ร้อยไหมก้างปลา
ร้อยไหมก้างปลา คือ ชื่อที่หมอส่วนใหญ่ใช้เรียกการร้อยไหมเงี่ยง (barb) เพื่อดึงหน้า เป็นไหมละลายที่ใช้ในทางการแพทย์ครับ ไหมก้างปลาเป็นชื่อที่หมอไทยตั้งขึ้นมาเองเพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายให้คนไข้เข้าใจลักษณะของเงี่ยงไหม เพราะมีลักษณะเงี่ยงคล้าย ๆ ก้างปลา
สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการร้อยไหมก้างปลา หรือ ไหมเงี่ยง คืออะไร ? มีลักษณะเป็นแบบไหน ? ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด ? สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความนี้ครับ
สารบัญ ร้อยไหมก้างปลา
ร้อยไหมก้างปลา คืออะไร ?
การร้อยไหมก้างปลา หรือ ไหมเงี่ยง คือ ไหมที่มีลักษณะเหมือนกับก้างปลาในทางการแพทย์นี้มีชื่อ เรียกว่า bidirectional barbed thread ไม่ได้เรียกว่า fishbone (ก้างปลา)
การร้อยไหมก้างปลา จะช่วยยกกระชับผิว นิยมทำเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น แก้ไขผิวหย่อนคล้อย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเส้นไหมที่ใช้จะแบ่งออกเป็นหลายชนิด แล้วแต่ลักษณะและวัสดุ ได้แก่ PDO, PLLA และ PCL
การร้อยไหมก้างปลาเหมาะกับใคร ?
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย แก้มห้อย
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีมิติขึ้น ปรับหน้าเรียว V-Shape
- เหมาะกับผู้ที่อายุไม่มากนัก แต่ผิวหน้ามีความหย่อนคล้อย สามารถร้อยไหมก้างปลาเพื่อยกกระชับขึ้นได้
ร้อยไหมมีกี่แบบ ?
การร้อยไหมก้างปลา ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ เช่น ไหมก้างปลา 8d ไหมเงี่ยงกุหลาบ ไหมปิรันย่า ไหมจระเข้ ไหมมังกร ไหมปากฉลาม ไหมทับทิม ไหม double-lock ไหมทอร์นาโด คือชื่อที่คนไทยตั้งขึ้นมาเรียกเอง
ซึ่งในทางการแพทย์ไหมชื่อต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญครับ ล้วนเป็นไหมเงี่ยง bidirectional barbed thread ทั้งสิ้น แค่ตั้งชื่อให้แตกต่างกันด้วยเหตุผลทางการค้า
จุดที่แตกต่างกันของเส้นไหม ที่คนไข้ควรให้ความสำคัญ คือ วัสดุที่ใช้ทำเส้นไหมที่ปลอดภัย แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ PDO PLLA PCL และขนาดของเส้นไหมมีหน่วยวัดสากลคือ USP2-0, USP0, USP1, USP2 ซึ่งการแบ่งวัสดุและขนาดของเส้นไหมที่เป็นสากลนี้จึงจะสามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า ไหมชนิดนั้น ๆ คุณภาพเป็นอย่างไร อยู่ได้นานไหม ร้อยไหมกี่วันเห็นผล และดึงหน้าได้ดีแค่ไหน
อ่านบทความเพิ่มเติม : หลังร้อยไหม กี่วันเห็นผล? อยู่ได้กี่ปี? มีข้อปฏิบัติตัวหลังทำอย่างไรบ้าง ?
