หลังฉีดฟิลเลอร์ / หลังร้อยไหม
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา-ร่องแก้มและการร้อยไหมหน้าเรียว กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นมากในปัจจุบัน เนื่องจากไม่ต้องพักฟื้นนานเท่ากับการผ่าตัด แต่เห็นผลชัดเจน และราคาไม่แพง
ในบทความนี้หมอจะรวบรวมข้อห้ามและข้อปฎิบัติตัวก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์และหลังร้อยไหม มาเรียงตามลำดับช่วงเวลาก่อนทำ-หลังทำให้นะครับ เพื่อให้หน้ายุบบวมไวที่สุด และผลที่ได้อยู่ได้นานที่สุด ซึ่งในการทำฟิลเลอร์และร้อยไหมหากมีเลือดออกเยอะ หรือบวมนาน จะทำให้อักเสบมากขึ้นและทำให้ผลอยู่ได้สั้นลงครับ การเตรียมตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ
การฉีดฟิลเลอร์/การร้อยไหมจะมีข้อปฏิบัติตัวที่ใกล้เคียงกันมาก และคนไข้ส่วนมากมักจะทำ 2 อย่างนี้พร้อมกัน เช่น ฟิลเลอร์ใต้ตาร่วมกับร้อยไหมล็อคก้างปลา หมอจึงขอรวมไว้ในบทความเดียวกันครับ
สารบัญ ข้อปฎิบัติก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์และก่อนร้อยไหม
ก่อนฉีดฟิลเลอร์และก่อนร้อยไหม
2 อาทิตย์ก่อนทำ
ควรศึกษาหาข้อมูลและความรู้ที่จำเป็น
การเลือกคลินิก
ควรศึกษาหาข้อมูล ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ร้อยไหมที่ไหนดี ช่องทางหลักที่สามารถช่วยให้ลูกค้าสามารถพิจารณาผลการรักษาและการปรับรูปหน้าของคลินิกแต่ละแห่งนั่นคือ รีวิวจากคนไข้ที่มาทำจริงที่คลินิกนั้น ๆ ดังนั้นควรเริ่มจาการพิจารณาจากรีวิวในแหล่งที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือและรีวิวควรมีความเป็นปัจจุบัน คือในแหล่งที่ถ้าหากมีเคสหลุดมารีวิวแล้ว สามารถดูความรับผิดชอบของคลินิกนั้นๆ ได้ โดยที่รีวิวนั้นๆ ไม่โดนลบออก ซึ่งในต่างประเทศรีวิวประเภทนี้คนไข้จะเชื่อถือมากที่สุดครับ
ในเมืองไทยยังไม่มี Website ที่เปิดให้รีวิวได้อย่างเป็นกลาง ส่วนมากถ้ามีเคสหลุดโดนพาดพิงก็จะโดนลบออกไป ตอนนี้เท่าที่มีในประเทศไทยก็จะมีแค่ คำวิจารณ์ในเฟสบุ๊ค, และ รีวิวในกูเกิ้ลแมป เท่านั้นครับที่คลินิกไม่สามารถลบออกได้ (ซึ่งในกรณีที่คลินิกโดนรีวิวในแง่ลบก็ควรอ่านคำอธิบาย-การรับผิดชอบที่คลินิกตอบในรีวิวด้วยนะครับเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งจากคลินิกอื่น)
ส่วนรีวิวจากแหล่งอื่นๆ ส่วนมากก็มักจะคัดมาโชว์แต่เคสสวยๆ ไม่โชว์เคสหลุด ซึ่งแบบนี้ไม่ควรเชื่อถือครับ และไม่ควรเชื่อรีวิวที่มีแต่รูป(เพราะรูปสามารถตกแต่งได้ง่ายมาก) ถ้าเป็นคลิปวิดีโอก่อน-หลังทำจะดูน่าเชื่อถือกว่าครับ(ในคลิปหลังทำจะต้องไม่แต่งหน้านะครับ จะได้เปรียบเทียบได้จริงๆ ) คนไข้ก็จะได้ทราบถึง ก่อนทำ หลังทำ ว่าได้ผลแค่ไหน บวมแค่ไหน น่ากลัวไหม อันตรายหรือไม่ ได้อย่างตรงไปตรงมาครับ
การเลือกหมอ และเทคนิคในการทำ
ฟิลเลอร์และร้อยไหม เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความชำนาญในการทำสูง ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และความชำนาญในการทำ เพื่อให้เกิดการบวมช้ำน้อยที่สุด ได้ผลชัดเจนและผลออกมาดูเป็นธรรมชาติ คนทั่วไปบางส่วนมักมีความเชื่อว่าควรเลือกหมอที่จบเฉพาะทางด้านผิวหนังจึงจะสามารถทำหัตถการต่างๆ เหล่านี้ได้ดีที่สุด
