ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ตาลึก ตาโหล ขอบตาดำ ถุงใต้ตา เป็นจุดที่สังเกตได้ง่ายมากบนใบหน้า ทำให้หน้าดูมีอายุ โทรมและไม่สดใส
หมอแนะนำการแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วย ฟิลเลอร์ใต้ตา ครับ สำหรับใครที่ไม่เคยฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาก่อน สงสัยว่าช่วยได้มากแค่ไหน อันตรายไหม เลือกฉีดอย่างไรให้ปลอดภัยและเห็นผลชัดเจน ห้ามพลาดบทความนี้ครับ
สารบัญ สารบัญฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การเติมสารไฮยาลูรอนิค แอซิด เข้าไปในบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาริ้วรอย เมื่อคนเราอายุมากขึ้นกระดูกจะยุบตัวลง เนื้อน้อยลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย หน้าดูโทรม อ่อนล้า เกิดเป็นร่องรอยใต้ตา
การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อลดริ้วรอย แก้ปัญหา ใต้ตาดำคล้ำ ถุงใต้ตา ฉีดเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ฉีดใต้ตาคล้ำ จะช่วยให้ใบหน้ากลับมาสดใส อ่อนเยาว์อีกครั้งครับ
ช่วงประมาณ 5 ปีก่อน จะฮิตการเติมร่องแก้มเพราะคนกังวลว่าร่องแก้มทำให้ดูมีอายุ แต่การเติมร่องแก้มอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้เติมใต้ตาด้วยทำให้หน้าดูแข็ง ไม่ละมุน ขาดความฮาโมนี่ของหน้า ร่องแก้มเต็มแต่ใต้ตาลึกจะดูหน้าอูมๆ ไม่มีความเป็นธรรมชาติ
การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงเป็นตำแหน่งแรกที่เติมแล้วได้ฮาโมนี่ คือเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะว่าใต้ตาจะเป็นจุดที่ยุบลงตำแหน่งแรกและเป็นจุดที่ควรจะเติมเป็นตำแหน่งแรกครับ
ปัญหาใต้ตา เกิดจากสาเหตุใด ?
ปัญหาร่องใต้ตา สาเหตุเกิดจากส่วน Tear Through ที่อยู่ใกล้ร่องน้ำตา กับ Hollow Under Eye ตรงเบ้าตา เกิดการยุบตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น อาจจะเป็นส่วนเดียวหรือทั้งสองส่วนก็ได้ หากจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอจะต้องประเมินปัญหาให้ชัดเจน เพื่อแก้ไขอย่างตรงจุดครับ
นอกจากปัญหาเรื่องอายุที่มากขึ้น คนที่อายุน้อย ๆ ก็มีปัญหาใต้ตาได้เช่นกัน เนื่องมาจากพันธุกรรม ภูมิแพ้ หรือการเจริญเติบโตของกระดูกช่วงเบ้าตาและใต้ตาไม่ดี ทำให้เกิดถุงใต้ตา ร่องใต้ตา และยังมีปัญหาจาการใช้สายตาที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาหย่อนยานและมีริ้วรอยก่อนวัย
วิธีแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ริ้วรอย
- ฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการแก้ปัญหาใต้ตาที่ตรงจุดที่สุด ทั้งริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ขอบตาดำ หลังฉีดเห็นผลทันที เป็นหัตถการที่ไม่มีแผลและมีความเป็นธรรมชาติมาก ช่วยให้หน้าเด็กลง ผิวชุ่มชื้น ดูสดใสขึ้น - ครีมบำรุงใต้ตา
สำหรับการทาครีม หมอเชื่อว่าเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่คนจะเลือกใช้เพื่อแก้ปัญหาใต้ตาครับ แต่จริง ๆ แล้วการทาครีมต้องใช้ระยะเวลาและความสม่ำเสมอ ต้องรอครีมค่อย ๆ ซึมลงไปในผิว เห็นผลไม่ชัดเจนและใช้เวลานาน - ดูดไขมันใต้ตา
เหมาะกับคนที่ถุงใต้ตาเป็นไขมันนูนออกมา ซึ่งการดูดไขมันใต้ตา จะมีแผล 3-5 mm และไม่เหมาะกับคนที่มีผิวใต้ตาหย่อนคล้อยมาก ๆ - FILORGA
