ฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี ?
ปัจจุบันนี้การฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างสูง มีฟิลเลอร์ให้เลือกใช้มากมายหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อก็จะมีรุ่นย่อย ๆ ให้เลือกใช้หลายชนิด แล้วควรเลือกฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี ? ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จักก่อนครับว่าฟิลเลอร์ คืออะไร ? ในบทความนี้หมอรวบรวมมาไว้ให้แล้ว
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มผิวประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ “HA” เพื่อช่วยเติมเต็มหรือเสริมในชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนัง เราจะใช้ฟิลเลอร์เติมเต็มในส่วนที่เป็นร่องลึก ให้กลับมาดูอิ่มเอิบ ทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
อ่านบทความเพิ่มเติม : [เจาะลึก] ฟิลเลอร์ คืออะไร? ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ที่ควรรู้ !
สำหรับคนที่สงสัยว่า ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? หมอจะแนะนำวิธีการเลือกใช้ฟิลเลอร์ให้้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการฉีดและข้อแตกต่างของฟิลเลอร์แต่ละประเภท ฟิลเลอร์ แต่ละยี่ห้อ แม้จะเป็น Hyaluronic acid เหมือนกัน แต่มีเทคโนโลยีและขั้นตอนในการผลิตแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ จึงทำให้เกิดคุณสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกัน
ไม่มีฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหน รุ่นไหนที่ดีที่สุด ที่ฉีดได้ทุกจุดสำหรับทุกสภาพผิว ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นเหมาะกับการใช้ฉีดในจุดต่าง ๆของใบหน้าไม่เหมือนกัน ซึ่งโดยปกติเมื่อเราไปพบแพทย์เพื่อฉีดฟิลเลอร์ หมอจะเป็นผู้แนะนำว่าผิวของเราเหมาะกับฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนรุ่นไหน ซึ่งส่วนนึงก็ขึ้นกับความถนัดและเทคนิคการฉีดของหมอแต่ละคนด้วย
ดังนั้นคนไข้เองก็ควรรู้ข้อมูลเบื้องต้นไว้บ้าง เนื่องจากบางคลินิกก็ไม่ได้มีฟิลเลอร์ให้หมอเลือกใช้ครบทุกรุ่นทุกยี่ห้อ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจในอีกทางหนึ่ง เพื่อให้ผลการฉีดฟิลเลอร์ออกมาดีที่สุดตามที่แต่ละคนต้องการครับ
ความยืดหยุ่น (Plasticity,cohesiveness)
คือความทนต่อแรงบิดในแนวนอน ทนต่อการขยับ ฟิลเลอร์ที่มีค่านี้สูงจะเหมาะกับการฉีดเพื่อเติมเนื้อในบริเวณที่ผิวมีการขยับบ่อย ๆ เช่น ร่องแก้ม มุมปาก แก้มตอบ
การออกแบบ Crosslink ที่เหมาะสม เช่น เทคโนโลยี Hylacross ของ Juvederm จะทำให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี
ความกระจายตัว (Tissue Integration)
คือความสามารถในการสมานกับผิวที่อยู่รอบ ๆ ฟิลเลอร์ คุณลักษณะนี้จะเหมาะกับคนที่ผิวบางผิวแห้งเพื่อให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่เห็นเป็นก้อน เรียบเนียนไปกับผิวมากที่สุด
ค่าความอุ้มน้ำ (Water holding)
ฟิลเลอร์ที่มีค่านี้สูง หลังฉีดหากดื่มน้ำเยอะฟิลเลอร์จะฟูมาก แต่ถ้าดื่มน้ำน้อยฟิลเลอร์จะแฟบลงมาก ฟิลเลอร์กลุ่มนี้จะเหมาะกับคนไข้ที่ต้องการประหยัด คือฉีด 1 CC จะสามารถฟูได้ถึง 1.5 CC แต่ควรใช้ฉีดในจุดที่ถ้าฟูเยอะ ๆ แล้วจะมองไม่ออกว่าฟู เช่น ร่องแก้ม ขมับ ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพราะเมื่อฟูจะเห็นว่าบวมชัดเจน
โดยปกติ Hyaluronic Acid จะเป็นเส้นใยยาว ๆละลายเป็นน้ำเหลว ๆ ไม่เป็นวุ้น จะต้องผ่านกระบวนการเชื่อมต่อเส้นใยด้วยพันธะ(Crosslink) เพื่อให้เกิดเป็นตาข่ายวุ้นเป็นเนื้อเจลฟิลเลอร์นิ่ม ๆ
จำนวนการเชื่อมพันธะ (Crosslink)
ฟิลเลอร์ที่มีจำนวนพันธะเยอะขึ้น จะอยู่ได้นานขึ้น สลายช้าลง และอุ้มน้ำได้น้อยลง ฟูน้อยลง ทนต่อแรงบิดในแนวนอนได้ดี มีค่าการกระจายตัวปานกลางเหมาะกับบริเวณที่ผิวขยับบ่อย ๆ ยี่ห้อที่เด่นในเทคโนโลยีด้าน Crosslink คือ Juvederm ใช้ crosslink ที่มีประสิทธิภาพสูง (Vycross) อยู่ได้นานขึ้นและปลอดภัย เป็นเนื้อเจลข้น ๆ ไม่เป็นเม็ด (non-particle)