ลักษณะของไหมก้างปลาที่ดีที่สุด
ไหมก้างปลาที่ดีที่สุดควรมีคุณสมบัติดังนี้
- วัสดุที่ใช้ทำเส้นไหมก้างปลาที่ดีที่สุด ควรจะละลายช้าอยู่ได้นาน
วัสดุที่ใช้ ร้อยไหมก้างปลา เป็นไหมละลายที่ใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างปลอดภัย เช่นใช้ในการผ่าตัดเย็บหัวใจ ได้แก่ PDO PLLA และ PCL ในขณะที่ไหมละลายจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมกระชับขึ้นแข็งแรงขึ้นด้วย
- PDO คือ ไหมที่มีความยืดหยุ่นปานกลาง นิ่ม ไม่เปราะ เป็นไหมชนิดแรกที่นำมาใช้ในวงการเสริมความงาม และได้รับความนิยมมาก
- PLLA คือ ไหมที่มีจุดเด่นด้านความแข็ง แต่ข้อเสียคือเปราะหักง่าย
- PCL คือ ไหมที่มีจุดเด่นด้านความยืดหยุ่น ซึ่ง PCL รุ่นล่าสุดจะมีส่วนผสมของ PLLA ในสัดส่วนที่เหมาะสมด้วย จึงทำให้ PCL+PLLA เป็นวัสดุเส้นไหมที่ดีที่สุดในตอนนี้
ร้อยไหมก้างปลา อยู่ได้นานแค่ไหน ?
- PCL (Polycaprolactone) ละลายหมด อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- PLLA (Polylactate) ละลายหมด อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- PDO (Polydioxanone) จะละลายหมด อยู่ได้นาน 6-8 เดือน
การที่เส้นไหม PCL+PLLA อยู่ได้นาน 18-24 เดือนไม่ได้แปลว่าจะพยุงผิวได้นานขนาดนั้นนะครับ ในบางเคสที่โครงสร้างผิวขาดคอลลาเจนและขาดอีลาสติน การยกพยุงจะอยู่ได้สั้นลงเพราะผิวจะหลุดออกจากเส้นไหมก่อนที่ไหมจะละลาย แต่ก็สามารถแก้ด้วยการร้อยไหมเพิ่มเข้าไปในแนวเดิม เพราะไหมที่ร้อยไปก่อนหน้านี้จะสร้างอีลาสตินขึ้นมา ทำให้การร้อยไหมในครั้งต่อ ๆ ไป ผิวจะยึดเกาะได้ดีขึ้นและอยู่ได้นานขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
ร้อยไหมก้างปลา แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร ?
VDO นี้เป็นการสาธิต ให้ดูว่า ร้อยไหมแต่ละชนิด มีความแตกต่างกันอย่างไร ถ้าหากว่าใครคิดจะไปทำแต่ยังไม่ได้ดูคลิปนี้ ถือว่าพลาดอย่างแน่นอน
ไหมก้างปลาเส้นใหญ่ เงี่ยงใหญ่ จะละลายช้า อยู่ได้นานขึ้น
วิธีดูขนาดของเส้นไหมก้างปลา เราสามารถสังเกตได้จากสีของเข็มที่ใช้ ร้อยไหมก้างปลา ตามรูปด้านบนไล่จากซ้ายไปขวาดังนี้
- เข็มสีเทา 27G ใช้ร้อยไหมขนาด USP 5-0
- เข็มสีส้ม 25G ใช้ร้อยไหมขนาด USP 4-0
- เข็มสีฟ้า 23G ใช้ร้อยไหมขนาด USP 3-0
- เข็มสีเขียว 21G ใช้ร้อยไหมขนาด USP 2-0 (คลินิกทั่วๆไปนิยมใช้เนื่องจากเข็มเล็ก ร้อยง่าย บวมช้ำน้อย ไม่ต้องใช้ความชำนาญสูงก็ทำได้ แต่ไหมจะเส้นเล็กและอยู่ได้ไม่นาน)
- เข็มสีเหลืองอ่อน 20G ใช้ร้อยไหมขนาด USP0
- เข็มสีน้ำตาล 19G ใช้ร้อยไหมขนาด USP1
