนชนิดที่มีมากที่สุดในร่างกาย เป็นโครงสร้างให้กับผิวหนัง ผนังหลอดเลือด เส้นเอ็น มีความเหนียวและแข็งแรง ช่วยให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่นและคงรูปร่างได้ ปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาด ในผิวหนังจะมีคอลลาเจนชนิดนี้เป็นจำนวนมาก ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น เรียบเนียนครับ

Collagen Type II : เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบมากในกระดูกอ่อน เช่น กระดูกอ่อนใบหู กระดูกซี่โครง หลอดลม มีหน้าที่รองรับน้ำหนักและให้ความแข็งแรงกับข้อต่อต่าง ๆ ขณะที่มีการเคลื่อนไหว ดูดซับแรงกระทบไม่ให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ

Collagen Type III : เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบได้น้อย ส่วนใหญ่จะทำงานร่วมกับ Collagen Type I พบในผิว กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด 

Collagen Type IV : เป็นคอลลาเจนที่มีความเฉพาะตัว พบใน ชั้นเยื่อรับรองผิว (Basement membrane) ของอวัยวะต่าง ๆ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนสารระหว่างชั้นเนื้อเยื่อ ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด

Collagen Type V : เป็นคอลลาเจนชนิดที่อยู่ในเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ เช่น ในกระจกตา ทำงานร่วมกับคอลลาเจนในผิวหนัง ผม เล็บ และพบมากในเนื้อเยื่อของทารกในครรภ์และรก ช่วยให้เซลล์ผิวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบและการเจริญของเส้นใยในชั้นผิว

คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่พบในร่างกาย แต่อัตราการสร้างคอลลาเจนของมนุษย์จะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยมีการศึกษาพบว่าร่างกายจะสูญเสียคอลลาเจน 1.5% ต่อปีตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปี และน้อยลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อคอลลาเจนลดน้อยลง จะแสดงออกมาในรูปแบบของผิวหนังที่เริ่มมีริ้วรอย หย่อนคล้อย แห้งกร้าน ไม่กระชับ หากไม่ได้รับการดูแลจะเริ่มเป็นริ้วรอยร่องลึกได้ครับ

อัตราการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย

กระบวนการทำงานของ Sculptra

Sculptra คือสารที่มีคุณสมบัติกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว  ที่ชื่อว่า PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งได้รับการรับรองจาก อย.สหรัฐอเมริกา (US.FDA) ว่ามีความปลอดภัย

Sculptra จะถูกผสมด้วย Sterile water ก่อนนำไปฉีดเข้าผิวชั้น Subcutaneous ในช่วง 2-3 วันแรก ผิวบริเวณที่ฉีดจะดูเต็มอิ่มฟูทันทีจากโมเลกุลน้ำที่ฉีด หลังจากนั้นน้ำจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เหลือแต่ผลึกของสาร PLLA ครับ ในช่วงนี้ จะสังเกตได้ว่าจะเห็นร่องริ้วรอยกลับมาได้ครับ

ต่อมา Sculptra จะเข้าสู่กระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผ่านระบบภูมิคุ้มกัน โดยส่งสัญญาณให้ Fibroblast เซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจนเข้ามารวมตัวกันและเพิ่มจำนวน จึงเกิดการสร้างคอลลาเจนได้มากขึ้น จากงานวิจัยพบว่า Sculptra สามารถสร้างคอลลาเจนเพิ่มได้มากถึง 66.5% ผิวบริเวณที่ฉีดจึงมีความกระชับ อิ่มฟู และโครงสร้างชั้นผิวแข็งแรงยิ่งขึ้นครับ

เมื่อเวลาผ่านไป Sculptra จะค่อย ๆ สลายจนหมด เหลือเพียงเส้นใยคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นแทน สามารถช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงได้ระยะยาว คงผลลัพธ์เรื่องการยกกระชับและฟื้นฟูผิวได้ประมาณ 2 ปีครับ


Sculptra กับวิธีอื่น ๆ ต่างกันอย่างไร ? 

Sculptra กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร ?

