เติมไขมันหน้า
การเติมไขมันหน้าเด็กกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน ซึ่งจากที่ได้เจอเคสมา ก็พบเคสจำนวนมากที่ผิดหวังจากการเติมไขมัน เพราะไม่ได้เห็นผลอยู่ได้นานเหมือนตามที่โฆษณา ฉีดไขมันแล้วเป็นก้อน หรือผิวไม่เรียบเสมอกัน
บทความนี้หมอจะขอเจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้ไขมันที่เติมปลูกไม่ติด ข้อมูลต่าง ๆ ที่ควรรู้ก่อนการเติมไขมัน ดีไหม อยู่ได้นานไหม? และอันตรายที่ซ่อนอยู่ของการเติมไขมันที่คนไข้หลาย ๆ คนยังไม่ทราบ และเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย ของการเติมไขมันบนใบหน้าครับ
สารบัญ เติมไขมันหน้า
- ถ้าหน้ายุบเยอะมาก ๆ ควรเติมไขมันเท่านั้นจริงหรือ ?
- การเติมไขมันที่ใบหน้าควรเติมแบบไม่จำกัด cc ควรทำทีเดียวให้คุ้ม จริงหรือไม่ ?
- การเติมไขมันหน้า จะได้ผลที่ดูเป็นธรรมชาติ เพราะเป็นไขมันของเราเอง จริงหรือไม่ ?
- การเติมไขมันหน้าปลอดภัยกว่าการเติมฟิลเลอร์ จริงหรือไม่ ?
- การเติมไขมันหน้า อยู่ได้ถาวรจริงหรือไม่ ?
- ฉีดไขมันหน้า อยู่ได้นานไหม ?
- ฉีดไขมันแล้วเป็นก้อนเกิดจากอะไร ?
- หากไขมันใต้ตาแล้วเป็นก้อน ต้องแก้ไขอย่างไร ?
- ฉีดไขมันหน้าดีไหม สรุปข้อดี-ข้อเสีย เติมไขมันหน้า vs ฉีดฟิลเลอร์
ในส่วนที่เนื้อยุบตัวลง เราสามารถเลือกได้ทั้งการเติมไขมันหน้าและฉีดฟิลเลอร์ได้ครับ โดยจะมีข้อดีข้อเสียเปรียบเทียบให้ดูอย่างละเอียดในข้อต่อ ๆ ไปครับ
ในส่วนที่กระดูกยุบตัวลง ไม่สามารถใช้ไขมันเติมได้ครับ เนื่องจากในชั้นเยื่อหุ้มกระดูกมีเส้นเลือดมาเลี้ยงน้อย เซลล์ไขมันไม่สามารถอยู่รอดได้ และไขมันจะเป็นเนื้อนิ่ม ๆ ไม่สามารถทำหน้าที่ยกพยุงผิวหน้าได้ดีเท่ากระดูก
ในกรณีนี้สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเติมด้วยฟิลเลอร์ครับ จะมีรุ่นที่ใช้สำหรับยกหน้าโดยเฉพาะครับ
หากเติมที่เนื้ออย่างเดียวโดยไม่เสริมกระดูกขึ้นมา หน้าก็จะเต็มอย่างเดียว ไม่เข้ารูป ไม่มีมิติครับ ขาดความคมของใบหน้า และเราไม่สามารถฉีดไขมันด้วยเทคนิคยกพยุงหน้าแบบที่ใช้ฟิลเลอร์ฉีดได้ครับ
ไขมันที่เติมเป็นเซลล์ที่ต้องการเส้นเลือดมาเลี้ยงครับ ถ้าปลูกแน่นเกินไป เส้นเลือดเจริญเติบโตเข้ามาเลี้ยงไม่ทัน เซลล์ก็จะตายไปครับ ปลูกไม่ติด