- เข็มสีชมพู 18G ใช้ร้อยไหมขนาด USP2 (เป็นไหมก้างปลาเส้นใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน)
ไหมก้างปลาในคลินิกทั่ว ๆ ไปจะมีขนาด USP 3/0 , 2/0 สังเกตได้จากสีของเข็มที่ใช้ร้อยไหมจะเป็น สีฟ้า(23G) หรือ สีเขียว (21G)
ที่ V Square Clinic หมอจะเลือกใช้ไหมก้างปลาเส้นที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้คือ USP2 USP1 USP0 เข็มที่ใช้ร้อยไหมจะเป็นเข็มสี สีชมพู (18G) สีน้ำตาล (19G) หรือ สีเหลืองอ่อน (20G)
ไหมก้างปลา ควรความยืดหยุ่นสูง
ตามที่หมออธิบายไว้ข้างต้น จะเห็นว่า ไหม PCL จะมีความยืดหยุ่นสูงที่สุด ทนต่อการขยับได้ดี ไม่เปราะและขาดง่าย ส่วนไหม PLLA จะแข็งทนต่อแรงดึงได้ดีที่สุด แต่เปราะและขาดง่ายเมื่ออยู่ในหน้าคนที่มีการขยับตลอดเวลา
ไหมก้างปลา ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
PLLA จะสามารถกระตุ้นการสร้าง Collagen และ elastin ได้สูงที่สุด จึงนำ PLLA มาผสมในไหม PCL รุ่นล่าสุดเพื่อช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้นหลังจากที่ร้อยไหม
นอกจากไหมก้างปลา มีไหมประเภทอื่นหรือไม่ ? อัปเดต 2024
นอกจากนี้ไหมก้างปลาที่หมออธิบายไป ยังมีการแบ่งลักษณะเส้นไหม ออกเป็น 6 แบบหลัก ๆ คือ ไหมเรียบ ไหมเงี่ยง ไหมเกลียว ไหมกรวย ไหมมิ้นท์ และไหม Tesslift Soft
ปัจจุบันไหมที่ได้รับความนิยม จะมี 3 ลักษณะคือ 1. ไหมเงี่ยงหรือไหมก้างปลา 2. ไหมมิ้นท์ และ 3.ไหมตาข่าย
- ร้อยไหมก้างปลา หรือ ไหมเงี่ยง
ไหมก้างปลาหรือไหมเงี่ยง เป็นไหมละลายที่มีเงี่ยงยื่นออกมา เพื่อช่วยเกี่ยวผิวให้ยกกระชับขึ้น แบ่งออกตามขนาดของเส้นไหม คือ ไหมเงี่ยงใหญ่ และไหมเงี่ยงเล็ก
- ไหมมิ้นท์ (Mint Lift)
ไหมมิ้นท์ เป็นไหมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับ สามารถนำมาใช้ปรับรูปหน้าให้เล็กเรียว V-Shape ลักษณะพิเศษของไหมมิ้นท์ คือ มีเงี่ยงอยู่รอบเส้นไหม 360 องศา แบบ 3 มิติ จึงช่วยเพิ่มแรงยก เส้นไหมสามารถเกาะติดกับผิวหนังได้หลายทิศทาง อีกทั้งตัวไหมมีความแข็งแรง ไม่เปราะง่าย
- ไหมตาข่าย (Tesslift Soft)
ไหมตาข่าย หรือไหมโครงตาข่าย เป็นไหมละลายที่เป็นไหมเงี่ยงล้อมรอบด้วยตาข่าย จุดเด่นอยู่ที่ความแข็งแรงของเส้นไหม มีความทนแรงต้านได้ดีกว่าไหมทั่วไปถึง 80 เท่า (การร้อยไหมตาข่าย 1 เส้น เทียบเท่ากับการร้อยไหมถึง 2 เส้น) จึงสามารถใช้ช่วยยกพยุงผิวที่หย่อนคล้อยได้ดี
ทำไมบางคนบอกว่าร้อยไหมไม่ได้ผล