การฉีดฟิลเลอร์ ตามความหมายในวงการเสริมความงามในประเทศไทย จะหมายถึงสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic acid หรือที่เรียกว่า ไฮยาลูรอนครับ ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องการเก็บกักน้ำ ให้ความชุ่มชื้นกับผิวบริเวณที่ฉีด เติมเต็มจุดต่าง ๆ ของใบหน้าที่มีการยุบตัว ลึกโหล 

หลังทำจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเติมเต็มอิ่มฟูได้ทันที ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่น จะคงตัวอยู่ได้นานแตกต่างกัน โดยมีตั้งแต่ 6 – 24 เดือนครับ เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่ม Volume ให้ใบหน้า แก้ไขโครงสร้างใบหน้าที่มีไขมันหรือกระดูกยุบตัว หรือการเติมเต็มเฉพาะจุดครับ

นอกจากนี้ยังมีฟิลเลอร์ skin booster เป็นฟิลเลอร์โมเลกุลเล็ก เนื้อละเอียด ที่ใช้ฉีดทั่วใบหน้า เน้นเรื่องความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว และนำมาฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวได้ครับ

ต่างจาก Sculptra ที่เป็นสาร PLLA มีคุณสมบัติกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเองตามกระบวนการตามธรรมชาติ ช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงจากภายในและมีความยืดหยุ่น เรียบเนียน ไม่เน้นการเติมปริมาตรเพียงอย่างเดียว แต่ต้องใช้เวลาเห็นผลหลังฉีด 3 สัปดาห์ขึ้นไป เห็นผลชัดเจนเมื่อคอลลาเจนสร้างขึ้นได้เต็มที่ประมาณเดือนที่ 3 และคงผลลัพธ์ยาวนานถึง 25 เดือนครับ

Sculptra กับ เมโสหน้าใส ต่างกันอย่างไร ?

เมโสหน้าใส คือการฉีดวิตามินและสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวหน้า เพื่อช่วยบำรุง ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและแก้ปัญหาต่างๆ บนผิวหน้า เช่น ลดสิว ลดผื่น ช่วยให้ฝ้า กระ จางลง ลดรอยดำจากสิว ซึ่งมีให้เลือกใช้หลายสูตร ทั้ง มาเด้คอลลาเจน, เมโส Tensonez, เมโส Depigment คุณสมบัติของเมโสหน้าใสแต่ละสูตรขึ้นกับส่วนประกอบในสูตรนั้น ๆ สามารถเลือกใช้ได้ตามปัญหาผิวหน้าของแต่ละคน แต่ผลลัพธ์หลังฉีดเมโสหน้าใสจะอยู่ได้เพียง 2-3 เดือนครับ แนะนำให้ฉีดซ้ำทุก 2-3 สัปดาห์เพื่อคงสภาพ

แต่ Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนชนิด PLLA โดดเด่นในเรื่องการช่วยให้ผิวอิ่มฟู ยกกระชับ และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า เป็นวิธีทำให้หน้าใสอีกวิธีหนึ่งที่คงผลลัพธ์ได้นาน สามารถทำควบคู่กับเมโสหน้าใสตามการพิจารณาของแพทย์ได้ครับ

Sculptra กับ Rejuran ต่างกันอย่างไร ?

Rejuran เป็นสารประเภท Polynucleotide (PN) ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมของปลาแซลมอนที่มีลำดับเบสใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ เมื่อ Rejuran เข้าสู่ชั้นผิว จะช่วยกระตุ้นการเจริญและการแบ่งตัวของเซลล์ Fibroblast ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น สร้างเซลล์เนื้อเยื่อใหม่และฟื้นฟูเซลล์ผิวเดิมที่ถูกทำลาย ทำให้ผิวแข็งแรง เพิ่มประสิทธิภาพของเกราะป้องกันผิวหน้า (Skin Barrier) ให้ถูกทำลายได้ยากมากขึ้น รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูลดลง ดูกระจ่างใส รวมถึงการสร้างเนื้อเยื่อใหม่เพื่อเติมเต็มจุดที่เป็นหลุมสิวได้ครับ

ส่วน PLLA ที่เป็นส่วนประกอบหลักของ Sculptra เป็นสารสกัดจากพืช เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและโอกาสแพ้น้อย ไม่ตกค้างในร่างกาย เหมาะกับคนที่ต้องการให้ผิวอิ่มฟู ยกกระชับผิว ลดริ้วรอยร่องลึกครับ

Sculptra กับ Gouri ต่างกันอย่างไร ?

