รวมข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกและข้อควรปฏิบัติหลังทำ
การฉีดโบท็อก (โบทูลินั่ม ท็อกซิน) ได้รับความนิยมสูงต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน เพราะเห็นผลชัดเจน ทั้งการลดริ้วรอย ลดกราม ปรับรูปหน้า ราคาไม่แพง
ฉีดจุดไหนได้บ้าง ? ก่อนฉีดควรรู้อะไรบ้าง ?
ปกติโบท็อกจะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน ซึ่งในบทความนี้หมอจะเจาะลึกถึงงานวิจัยล่าสุด เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติตัวก่อนฉีดโบท็อกและหลังฉีดโบท็อก ที่ทำให้โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกตินะครับ เนื่องจากถ้าคนไข้ละเลยขั้นตอนการปฏิบัติตัวเหล่านี้ จะทำให้ต้องฉีดโบท็อกบ่อยขึ้น ซึ่งนอกจากจะเสียเงินเยอะขึ้นแล้วยังทำให้ดื้อโบท็อกง่ายขึ้นด้วยครับ
สารบัญ ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก
ก่อนฉีดโบท็อก ควรรู้อะไรบ้าง ?
ก่อนที่จะรู้วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก มีวิธีการดูแล หรือข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกอย่างไรบ้าง หมอขออธิบายถึงกลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อก เพื่อให้เข้าใจวิธีปฏิบัติตัวก่อนฉีด-หลังฉีดโบท็อก ว่าทำเพื่ออะไร คนไข้จะเข้าใจและจำได้ง่ายขึ้นครับ
โบท็อก เป็นโปรตีนในน้ำใส ๆ เมื่อฉีดเข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อ จะแยกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 ที่ถูกดูดซึมเข้าไปเก็บเข้าไว้ในเซลล์ประสาทเท่านั้นที่จะออกฤทธิ์ และถ้าส่วนนี้มีความเข้มข้นสูงก็จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นครับ
ส่วนที่ 2 ที่ไม่ถูกดูดซึมจะปลิวไปตามกระแสเลือดภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชม.หลังฉีด และถูกขับออกไปในที่สุด โดยไม่มีผลต่อเซลล์อื่น ๆ ของร่างกาย (เสียไปฟรี ๆ)
วิธีปฏิบัติตัวก่อนฉีดโบท็อก ที่จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกติ
จากการทำงานของโบท็อกข้างต้น วิธีปฏิบัติตัวก่อนฉีดโบท็อก ที่จะทำให้โบท็อกส่วนที่ 2 ปลิวไปน้อยที่สุด และทำให้ส่วนที่ 1 เข้มข้นขึ้น และอยู่ได้นานกว่าปกติ มีดังนี้ครับ
1. เลือกใช้โบท็อกแท้เท่านั้น
โบท็อกแท้จะมีการกระจายตัวยาต่ำ นั่นคือฉีดจุดไหนจะอยู่จุดนั้น ทำให้การปลิวหายไปเกิดขึ้นน้อยลง ดังนั้นก่อนฉีดทุกครั้งต้องตรวจสอบว่าเป็น “โบท็อกของแท้” เท่านั้นครับ
ก่อนฉีดเราควรเตรียมศึกษา วิธีสังเกตโบท็อกแท้ยี่ห้อต่าง ๆ และควรให้หมอแกะกล่องเปิดขวด ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้า หลังฉีดควรขอกล่องและขวดกลับบ้าน หรือถ่ายรูปเก็บไว้ตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่าฉีดโบท็อกของแท้จริง ๆ (หากเป็นคลินิกที่ใช้ของแท้ก็จะยินดีให้คนไข้ตรวจสอบได้แน่นอนครับ)
โบท็อกอเมริกาจะมีค่าการกระจายตัวต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับโบท็อกยี่ห้ออื่น ๆ แต่โบท็อกอเมริการาคาก็จะสูงกว่าเท่าตัวครับ ซึ่งหมอมีการเขียนอธิบายอย่างละเอียดใน แฉหมดเปลือก ! วิธีการเลือกใช้โบท็อก อเมริกา/อังกฤษ/เกาหลี และกลโกงโบท็อก!