ข้อเสียของปริมาณ Crosslink ที่มากเกินไปคือจะทำให้สลายยากและเกิดการแพ้ได้ง่ายขึ้น และหากฉีดในปริมาณที่มากเกินไป (หลาย ๆ CC) จะมีโอกาสเกิดเป็นพังผืดเป็นก้อนได้ จะพบได้ในฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานเกรดต่ำ ๆ, ฟิลเลอร์ปลอมที่ผลิตจากจีน, ฟิลเลอร์หิ้วที่ไม่มั่นใจในการขนส่งและแหล่งที่ผลิต
ซึ่งทางที่ดีก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้งควรหาข้อมูลจุดสังเกตฟิลเลอร์ของแท้ยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน และก่อนฉีดควรให้หมอแกะกล่องแกะหลอดฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง ฉีดเสร็จควรขอกล่องและหลอดฟิลเลอร์กลับบ้านหรือถ่ายรูปเก็บได้ดู เพื่อให้มั่นใจว่าได้ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐานจริง ๆ เพื่อความปลอดภัยครับ
ขนาดของเม็ดฟิลเลอร์ (Particle size)
ฟิลเลอร์ที่มีเม็ดใหญ่จะอยู่ได้นานขึ้น และมีค่าความแข็งสูงค่าการกระจายตัวต่ำ จะยกหน้าในผิวชั้นลึกได้ดีที่สุด แต่จุดอ่อนคือไม่ค่อยทนต่อแรงบิดในแนวนอน ถ้าฉีดในตำแหน่งที่ผิวมีการขยับบ่อย ๆ จะอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากเม็ดใหญ่ ๆ จะแตกเป็นเม็ดเล็ก ๆ และสลายไว
ยี่ห้อที่เด่นในเทคโนโลยีด้านนี้คือ Restylane โดยพัฒนาร่วมกับเทคนิคการขดม้วนเส้นใยที่เรียกว่า NASHA เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Restylane เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น
ในร่างกายคนที่หนัก 70 kg. จะมี Hyaluronic Acid (HA) อยู่ 15g. กระจายอยู่ในเนื้อเยื่อ ข้อเข่า ลูกตา และผิวหนัง โดยที่ผิวหนังทั่วทั้งร่างกายจะมี HA รวมกันประมาณ 7g. หรือเทียบเท่ากับฟิลเลอร์ที่เราใช้ฉีดประมาณ 400 CC.
ซึ่งมีอยู่ในผิวทั่วร่างกายเราอยู่แล้วตามธรรมชาติ แต่จะสร้างน้อยลงตามอายุซึ่งเราสามารถฉีดชดเชยในจุดที่ขาดหายไปได้ การฉีดฟิลเลอร์ชนิด HA จึงมีความปลอดภัยและเป็นที่นิยมมากที่สุดเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ชนิดอื่น ๆ เพราะเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายตามธรรมชาติ
ในบทความนี้จะขอเปรียบเทียบเฉพาะยี่ห้อ Restylane Juvederm Belotero และ Definisse ซึ่งทั้ง 4 ยี่ห้อนี้เป็นฟิลเลอร์จากประเทศฝั่งยุโรปที่นิยมใช้มายาวนาน ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง และข้อมูลต่าง ๆ ที่แสดงในบทความนี้จะอ้างอิงจากงานวิจัยที่อยู่ในเอกสารอ้างอิง และเป็นข้อมูลจากการเยี่ยมชมโรงงานที่ยุโรปของฟิลเลอร์ทั้ง 4 ยี่ห้อ ร่วมกับข้อมูลจากประสบการณ์ฉีดฟิลเลอร์ของทีมแพทย์ V Square Clinic ครับ
ในการเลือกรุ่นและยี่ห้อฟิลเลอร์นั้น เราไม่สามารถพิจารณาแค่คุณสมบัติทางกายภาพ เพียงข้อใดข้อนึงได้ ต้องขึ้นกับการวินิจฉัยของแพทย์ว่าปัญหาของคนไข้เกิดจากการยุบตัวของผิวชั้นไหนตำแหน่งไหนและเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเนื้อเดิมของคนไข้มากที่สุด(แก้ไขที่สาเหตุโดยตรง) เพื่อให้ผลออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
2. จุดสังเกตฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อต่าง ๆ และจุดเด่นของแต่ละรุ่น
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ นอกจากต้องดูกว่าจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนเหมาะสมแล้ว ต้องมั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ที่มีความปลอดภัย โดยศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ จุดสังเกตต่าง ๆ และขอตรวจสอบกล่องก่อนฉีดทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นกล่องใหม่ ตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้
ฟิลเลอร์ ยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจาก อย.