ทั้ง Sculptra และ Gouri ต่างจัดเป็น Collagen biostimulator เช่นเดียวกันครับ แต่ Gouri เป็นสารประเภท PCL ที่อยู่ในรูปของสารละลาย แตกต่างจาก Sculptra ที่เป็นสาร PLLA ที่มาในรูปแบบผงและมีขั้นตอนการนำไปละลายก่อนฉีดครับ

Gouri และ Sculptra เป็นสารที่ช่วยให้ผิวทั่วใบหน้ามีการสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้น ฟื้นฟูผิว ช่วยให้ผิวอิ่มฟู ดูยกกระชับขึ้นได้เช่นเดียวกัน หากฉีดครบตามคำแนะนำของแพทย์ Sculptra จะคงผลลัพธ์ได้นานกว่าคือประมาณ 2 ปี ส่วน Gouri อยู่ได้ประมาณ 1 ปีครับ

Sculptra กับ Exosome ต่างกันอย่างไร ?

Exosome คือสารชีวโมเลกุลขนาดเล็ก ที่สกัดออกมาได้จากเซลล์ บรรจุ Growth factor, Peptides, Amino Acids, Coenzymes, Hyaluronic Acids และโปรตีนต่าง ๆ ในถุงที่เสมือนเยื่อหุ้มเซลล์ เนื่องจากถุง Exosome นี้มีขนาดเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปมาก จึงสามารถดูดซึมและนำไปใช้ในเซลล์ได้อย่างรวดเร็ว เน้นการกระตุ้นการซ่อมแซมผิวชั้นบน ทำให้ได้ผิวเนียนใส ลดรอยดำ ฝ้า กระ เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพ

ส่วน Sculptra จะเน้นการบำรุงในผิวชั้นลึก ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ ไม่ย้วย และใบหน้าดูอิ่มฟูยกกระชับขึ้นครับ


Sculptra เหมาะกับใคร ?

  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น
  • เหมาะกับผู้ที่ริ้วรอยที่เห็นได้ชัด ริ้วรอยจากอายุที่มากขึ้น
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวภายใน ผิวที่ขาดการดูแลเป็นเวลานาน
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ต้องการผิวแน่นอิ่มฟู
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การฉีดที่ยาวนาน ไม่มีเวลาฉีดบ่อย ๆ เพราะ Sculptra คงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี
sculptra เหมาะกับใคร

Sculptra ช่วยอะไรได้บ้าง ?

  • ช่วยฟื้นฟูผิวชั้นลึก ปรับโครงสร้างผิวจากภายใน ช่วยให้ผิวแข็งแรง
  • ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย
  • ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกให้ดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ ให้ผิวตึงกระชับ เรียบเนียน
  • ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กระจ่างใส

ขั้นตอนการฉีด Sculptra

  1. เข้ารับการตรวจประเมินสภาพผิว สอบถามปัญหาที่กังวล และรับคำปรึกษาจากแพทย์ รวมถึงรับทราบข้อปฏิบัติก่อนและหลังทำ Sculptra
  2. แปะยาชาในบริเวณที่ฉีด เป็นเวลาประมาณ 45 นาที
  3. ในขณะที่แปะยาชา แพทย์จะทำการเตรียม Sculptra ให้อยู่ในรูป Active form โดยผสม Sculptra เข้ากับน้ำกลั่นปราศจากเชื้อ (Sterile water)
  4. แพทย์ฉีด Sculptra ที่พร้อมใช้แล้วลงใต้ชั้นผิว 1.5-2 เซนติเมตร ด้วยเข็มทู่ขนาด 22-25 G
  5. เมื่อฉีดเสร็จแล้ว จะมีขั้นตอนการนวดหน้าเพื่อให้ยากระจายตัวไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณที่ต้องการ 

หลังฉีด Sculptra ดูแลตัวอย่างไร ?