โบท็อกแต่ละยี่ห้อ มีข้อควรระวังอะไร ?
นอกจากนี้การเลือกฉีดโบท็อกแท้ควรเลือกดูที่ราคาด้วยครับ ถ้าเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน ราคาจะไม่ต่างกันมาก เพราะมีราคาต้นทุนใกล้เคียงกัน ถ้าเจอ Botox ราคาถูกมาก ๆ ให้คิดไว้ว่าอาจเป็นโบท็อกปลอม หรือเอาโบท็อกเกาหลีที่ราคาถูกกว่ามาใส่ขวดขายแทน อาจส่งผลให้มีความเสี่ยงดื้อโบท็อกได้ในอนาคตครับ
สำหรับคนไข้ที่สนใจฉีดโบท็อก V Square Clinic เลือกใช้โบท็อกแท้ แบรนด์ระดับโลก ราคาสมเหตุสมผล และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น สามารถเช็กโบท็อกราคาโปรโมชั่นตามข้อมูลด้านล่างนี้ครับ
2. การผสมน้ำเกลือ
โบท็อกแท้ทุกยี่ห้อ จะมาในรูปแบบสุญญากาศแห้ง ๆ เป็นเกล็ดขาว ๆ ไม่มีน้ำ ต้องใส่น้ำเกลือลงไปละลายเพื่อดูดออกมาฉีด ถ้าเจือจางน้ำเกลือมากเกินไป จะทำให้โบท็อกปลิวไปง่ายขึ้น ปริมาณความเข้มข้นที่เหมาะสมคือ น้ำเกลือ 2.6 CC ต่อ โบท็อก 100 ยูนิตครับ
ก่อนฉีดควรให้แพทย์ผสมโบท็อกต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อจะได้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป ถ้าผสมเป็นน้ำมาแล้ว เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเจือจางหรือเข้มข้น
3. เทคนิคการฉีด
ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และหมอที่มีประสบการณ์ในการประเมินกล้ามเนื้อที่จะฉีด ว่าจุดไหนความลึกเท่าไรคือจุดที่เซลล์เส้นประสาทมาเกาะกล้ามเนื้อ ถ้าฉีดไม่ตรงจุด ก็จะได้ผลเหมือนกัน แต่เห็นผลช้าและอยู่ได้สั้นลง เพราะต้องรอโบท็อกแพร่กระจายจากจุดที่ฉีดมายังปลายเซลล์ประสาท
โดยส่วน 2 ที่ปลิวกระจายไปอาจจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาได้ทำให้ดื้อโบท็อกตามมา
4. ไม่ควรใช้จำนวนยูนิตในแต่ละครั้งเกิน 300 ยูนิต
เพราะจะเพิ่มโอกาสที่ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานได้ง่ายขึ้น และ ควรหลีกเลี่ยงเทคนิคการฉีดที่ไม่ได้ฉีดโบท็อกเข้าในกล้ามเนื้อโดยตรง เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อยา และไม่ควรใช้จำนวนยูนิตน้อยเกินไปในแต่ละจุด เพราะจะทำให้หมดฤทธิ์ไวและต้องฉีดบ่อยขึ้นก็จะเสี่ยงต่อการดื้อโบท็อกได้เช่นกันครับ ซึ่งหมอจะเป็นผู้ประเมินและแจ้งคนไข้ครับว่าควรใช้กี่ยูนิต จึงจะเหมาะสม