แต่ในความจริงแล้วการทำฟิลเลอร์ ร้อยไหม รวมถึงโบท็อกนั้น ในประเทศไทยยังไม่มีสาขาแพทย์เฉพาะทางที่เรียนด้านนี้โดยตรง องค์ความรู้ขั้นสูงต่างๆ ของหัตถการเหล่านี้ก็มักจะมาจากหลักสูตรที่อบรมเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศทั้งสิ้น ไม่ได้อยู่ในหลักสูตรเฉพาะทางสาขาใดๆ และปัจจุบัน aesthetic medicine ยังไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์เฉพาะทางสาขาใดๆ ทั้งสิ้น ในอนาคตจึงจะมีการจัดตั้งสาขาเฉพาะทางด้านนี้ขึ้นมา
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่ต้องเลือกหมอที่จบเฉพาะทางด้านผิวหนังในการทำหัตถการเหล่านี้ครับ ควรดูจากเคสรีวิวในแหล่งที่เชื่อถือได้ ประสบการณ์ของแพทย์ และความน่าเชื่อถือของคลินิกเป็นหลักครับ
สำหรับที่ V Square Clinic จะคัดเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการทำ โบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหม มามากกว่า 5-10 ปีทุกท่าน และผ่านการฝึกอบรมหัตถการเหล่านี้จากทั้งในประเทศและต่างประเทศมามากมาย ซึ่งในปี 2018 นี้ทาง v square clinic ก็ได้รับคัดเลือกโดยบริษัท Allergan ว่าเป็น 1 ใน 6 คลินิกจากประเทศไทยที่ได้รับรางวัลคลินิกปรับรูปหน้าที่ยอดเยี่ยมที่สุด 20 คลินิกในเอเชีย จึงสามารถการันตีประสบการณ์ความชำนาญของแพทย์ได้เป็นอย่างดีครับ
การเลือกยี่ห้อและชนิดของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ชนิดที่ปลอดภัยที่สุดคือ HA(hyaluronic acid) เนื่องจากสามารถใช้เอนไชม์ hyaluronidase สลายออกบางส่วนหรือทั้งหมดเพื่อแก้ไขปรับแต่งได้ 100% สำหรับการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ ในเบื้องต้นจะมีรายละเอียดใน บทความ… ครับ ซึ่งในเดือนหน้าหมอจะเขียนบทความการเลือกชนิดฟิลเลอร์แบบละเอียดเจาะลึกให้อีกทีครับ
การเลือกชนิดเส้นไหม วัสดุไหม
จะมีรายละเอียดเจาะลึกให้แล้วใน บทความร้อยไหม และ ถาม-ตอบเกี่ยวกับร้อยไหม กับ ทีมแพทย์ V Square Clinic ครับ Internal link to บทความ
1 อาทิตย์ก่อนทำ
ยาและวิตามินที่ควรงดก่อนฟิลเลอร์และก่อนร้อยไหม
- ควรงดยา แอสไพริน, NSAIDs เช่น ibruprofen diclofenac ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ และควรปรึกษาแพทย์ที่รักษาอยู่ก่อนที่จะหยุดยานั้นๆ
- ควรงดวิตามิน St. Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng, and Vitamin E เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ
- ควรงดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids, Glycolic Acid, หรือครีมในกลุ่ม “Anti-Aging” ทุกชนิด เป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ
- ควรงดการแว็กผิว ผลัดเซลล์ผิว การดึงขนหรือโกนขนในบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ
- หากมีคอร์สทำหน้านวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆที่ต้องทำเป็นประจำ ควรทำมาก่อนอย่างน้อย 3 วันก่อน ทำฟิลเลอร์หรือร้อยไหม เพราะหลังทำต้องเว้นไปอีก 2 อาทิตย์
- หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่กินเป็นประจำอื่นๆ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ
24 ชม.ก่อนทำ
กิจกรรมที่ควรงดก่อนฟิลเลอร์และก่อนร้อยไหม
- ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชม. ก่อนทำ
- ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม. ก่อนทำ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายชนิด cardio
มาถึงคลินิก
- สามารถแต่งหน้ามาได้ ทางคลินิกจะลบเครื่องสำอางค์ในจุดที่จำเป็นออกให้ก่อนทำ
- สามารถแจ้งเพื่อขอแปะยาชาได้ฟรี ซึ่งก่อนฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหมหมอจะฉีดยาชาในจุดนั้นๆให้ด้วย
- ในบางคนที่แพ้ระคายเคืองจากยาชาแบบทาหรือไม่อยากจะเสียเวลาแปะยาชา ก็สามารถเลือกฉีดยาชาอย่างเดียวได้ครับ
ก่อนทำ 30 นาที
- แพทย์จะพิจารณาให้กินยาห้ามเลือด,ฉีดยาลดบวมและกินยาปฎิชีวนะในบางเคส เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมช้ำ และลดความเสี่ยงในการอักเสบติดเชื้อ
- ในเคสกลัวความเจ็บมากๆ แพทย์อาจจะพิจารณาให้กินยาแก้ปวดเพิ่มก่อนทำหัตถการ แต่การกินยาแก้ปวดก่อนทำหัตถการอาจจะทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น ควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น
ระหว่างร้อยไหม/ฉีดฟิลเลอร์
- ควรทำหัตถการในห้องแอร์ที่อุณหภูมิต่ำๆ
- ควรร้อยไหมหรือฉีดฟิลเลอร์ในท่านั่งหรือนอนเอียงที่ระดับหัวอยู่สูงกว่าหัวใจ ไม่ควรนอนราบ เพราะจะทำให้เลือดออกมากขึ้น
หลังทำทันที
- อาจจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันได้ในจุดที่ทำเป็นปกติ ให้หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดในจุดนั้นๆ อาการต่างๆจะค่อยๆดีขึ้นภายใน 2-3 วัน แต่หากหลังจาก 3 วัน อาการดังกล่าวยังเป็นมากขึ้น ให้ติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อรับยากินเพิ่ม
- หากก่อนทำไม่ได้กินยาฆ่าเชื้อ หลังทำกควรรีบกินยาฆ่าเชื้อทันที และทางคลินิกจะมียาแก้ปวด,ลดบวมให้กินด้วย
- อยู่แต่ในที่อากาศเย็น และหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม.หลังทำครับ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนักๆ ตากแดด การดื่มแอลกอฮอล์
- ให้งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF thermage ควรเว้นอย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ
- อย่าขยับใบหน้าเยอะโดยเฉพาะในช่วง 3 วันหลังทำ จะทำให้ไหมและฟิลเลอร์ที่ทำไว้เคลื่อนผิดตำแหน่งได้
- การประคบเย็นอย่างผิดวิธีอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดหรือไหมที่ร้อยไว้เกิดการเคลื่อนและไม่เกาะผิวได้ ควรประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ในบางกรณีเท่านั้น
- การใช้สายรัดหน้าหลังร้อยไหมควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ในกรณีที่มีเลือดออกมากเท่านั้น ซึ่งในเคสส่วนมากหมอจะไม่แนะนำให้ใช้เนื่องจากอาจทำให้ไหมเคลื่อนและไม่เกาะผิว
- 1 ชม.หลังทำ สามารถแกะพลาสเตอร์ออกได้
หลังร้อยไหม/ฉีดฟิลเลอร์ห้ามทานอะไร
- ควรงดในระยะ 14 วันหลังทำ(ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ก็ควรงดอย่างน้อย 48 ชม.)