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane จากประเทศสวีเดน เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ที่นำเข้าโดยบริษัท Galderma ได้การยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลก มีความโดดเด่นในเรื่องขนาดโมเลกุลฟิลเลอร์ ผ่านการรับรองจากอย. ไทยว่าปลอดภัย และมีหลายรุ่นให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม
Restylane Perlane Lyft
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง ฉีดแล้วไม่ฟู สามารถคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับฉีด ใต้ตา/จมูก/คาง อยู่ได้นาน 12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Restylane Perlane Lyft
Restylane Classic
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ออกแบบมาสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก ใช้เก็บรายละเอียดใต้ตาในผิวชั้นลึก เหมาะสำหรับคนผิวบาง อยู่ได้นาน 12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Restylane Classic
Restylane Vital
- ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา หน้าผาก ให้ผลเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Restylane Vital
Restylane Vital Light
- เนื้อละเอียดมากที่สุด เจลอนุภาคเล็ก แก้ไขจุดที่มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ใช้สำหรับเคสที่ผิวบาง ๆเหมาะสำหรับฉีดเก็บรายละเอียด ใต้ตา/ผิวชั้นตื้น/ปาก อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Restylane Vital Light
Restylane Volyme
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ใช้เติมชั้นผิวให้อิ่มฟูขึ้น ออกแบบมาเพื่อเติมชั้นผิวบริเวณใบหน้าให้อิ่มฟูขึ้น ใช้สำหรับฉีดเติมเต็มส่วนที่โหลลึกหรือตอบลง อยู่ได้นาน 18 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Restylane Volyme
Restylane Defyne
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เนื้อเจลมีความนิ่มปานกลางและยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำได้มาก ใช้ฉีดกระดูกที่ยุบตัวในผิวชั้นลึก เหมาะสำหรับฉีด ใต้ตา ปาก อยู่ได้นาน 18 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Restylane Defyne
Restylane Refyne
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีลักษณะยืดหยุ่น ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยลึกที่เกิดจากการยิ้ม เน้นการเติมเต็มริ้วรอยเล็ก ๆ เหมาะสำหรับฉีดปาก ร่องแก้ม มุมปาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Restylane Refyne
Restylane Kysse
- ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด แต่มีความคงตัว ช่วยสร้างขอบริมฝีปากให้ชัดเจนขึ้น เพิ่มความความชุ่มชื้น เติมความอวบอิ่ม และปรับสีปากให้ดูสดใส ออกแบบมาเพื่อฉีดและแก้ไขปัญหาริมฝีปากโดยเฉพาะ อยู่ได้นาน 12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Restylane Kysse
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm จากอเมริกา เป็นฟิลเลอร์ที่นำเข้าโดยบริษัท Allergan เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง อยู่ได้นานและมีความเรียบเนียน ด้วยเทคโนโลยี hylacross ผ่านการรับรองจากอย.ไทยว่าปลอดภัย มีทั้งหมด 6 รุ่น
Juvederm Voluma
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็งและฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการเติมใต้ตา ร่องแก้ม สามารถเติมคางและขมับได้อย่างเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 18 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Juvederm Voluma
Juvederm Volift
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความละเอียด เหมาะกับคนผิวบาง ใช้ฉีดร่องแก้มที่ไม่ลึกมาก และเก็บรายละเอียดร่องแก้มชั้นตื้น ปาก มุมปาก ระหว่างคิ้ว อยู่ได้นาน 12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Juvederm Volift
Juvederm Ultra Plus XC
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เก็บกักน้ำได้ดี จึงฉีดแล้วฟูมากทำให้เต็มสวย ทนต่อการขยับ เหมาะสำหรับฉีดขมับ ปาก ร่องแก้ม อยู่ได้นาน 12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Juvederm Ultra Plus XC
Juvedrem Volbella
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ที่มีความละเอียดมากที่สุด เหมาะสำหรับฉีดหน้าผาก มีความธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน อยู่ได้นาน 12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Juvederm Volbella
Juvederm Volite
- ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะกับฉีดในผิวชั้นตื้น เก็บรายละเอียดริ้วรอยเล็ก ๆ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิว มีความเป็นธรรมชาติ สำหรับฉีดใต้ตา บำรุงผิว (Skin booster) อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Juvederm Volite