แต่คนเข้าใจผิดกันเยอะ เพราะรีวิวเติมไขมันที่หน้า ส่วนมากจะเน้นเติมไขมันให้เห็นความเปลี่ยนแปลง before-after ชัดเจน แต่เคสรีวิวที่เห็นเติมเยอะๆ เหล่านั้น 70% เมื่อเวลาผ่านไป 6-12 เดือน เซลล์ไขมันที่เติมจะยุบหายเกือบหมดเลยครับเพราะการเติมเยอะ ๆ โอกาสที่ไขมันจะติดน้อยมากครับ
หมอก็จำใจต้องฉีดปริมาณเยอะ ๆ ที่คนไข้ต้องการเพราะคนไข้ส่วนมากติดภาพกับเคสรีวิวที่โฆษณา
การเติมไขมันหน้า ด้วยเทคนิคที่ทำให้เซลล์ไขมันมีโอกาสรอดมากที่สุดคือ เทคนิค micro fat graft เป็นการฉีดเซลล์ไขมันปริมาณน้อยมากๆ (ขนาดไม่เกินจุดละ 0.01 cc) กระจายทั่ว ๆ ในทุกชั้นของผิว ซึ่งผลที่ได้ ก็จะไม่ได้เต็มสวยทันทีเหมือนตามรีวิวครับ จะต้องรอให้เซลล์ไขมันที่ปลูกไว้ค่อย ๆ โตขึ้นมาในระยะ 6 เดือน - 1 ปี จึงจะมีโอกาสอยู่ได้ถาวรครับ และอาจจะต้องปลูกถ่ายเพิ่มอีกถ้าต้องการให้เต็มสวย
และชั้นผิวที่ถูกยืดออกจากการเติมเนื้อที่มากเกินพอดี จะขาดความกระชับครับ จะนิ่ม ๆ ยวบยาบ สัมผัสไม่เป็นธรรมชาติ และหย่อนลงในที่สุด
Q : การเติมไขมันหน้า จะได้ผลที่ดูเป็นธรรมชาติ เพราะเป็นไขมันของเราเอง จริงหรือไม่ ?
ในเคสที่มีการยุบตัวของกระดูกร่วมด้วย หากเติมเนื้อด้วยไขมันเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่ยกพยุงโครงกระดูกขึ้นด้วย เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน 3-5 ปี เนื้อทั้งหมดจะเริ่มหย่อนลงแบบทวีคูณครับ เพราะขาดโครงสร้างกระดูกที่ช่วยพยุง คล้าย ๆ ลูกโป่งที่ใส่น้ำเข้าไปแล้วทิ้งไว้นาน ๆ จะหย่อนลง เพราะขาดโครงที่พยุงข้างใน
ซึ่งการยุบตัวของกระดูกนั้น จะเริ่มเกิดในทุกคนตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไปครับ
การฉีดฟิลเลอร์ในชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูก นอกจากจะช่วยดึงหน้า ที่หย่อนจากการยุบตัวของกระดูกแล้ว ยังช่วยป้องกันความหย่อนในอนาคตได้อีกด้วยครับ ผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการเติมไขมันครับ แต่ราคาจะสูงกว่าเมื่อเทียบต่อ cc
*ผลการรักษาแตกต่างกันแต่ละบุคคล
ตัวอย่างรีวิวเคสที่ฉีดยกพยุงหน้าด้วยฟิลเลอร์ครับ จะเห็นว่าหลังทำหน้าจะดูยกขึ้นแบบไม่บานออก ดูกระชับขึ้นกว่าก่อนทำแบบธรรมชาติ และถึงแม้จะเป็นการเติม แต่ก็ทำให้หน้าดูเล็กลง
ถ้าใช้ไขมันเติมมากเกินไปหรือฉีดฟิลเลอร์แบบผิดวิธี หน้าจะดูบวม ๆ ไม่ธรรมชาติครับ
Q : การเติมไขมันหน้าปลอดภัยกว่าการเติมฟิลเลอร์ชนิด HA จริงหรือไม่ ?