5. ระหว่างการฉีด
ควรประคบด้วยความเย็น เพื่อลดการไหลเวียนของเส้นเลือดรอบ ๆ บริเวณที่ฉีด จะทำให้โบท็อกอยู่เฉพาะจุดที่หมอต้องการจะฉีด ไม่ปลิวออกไป
หลังฉีดโบท็อก ควรปฏิบัติตัวแบบไหน ? ที่จะทำให้โบท็อกสลายช้าที่สุด
หลังฉีดโบท็อกทันที การปฏิบัติตัวหลังทำโดยเฉพาะในช่วงแรกสำคัญครับ จะช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
1. หลังฉีดโบท็อกทันทีในแต่ละบริเวณ ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
หลังจากฉีดเสร็จทั้งหมด ควรบริหารกล้ามเนื้อทั้งหมดที่ฉีดเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด เหลือส่วนที่จะปลิวไปน้อยที่สุด แต่ช่วงหลังฉีดที่ขยับกล้ามเนื้อ ก็ไม่ควรประคบเย็นเพราะจะขัดขวางการดูดโบท็อกเข้าเซลล์ประสาท (นั่นคือเราใช้ความเย็นบล็อกรอบ ๆ ตอนฉีด แล้วขยับกล้ามเนื้อหลังฉีดเพื่อดึงโบท็อกเข้าเซลล์ครับ)
ตัวอย่างรีวิวผลการรักษาด้วยโบท็อก
หลังฉีด เราควรรีบขยับกล้ามเนื้อแบบในรูปฝั่งซ้ายมือทันทีครับ
ถ้าฉีดกรามก็ใช้วิธีเคี้ยวหมากฝรั่งหรือกัดฟันทันทีหลังฉีด
แต่หลังจากนั้นให้พยายามเปลี่ยนนิสัยในการขยับกล้ามเนื้อจุดนั้น ๆ ให้น้อยลง เช่น พยายามไม่เคี้ยวอาหารเหนียว ๆ โดยไม่จำเป็น เพราะการที่เรากระตุ้นกล้ามเนื้อบ่อย ๆ จะทำให้เซลล์เส้นประสาทงอกขึ้นมาใหม่ได้ ถึงแม้โบท็อกจะยังไม่หมดฤทธิ์เซลล์ประสาทที่งอกมาก็จะสามารถขยับกล้ามเนื้อได้
อีกทั้งการขยับกล้ามเนื้อยังเพิ่มการไหลเวียนกระแสเลือดในบริเวณนั้น ๆ ทำให้โบท็อกส่วนที่ 1 ที่ถูกเก็บไว้ในเซลล์ประสาท สลายไปได้ไวขึ้นครับ
กล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ เมื่อเวลาผ่านไปขนาดกล้ามเนื้อจะเล็กลง และกลับมาทำงานได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น แต่ถ้ากล้ามเนื้อถูกกระตุ้นให้ใช้งานบ่อย เช่น ยิ้มบ่อย เลิกคิ้วบ่อย มักพบในคนที่เล่นสนุกเกอร์หรือเคี้ยวอาหารเหนียว ๆ นาน ๆ โดยไม่จำเป็น กล้ามเนื้อก็จะแข็งแรงขึ้นและทำให้โบท็อกอยู่ได้สั้นลง
2. หลังฉีดโบท็อกควรงดนอนราบ 3 ชม.