Juvederm Volux
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีความยืดหยุ่นสูง คงรูปได้ดีที่สุด เหมาะกับฉีดคาง ใต้ตา ขมับ และร่องแก้มชั้นลึก อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Juvederm Volux
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ belotero จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าโดยบริษัท Merz Aesthetics ผ่านการรับรองจากอย. ไทยว่าปลอดภัย มีหลายรุ่นให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม กลุ่มเนื้อเจลที่มีความคงตัวมากสามารถใช้ฉีดเสริมกระดูกและเนื้อเยื่อผิวหนังที่ยุบตัวลงตามวัยได้ จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero
Belotero Volume
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัว เหมาะสำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก ช่วยเพิ่ม Volume ให้ปากได้ดี เหมาะสำหรับทรงปากสายฝอ อยู่ได้นาน 18 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Belotero Volume
Belotero Intense
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นสูง จุดเด่นคือการใช้แก้ปัญหาร่องลึกมากๆ จากการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหนังและจากการเสื่อมสภาพตามวัย เช่น ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เติมแก้มตอบ เสริมคาง อยู่ได้นาน 18 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Belotero Intense
Belotero Soft
- ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีจุดเด่นคือมีโมเลกุลเล็ก สามารถเก็บรายละเอียดได้ดี เหมาะสำหรับแก้ไขริ้วรอยบนผิวชั้นนอก แก้ปัญหาใต้ตาได้เรียบเนียน เป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Belotero Soft
ฟิลเลอร์ Definisse
Definisse Restore
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความแข็งปานกลาง เหมาะกับการเติมริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยหย่อนคล้อยตามวัย เติมร่องแก้ม ร่องมุมปากอยู่ได้นาน 12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Definisse Restore
Definisse Core
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เหมาะกับการเสริมกระดูก ปรับรูปหน้า เติม mid-face คาง กรอบหน้า อยู่ได้ 18 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Definisse Core
Definisse Touch
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เนียนละเอียด ขึ้นรูปได้ดี เหมาะฉีดตำแหน่ง ใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก ปาก อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Definisse Touch
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ?
ร่องใต้ตาเป็นจุดที่ควรแก้ไขเป็นอันดับแรกในคนไข้เกือบทุกคน เพราะเป็นจุดที่เนื้อและกระดูกยุบตัวลงเป็นจุดแรกตามวัย มักจะเริ่มเห็นร่องในคนที่อายุ 20 ปีขึ้นไป ทำให้หน้าดูเหนื่อยล้าดูโทรมไม่สดชื่น และถ้าเราปล่อยให้ร่องใต้ตาลึกนาน ๆไปก็จะเกิดเป็นถุงใต้ตาตามมา
การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยให้หน้าโดยรวมดูเด็กลงสดชื่นขึ้นอย่างชัดเจนและสามารถช่วยป้องกันการเกิดถุงใต้ตาในอนาคตได้อีกด้วย ในคนที่ร่องใต้ตาลึกมาก จะต้องใช้ฟิลเลอร์ 2 ชนิดในการเติมร่องใต้ตา
- ชนิดที่ 1 ใช้ฉีดเพื่อทดแทนการยุบตัวของกระดูกในผิวชั้นลึก ตัวที่เหมาะคือ Restylane Perlane Lyft (อยู่ได้ 12 เดือน), Restylane Classic (อยู่ได้ 12 เดือน), Restylane Defyne (อยู่ได้ 18 เดือน), Juvederm Voluma (อยู่ได้ 18 เดือน), Juvederm Volux (อยู่ได้ 18-24 เดือน) และ Belotero volume (18 เดือน) เพราะสามารถยกพยุงผิวได้ใกล้เคียงกับกระดูกมากที่สุด
- ชนิดที่ 2 ใช้ฉีดเพื่อเก็บรายละเอียดในร่องใต้ตาชั้นบน ตัวที่เหมาะที่สุดคือ Restylane Vital Light (อยู่ได้ 6-12 เดือน) เนื้อละเอียดที่สุด ไม่เป็นก้อน แม้จะอยู่ได้สั้นกว่าตัวอื่น ๆ แต่ก็จำเป็นต้องใช้หากต้องการเก็บรายละเอียดในผิวชั้นตื้นเพื่อให้เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Restylane Vital (อยู่ได้ 12 เดือน), Juvederm Volite (อยู่ได้ 8-12 เดือน), และ Belotero Soft (อยู่ได้ 6-12 เดือน)
ในคนที่ใต้ตาลึกไม่มากสามารถใช้แค่ชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 ตัวใดตัวนึงได้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำ ถ้าคนที่ผิวบางและแห้งมาก ๆ ควรเลือกใช้ชนิดที่ 2 แม้จะอยู่ได้สั้นแต่จะไม่เป็นก้อน ถ้าคนที่ผิวชุ่มชื้นสามารถเลือกชนิดที่ 1 ได้จะอยู่ได้นานกว่า
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ยี่ห้อไหนดี ?