เมื่อประมาณ 5-10 ปีที่แล้ว เทคนิคการ ร้อยไหมก้างปลา ยังไม่ค่อยแพร่หลาย การร้อยไหมทั่ว ๆ ไปจะใช้ไหมเรียบ (mono) เส้นเล็ก ๆ สั้น ๆ ร้อยในผิวชั้นตื้นเติมเต็มผิวคล้าย ๆ ฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องริ้วรอย แต่ไม่สามารถดึงยกกระชับผิว ผลที่ได้จึงเกิดจากอาการบวมในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกเท่านั้น ผลจึงไม่เป็นที่ประทับใจตามที่คาดหวังไว้จากคำโฆษณา ทำให้จึงมีคนไข้หลายคนที่เข็ดจากการร้อยไหม เพราะเคยเสียเงินจำนวนมากลองทำแล้วไม่ได้ผล
ในปัจจุบันแทบทุกคลินิกไม่มีการร้อยไหม mono เพื่อยกกระชับหน้าแล้ว หากคนที่ต้องการผลที่คล้าย ๆการร้อยไหม mono ก็จะนิยมทำ Hifu เพราะอยู่ได้นานกว่าและเห็นผลชัดเจนกว่า
การร้อยไหมในปัจจุบันส่วนมากจะเป็น การร้อยไหมก้างปลา แทบทั้งสิ้น จึงทำให้การร้อยไหมเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเป็นหัตถการที่ได้ผลดีมากเมื่อเทียบกับราคาที่ไม่แพง
จากภาพด้านบนเป็น ภาพเปรียบเทียบไหมเรียบ (mono) เส้นบน กับไหมก้างปลา (barb) เส้นล่าง การร้อยไหม mono ในสมัยก่อนไม่ค่อยเห็นผลเนื่องจากไหม mono ไม่มีเงี่ยงที่ช่วยในการดึงผิวที่หย่อนคล้อย
ร้อยไหมก้างปลา ช่วยยกกระชับปรับรูปหน้า
การร้อยไหมก้างปลา สามารถช่วยปรับรูปหน้า ให้เรียวขึ้น ยกกระชับขึ้น สามารถแก้ปัญหาแก้มหย่อนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถใช้ไหมก้างปลาร้อยไหมจมูก เสริมจมูกให้โด่งสวย รวมถึงช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวได้
ควรร้อยไหมก้างปลา กี่เส้น ?
หมอจะเป็นผู้ประเมินก่อนทำทุกเคส ว่าคนไข้เคสนั้น ๆ ควรจะใช้ไหมก้างปลาข้างละกี่เส้น โดยปกติจะร้อยไหมก้างปลาข้างละ 3 – 10 เส้นครับ โดยขึ้นอยู่กับ
- ขนาดเนื้อแก้มของคนไข้
- ความแน่นของผิว
- จุดไหนบ้างที่คนไข้ต้องการดึง
หมอจะประเมินจำนวนเส้นตามความเหมาะสม แต่ถ้าหากคนไข้ต้องการให้อยู่ได้นานขึ้นกว่าปกติ ก็สามารถใช้จำนวนเส้นที่เยอะขึ้นได้ คล้ายๆ การยกของด้วยเชือกหลาย ๆ เส้นย่อมมั่นคงแข็งแรงขึ้น อยู่ได้นานขึ้นครับ
ร้อยไหมก้างปลา ราคาเท่าไร ?
ที่ V Square Clinic จะเลือกใช้ ไหมก้างปลา ที่ดีที่สุด เท่านั้นครับ เส้นใหญ่ที่สุด โดยมีให้เลือก 2 วัสดุคือ PDO กับ PCL มีราคาโปรโมชันดังนี้
การร้อยไหมก้างปลา ที่ V Square Clinic ดูแลโดยแพทย์ประสบการณ์สูง ใช้เส้นไหมก้างปลาแท้คุณภาพ มีตัวอย่างผลการรักษา เคสรีวิว ให้พิจารณาประกอบการตัดสินใจ เพื่อความมั่นใจก่อนร้อยไหมจริง หลังร้อยไหมแพทย์สามารถแนะนำการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี และติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ
รีวิว ร้อยไหมก้างปลา ที่ V Square Clinic
*ผลการรักษาแตกต่างกันแต่ละบุคคล
ร้อยไหมกี่วันเห็นผล ร้อยไหมก้างปลา หน้าบวมกี่วัน ?