หลังฉีดโบแล้วหน้าบวมเป็นอาการพบได้เป็นปกติครับ ให้ดูแลตัวเองโดยอย่าแกะเกานวดบริเวณที่ฉีด รวมทั้งงดการก้มหัวลงต่ำกว่าระดับหัวใจเพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่หน้าเยอะขึ้น โบท็อกจะปลิวไปเยอะขึ้น
สำหรับโบท็อกส่วนที่ 1 ที่อยู่ในเซลล์ประสาท ทำหน้าที่ยับยั้งกล้ามเนื้อ จะต้องใช้เวลา 7-14 วัน กว่าที่จะเริ่มเห็นผลการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ และความเข้มข้นของโบท็อก จะค่อย ๆ ลดลงตามเวลา ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โบท็อกย่อยสลายไวขึ้น คือ ความร้อน และการไหลเวียนของเลือด (Metabolism)
3. ในงานวิจัยพบว่าการกินแร่ธาตุ zinc 50 mg ก่อนและหลังการฉีดโบท็อก ช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้น ออกฤทธิ์ดีขึ้น
การกินแร่ธาตุ zinc ช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น แต่ในบางเคสก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงของโบท็อกได้มากขึ้นครับ เพราะเสริมฤทธิ์รุนแรงเกินไป
ดังนั้นในการกินธาตุสังกะสีปริมาณมาก ๆ จึงแนะนำให้กินตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้นนะครับ ส่วนมากจะใช้ในเคสที่มีอาการขาดแร่ธาตุสังกะสีชัดเจน หรือเคสที่เริ่มดื้อโบท็อก (อาการคือฉีดแล้วอยู่ได้ไม่นาน) เท่านั้นครับ
แต่หากกินจากอาหารหรือกินในปริมาณปกติตามที่ Thai RDA กำหนด คือไม่เกิน 15-20 mg/วัน ก็สามารถกินเสริมได้ปกติครับ ในคนที่สังเกตตัวเองว่ามีอาการขาดธาตุสังกะสี เช่น ผมร่วงแตกปลาย, เป็นแผลเรื้อรัง, ผิวแห้งลอก, เป็นผื่นง่าย, เล็บแห้งเปราะหักง่าย, ก็แนะนำให้กินก่อนหรือหลังฉีดโบท็อกได้ครับ จะช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับแร่ธาตุสังกะสีในอาหาร
- เนื้อสัตว์ อาหารทะเล 1.5-4 mg/100 g
- หอยนางรม 75 mg/100 g
- ตับ 4-7 mg/100 g
- ไข่แดง 1.5 mg/100 g
- ในพืชผักผลไม้มีปริมาณน้อยและดูดซึมได้ยาก
การทำงานของโบท็อกที่อยู่ในเซลล์ประสาท จะต้องอาศัยแร่ธาตุ zinc (สังกะสี) เป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งในการสำรวจคนอเมริกัน (ยังไม่มีการสำรวจในคนไทย) พบว่า 30% มีอาการขาดธาตุสังกะสี (Briefel, R. R., Bialostosky, K., Kennedy-Stephenson, J., et al., 2000) ซึ่งจะทำให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ช้าลง ออกฤทธิ์ได้น้อยลง และผลโบท็อกอยู่ได้สั้นลง
จากข้อมูลจะเห็นว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อยเลยครับที่น่าจะขาดแร่ธาตุสังกะสี และยิ่งอายุมากขึ้นก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการขาดธาตุสังกะสีมากขึ้นอีกครับ
4. ควรฉีดโบท็อกต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม
ไม่ฉีดถี่เกินไป (อย่างต่ำควรเว้น 3 เดือน) และไม่เว้นระยะห่างเกินไป (ไม่ควรเว้นเกิน 5-6 เดือน) เพราะหากเว้นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ปกติ และอาจจะต้องใช้ยูนิตของโบท็อกเยอะขึ้นในการฉีดครั้งต่อ ๆ ไป
ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก
เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาดี โบท็อกอยู่ได้นาน ไม่สลายเร็ว มีข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกที่หมอแนะนำให้เลี่ยงเพราะอาจทำให้ผลการรักษาอยู่ได้สั้นลงครับ
1. ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง
ควรหลีกเลี่ยงความร้อนโดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด (หากทำไม่ได้ก็ขออย่างน้อย 48 ชม.หลังฉีดครับ) เช่น เข้าซาวน่า, ออกกำลังกายหนัก ๆ, ตากแดด, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, เลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF Thermage งดนอนคว่ำ, งดก้มหัวต่ำกว่าอก
2. หลังฉีดโบท็อกห้ามกินอะไรบ้าง ในระยะ 14 วันหลังฉีด
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก
- หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ
- อาหารที่เผ็ดมาก ๆ แสบร้อนจนหน้าแดง
- อาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง
- งดสูบบุหรี่ ในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด
เพื่อให้อาการบวมยุบเร็ว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
ในกรณีหลังจาก 2 สัปดาห์ไปแล้ว กิจกรรมเหล่านี้จะส่งผลต่ออายุของโบท็อกได้บ้าง แต่ไม่มาก ที่มีผลมากที่สุดคือ การเข้าซาวน่า และเลเซอร์ร้อน ส่วนกิจกรรมอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องงด
3. หลังฉีดโบท็อก ออกกําลังกายหนัก ๆ ต้องงดไหม ?