แบ่งตามสาเหตุการเกิดได้ 4 รูปแบบ เรียงตามที่พบบ่อยที่สุดดังนี้
- แบบที่ 1 เนื้อและกระดูกบริเวณใต้ตายุบตัวลงทำให้เนื้อแก้มหย่อนลงมาทำให้เกิดร่องแก้ม แบบนี้ถ้าเติมร่องแก้มอย่างเดียวจะไม่สวยหน้าจะดูอูม ๆ ร่องแก้มเต็ม แต่ใต้ตาลึกดูผิดธรรมชาติ ควรเติมใต้ตาเพื่อดึงเนื้อบางส่วนขึ้นไปก่อน จะทำให้ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ร่องแก้มน้อยลงและดูเข้ารูปเป็นธรรมชาติมากกว่า
- แบบที่ 2 กระดูกใต้ปีกจมูกยุบตัวลง แบบนี้ควรฉีดลึกในชั้นติดกระดูกเพื่อทดแทนการยุบตัวของกระดูก แต่ในบริเวณนี้เนื้อมีการขยับมากกว่าใต้ตาจึงต้องเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีค่าความยืดหยุ่นสูงเพื่อให้ทนต่อการขยับของร่องแก้ม ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดคือ Juvederm Ultra Plus (อยู่ได้ 12 เดือน), Juvederm Voluma (อยู่ได้ 18 เดือน), Juvederm Volux (อยู่ได้ 18-24 เดือน) และ Belotero Intense (18 เดือน)
- แบบที่ 3 กล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มทำงานเยอะ การเติมฟิลเลอร์แก้ไขร่องแก้มตามข้อ 1 และ ข้อ 2 จะช่วยลดการดึงของกล้ามเนื้อนี้ได้ในระดับนึง แต่ถ้ายังไม่พอก็สามารถใช้ botox dermolift ช่วยเสริมได้ โดยที่ botox ตำแหน่งนี้ต้องฉีดทุก ๆ 3-4 เดือน
- แบบที่ 4 ผิวชั้นบนบริเวณร่องแก้มแห้งและบางมาก ต้องเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มในผิวชั้นตื้น ควรเลือกใช้ Juvederm Volift (12 เดือน) หรือ Restylane Volyme (18 เดือน) ยาจะกระจายตัวและเรียบเนียนไปกับผิวได้ดี เป็นธรรมชาติไม่เป็นก้อน
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มดีไหม? ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ไหนดี การฉีดด้วยเทคนิคเฉพาะและการดูแลหลังฉีด
ฟิลเลอร์มุมปาก ยี่ห้อไหนดี ?
ในคนที่แก้มหย่อนมากแม้จะร้อยไหมดึงแก้มแล้วแต่ยังมีร่องมุมปากอยู่ ก็สามารถใช้ฟิลเลอร์ช่วยเสริมได้ ซึ่งเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์บริเวณนี้จะคล้าย ๆ กับการเติมร่องแก้มแบบที่ 4 ควรเลือกใช้ Juvederm Volift (อยู่ได้ 12 เดือน) หรือ Restylane Volyme (อยู่ได้ 18 เดือน) ยาจะกระจายตัวและเรียบเนียนไปกับผิวได้ดี เป็นธรรมชาติมากที่สุดไม่เป็นก้อนครับ
ฉีดฟิลเลอร์คาง ยี่ห้อไหนดี ?
ในคนที่ต้องการให้คางยาวขึ้นหน้าเรียวอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถเติมฟิลเลอร์คางได้ครับ โดยจากประสบการณ์ฟิลเลอร์ที่ฉีดคางและปั้นเป็นทรงได้สวยที่สุดคือ Restylane Perlane Lyft (อยู่ได้ 12 เดือน), Juvederm Volux (อยู่ได้ 18-24 เดือน), Juvederm Voluma (อยู่ได้ 18 เดือน), Belotero Volume (อยู่ได้ 18 เดือน) โดยต้องฉีดในชั้นใต้กล้ามเนื้อ mentalis เท่านั้นนะครับ จึงจะเป็นทรงธรรมชาติยิ้มแล้วไม่เป็นก้อน รายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์คางจะมีอธิบายไว้แล้วในบทความการฉีดฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดเสริมคางครับ
ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ยี่ห้อไหนดี ?