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก
- หมูกะทะ ปิ้งย่าง ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ
- อาหารที่เผ็ดมากๆ แสบร้อนจนหน้าแดง
- อาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง
- งดอาหารที่หวานจัดๆ นมวัว เพราะสามารถกระตุ้นการบวนการอักเสบได้
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารดิบจากร้านอาหารที่ไม่สะอาดเนื่องจากพยาธิบางชนิดจะทำปฎิกริยากับฟิลเลอร์แล้วเกิดการอักเสบได้
- ควรงดสูบบุหรี่ ในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด จะทำให้ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง
มีหลายงานวิจัยที่ระบุว่าสารชื่อ bromelain ที่อยู่ใน”แกน”สัปปะรดสามารถกินเพื่อช่วยให้อาการปวดบวมช้ำหลังจากร้อยไหมหายได้ไวขึ้นอย่างชัดเจน
3 ชม.หลังทำ
- รอยเข็มที่ร้อยไหม/ฟิลเลอร์สามารถโดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที
- สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อนๆ ได้
6 ชม.หลังทำ
- ยาชาจะเริ่มหายบวม ถ้ามีจุดไหนที่ยังบวมมาก ควรประคบเย็นช่วย และควรประคบเบาๆไม่ควรกดแรงๆ
กลางคืนหลังร้อยไหม/ฟิลเลอร์
- หลังจากยาชาที่ฉีดไว้หมดฤทธิ์ใน 3 ชม.หลังทำ จะเริ่มปวดระบมมากขึ้น หากหลังจากกินยาแก้ปวด paracetamol ที่ทางคลินิกให้ไปทุกๆ 4 ชม.แล้วยังปวดมากอยู่ก็สามารถกินยาแก้ปวดในกลุ่มอื่นๆช่วยเสริมได้เช่น ibruprofen, arcoxia, diclofenac แต่ถ้าไม่เคยกินยาเหล่านี้มาก่อนความปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานะครับ
- ควรนอนในห้องแอร์ที่อุณหภูมิ 18-23 °C นอนหัวสูงกว่าหน้าอกโดยการหนุนหมอนที่ศรีษะอย่างน้อย 2 ใบ ไม่ควรนอนตะแคง ควรหาหมอนข้างมากันไว้ทั้งซ้ายและขวาใน 2-3 คืนแรกหลังทำเพื่อป้องกันการกดทับหน้า
หลังทำ 24 ชม.
- จะเริ่มมีอาการบวมเข็มมากขึ้น สำหรับฟิลเลอร์คนไข้บางคนอาจจะเข้าใจผิดว่าฟิลเลอร์ฟูขึ้นและชอบแบบที่ฟูๆนี้ แต่เมื่อผ่านไป 7-14 วัน อาการบวมเข็มยุบลงก็เข้าใจผิดว่าฟิลเลอร์สลายหายไป การดูผลฟิลเลอร์ควรจะดูหลังฉีดเสร็จทันทีและควรดูผลอีกทีหลังจาก 14 วันนะครับ ระหว่างนั้นไม่สามารถประเมินได้เพราะเป็นอาการบวมครับ
สามารถทาครีมทับบริเวณรอยเข็มได้ และแต่งหน้าทับได้ปกติ แผลรูเข็มสามารถโดนน้ำได้ปกติ
หลังทำ 48 ชม.