อันตรายร้ายแรงที่สุดของการเติมไขมัน/ฟิลเลอร์ คือ การฉีดเข้าหลอดเลือดครับ ในต่างประเทศทั่วโลกที่มีการฉีดไขมันมากกว่าในไทยมาก ๆ พบว่า มีเคสที่เนื้อตาย/ตาบอดจากการฉีดไขมันสูงกว่าฟิลเลอร์มากๆ ครับ เนื่องจาก ไขมันไม่มีเอนไซม์ที่ใช้ย่อยสลายได้ในทันทีหากฉีดเข้าหลอดเลือดครับ ไม่มีทางแก้
แต่หากเป็นฟิลเลอร์ชนิด Hyarulonic acid จะมีเอนไซม์ที่ชื่อ Hyaluronidase ที่สามารถละลายหมดได้ 100% ทันที หากแพทย์พบว่าฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดก็จะสามารถแก้ไขได้ทันทีครับ
ในตารางเปรียบเคสที่เกิดเนื้อตายตาบอดจากการฉีดสารเติมเต็มชนิดต่างๆ จะเห็นว่าเคสที่เป็นสาเหตุจากการเติมไขมันมีเยอะกว่าการเติมฟิลเลอร์ชนิด HA
ในบทความของต่างประเทศจะมีการพูดถึงอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ต่างๆมากมาย ซึ่งสาเหตุนั้นเป็นเพราะคำว่า “ฟิลเลอร์” ของต่างประเทศนั้นรวมสารเติมเต็มอื่นๆไว้ด้วยทั้งหมดโดยแยกเป็น 5 ประเภทคือ
- “การเติมไขมัน” ก็ถูกจัดรวมไว้ในคำว่า “ฟิลเลอร์” ด้วย
- Collagen เป็นฟิลเลอร์รุ่นโบราณ บวมแดงง่าย ไม่เป็นที่นิยมในปัจุบัน
- ฟิลเลอร์ชนิดที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ เช่น ซิลิโคนเหลว Paraffin PMMA CaHA PAH
- ฟิลเลอร์ Hyarulonic Acid ที่สามารถย่อยสลายได้ปลอดภัย (ที่กล่าวถึงในบทความนี้)
- ฟิลเลอร์ Hyarulonic Acid ปลอมที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่มาตรฐาน อาจจะสลายไม่หมดหรือสลายหมดไวมาก
นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงมีข้อมูลต่างๆจากงานวิจัยต่างประเทศมากมายว่า ”ฟิลเลอร์” มีผลข้างเคียงเยอะ นั่นคือเป็นเพราะคำว่าฟิลเลอร์นั้นรวมถึง การฉีดไขมัน การฉีดฟิลเลอร์ชนิดที่ไม่สลาย และ รวมถึงฟิลเลอร์ปลอม เข้าไปในคำว่า“ฟิลเลอร์”ด้วย แต่ในเมืองไทยคำว่าฟิลเลอร์ที่หมอพูดถึงว่าไม่อันตรายนั้นหมายถึงฟิลเลอร์ชนิดHAของแท้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
โปรแกรม ฟิลเลอร์
Mobile
Q : การเติมไขมันหน้า อยู่ได้ถาวรจริงหรือไม่ ?
เคสเติมไขมันหน้าส่วนมาก 70% จะพบความผิดหวังครับ เพราะไม่ได้อยู่ได้ถาวรตามที่โฆษณาไว้ บางเคส 3-4 เดือน ยุบหายหมดก็มีครับ ส่วนมากยุบหายเพราะเติมในปริมาณที่มากเกินไป
เซลล์ไขมันที่เติมแล้วมีชีวิตรอด ก็ยังสามารถหายไปได้ตามเวลาครับ จะมีบางเคสเท่านั้นที่อยู่ได้ถาวร ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีเทคนิคการเติมไขมันที่หวังผลได้ 100% ครับ ไขมันจะติดหรือไม่ติด หมอก็รับประกันไม่ได้ครับ
Q : หากเติมไขมันใต้ตาแล้วเป็นก้อน ต้องแก้ไขอย่างไร ?