การงดออกกำลังการเพื่อทำให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นอันนี้ไม่คุ้มครับ เพราะการออกกำลังกายดีต่อสุขภาพ และช่วยให้ผิวใสขึ้น แค่หลีกเลี่ยงความร้อนเท่าที่ทำได้ก็พอครับ
ข้อแนะนำ : หากมีคอร์สทำหน้า นวดหน้า หรือคอร์สเลเซอร์ที่ต้องทำเป็นประจำ ควรถือโอกาสทำมาก่อนฉีดโบท็อก เพราะหลังฉีดจะต้องงดไป 2 สัปดาห์ จึงจะทำต่อได้
สรุป Timeline ข้อปฏิบัติตัวในการฉีดโบท็อก
ก่อนฉีดโบท็อก
- ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ “โบท็อกแท้” ตาม ข้อ 1, ข้อ 2
- ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน-หมอที่มีความชำนาญตาม ข้อ 3, ข้อ 4.
- หากมีคอร์สทำหน้า นวดหน้า หรือคอร์สเลเซอร์ที่ต้องทำเป็นประจำ ควรถือโอกาสทำมาก่อนฉีดโบท็อก เพราะหลังฉีดจะต้องงดไป 2 สัปดาห์ จึงจะทำต่อได้
- ควรงดยาในกลุ่มที่ลดการแข็งตัวของเลือดเช่น NSAIDs, แอสไพริน และงดสครับหน้า 2-3 วันก่อนฉีด จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเขียวช้ำ
- หากมีข้อห้ามในการฉีดโบท็อกให้ปรึกษาแพทย์
- หากมีอาการขาดธาตุสังกะสี ควรเริ่มกินอาหารที่มีธาตุสังกะสี หรือกินอาหารเสริม แต่ไม่ควรกินเกิน 20 mg/วัน ซึ่งจะช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ไวขึ้น (ไม่จำเป็นต้องกินก่อนฉีด สามารถกินหลังฉีดก็ได้ ก็สามารถช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นเช่นกัน)
ระหว่างฉีดโบท็อก
- หลังฉีดโบท็อกในแต่ละบริเวณเสร็จทันที ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดแล้วทันที 1-2 ครั้ง
- หลังจากฉีดเสร็จทั้งหมด ควรบริหารกล้ามเนื้อทั้งหมดที่ฉีด เช่น ยักคิ้ว ขมวดคิ้ว ยิ้มเยอะ ๆ เคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นเวลา 30 นาทีหลังฉีด
หลังฉีดโบท็อก 3 ชม.
- ไม่ควรประคบเย็นเพราะจะขัดขวางการดูดโบท็อกเข้าเซลล์ประสาท
- ไม่ควรนอนราบ รวมทั้งงดการก้มหัวลงต่ำกว่าระดับหัวใจ
หลังฉีดโบท็อก 24 ชม.
- สามารถทาครีมทับบริเวณเข็มได้ และแต่งหน้าทับได้ปกติ
หลังฉีดโบท็อก 48 ชม.