FILORGA เป็นการฉีดเมโสหน้าใส สามารถใช้แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ ผิวแห้ง ให้กลับมาชุ่มชื้น อิ่มฟูขึ้น มีส่วนผสมของ HA และวิตามินต่าง ๆ มีจุดเด่นในการบำรุงผิวมากกว่าแก้ปัญหาริ้วรอยหรือร่องลึกใต้ตา - ไหมน้ำใต้ตา
ไหมน้ำเป็นไหมที่ใช้ฉีด จริง ๆ แล้วเป็นวัสดุ polydioxanone เหมือนกับไหมเส้นที่ใช้ร้อยเพื่อดึง แต่เป็นการเอาไหมเส้นมาตัดเป็น particle เล็ก ๆ แล้วละลายในน้ำ ใช้เติมแทนฟิลเลอร์ หมอยังไม่แนะนำให้ใช้ และยังไม่ผ่าน อย. ครับ - เลเซอร์ถุงใต้ตา
เลเซอร์ตัดถุงใต้ตา เป็นการแก้ปัญหาถุงใต้ตาโดยใช้เทคนิคตัดถุงไขมันส่วนเกินจากด้านในเปลือกตาด้วยไมโครเลเซอร์ วิธีนี้จะไม่มีแผลที่ด้านนอก เหมาะกับคนที่อายุน้อย ไม่มีผิวใต้ตาหย่อนคล้อย - ไซโตแคร์ (Cytocare)
เป็นการฉีดสารบำรุงผิวแบบเข้มข้น ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวอุ้มน้ำและมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ฟื้นฟูผิวใต้ตาให้กระจ่างใส แต่ก็จะอยู่ได้สั้นกว่าฟิลเลอร์ และต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ
ฉีดใต้ตาต่างจากดอลลี่อาย อย่างไร ?
การทำดอลลี่อาย (Dolly eyes) เป็นการทำให้ขอบตาล่างดูหนาขึ้น ดวงตาจะกลมโต ดูหน้าเด็ก ซึ่งเป็นเทรนด์ที่นิยมอยู่ช่วงหนึ่งครับ สามารถใช้การเติมไขมันและการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อทำดอลลี่อายได้
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ใต้ตาทุกคนจะเริ่มยุบลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใต้ตาจึงเป็นจุดแรกที่หมอแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ (filler) เติมเต็ม
ในผู้ชายส่วนมากการที่กระดูกใต้ตายุบตัวลงจะทำให้ดูเหมือนผอมลง ดูโทรม แต่บางคนจะดูหล่อขึ้น ส่วนในผู้หญิง จะทำให้หน้าโทรม ดูมีอายุขึ้น
ปัญหาใต้ตาที่สามารถแก้ด้วย ฟิลเลอร์ใต้ตา ได้แก่
- ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหา ริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกา มีลักษณะเป็นรอยเหี่ยวย่นใต้ตา และรอบๆ ดวงตา ทำให้หน้าดูมีอายุ
- ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหา ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ เป็นวงคล้ำรอบดวงตาและจะเห็นชัดบริเวณใต้ตา ทำให้หน้าดูอ่อนล้า
- ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหา ถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย การมีถุงใต้ตาจะทำให้ปัญหาริ้วรอยและร่องใต้ตาเห็นชัดขึ้น
- ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหา เบ้าตาลึก ตาโหล เกิดจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา และการสลายตัวของเนื้อเยื่อ
โหงวเฮ้งดวงตา ร่องใต้ตา (หน่ำหนึงเก็ง)
นอกจาก ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อความสวยงามแล้ว เรื่องโหงวเฮ้งตา ก็เป็นอีกปัจจัยที่หลายคนสนใจครับ โดยตามตำรา โหงวเฮ้งตา คือตำแหน่งที่อยู่ใต้กระบอกตาซ้ายและขวา หมายถึง โชคลาภ ความสบาย
- ลักษณะเด่น
โหงวเฮ้งดวงตาที่ดี คือเต็มอิ่ม สีสดใส ไม่ดำคล้ำ เรียบ เปล่งปลั่ง ไม่ว่าชายหรือหญิงจะมียศศักดิ์ และร่ำรวยศรีสุขไปตลอดชีวิต ลูกหลานเจริญรุ่งเรือง
- ลักษณะด้อย
ตาที่มีลักษณะเป็นแอ่งโบ๋ ร่องลึก มีถุงใต้ตาเยอะเกินไป ไม่ว่าชายหรือหญิง ก็จะอาภัพโชค หาคู่ครองยาก หรือลูกหลานดื้อ เลี้ยงยาก หากใต้ตาสีดำคล้ำ ก็จะพบปัญหาคู่ครองและบุตร อาภัพลูก
ถุงใต้ตาแบบไหนไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ?