ส่วนมากแก้ยากครับ เพราะไขมันไม่มียาฉีดสลายที่หวังผลได้แน่นอน และใต้ตาเป็นบริเวณที่ละเอียด แค่ก้อนเพียงเล็กน้อยก็มองเห็นได้ชัดแล้วครับ และก็ยังมีโอกาสที่ไขมันที่เติมจะยุบหาย 2 ข้างไม่เท่ากันด้วย
จึงไม่แนะนำให้เติมไขมันที่ใต้ตาครับ แต่หากเติมมาแล้วเป็นก้อน อาจจะใช้ฟิลเลอร์และโบท็อกช่วยตกแต่งให้ดีขึ้นได้ในบางกรณีครับ
ฉีดไขมันหน้าดีไหม สรุปข้อดี-ข้อเสีย เติมไขมันหน้า vs ฉีดฟิลเลอร์
การเติมไขมันหน้า ควรฉีดในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ล้นเกินไป เพราะจะทำให้เซลล์ไขมันไม่รอดและยุบหายไว อีกทั้งการเติมเยอะเกินไปจะทำให้ชั้นผิวยืดออกขาดความกระชับ เมื่อเวลาผ่านไปจะคล้ายคนอ้วนที่ลดน้ำหนักครับ ผิวหย่อนลงมากกว่าเดิม โดยสามารถสรุปข้อดี - ข้อเสีย ได้ดังนี้ครับ
ข้อดี-ข้อเสีย | การเติมไขมันหน้า | การเติมฟิลเลอร์ |
---|---|---|
ราคา | เมื่อเทียบราคาต่อ cc การเติมไขมันหน้า ราคาถูกกว่ามากราคา 50,000-70,000 ต่อ 50-100cc | ฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัยราคาต่อ cc ค่อนข้างสูง ราคา 10,000+ ต่อ 1cc |
ขนาดแผล | สามารถทำพร้อมกับการดูดไขมันส่วนเกินออก มีแผลบริเวณที่ดูดไขมัน 3-5 mm | ถ้าร่องไม่ลึกมาก ต้องการเติมเพียงเล็กน้อย การเติมฟิลเลอร์ก็จะสะดวกสบายกว่า ไม่ต้องมีแผลดูดไขมัน |
การเห็นผล | หวังผลได้ประมาณ 30% หน้า 2 ข้างอาจได้ผลไม่เท่ากัน อาจจะต้องฉีดซ้ำเพื่อตกแต่งเพิ่มหลายครั้ง เติมเพิ่มได้อย่างเดียวไม่สามารถฉีดสลายได้ | เห็นผล 80% ทันทีหลังทำ สามารถปรับแก้เพิ่ม-ลดเพื่อให้ได้ผลตามต้องการได้ |
การเห็นผลและการพักฟื้น | ในการเติมเพื่อให้ได้ผลอยู่ได้ถาวร ต้องใช้เทคนิค micro fat graft เป็นการฉีดไขมันจุดละไม่เกิน 0.01cc กระจายทั่วทุกชั้นในเนื้อผิว ซึ่งก็จะไม่ได้เต็มสวยภายใน 1 เดือนเหมือนเคสรีวิว จะต้องรอให้เซลล์ที่ปลูกค่อยๆโตขึ้นมาในระยะ 6 เดือน - 1 ปี | เหมาะกับเคสที่ต้องการเห็นผลทันที ไม่ต้องพักฟื้น |
เหมาะสมกับ | เคสที่ต้องการเติมครั้งละเยอะๆ ให้เปลี่ยนแปลงชัดเจน | เคสที่ต้องการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยๆ ไม่ต้องการให้เพื่อนสังเกตเห็นชัดว่าไปฉีดหน้ามา |
การคงสภาพ | เป็นการปลูกเซลล์ไขมันมีโอกาสปลูกสำเร็จ 30% และค่อย ๆ หายไปตามเวลา อยู่ได้ถาวรในบางเคส ไม่สามารถรับประกันผลได้ | เป็น hyaluron (ที่เลียนแบบคอลลาเจนในผิว) มีหลายรุ่น หลายรูปแบบให้เลือกใช้ อยู่ได้ 1-2 ปี |
ข้อควรระวัง | ต้องระวังการโฆษณาเกินจริง และไม่ควรเชื่อรีวิวที่เติมหน้าจนล้น ควรระวังรูป before after ที่แต่งหน้า และให้ลองถามเคสที่เติมไขมันมาแล้วเกิน 1 ปี เพื่อความมั่นใจ ว่าผลเป็นยังไง | ต้องระวังฟิลเลอร์ปลอม ควรตรวจสอบฟิลเลอร์ ก่อนฉีดทุกครั้ง แกะกล่อง แกะหลอด ให้ดูก่อนฉีดเพื่อความมั่นใจ และหลังฉีดควรเก็บกล่องและหลอดกลับบ้าน หรือถ่ายรูปเก็บไว้ตรวจสอบ |