- หากสามารถหลีกเลี่ยงอาหารและความร้อน ตามข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกได้ ก็จะได้รับผลโบท็อก 90 % จากปกติแล้ว
หลังฉีดโบท็อก 2-3 วัน
- บางคนอาจมีผลข้างเคียงชนิดไม่อันตรายเช่น ปวดหัว ตาพร่า คอแห้ง ซึ่งผลข้างเคียงนี้เป็นแค่ชั่วคราวจะหายได้เองใน 7-14 วัน หากอาการเป็นมากสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาได้ อาการปวดหัวสามารถประคบเย็นได้
- บางคนจะเริ่มเห็นผลจากการฉีดลดริ้วรอยบางส่วน
หลังฉีดโบท็อก 7-10 วัน
- หลังฉีดโบ หน้าบวมได้เล็กน้อย รอยเขียวช้ำอาจจะยังมีอยู่จะค่อยๆจางลงเองใน 14 วัน ไม่ควรประคบร้อน
หลังฉีดโบท็อก 14 วัน
- หากสามารถหลีกเลี่ยงอาหารและความร้อน ตามข้อ 7 ได้ครบ 14 วัน ก็จะได้รับผลโบท็อก 100% จากปกติ
- เห็นผลจากการฉีดโบท็อกลดริ้วรอยเกือบเต็มที่แล้ว
- เห็นผลจากการฉีดโบท็อกลดกล้ามเนื้อกรามคือ กัดกรามจะไม่เด้ง แต่กรามจะยังไม่ยุบลง ต้องใช้เวลา 2 เดือนจึงจะยุบเต็มที่
หลังฉีดโบท็อก 14 วัน จนถึงการฉีดโบท็อกครั้งต่อไป
- สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ และพยายามหลีกเลี่ยงความร้อน
- พยายามกินอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี
- ควรฉีดโบท็อกต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม ไม่ฉีดถี่เกินไป (อย่างต่ำควรเว้น 3 เดือน) และไม่เว้นระยะห่างเกินไป (ไม่ควรเว้นเกิน 5-6 เดือน)
- ให้พยายามเปลี่ยนนิสัยในการขยับกล้ามเนื้อจุดที่ฉีดโบท็อก ให้น้อยลง
ข้อห้ามการฉีดโบท็อก ที่อันตรายถึงชีวิต
โบท็อกเป็นหัตถการที่ปลอดภัยครับ แต่ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่ควรทำหรือปรึกษาแพทย์ก่อน เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยได้ โดยแพทย์จะต้องซักถามประวัติสุขภาพของคนไข้ก่อนทำหัตถการทุกครั้ง
ข้อห้ามการฉีดโบท็อก แบบที่ไม่สามารถฉีดได้ (Absolute Contraindication)
- คนที่มีปัญหาเรื่อง โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง อาจจะอันตรายถึงชีวิต
- คนที่มีปัญหาเรื่อง กล้ามเนื้อในการกลืน
- คนที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงต่างๆ เช่น
- amyotrophic lateral sclerosis (ALS)
- Lou Gehrig’s disease
- myasthenia gravis
- Lambert-Eaton syndrome
- มีอาการติดเชื้อที่ผิวหนังในจุดที่จะฉีดโบท็อก
- มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ มีภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
ข้อห้ามการฉีดโบท็อก แบบที่ควรระวัง สามารถฉีดได้แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน
- มีประวัติเคยแพ้ส่วนผสมของโบท็อก
- โบท็อกประกอบด้วย : Botulinum toxin type A, Human albumin, Sodium chloride
- ในคนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ยังไม่มีการศึกษาที่รับรองความปลอดภัยของการฉีดโบท็อก
- สำหรับคนที่อายุ 12-18 ปี มีการศึกษารับรองความปลอดภัยในบางกรณีเท่านั้น (ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)
ข้อมูลอื่น ๆ ที่คนไข้ควรแจ้งแพทย์
- เคยมีผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกครั้งก่อน ๆ
- มีภาวะเลือดหยุดยาก เขียวช้ำง่าย
- มีกำหนดการที่จะผ่าตัด
- เคยผ่าตัดที่ใบหน้ามาก่อน
- มีภาวะหนังตาตกอยู่
- หัตถการต่าง ๆ ที่เคยทำบนใบหน้ามาก่อน เช่น โบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหม เมโส เลเซอร์ต่าง ๆ
- อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการศึกษายืนยันว่าโบท็อกเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่
- ให้นมบุตร ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการศึกษายืนยันว่าโบท็อก สามารถผ่านไปทางน้ำนมได้หรือไม่
หลังฉีดโบท็อก ห้ามกินยาอะไร ?