เป็นตำแหน่งที่สามารถใช้ฟิลเลอร์ได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ควรฉีดด้วยเทคนิคเข็มแหลมชนกระดูกเพื่อไม่ให้เห็นเป็นก้อน ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ตัวที่อยู่ได้นานที่สุด หมอแนะนำให้ใช้ Juvederm Ultra Plus ( อยู่ได้ 12 เดือน), Juvederm Volux (อยู่ได้ 18-24 เดือน),หรือ Juvederm Voluma (อยู่ได้ 18 เดือน) ครับ ส่วนในคนที่ผิวบางมาก ๆ ควรใช้ Restylane Volyme (18 เดือน) ครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ขมับ ช่วยลดโหนกแก้ม เสริมโหงวเฮ้งรับทรัพย์ 8 ข้อที่ควรรู้ก่อนทำ
ฉีดฟิลเลอร์จมูก ยี่ห้อไหนดี ?
ฟิลเลอร์ยี่ห้อเดียวและรุ่นเดียวที่เหมาะกับตำแหน่งนี้คือ Restylane perlane lyft ของแท้เท่านั้นครับ เพราะเป็นตำแหน่งที่ต้องการความละเอียดสูงมาก ไม่อุ้มน้ำ ไม่ฟู ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีค่าความแข็ง(Elasticity)สูงที่สุด แต่ไม่ได้แข็งจนผิดธรรมชาตินะครับ ยังเป็นเนื้อผิวปกติอยู่ หากใช้รุ่นอื่นยี่ห้ออื่นจะสวยแค่ในช่วงแรก ๆหลังจากนั้นสันจมูกจะคมชัดน้อยลงและบานออกครับ
สำหรับคนที่มี plan จะผ่าตัดเสริมจมูกในอนาคตไม่ควรฉีดฟิลเลอร์จมูกครับ จะทำให้ซิลิโคนจมูกที่จะเสริมเกาะยึดจมูกยากขึ้น แต่ถ้าไม่คิดจะผ่าตัดก็สามารถใช้ฟิลเลอร์ช่วยได้ครับ ควรฉีดฟิลเลอร์จมูกกับแพทย์ที่ชำนาญเท่านั้น
อ่านบทความเพิ่มเติม : ร้อยไหมจมูก ฟิลเลอร์จมูก อันตรายไหม vs การผ่าตัดเสริมจมูก ข้อดี-ข้อเสียที่ควรรู้ก่อนทำ
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี ?
เป็นตำแหน่งที่ผิวมีการขยับบ่อยมาก ดังนั้นฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ควรมีค่าความยืดหยุ่นสูงครับถ้าไม่รู้ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี หมอแนะนำยี่ห้อ Juvederm, Restylane และ Belotero เป็นหลักครับ
- Juvederm Ultra Plus (อยู่ได้ 12 เดือน) เนื้อนิ่ม และฟูมาก เหมาะกับคนที่ต้องการปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง
- Juvederm Voluma (อยู่ได้ 18 เดือน) เนื้อแข็ง แน่น ฟูปานกลาง อยู่ได้นานที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปากอวบอิ่มและอยู่ได้นาน
- Juvederm Volift (อยู่ได้ 12 เดือน) เนื้อนิ่ม มีความละเอียด และยืดหยุ่นสูง ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน
- Juvederm Volite (อยู่ได้ 8-12 เดือน) เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวปากชุ่มชื้น อวบอิ่มขึ้นเล็กน้อย
- Restylane Vital Light (อยู่ได้ 6-12 เดือน) เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะกับผูู้ที่ต้องการแก้ไขริมฝีปากแห้ง โดยไม่ต้องเพิ่มความหนามาก
- Restylane Volyme (อยู่ได้ 18 เดือน) เนื้อนิ่มปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำ ดูเป็นธรรมชาติไม่เป็นก้อน เหมาะฉีดมุมปาก
- Restylane Refyne (อยู่ได้ 12 เดือน) เนื้อเจลมีลักษณะยืดหยุ่น สามารถเติมเต็มให้ปากอวบอิ่ม เป็นธรรมชาติ
- Restylane Kysse (อยู่ได้ 12 เดือน) ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด แต่มีความคงตัว สร้างขอบริมฝีปากที่ชัดเจนให้ความชุ่มชื้นและความอวบอิ่ม ออกแบบมาสำหรับใช้เติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ
- Belotero Volume (อยู่ได้ 12-18 เดือน) เนื้อแน่น อยู่ทรง ช่วยเพิ่ม Volume ให้ปากได้ดี เหมาะสำหรับทรงปากสายฝอ
- Teoxane RHA 2 (อยู่ได้นาน 18 เดือน) เนื้อนิ่มค่อนไปทางแน่นปานกลาง ใช้เติมเต็มเพิ่มวอลลุ่มให้กับริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ปาก เซ็กซี่แบบธรรมชาติ ทรงปากที่เหมาะกับคนไทย
“ ฟิลเลอร์ Restylane Kysse จากสวีเดน เป็นฟิลเลอร์รุ่นเดียวที่ออกแบบมาเพื่อใช้ฉีดและแก้ไขปัญหาริมฝีปากโดยเฉพาะ มีลักษณะพิเศษคือเป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด แต่มีความคงตัว สามารถช่วยสร้างขอบริมฝีปากให้ชัดเจนขึ้น เพิ่มความความชุ่มชื้น เติมความอวบอิ่ม และปรับสีปากให้ดูสดใสขึ้นได้ อยู่ได้นาน 1 ปี ”
ฟิลเลอร์แก้มตอบ ยี่ห้อไหนดี ?