เคสเนื้อยุบมากๆ | เหมาะกับคนที่เนื้อยุบมาก ๆ ในตำแหน่ง ขมับ แก้มตอบ ร่องแก้ม เหมาะกับคนที่ต้องการเติมหลายๆจุดพร้อมกัน | ในคนที่เนื้อยุบเยอะ ๆ ก็สามารถใช้ฟิลเลอร์เติมได้ โดยจะแบ่งในการเติมชั้นลึก(กระดูก)กับชั้นตื้น(เนื้อ) เพื่อให้ผลออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่จะใช้จำนวน cc เยอะ และราคาสูง |
เคสการยุบตัวของกระดูก | ไม่สามารถแก้การยุบตัวของกระดูกได้ ฉีดได้ในชั้นที่เป็นเนื้อ หากเติมมากเกินไปเนื้อก็จะยวบยาบไม่เป็นธรรมชาติ | เหมาะกับคนที่มีปัญหาจากการยุบตัวของกระดูก เช่น ในตำแหน่ง ใต้ตา แก้มส้ม คาง หน้าผาก (สำหรับหน้าผากต้องฉีดในชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูกถ้าฉีดตื้นเวลายักคิ้วหน้าผากจะขึ้นเป็นก้อน) |
เคสต้องการความละเอียดสูง | ไขมันไม่สามารถเติมในบางจุดได้เช่น ดอลลี่อาย ริมฝีปาก | สามารถฉีดในบริเวณที่ต้องการความละเอียดสูงได้ |
การบวมช้ำ | ค่อนข้างบวม ต้องพักฟื้น 2-4 อาทิตย์บางคนบวมถึง 2 เดือน | ไม่บวม เข้าที่ภายใน 2 อาทิตย์ หลังฉีดสามารถใช้หน้าได้ปกติ (อาจมีรอยช้ำในบางเคส สามารถแต่งหน้าปกปิดได้) |
การแก้ไขหากฉีดเข้าหลอดเลือด | ***ในกรณีที่ฉีดเข้าหลอดเลือด จะแก้ไขไม่ได้ และเกิดเนื้อตาย/ตาบอด | ***ในกรณีที่ฉีดเข้าหลอดเลือด ถ้าแก้ไขสลายได้ทันท่วงที ผิวกลับคืนสภาพเดิม 100% ไม่เกิดเนื้อตาย/ตาบอด |
การยกหน้าในชั้นกระดูก | ไม่สามารถฉีดเพื่อยกหน้าในชั้นกระดูกได้ | สามารถฉีดเพื่อปรับโครงหน้าให้ดูคมขึ้น มีมิติขึ้น ได้สัดส่วน มีความคมของใบหน้า ไม่ใช่แค่หน้าเต็มอย่างเดียว(ฉีดยกหน้าในชั้นเยื่อหุ้มกระดูก) |
การฉีดไขมันหน้า ดีไหม? ขึ้นอยู่กับหลังฉีดว่าไขมันจะติดหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน ซึ่งหมอไม่สามารถรับประกันได้ 100% ครับ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเรื่องการฉีดเข้าหลอดเลือดที่แก้ไขไม่ได้ เมื่อเทียบกันแล้ว การฉีดฟิลเลอร์จะให้ผลลัพธ์ชัดเจนมากกว่า เห็นผลเร็ว และมีความปลอดภัยสูงกว่าครับ
สรุป
สำหรับคนที่มีปัญหาบนใบหน้า ทั้งเรื่องริ้วรอย ร่องลึก หน้าตอบ ขมับตอบ ต้องการเติมเต็มใบหน้า และอยากได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน หมอแนะนำให้ใช้ฟิลเลอร์ในการแก้ไขครับ โดยการฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดเติมได้เรื่อย ๆ ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงได้ และยังสามารถฉีดสลายหรือปรับแก้ไขได้โดยไม่เป็นอันตราย ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติครับ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ
ฟิลเลอร์ (Filler) กับโบท็อกซ์ (Botox) ต่างกันอย่างไร ? ทำพร้อมกันได้ไหม ?