  1. ควรนวดหน้าตามหลัก Triple 5 วันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ติดต่อกัน 5 วัน เพื่อช่วยให้ยากระจายตัวได้ทั่วใบหน้า 
  2. หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า การอบซาวน่า การอบไอน้ำ งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม เป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง
  3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดและแสงยูวีให้มากที่สุด จนกว่าอาการบวมและแดงจะหายเป็นปกติ
  4. หากต้องการทำหัตถการอื่น ๆ บนใบหน้า แนะนำเว้นช่วง 2-4 สัปดาห์ครับ
หลังฉีด Sculptra

Sculptra ราคาเท่าไหร่ ?

โปรโมชั่น Sculptra ราคา ที่ V Square Clinic

1 ขวด | 29,000.- 

เลือกรับฟรี 

  • REVS 1 ขวด  มูลค่า 6,000 บาท
  • Lipo VSQ 6 CC มูลค่า 6,000 บาท

2 ขวด | 50,000.- 

เลือกรับฟรี 

  • REVS 2 ขวด  มูลค่า 12,000 บาท
  • Rejuran 2 CC มูลค่า 9,900 บาท

3 ขวด | 75,000.- 

เลือกรับฟรี 

  • Hydro Deluxe 1 Syring 2.5 CC มูลค่า 16,000.-
  • REVS 3 ครั้ง  มูลค่า 18,000 บาท

4 ขวด | 100,000.- 

เลือกรับฟรี 

  • Hydro Deluxe 1 Syring 2.5 CC + REVS 1 ขวด มูลค่ารวม 22,000
  • Rejuran 4 CC มูลค่า 19,800 บาท
Landingpage_SCULPTRA_2024_TH

ฉีด Sculptra อันตรายไหม

Sculptra ได้ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มคอลลาเจนในชั้นผิวตั้งแต่ปี 1999 และได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา (US.FDA) ว่ามีความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่รับรองถึงผลลัพธ์ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้ Sculptra อย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจได้ว่า Sculptra เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ไม่อันตราย ใช้ได้อย่างปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดีครับ


ข้อควรระวังการฉีด Sculptra

ข้อห้ามในการฉีด Sculptra

  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของ Sculptra ได้แก่ Poly-L-lactic acid (PLLA), Carboxymethylcellulose (CMC) , Non-pyrogenic mannitol
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune, SLE)
  • ผู้ที่ใช้ยาในยากดภูมิคุ้มกัน
  • ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis)
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเกิดการอักเสบในตำแหน่งที่ทำ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด Sculptra

หลังทำ Sculptra อาจมีอาการบวม ปวด มีรอยแดงในบริเวณที่ฉีดได้ จะค่อย ๆ หายได้เองใน 2-3 วันครับ และในบางราย อาจคลำพบก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังในช่วงแรก แนะนำให้นวดบริเวณที่ฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ ก้อนดังกล่าว จะค่อย ๆ หายไปครับ


ฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล ?

หลังฉีด Sculptra จะเริ่มเห็นผลที่สัปดาห์ที่ 3 และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 3 เดือน คงผลลัพธ์ได้ประมาณ 2 ปี หรือ 25 เดือนครับ


ฉีด sculptra ต้องฉีดกี่ครั้ง ?

ในผู้ที่มีปัญหาผิวไม่มาก แนะนำฉีดครั้งละ 1 ขวด ต่อเนื่องกัน 3 ครั้ง ระยะเวลาห่างกันครั้งละ 1 เดือน จากนั้นจะคงสภาพผิวได้ประมาณ 2 ปีครับ

หากมีปัญหาผิวมาก หรือในผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป แนะนำฉีดครั้งละ 2 ขวดครับ


ฉีด Sculptra อยู่ได้นานไหม ?

การฉีด Sculptra แนะนำให้ฉีดต่อเนื่อง 2-3 ครั้งในช่วงแรกเพื่อปรับสภาพผิว ให้ผิวได้สร้างคอลลาเจนอย่างเต็มที่ จากนั้นจะอยู่ได้นาน 2 ปีครับ

แต่ถ้ากรณีฉีดครั้งเดียว โดยไม่ได้ฉีดซ้ำ ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 2-4 เดือน ครับ


Sculptra ของแท้ดูยังไง ?