ปัญหาถุงใต้ตา แบ่งออกเป็น 2 ประเภทครับ
- ปัญหาถุงใต้ตาเทียม เกิดจากพฤติกรรมที่ทำให้ถุงใต้ตาบวมขึ้น เช่น การขยี้ตา การร้องไห้ ใช้สายตามากเกินไป หรือมีความเครียดสูง
- ปัญหาถุงใต้ตาแท้ เกิดจากผนังกั้นเปลือกตาล่างอ่อนแอลง ทำให้ไขมันใต้ตาหย่อนเป็นถุงใต้ตา และการเสื่อมสภาพของผิว เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกใต้ตายุบตัว เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังใต้ตายืดออกมาก ทำให้เป็นลักษณะของถุงใต้ตาที่เป็นผิวหย่อนคล้อย
ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับปัญหาถุงใต้ตาแท้ ที่มีการยุบตัวของกระดูก เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังใต้ตายืดออกมาก ฟิลเลอร์จะช่วยทดแทนกระดูกและเนื้อเยื่อที่ยุบตัว
ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุดครับ ถ้าเป็นปัญหาถุงใต้ตาที่เกิดจากพฤติกรรม รักษาได้ด้วยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมนั้น ๆ ครับ
เรื่องที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม? เลือกยี่ห้ออย่างไร ?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ?
บริเวณใต้ตาเป็นส่วนที่หลายคนกังวลเพราะเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย การ ฉีด filler ใต้ตา หากแพทย์มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง และที่สำคัญคือต้องใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น สามารถสลายได้หมด 100% ไม่มีสารตกค้าง ก็มีความปลอดภัยแน่นอน ไม่เป็นอันตรายครับ
ที่อันตรายคือในสมัยก่อนฟิลเลอร์ของแท้ราคาจะค่อนข้างสูง เทียบกับราคาต้นทุนของซิลิโคนเหลวหนึ่งซีซีไม่ถึงร้อย ทำให้บางที่เลือกใช้ฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งก็มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบซิลิโคนเหลว แบบที่เป็นฟิลเลอร์แต่ว่าไม่บริสุทธิ์ และฟิลเลอร์ของปลอมละลายออกได้ไม่ 100% สารเหล่านี้ห้ามฉีดเด็ดขาดครับ
ฟิลเลอร์แท้ที่เราฉีดเข้าไปจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เหมือนมีน้ำมาหล่อเลี้ยงผิวบริเวณนั้น หลังจากฟิลเลอร์สลายหมด จะเหลือเป็นคอลลาเจนและอีลาสตินที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมา ทำให้แม้ฟิลเลอร์จะสลายไปแล้ว แต่ผิวก็จะดีกว่าตอนก่อนฉีดครับ เสมือนกับช่วยชะลออายุผิว ช่วยคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้นานขึ้นครับ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา VS ฉีดไขมันใต้ตา
ปัญหาริ้วรอยใต้ตา เกิดมาจากทั้งการยุบตัวของกระดูก และการยุบตัวของเนื้อบริเวณใต้ตา ซึ่งถ้าหากเป็นการยุบตัวจากกระดูก การฉีดไขมันใต้ตาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ครับ
แต่ถ้าเป็นปัญหาที่เกิดจากเนื้อยุบตัวก็สามารถใช้ทั้งการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และการฉีดไขมันช่วยได้ ทั้งสองอย่างมีข้อแตกต่าง ดังนี้