Reading Time: 4 minutes- ฟิลเลอร์ คืออะไร ? - โบท็อกซ์ คืออะไร ? - ฟิลเลอร์ (Filler) กับ โบท็อกซ์ (Botox) ต่างกันอย่างไร ? - เปรียบเทียบข้อดี ข้อจำกัดของฟิลเลอร์ กับโบท็อกซ์ - เลือกฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ดี แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ?
9 ข้อ ที่ต้องระวัง ! และควรรู้ในการทำ Hifu | โดยทีมแพทย์ ...
Reading Time: 5 minutes- Hifu คืออะไร อันตรายกับผิวไหม ? - อายุไม่ถึง 25 ปีทำ Hifu จะมีผลเสียอย่างไร ? - ควรเลือกทำ Hifu ที่ไหนดี คลินิกไหนดี ระวังการโฆษณา Hifu ที่เกินจริง ของคลินิกต่าง ๆ - Hifu เห็นผลทันที จริงไหม ? - Hifu ทั่วทั้งตัว ได้ผลทุกส่วนจริงหรือไม่ ?
โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก คืออะไร ? อันตรายไหม ? เหมาะกับใครบ้...
Reading Time: 4 minutes- ภาวะยิ้มเห็นเหงือก คืออะไร ? เกิดจากสาเหตุใดบ้าง ? - โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก คืออะไร ? แก้ยิ้มเห็นเหงือกได้อย่างไร ? - โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก ช่วยเรื่องใดบ้าง ? - โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก เหมาะกับใคร ? - โบท็อกยิ้มเห็นเหงือก ข้อดี และข้อเสีย
ฟิลเลอร์สะโพก เสริมก้น เติมเต็มส่วนที่เว้า บุ๋ม ต้องใช้ฟิ...
Reading Time: 3 minutes- ฟิลเลอร์สะโพกคืออะไร ? - ฟิลเลอร์สะโพกอันตรายไหม ? มีอะไรที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ - ฟิลเลอร์สะโพกช่วยปรับรูปทรงสะโพกให้โค้งสวยได้จริงหรือไม่ ? - แก้ปัญหา Hip Dip ด้วยฟิลเลอร์สะโพก เคล็ดลับเพื่อสะโพกสวยเนียน - ปัญหาสะโพกที่ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ไขได้ มีอะไรบ้าง ?
[เจาะลึก] ฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดคาง แต่ละวิธี มีข้อดี-ข้อเ...
Reading Time: 3 minutes- ทำไม ? ฉีดฟิลเลอร์คาง มาแล้วยิ้มเป็นก้อน ดูไม่ธรรมชาติ - ฉีดฟิลเลอร์คางด้วยเทคนิคเดียวกับการผ่าตัด ดีอย่างไร ? - ฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดเสริมคาง ? - ฟิลเลอร์คาง มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร ? - ฟิลเลอร์คาง ใช้ยี่ห้อไหนดีที่สุด ?
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ร่องแก้มลึก ด้วยเทคนิคเฉพาะที่แตกต่าง...
Reading Time: 3 minutesฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ร่องแก้มลึก ด้วยเทคนิคเฉพาะที่แตกต่างในแต่ละเคส