  1. Sculptra ของแท้ ต้องมีสติกเกอร์โมโนแกรมบนกล่อง ไม่ถูกเปิดออก อยู่ในสภาพสมบูรณ์
  2. มีลายนูนรูปตัว S บนหน้ากล่อง
  3. มีเอกสารกำกับภาษาไทยและเลขทะเบียน อย. ติดอยู่ข้างกล่อง
  4. มี QR code สำหรับสแกนตรวจสอบของแท้ผ่านแอปพลิเคชัน eZTracker ได้
  5. ตัวยา Sculptra ก่อนผสมจะมีลักษณะเป็นผง (PLLA powder) ไม่มีของเหลว และเป็นสุญญากาศ
sculptra ของแท้

สรุป

Sculptra เป็นสาร PLLA ที่ใช้กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟู ยกกระชับผิว ให้กลับมาเปล่งปลั่งสดใส โดยช่วยบำรุงจากโครงสร้างภายใน ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ยาวนาน และ Sculptra ได้ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย.ไทย จึงมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย แต่ควรฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ ทำในคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้ตัวยาของแท้เท่านั้นครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ42คน

สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ

บทความแนะนำ

หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? มีอาหารอะไรที่ควรระวัง ควรกิน ควรเลี่ยง

Reading Time: 3 minutes- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรกินอะไรบ้าง ? - ถ้าเผลอกินอาหาร เครื่องดื่มที่หมอห้าม จะมีผลข้างเคียงไหม ? - คำถามที่พบบ่อย- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรกินอะไรบ้าง ? - ถ้าเผลอกินอาหาร เครื่องดื่มที่หมอห้าม จะมีผลข้างเคียงไหม ? - คำถามที่พบบ่อย

December 18, 2024 อ่านต่อ

ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง คืออะไร ? เหมาะกับใคร ? ช่วยอะไรบ้าง ?

Reading Time: 3 minutes- ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง คืออะไร ? - สาเหตุที่ทำให้ติ่งหูยาน - สาเหตุที่ทำให้หูกาง - ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง เหมาะกับใคร ? ช่วยอะไรบ้าง ? - เปรียบเทียบ ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง VS ศัลยกรรมตกแต่งใบหู - ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง ยี่ห้อไหนดี ? - ฉีดฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง ใช้กี่ CC ?

ฉีดฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดคาง แต่ละวิธี มีข้อดี-ข้อเสียอย่า...

Reading Time: 6 minutes- ฉีดฟิลเลอร์คาง คืออะไร ? - ฉีดฟิลเลอร์คาง ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? - ฟิลเลอร์คาง เหมาะกับใคร ? - ฉีดฟิลเลอร์คาง อันตรายไหม ? - ฟิลเลอร์คาง มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร ?

ไขมันช่องท้อง อันตราย! แนะนำวิธีลดไขมันช่องท้อง เพื่อหุ่น...

Reading Time: 4 minutes- ไขมันช่องท้อง เกิดจากอะไร? - การวัดค่าไขมันในช่องท้อง - ไขมันในช่องท้องเยอะ อันตรายไหม? - วิธีลดไขมันในช่องท้องด้วยตัวเอง - วิธีลดไขมันในช่องท้อง เร่งด่วน

ulthera prime รุ่นใหม่ เทียบกับรุ่นเก่าต่างกันอย่างไร ? เ...

Reading Time: 3 minutes- ulthera prime คืออะไร ? - ulthera prime ช่วยอะไรได้บ้าง ? - ulthera prime ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ? - ขั้นตอนการทำ ulthera prime - ulthera prime กี่วันเห็นผล ?

5 อาการหลังทำ HIFU ผลข้างเคียง เจ็บ บวม ช้ำ ปกติหรือไม่ ด...

Reading Time: 2 minutes- หลัง HIFU ผลข้างเคียง มีอะไรบ้าง? - วิธีดูแลตัวเองหลังทำ hifu เพื่อคงผลลัพธ์ได้นานขึ้น - เลือกคลินิกทำ hifu ที่ไหนปลอดภัย เห็นผล

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า