ไหมก้างปลา หรือไหมเงี่ยงไหมที่คล้ายตะขอจะเกี่ยวดึงผิวขึ้นหลังร้อยไหมเห็นผลได้ทันที ปกติหลังร้อยไหม ในช่วง 3-4 วันแรกจะบวมมากขึ้น และหลังจากนั้นอาการบวมจะเริ่มยุบลงจนเข้าที่ใน 14 วัน แต่ถ้าหลังจาก 4 วันแล้วยังมีการบวมแดงมากขึ้น ปวดมากขึ้น ต้องรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินและรับยากินเพิ่มครับ
ด้วยเทคนิคการร้อยไหมก้างปลา ที่พัฒนามากขึ้นในปัจจุบัน ทั้งการฉีดยาชา และการใช้เข็มทู่ รวมถึงข้อปฎิบัติตัวก่อน-หลังร้อยไหมที่ถูกต้อง ทำให้เคสส่วนมากที่ร้อยไหมหน้าจะบวมไม่มาก และดีขึ้น 80% ในระยะเวลา 7-14 วัน
ในภาพรีวิวหลังร้อยไหมก้างปลา ในหัวข้อข้างต้น จะเห็นว่หลังร้อยไหมทันทีเกือบทุกเคส จะเห็นว่าบวมช้ำไม่มากครับ
ร้อยไหมก้างปลาเจ็บไหม ?
ก่อนร้อยไหมก้างปลา หมอจะมีการฉีดยาชาให้ก่อนครับ เมื่อยาออกฤทธิ์แล้วจึงเริ่มทำการร้อยไหม ระหว่างร้อยก็จะไม่เจ็บ แต่จะรู้สึกถึงเส้นไหมตอนกำลังร้อยเข้าไปเป็นปกติ
ร้อยไหมก้างปลา ร้อยซ้ำได้ไหม ?
การร้อยไหมก้างปลา สามารถร้อยซ้ำได้ครับเมื่อรู้สีกว่าผิวเริ่มหย่อนคล้อยลง โดยส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในช่วง 4-5 เดือน สำหรับไหม PDO และ 12 เดือน สำหรับไหม PCL สามารถปรึกษาหมอให้ช่วยประเมินการร้อยไหมได้ตามความเหมาะสมครับ
หลังร้อยไหมก้างปลา จะเกิดพังผืดหรือไม่ ?
การเกิดพังผืด มีสาเหตุจากการใช้วัสดุที่ไม่มีคุณภาพครับ เช่นไหมทองคำ หรือไหมชนิดที่ไม่ละลาย ซึ่งปัจจุบันมีการยกเลิกและห้ามใช้ครับ
สรุป ร้อยไหมก้างปลาดีไหม ?
การร้อยไหมก้างปลา ดีหรือไม่ดีนั้น ขึ้นอยู่กับการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในการร้อยไหม สามารถวิเคราะห์ปัญหา แนะนำแนวทางในการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้คนไข้แต่ละเคสได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
สำหรับใครที่สนใจการร้อยไหมก้างปลา แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกไหมแบบไหนดี ร้อยไหมอะไรดีที่สุด ต้องร้อยไหมกี่เส้น สามารถปรึกษาหมอก่อนได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
เอกสารอ้างอิง
1. A.C. Vieira, J.C. Vieira, R.M. Guedes, A.T. Marques. EXPERIMENTAL DEGRADATION CHARACTERIZATION OF PLA-PCL, PGA-PCL, PDO AND PGA FIBRES. แหล่งข้อมูล:http://iccm-central.org/Proceedings/ICCM17proceedings/Themes/Behaviour/SUSTAIN%20GREEN%20COMP/F23.9%20Vieira.pdf
2. Silhouette Soft. thread lift. แหล่งข้อมูล:https://silhouette-soft.com/the-procedure/
3. Jake Yoon. MINT (Minimal Invasive Non-Surgical Thread). แหล่งข้อมูล:https://youtu.be/hhgQcIERo5w