ฟิลเลอร์ใต้ตา |
---|
1. ฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดโดยใช้สารเติมเต็มประเภท HA ที่ปลอดภัย |
2. ฟิลเลอร์ใต้ตา หลังทำเห็นผลลัพธ์ทันที |
3. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้เวลาทำไม่นาน เจ็บน้อย ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น |
4. อาจมีอาการบวมหลังฉีด แต่จะหายไปเองใน 2-3 วัน |
5. ยุบบวมและเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์ |
6. ฟิลเลอร์อยู่ไม่ได้ถาวร ระยะเวลาขึ้นกับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ |
ฉีดไขมันใต้ตา |
---|
1. ใช้ไขมันของตัวเองโดยดูดจากบริเวณอื่นมาเติมใต้ตา |
2. ลดความเสี่ยงที่จะเกิดการแพ้ |
3. ต้องมีการตรวจเช็กไขมันที่จะนำมาใช้ มีกระบวนการดูดไขมัน และปั่นแยกเป็นของเหลว |
4. คนไข้จะมีแผลในตำแหน่งที่มีการดูดไขมันมาเพื่อฉีด |
5. ผลอยู่ได้นานแต่มักจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในครั้งแรก ต้องทำซ้ำหลายครั้ง |
6. อาจเกิดปัญหาผิวไม่เรียบเสมอกัน |
ในการแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าการฉีดไขมันใต้ตาครับ
การฉีดไขมันใต้ตาต้องระวังในเรื่องการฉีดเข้าหลอดเลือดซึ่งมีเคสที่เนื้อตายและตาบอดจากการฉีดไขมันมากกว่าฟิลเลอร์ เนื่องจากสสารของไขมันมีขนาดใหญ่กว่า ต้องใช้เข็มใหญ่กว่า
และหากไขมันที่ดูดออกมาไม่มีคุณภาพ เซลล์เหล่านั้นก็มีโอกาสตายและลดจำนวนลง เปอร์เซ็นต์การอยู่รอดของไขมันในการฉีดแต่ละครั้งจึงไม่มาก ใน 100% อาจจะเหลือเพียง 20% เท่านั้นครับ
การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าถ้าคนไข้อยากเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร ?
- ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตา หย่อนคล้อย ถุงใต้ตา ขอบตาดำ ตาลึก ตาโหล
- ไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากผ่าตัด
- ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น
- แก้ปัญหาใต้ตาจากการยุบตัวของกระดูกและเนื้อ
- ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาใต้ตาจากลักษณะทางพันธุกรรม
ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ถึงเห็นผล ?
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอจะเป็นคนประเมินว่าแต่ละเคสต้องเติมฟิลเลอร์ใต้ตา กี่ CC ครับ ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล ซึ่งใช้ปริมาณ CC มาก-น้อย ไม่เท่ากัน
ในคนที่มีปัญหากระดูกใต้ตามีการยุบตัวมาก ๆ ใต้ตาลึก เช่น คนไข้อายุเยอะมาก ๆ หมออาจพิจารณาใช้ฟิลเลอร์มากขึ้นโดยดูเป็นเคส ๆ ไป อาจจะใช้ข้างละ 2-3 CC แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นปัญหาทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ใต้ตาข้างละ 1-2 CC ในการรักษา ก็สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนแล้วครับ
ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ?
การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นบริเวณที่ต้องพิถีพิถันในการฉีด แบ่งเป็นผิวชั้นลึกและชั้นตื้น โดยเฉพาะการฉีดใต้ชั้นตื้น เนื่องจากผิวหนังใต้ตาค่อนข้างบางจึงควรเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ฉีดแล้วไม่ฟูมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ตาดูบวม ไม่เป็นธรรมชาติครับ
แบรนด์ฟิลเลอร์ที่แนะนำสำหรับฉีดใต้ตา คือ Restylane, Juvederm และ Belotero ฉีดแล้วคงรูปไม่ฟูเยอะ แต่ละรุ่นจะอยู่ได้นานแตกต่างกัน หากจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอก็แนะนำ 3 ยี่ห้อนี้ครับ
Juvederm ในเนื้อฟิลเลอร์จะมี Crosslink (จำนวนการเชื่อมพันธะ) ยิ่งมีเยอะก็จะอยู่ได้นานขึ้น สลายช้าลง อุ้มน้ำน้อยลง ทำให้ฉีดแล้วไม่ฟูมาก เหมาะกับผิวบริเวณที่ขยับบ่อย ๆ
ซึ่งฟิลเลอร์ Juvederm มีเทคโนโลยี Vycross และ Hylacross โดย เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Allergan มีความพิเศษ คือมีความคงตัว มีโมเลกุลยึดเกาะเหนียวแน่นขึ้น ช่วยยกกระชับได้ดีและมีความเป็นธรรมชาติมาก
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ Juvederm มีจุดเด่นอะไรบ้าง ?
Restylane มี NASHA Techology และ OBT Technology ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Restylane โดยจะทำฟิลเลอร์ให้เป็นเม็ดละเอียด (particle) เพื่อให้ได้เนื้อ Filler ที่มีค่า Elasticity สูงที่สุด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เน้นในเรื่องของความยืดหยุ่น และสามารถปรับรูปทรงได้หลากหลาย
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ Restylane มีจุดเด่นอะไรบ้าง ?
Belotero ผลิตด้วย CPM Technology ขึ้นชื่อในเรื่องของความยืดหยุ่น และการเกาะกันเป็นเนื้อเดียว ไม่ไหลเป็นก้อน ปั้นทรงสวย สำหรับตำแหน่งใต้ตา สามารถฉีดได้ทั้งการเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก และเก็บรายละเอียดผิวใต้ตาให้เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ Belotero มีจุดเด่นอะไรบ้าง ?
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอแนะนำยี่ห้อและรุ่น ตามนี้ครับ
- Juvederm Voluma เนื้อแข็ง ฟูปานกลาง ยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำและให้ความเป็นธรรมชาติ
- Juvederm Volite เนื้อละเอียด ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป
- Juvederm Volux เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัว สำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก
- Restylane Defyne เนื้อเจลแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี
- Restylane Vital Light เนื้อละเอียดมากที่สุด ใช้สำหรับเคสที่ผิวบาง
- Restylane Vital เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย เหมาะสำหรับเก็บรายละเอียด ให้ผลเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ
- Restylane Perlane Lyft เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด
- Restylane Classic เนื้อแข็ง เก็บรายละเอียดใต้ตาในผิวชั้นลึก สำหรับคนผิวบาง
- Belotero Volume เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัว เหมาะฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก
- Belotero Soft ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา ให้ผลเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ทั้ง 10 รุ่นนี้ เหมาะกับการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อแก้ปัญหา ถุงใต้ตา ขอบตาคล้ำ ซึ่งหมอจะเป็นคนแนะนำยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคนครับ
ฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัยได้มาตรฐาน
หากยังไม่รู้ว่าจะเลือก ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัยได้มาตรฐาน ไม่อยากผิดหวังจากการฉีดฟิลเลอร์เนื่องจากผลออกมาไม่ธรรมชาติหรือมีอาการบวมย้อย คนไข้ควรเลือกคลินิกได้มาตรฐาน เชื่อถือได้และพิจารณาจากปัจจัย ดังนี้ครับ
- คลินิกได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีความน่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้
- แพทย์มีประสบการณ์ มีความชำนาญในการใช้ฟิลเลอร์ใต้ตา และสามารถนำชื่อ-นามสกุลไปตรวจสอบได้ว่าเป็นแพทย์จริง
- ใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น สามารถศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้ได้ในบทความ วิธีดูฟิลเลอร์แท้แต่ละชนิด
- มีรีวิวจากแหล่งที่เป็นกลาง เช่น Facebook Fanpage หรือรีวิวในแหล่งที่คลินิกไม่สามารถลบได้
- คลินิกมีการติดตามผล และแนะนำข้อปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีช่องทางการติดต่อที่สะดวก เช่น เบอร์โทร, Line@, Facebook Messenger หากมีปัญหาหรือข้อสงสัย สามารถติดต่อแพทย์เจ้าของเคสได้
ข้อสงสัยหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล บวม เป็นก้อนเกิดจากอะไร ?
ฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ?
หลาย ๆ คนคงอยากทราบว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเข้าที่ ? จริง ๆ แล้วการเติมฟิลเลอร์จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีดครับ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้วประมาณ 4-5 วันจะค่อย ๆ เข้าที่และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นหมอจะนัดมาดูผลอีกครั้งครับ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน ?
อาการบวมหลัง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติครับ หากใช้ฟิลเลอร์แท้ ฉีดกับหมอในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ไม่มีอาการเจ็บแสบบวมแดง โดยสาเหตุมาจากการที่เข็มเข้าไปในผิว และเนื้อฟิลเลอร์ที่ยังไม่เข้าที่ดี ควรดูแลตัวเองหลังฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ อาการบวมจะค่อย ๆ ดีขึ้น เข้าที่เต็มที่ใช้เวลา 2 สัปดาห์
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำให้ตาบอดจริงหรือ ?
การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำให้ตาบอดได้จริงครับ แต่เกิดขึ้นได้ยากมาก
ในปัจจุบันที่มีการเข้ามาของเทคโนโลยีต่าง ๆ คนไข้สามารถหาข้อมูลและเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์ที่เก่ง มีประสบการณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ
สาเหตุที่ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แล้วตาบอด เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ฉีดกับหมอเถื่อนที่ไม่มีความรู้ หรือการผิดพลาดจากการที่ฉีดฟิลเลอร์เข้าหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตัน
แต่หากฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้ฟิลเลอร์แท้ ก็แทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้นครับ
ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดจากอะไร ? แก้ไขได้ไหม ?
ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แล้วเป็นก้อนบวม เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- เลือกฟิลเลอร์ไม่ถูกรุ่น ไม่เหมาะกับบริเวณที่ฉีด
- ใช้เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง
- ใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
- หมอที่ฉีดให้ไม่มีความชำนาญทางด้านการฉีดฟิลเลอร์
การแก้ไขต้องดูว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ถ้าฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ HA (Hyaluronic Acid) สามารถใช้ตัวยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase:HYAL) ฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ได้ครับ
สำหรับสาเหตุและวิธีแก้ไขอย่างละเอียดสามารถอ่านบทความ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน เกิดมาจากอะไร ? อันตรายไหม ? มีวิธีแก้ไขอย่างไร ? เพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้ครับ
การปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา |
---|
1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา |
2. เลือกคลินิก ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อย่างละเอียด |
3. ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ |
4. ควรงดยา แอสไพริน, NSAIDs งดวิตามิน และยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว รวมถึง งดการแว็ก |
5. งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง |
6. งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด |
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา |
---|
1. ปรึกษาหมอเพื่อประเมินปัญหาและเลือกชนิดฟิลเลอร์ |
2. สามารถแต่งหน้ามาได้ แต่จะมีการทำความสะอาดบริเวณใต้ตาในจุดที่จะฉีด |
3. แปะยาชา |
4. หมอทำการฉีดฟิลเลอร์ |
5. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ในท่านั่งหรือนอนเอียงที่ระดับหัวอยู่สูงกว่าหัวใจ ไม่ให้เลือดออกมากขึ้น |