ควรแจ้งแพทย์ถึงยาที่คนไข้ใช้อยู่ปัจจุบัน ยาที่ได้รับพร้อมกับโบท็อกแล้วเกิดอันตรายมาก (Major Side Effect)
- กลุ่มยาฆ่าเชื้อ”แบบฉีด” บางตัว
ไม่ใช่เพราะว่าเชื้อโบท็อกจะโดนทำลายแบบความรู้ผิดๆที่เผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตนะครับ แต่ยาฆ่าเชื้อบางตัวสามารถเสริมฤทธิ์โบท็อกแล้วเกิดอันตรายได้ ห้ามใช้ร่วมกับโบท็อก ได้แก่ amikacin, colistin, polymyxin E, gentamicin, kanamycin, neomycin, netilmicin, plazomicin, polymyxin B, spectinomycin, streptomycin, tobramycin.
- กลุ่มยาคลายกล้ามเนื้อ
atracurium, cisatracurium, doxacurium, metocurine, mivacurium, pancuronium, pipecuronium, rapacuronium, rocuronium, succinylcholine, tubocurarine, vecuronium.
ยาฆ่าเชื้อและยาคลายกล้ามเนื้อที่อยู่นอกรายการข้างต้นนี้สามารถใช้ร่วมกันกับโบท็อกได้โดยไม่อันตราย
กลุ่มยาที่ใช้ร่วมกับโบท็อกแล้วอาจเกิดผลข้างเคียงแบบปานกลาง ไม่อันตราย เช่น ตาพร่า ปากแห้ง รอยช้ำ (ถ้าอาการรุนแรงก็สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อปรับชนิดยาที่ใช้ได้ครับ) ได้แก่ กลุ่มยาแก้แพ้ แก้หวัด, กลุ่มยานอนหลับ, กลุ่มยาต้านเกล็ดเลือด
และหลังฉีดโบท็อกไป ในระยะ 4 เดือน ถ้าจะรับยาอื่น ๆ เพิ่มต้องแจ้งแพทย์ที่จะจ่ายยาด้วยว่าเพิ่งฉีดโบท็อกมาครับ
Q&A : ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก
Q : ฉีดโบท็อก นวดหน้าได้ไหม ?
A : หากมีคอร์สทำหน้า นวดหน้า หรือคอร์สเลเซอร์ที่ต้องทำเป็นประจำควรถือโอกาสทำมาก่อนฉีดโบท็อก เพราะหลังฉีดจะต้องงดไป 2 อาทิตย์ จึงจะทำต่อได้
Q : ทําไมฉีดโบท็อกซ์ถึงห้ามกินเหล้า ?
A : ความร้อนของร่างกายหลังดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหลังฉีด 48 ชั่วโมง จึงควรงดก่อนครับ
Q : หลังฉีดโบท็อก กินคอลลาเจนได้ไหม ?
A : หลังฉีดโบท็อก กินคอลลาเจนหรือวิตามินได้ตามปกติครับ และต้องระวังในการรับประทานวิตามินบางตัวเช่น Zinc (แร่ธาตุสังกะสี) หากรับประทานปริมาณมากจะช่วยเสริมฤทธิ์โบท็อกให้รุนแรงเกินไป
Q : ฉีดโบท็อก กินอาหารทะเลได้ไหม ?
A : หลังฉีดโบท็อก กินอาหารทะเลได้ตามปกติครับ แต่ควรระวังเรื่องแร่ธาตุสังกะสี โดยปกติอาหารทะเลจะมีแร่ธาตุสังกะสี 1.5-4 mg/100 g
Q : ฉีดโบท็อกกินกาแฟได้ไหม ?
A : ถึงแม้ว่าคาเฟอีนจะมีผลทำให้หลอดเลือดขยายตัว แต่การดื่มกาแฟมีความเข้มข้นของคาเฟอีนเพียงเล็กน้อย ไม่ส่งผลต่อโบท็อก ไม่มีผลทำให้เกิดการบวมมากขึ้น สามารถดื่มกาแฟได้ตามปกติครับ
Q : ฉีดโบท็อกมาแล้ว ทาครีมได้ไหม ?