คนที่แก้มตอบมักจะมีผิวบางและมีชั้นไขมันน้อย ฟิลเลอร์ตัวที่เหมาะที่สุดและอยู่ได้นานคือ Restylane Volyme รองลงมาคือ Juvederm Volift จะสามารถกระจายตัวได้ดีเรียบเนียนเป็นธรรมชาติมากที่สุด
อ่านบทความเพิ่มเติม : : ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ แก้ปัญหาหน้าโทรม ดีอย่างไร ? ต้องใช้กี่ CC ?
ฟิลเลอร์แก้มส้ม ยี่ห้อไหนดี ?
รูปหน้าในวัยหนุ่มสาวส่วนใหญ่มักมีลักษณะคล้ายสามเหลี่ยมคว่ำ ใบหน้าช่วงกลางไม่หย่อนคล้อย ร่องใต้ตาเต็ม ดูมีชีวิตชีวา แต่เมื่ออายุมากขึ้นสามเหลี่ยมนี้จะค่อย ๆ หย่อนลง
กลายเป็นสามเหลี่ยมหัวตั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากการเสื่อมลงของคอลลาเจนและอีลาสติน รวมไปถึงแรงโน้มถ่วงของโลก ชั้นไขมันและกระดูกบนใบหน้ามีการยุบตัว แก้มตก มีริ้วรอย ร่องใต้ตา ทำให้หน้าแบนลงหรือดูไม่มีมิติ
เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการเติมเต็มใบหน้าในจุดที่มีปัญหา โดย “การทำฟิลเลอร์แก้มส้ม” คือการเติมฟิลเลอร์ลงไปในบริเวณ 8 จุด ที่ไขมันยุบลงไป โหนกแก้ม แก้มด้านบน ร่องน้ำตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก ข้างคาง ด้านหน้าของใบหู แก้ม จะได้ผลเหมือนกับการนำผลส้มมาวางบนใบหน้า
เมื่อดูด้านข้างจะมี Ogee curve หรือ S curve คือเป็นตัว S ด้านข้างใบหน้า โหนกแก้มโค้งมนสวย มีมิติ หน้าไม่ดูหย่อนคล้อยลงมา เมื่อเรามีแก้มส้มจะทำให้ใบหน้าดูเด็กลง
ทำแก้มส้มเลือกฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี หมอแนะนำ Restylane Perlane Lyft รุ่นผสมยาชา อยู่ได้ 12 เดือน เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด
สำหรับคนไข้ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะ ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี? ให้ดูจากความน่าเชื่อถือและมาตรฐานของคลินิกเป็นหลัก และสามารถดูได้จาก
1. มีรีวิวที่น่าเชื่อถือได้
จากผู้ใช้บริการจริง พิจารณาจากแหล่งที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือ มีความเป็นปัจจุบัน และควรดูรีวิวที่เป็นคลิปวิดิโอก่อน-หลังทำ จะสามารถเปรียบเทียบได้ชัดเจน
2. มีราคาที่เหมาะสม
ไม่สูงหรือต่ำต่างไปจากคลินิกอื่น ๆมาก ซึ่งอาจจะแตกต่างกันได้ในด้านความชำนาญของแพทย์
3. ดูเคสรีวิวของแพทย์แต่ละคน
แพทย์ต้องมีประสบการณ์และความชำนาญ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ และบวมช้ำน้อยที่สุด
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี เลือกอย่างไรให้ปลอดภัย และผลออกมาดูเป็นธรรมชาติ
สรุป
สำหรับผู้ที่สนใจการฉีดฟิลเลอร์ และกำลังตัดสินใจว่าจะฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ก่อนตัดสินใจว่าจะฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน หรือฉีดที่ไหนดี ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุดครับ และให้หมอช่วยประเมินปัญหา เลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อที่เหมาะสมกับแต่ละคน เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย
เอกสารอ้างอิง
1. Comparative Physical Properties of Hyaluronic Acid Dermal Fillers, Kablik J et al dermatol surg. 2009; 35(suppl 1) : 302-312
2. Öhrlund, Å. (2018) Evaluation of Rheometry Amplitude Sweep Cross-Over Point as an Index of Flexibility for HA Fillers. Journal of Cos- metics, Dermatological Sciences and Ap- plications, 8, 47-54.