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา |
---|
1. มีอาการบวมแดงได้ในจุดที่ฉีด ก่อนจะหายไปเองใน 2-3 วัน |
2. ทางคลินิกจะจ่ายยาแก้ปวด ลดบวม รับประทานได้ตามอาการ |
3. อยู่แต่ในที่อากาศเย็นและหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง |
4. หลัง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรลดเลเซอร์ร้อนลงชั้นผิว 1 เดือน |
5. ดื่มน้ำมาก ๆ ให้เพียงพอกับร่างกาย จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น |
อ่านบทความเพิ่มเติม
ข้อห้าม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วขึ้นและรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้นครับ
- หลัง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ควรแตะ แกะ เกา ในบริเวณที่ทำ
- อยู่ในที่อากาศเย็นและหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด การซาวน่า เลเซอร์ร้อน ตากแดด ออกกำลังกายหนัก ๆ ในช่วง 3 วันแรกหลังทำ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารที่เผ็ดมากจนหน้าแดง อาหารหมักดอง อาหารดิบจากร้านที่ไม่สะอาด
- งดสูบบุหรี่
- หลังจาก ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา พยายามอย่าขยับใบหน้าเยอะ ๆ ในช่วง 3 วันหลังทำ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้
- 1 ชม.หลัง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถแกะพลาสเตอร์ออกได้
“ ข้อควรรู้ : การดื่มน้ำเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ 1.5-2 ลิตร ต่อวันครับ ”
ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคา Promotion ที่ V Square Clinic
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane Perlane Lyft (สวีเดน อยู่ได้ 12 เดือน) ราคา 12,500.-/ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane Defyne (สวีเดน อยู่ได้ 18 เดือน) ราคา 14,000.-/ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane Vital light (สวีเดน อยู่ได้ 6 – 12 เดือน) *with lidocane (ผสมยาชา) ราคา 12,000.-/ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane Classic (สวีเดน อยู่ได้ 12 เดือน) ราคา 9,900.-/ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane Vital (สวีเดน อยู่ได้ 12 เดือน) ราคา 16,900.-/ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Juvederm Volite (อเมริกา อยู่ได้ 8-12 เดือน) ราคา 12,900.-/ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Juvederm Voluma (อเมริกา อยู่ได้ 18 เดือน) ราคา 12,500.-/ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Juvederm Volux (อเมริกา อยู่ได้ 18-24 เดือน) ราคา 18,000.-/ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Belotero Volume (ฟิลเลอร์สวิตเซอร์แลนด์ อยู่ได้ 18 เดือน) ราคา 9,900.-/ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Belotero Soft (ฟิลเลอร์สวิตเซอร์แลนด์ อยู่ได้ 8-12 เดือน) ราคา 9,900.-/ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Belotero Revive (ฟิลเลอร์สวิตเซอร์แลนด์ อยู่ได้ 6-9 เดือน) ราคา 14,000.-/ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Flore Aqua-s (ฟิลเลอร์เกาหลี อยู่ได้ 6 เดือน) ราคา 9,900.-/1CC จากปกติ 10,900.-
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Definisse Touch (ฟิลเลอร์อิตาลี อยู่ได้ 8-12 เดือน) ราคา 12,000.-/1CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Teoxane RHA 2 (สวิตเซอร์แลนด์ อยู่ได้ 18 เดือน) ราคา 12,900.-/ 1 CC
สมาชิกบัตรเครดิต สามารถผ่อนชำระ 0% นาน 4 เดือน วันนี้ – 30 ก.ย. 67 ได้ที่ V Square Clinic ทุกสาขา ตามเงื่อนไขที่กำหนด ดูเพิ่มเติมได้ที่ โปรโมชั่น V Square Clinic
ฟิลเลอร์ใต้ตา รีวิว
