ข้อดี-ข้อควรรู้ของ CoolSculpting
ข้อดี | ข้อควรรู้ |
---|---|
คิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์จากมหาวิทยาลัย Harvard สหรัฐอเมริกา มีการใช้ CoolSculpting แล้วกว่า 74 ประเทศทั่วโลก ได้รับ U.S. FDA approved |
ระวังเครื่องลอกเลียนแบบที่ไม่ได้ใช้ชื่อ CoolSculpting จะเสี่ยงต่อการเกิด freeze burn (ผิวไหม้จากความเย็น) เนื่องจากระบบความปลอดภัยไม่ได้มาตรฐาน |
เป็นการกำจัดเซลล์ไขมันได้ถาวรครั้งละ 25% ในจุดที่ทำ มีตัวอย่างเคสที่ทำ CoolSculpting ที่ท้องเพียงฝั่งเดียวแล้วผ่านไป 10 ปี ฝั่งที่ทำก็ยังเล็กกว่าอย่างชัดเจน | จะบวมหลังทำประมาณ 2 สัปดาห์ เป็นช่วงที่รอให้ร่างกายกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไป เห็นผลในแต่ละจุดเต็มที่ ใช้เวลา 2-3 เดือนหลังทำ |
ในเคสที่ BMI<35 และไม่ต้องการเสี่ยงกับผลข้างเคียงของการดูดไขมัน สามารถทำ CoolSculpting ทดแทนได้ ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกันและปลอดภัยกว่า | ในเคสที่อ้วนมาก ๆ BMI>35 ไม่เหมาะกับการทำ CoolSculpting เนื่องจากต้องกำจัดไขมันออกในปริมาณมาก เหมาะกับการดูดไขมันมากกว่า |
เครื่อง CoolSculpting รุ่นใหม่ ขณะที่เครื่องดูดผิวและแช่แข็งไขมัน จะไม่มีอาการเจ็บใด ๆ เลย เนื่องจากเป็นความเย็นจุดเยือกแข็ง หากเซ็นเซอร์ตรวจพบว่าผิวหนังเย็นเกินไป ระบบจะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ | เจ็บมากที่สุดตอนนวดก้อนไขมันที่โดนแช่แข็งเพื่อให้เซลล์ไขมันถูกทำลาย ปวดระบมในจุดที่ทำประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาการปวดจะคล้าย ๆการปวดกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกายหนัก ๆ |
ไม่มีแผล เมื่อยุบบวมเข้าที่จะไม่มีร่องรอยใด ๆ ไม่ต้องพักฝื้น ไม่ต้องใช้ยาชาหรือยาสลบ | ในคนที่ผิวช้ำง่าย อาจจะเกิดรอยเขียวช้ำได้จากการที่หัวดูดผิวเพื่อแยกชั้นไขมันขึ้นมา ซึ่งรอยช้ำจะหายไปได้เองภายในระยะเวลา 2- 3 สัปดาห์ |
กำจัดไขมันออกได้ 60-70 CC/1หนีบ เน้นทำลายเซลล์ไขมันอย่างถาวร ต่างจาก Slimming Treatment อื่น ๆ ที่เน้นการลดขนาดของเซลล์หรือเร่งการเผาผลาญ | ไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการลดสัดส่วนเฉพาะจุด |
สามารถทยอยทำในแต่ละจุดที่ต้องการเน้นได้ | ราคาค่อนข้างสูง ราคา 9,900-12,000 ต่อ 1 หนีบ (พื้นที่ 1 ฝ่ามือ) |
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