A : ทาครีมได้ตามปกติ แต่ควรเว้นบริเวณที่เป็นรอยเข็ม 1 คืน และหลัง 1 สัปดาห์ สามารถทำ Treatment ได้ครับ
Q : หลังฉีดโบท็อก เคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเรื่องอะไร ?
A : การเคี้ยวหมากฝรั่งหลังฉีดโบท็อก 30 นาทีแรก จะช่วยกระจายตัวยาและทำให้โบท็อกถูกดูดซึมได้ดีขึ้นครับ
Q : ทำไมหลังฉีดโบท็อกลดกล้ามเนื้อกราม ห้ามกินอาหารเหนียว ๆ ?
A : ถ้ากล้ามเนื้อถูกกระตุ้นให้ใช้งานบ่อยเช่น ยิ้มบ่อย เลิกคิ้วบ่อย (มักพบในคนที่เล่นสนุกเกอร์ หรือเคี้ยวอาหารเหนียว ๆ นาน ๆ โดยไม่จำเป็น) กล้ามเนื้อก็จะแข็งแรงขึ้นและทำให้โบท็อกอยู่ได้สั้นลง กล้ามเนื้อเด้งกลับมาใหญ่เหมือนเดิม
ถ้ากล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ เมื่อเวลาผ่านไปขนาดกล้ามเนื้อจะเล็กลง และกลับมาทำงานได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น
สรุปข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก
เพื่อให้การฉีดโบท็อกได้ผลลัพธ์ที่ดีและอยู่ได้นาน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำก่อนฉีดโบท็อก ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก ฉีดโบท็อกกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ยาแท้ และดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ดีและอยู่ได้นานขึ้นครับ
อ้างอิง
- นพ. วัลลภ พรเรืองวงศ์. (2522). พบคนไทยเสี่ยงขาดธาตุสังกะสี(zinc). แหล่งข้อมูล:https://www.gotoknow.org/posts/304343
- Botox Drug Interactions https://www.drugs.com/drug-interactions/onabotulinumtoxina,botox-index.html
- Briefel, R. R., Bialostosky, K., Kennedy-Stephenson, J., McDowell, M. A., Ervin, R. B., & Wright, J. D. (2000). Zinc intake of the U.S. population: findings from the third National Health and Nutrition Examination Survey, 1988-1994. The Journal of nutrition, 130(5S Suppl), 1367S–73S. https://doi.org/10.1093/jn/130.5.1367S
- Eleopra, R., Tugnoli, V., & De Grandis, D. (1997). The variability in the clinical effect induced by botulinum toxin type A: the role of muscle activity in humans. Movement disorders : official journal of the Movement Disorder Society, 12(1), 89–94. https://doi.org/10.1002/mds.870120115
- Flynn T. C. (2010). Botulinum toxin: examining duration of effect in facial aesthetic applications. American journal of clinical dermatology, 11(3), 183–199. https://doi.org/10.2165/11530110-000000000-00000
- Koshy, J. C., Sharabi, S. E., Feldman, E. M., Hollier, L. H., Jr, Patrinely, J. R., & Soparkar, C. N. (2012). Effect of dietary zinc and phytase supplementation on botulinum toxin treatments. Journal of drugs in dermatology : JDD, 11(4), 507–512. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/m/pubmed/22453589/
- Hallett M. (2015). Explanation of timing of botulinum neurotoxin effects, onset and duration, and clinical ways of influencing them. Toxicon : official journal of the International Society on Toxinology, 107(Pt A), 64–67. https://doi.org/10.1016/j.toxicon.2015.07.013
- MEDICATION GUIDE BOTOX® https://www.allergan.com/miscellaneous-pages/allergan-pdf-files/botox_med_guide
- Simpson L, (2013). The life history of a botulinum toxin molecule. Toxicon Jun 68:40–59.