รูปภาพประกอบจากเคสที่มาใช้บริการจริง การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่มีการแต่งภาพ หรือสามารถดู รีวิวเพิ่มเติมได้จากช่องทางนี้ Youtube Channel : V Square Clinic
ฟิลเลอร์ใต้ตารีวิว ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 2 CC
ข้อดี ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- การฉีดใต้ตา เหมาะกับคนที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากพักฟื้นนาน
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่มีแผล หลังฉีดเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ช่วยแก้ไขริ้วรอย ความหย่อนคล้อยใต้ตา ได้อย่างเห็นผล
- ฉีดเติมเต็มใต้ตาคล้ำ ในคนที่มีขอบตาดำมาก ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง จากภูมิแพ้และการพักผ่อนไม่เพียงพอ
- หากเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์แท้ หมอมีประสบการณ์ มั่นใจได้ว่าปลอดภัย 100%
ข้อเสีย ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร เนื้อฟิลเลอร์จะสลายไปตามระยะเวลาของแต่ละยี่ห้อ ไม่มีสารตกค้าง
- ฟิลเลอร์ใต้ตา จำเป็นต้องฉีดซ้ำถ้าอยากรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน
- หลังฟิลเลอร์ใต้ตา จะมีอาการบวมแดง หรือรอยเข็มในจุดที่ทำ แต่จะหายไปเองใน 2-3 วัน
- หากไม่ระวังเจอคลินิกเถื่อนที่ใช้ฟิลเลอร์ปลอมมาฉีด อาจเกิดอันตรายได้ เช่น เนื้อตาย ตาบอด (เมื่อฉีดโดนเส้นเลือดสำคัญ)
- หากแพทย์ที่ฉีดไม่มีประสบการณ์ เลือกเนื้อฟิลเลอร์และฉีดด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ผลออกมาไม่เป็นธรรมชาติหรือเป็นก้อนได้
Q&A : ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยอะไรบ้าง ?
การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถครอบคลุมการแก้ไขปัญหาใต้ตาได้เกือบทั้งหมด
ทั้งจากอายุที่มากขึ้นและการเสื่อมสภาพของผิว หลัก ๆ ได้แก่ ลดริ้วรอย ร่องลึกใต้ตา แก้ถุงใต้ตา ผิวหย่อนคล้อย เบ้าตาลึก ตาโหล ขอบตาดำ และฉีดใต้ตาคล้ำ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ตาบอด จริงไหม ?
การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีโอกาสทำให้ตาบอดได้จริงครับ แต่เกิดขึ้นน้อยมาก ๆ แทบไม่มีแล้ว
หากคนไข้เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ได้มาตรฐาน และใช้ฟิลเลอร์แท้ (หากฉีดผิดพลาดสามารถฉีดสลายได้ทันที) หมอที่มีประสบการณ์จะใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ลดความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์เข้าหลอดเลือดครับ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ?
หลัง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด ใต้ตาจะเต็มขึ้น ริ้วรอยและถุงใต้ตาลดลง
แต่จะยังมีอาการบวมจากเข็มและเนื้อฟิลเลอร์ยังเข้าที่ไม่เต็ม 100% โดยปกติจะมีการติดตามผลหลังฉีดใต้ตา 2 สัปดาห์ ถึงเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนครับ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน ?
การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทั่วไปจะอยู่ได้ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้
รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ หากหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายได้ ก็จะช่วยรักษาฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้นครับ
สรุป
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา นอกจากช่วยแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย ถุงใต้ตา ลดริ้วรอยใต้ตา ตาคล้ำ ยังเป็นตัวช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต และเป็นจุดที่เมื่อแก้ไขแล้วจะทำให้ใบหน้าเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน หน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
“การดูแลตัวเองยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งรักษาความอ่อนเยาว์ไว้ได้นานครับ”