- หากสามารถหลีกเลี่ยงอาหารและความร้อนตามข้อห้ามด้านบนได้ครบ 48 ชม. ก็จะช่วยให้ยุบบวมได้ไวขึ้นมากแล้ว
หลังทำ 3 วัน
- อาการปวดบวมแดงช้ำจะเริ่มดีขึ้นและลดลง หากอาการมีแนวโน้มแย่ลงให้ติดต่อคลินิกเพื่อขอรับยากินเพิ่ม
- สามารถขยับใบหน้าได้เกือบเท่าปกติ ฟิลเลอร์และไหมจะเข้าที่แล้วประมาณ 90% แต่ยังไม่ควรกดนวดแรงๆ
หลังทำ 7-10 วัน
- รอยเขียวช้ำอาจจะยังมีอยู่จะค่อยๆจางลงเองใน 14 วัน ไม่ควรประคบร้อน
- ในบางเคสจะยังคลำเจอฟิลเลอร์เป็นก้อนได้ปกติ เป็นอาการบวมเข็มครับ จะค่อยๆนิ่มลงเองภายใน 2-3 อาทิตย์
หลังทำ 14 วัน
- อาการบวมจะหายไปเกือบ 100% สำหรับฟิลเลอร์จะเริ่มนิ่มลงและกลืนไปกับผิว ยกเว้นฟิลเลอร์ในรุ่นที่ฉีดในผิวชั้นลึกเพื่อยกพยุงหน้า เช่น Restylane-Perlane-Lyft หรือ Juvederm-Voluma จะคลำได้เนื้อฟิลเลอร์ในผิวชั้นลึกแต่จะมองไม่เห็นจากภายนอกเป็นปกติครับไม่ต้องกังวล
- สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ กินอาหารได้ปกติ และพยายามหลีกเลี่ยงความร้อน
หลังทำ 1 เดือน
- สำหรับการร้อยไหมดึงหน้า ไม่ควรอ้าปากกว้างๆ เช่น การอ้าปากทำฟัน หรือ การแปรงฟันแรงๆ ในระยะ 1 เดือนหลังทำ
การดื่มน้ำ คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน
ใน particle ของฟิลเลอร์โมเลกุลของฟิลเลอร์จะค่อยๆสลายไปและถูกแทนที่ด้วยโมเลกุลของน้ำ เป็นการสลายแบบ Isovolumetric degradation(นั่นคือแม้ฟิลเลอร์จะสลายไปบางส่วนแต่ก็จะยังมีปริมาตรเท่าเดิมได้อยู่จากน้ำที่เรากิน) ซึ่งถ้าขาดน้ำขนาด particle ก็จะเล็กลง และเพิ่มอัตราการสลายแบบทวีคูณ ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอตามปกติคือวันละ 1.5-2 ลิตร เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานครับ
ลักษณะ particle ของฟิลเลอร์ชนิด HA จะคล้ายๆกับวุ้นใสๆสามารถสลายกลายเป็นน้ำได้ 100% เมื่อเวลาผ่านไป 1-2 ปี
ข้อห้ามในการร้อยไหมและฟิลเลอร์(Contraindication)
- มีภาวะอักเสบติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหม
- เคยมีประวัติแพ้ส่วนประกอบของฟิลเลอร์หรือวัสดุเส้นไหมที่วินิจฉัยว่าแพ้โดยแพทย์, อาการข้างเคียง(side effect)อื่นๆไม่ได้ถือว่าเป็นการแพ้(allergy)
- มีประวัติแพ้ยาชา (ถ้าคนไข้ไม่เคยฉีดยาชาทำฟันมาก่อนควรแจ้งแพทย์เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยาชา)
- อยู่ในภาวะเลือดไหลไม่หยุด(bleeding disorder) แพทย์จะพิจารณาตามดุลยนินิจ
- ห้ามทำในผู้ที่ตั้งครรภ์
- ในกรณีให้นมบุตรควรปรึกษาสูติแพทย์ที่ดูแลก่อนทำ
- ในคนไข้ที่เคยมีประวัติเป็นเริมที่ปาก และต้องการฉีดฟิลเลอร์ปากต้องปรึกษาแพทย์เพื่อกินยาป้องกันก่อนฉีด
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถเข้ามาปรึกษาคุณได้ที่
1. V Square Clinic ทั้ง 20 สาขา หรือ
2. สามารถปรึกษาคุณหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ
คุณหมอตอบเองครับ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