3. K. Edsman, L.I. Nord, Å. Öhrlund, H. Lärkner, A.H. Kenne Gel properties of hyaluronic acid dermal fillers Dermatologic Surgery, 38 (7) (2012), pp. 1170-1179
4. D. Stocks, H. Sundaram, J. Michaels, M.J. Durrani, M.S. Wortzman, D.B. Nelson Rheological evaluation of the physical properties of hyaluronic acid dermal fillers Journal of Drugs in Dermatology, 10 (9) (2011), pp. 974-980
5. A. La Gatta, C. Schiraldi, A. Papa, M. De Rosa Comparative analysis of commercial dermal fillers based on crosslinked hyaluronan: physical characterization and in vitro enzymatic degradation Polymer Degradation and Stability, 96 (4) (2011), pp. 630-636
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ
ฟิลเลอร์ (Filler) กับโบท็อกซ์ (Botox) ต่างกันอย่างไร ? ทำพร้อมกันได้ไหม ?
Reading Time: 4 minutes- ฟิลเลอร์ คืออะไร ? - โบท็อกซ์ คืออะไร ? - ฟิลเลอร์ (Filler) กับ โบท็อกซ์ (Botox) ต่างกันอย่างไร ? - เปรียบเทียบข้อดี ข้อจำกัดของฟิลเลอร์ กับโบท็อกซ์ - เลือกฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ดี แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ?
9 ข้อ ที่ต้องระวัง ! และควรรู้ในการทำ Hifu | โดยทีมแพทย์ ...
Reading Time: 5 minutes- Hifu คืออะไร อันตรายกับผิวไหม ? - อายุไม่ถึง 25 ปีทำ Hifu จะมีผลเสียอย่างไร ? - ควรเลือกทำ Hifu ที่ไหนดี คลินิกไหนดี ระวังการโฆษณา Hifu ที่เกินจริง ของคลินิกต่าง ๆ - Hifu เห็นผลทันที จริงไหม ? - Hifu ทั่วทั้งตัว ได้ผลทุกส่วนจริงหรือไม่ ?
โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก คืออะไร ? อันตรายไหม ? เหมาะกับใครบ้...
Reading Time: 4 minutes- ภาวะยิ้มเห็นเหงือก คืออะไร ? เกิดจากสาเหตุใดบ้าง ? - โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก คืออะไร ? แก้ยิ้มเห็นเหงือกได้อย่างไร ? - โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก ช่วยเรื่องใดบ้าง ? - โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก เหมาะกับใคร ? - โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก ข้อดี และข้อเสีย
ฟิลเลอร์สะโพก เสริมก้น เติมเต็มส่วนที่เว้า บุ๋ม ต้องใช้ฟิ...
Reading Time: 3 minutes- ฟิลเลอร์สะโพกคืออะไร ? - ฟิลเลอร์สะโพกอันตรายไหม ? มีอะไรที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ - ฟิลเลอร์สะโพกช่วยปรับรูปทรงสะโพกให้โค้งสวยได้จริงหรือไม่ ? - แก้ปัญหา Hip Dip ด้วยฟิลเลอร์สะโพก เคล็ดลับเพื่อสะโพกสวยเนียน - ปัญหาสะโพกที่ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ไขได้ มีอะไรบ้าง ?
[เจาะลึก] ฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดคาง แต่ละวิธี มีข้อดี-ข้อเ...
Reading Time: 3 minutes- ทำไม ? ฉีดฟิลเลอร์คาง มาแล้วยิ้มเป็นก้อน ดูไม่ธรรมชาติ - ฉีดฟิลเลอร์คางด้วยเทคนิคเดียวกับการผ่าตัด ดีอย่างไร ? - ฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดเสริมคาง ? - ฟิลเลอร์คาง มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร ? - ฟิลเลอร์คาง ใช้ยี่ห้อไหนดีที่สุด ?
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ร่องแก้มลึก ด้วยเทคนิคเฉพาะที่แตกต่าง...
Reading Time: 3 minutesฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ร่องแก้มลึก ด้วยเทคนิคเฉพาะที่แตกต่างในแต่ละเคส