ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ร้อยไหม PM 2.5
โดยปกติหลังทำโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ถ้าละเลยข้อปฎิบัติตัวหลังทำที่แพทย์บอก เผลอเกาหรือขัดถูหน้าแรงๆ โดยเฉพาะตรงจุดที่ฉีด ก็อาจจะส่งผลให้หน้าเบี้ยวได้ แม้จะไม่ได้สัมผัสฝุ่นพิษก็ตาม แต่ในภาวะฝุ่นพิษ มีโอกาสสูงที่คนไข้บางคนจะมีอาการผื่นแพ้กำเริบจากฝุ่น โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ผิวหนังอยู่เดิม และเผลอเกาที่ใบหน้า
แพทย์ผิวหนังจึงออกข่าวเตือนให้ระมัดระวังในการทำหัตถการต่างๆ แต่มีคนไข้หลายคนที่เข้าใจผิดว่าห้ามฉีดถ้าฉีดจะมีผลเสีย หมอจึงเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อขยายความเพิ่มเติมจากเนื้อหาในข่าวเพื่อให้คนไข้เข้าใจเหตุผลชัดเจนมากขึ้นครับ
สำหรับคนที่กำลังสนใจจะทำหัตการเสริมความงาม โบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหม เมโส ในช่วงนี้และเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับผลกระทบของภาวะฝุ่นพิษ PM 2.5 ว่าไม่ควรทำหัตถการต่างๆ ในช่วงนี้ จึงทำให้คนไข้มีข้อสงสัยซักถามเข้ามาที่ทางคลินิกจำนวนมาก หมอจึงขอขยายความเพิ่มเติมดังนี้ครับ
สารบัญฝุ่นพิษ PM 2.5 กับการฉีดฟิลเลอร์ โบท็อก
ข้อมูลต่างๆที่อยู่ในบทความนี้ อ้างอิงจากงานวิจัยผลกระทบของภาวะฝุ่นพิษต่อระบบต่างๆของร่างกายมนุษย์และข้อห้ามข้อบ่งชี้ในการทำหัตถการโบทอกซ์ ฟิลเลอร์ เมโส ตามรายละเอียดที่อยู่ในเอกสารอ้างอิงครับ
1.ผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ต่อระบบต่างๆของร่างกายคน
ระบบหายใจ, หอบหืด
ลดประสิทธิภาพการทำงานของปอด, เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหอบหืด โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี
ระบบหลอดเลือด โดยเพิ่มความเสี่ยง 0.43% ต่อทุกๆ 10 หน่วยของ PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นจากค่ามาตรฐาน
ระบบหลอดเลือดและหัวใจ
เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง, เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มโอกาส 0.1% ต่อทุกๆ 10 หน่วยของ PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้น
ภาวะฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กรุงเทพและอีกหลายๆเมืองหลวงทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เป็นปัญหาที่ยากต่อการแก้ไข เนื่องจากมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งฝุ่นควันจากการจราจร การก่อสร้าง โรงงาน และฝุ่นพิษจากประเทศเพื่อนบ้าน และจากสภาพอากาศที่ปิดในช่วงเปลี่ยนฤดู จึงเป็นภาวะที่ชาวกรุงเทพอาจจะต้องเผชิญต่อไปอีกนานพอสมควร
ระบบสืบพันธ์
ลดโอกาสปฎิสนธิ 2% ต่อทุกๆ 10 หน่วยของ PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้น
ระบบการตั้งครรภ์
เพิ่มความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนด และทารกน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
ระบบผิวหนัง, ภูมิแพ้
ฝุ่นพิษ PM 2.5 สามารถจับตัวกับสารเคมีและโลหะต่างๆ และนำพาเข้าสู่ผิวหนัง ทำให้เซลล์ผิวหนังทำงานผิดปกติ กระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบและผื่นแพ้ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคผิวหนังอยู่เดิม เช่นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง จะมีการระคายเคืองมากขึ้น และเกิดผื่นกำเริบได้ง่ายขึ้น
การสัมผัสกับฝุ่นพิษทางผิวหนังในระยะเวลานาน จะทำให้เกิดจุดด่างดำและริ้วรอยที่ผิวหนังได้มากขึ้น
ในภาพเปรียบเทียบฝาแฝดอายุเท่ากันที่ไม่สูบ/สูบบุหรี่ ซึ่งการอยู่ในภาวะอากาศฝุ่นพิษ PM 2.5 นานๆ ทั้งการสูดอากาศ และการสัมผัสทางผิวหน้าและผิวกาย ก็มีผลใกล้เคียงกับการสูบบุหรี่
ดังนั้นจึงควรป้องกันที่ผิวหนังที่หน้าและตัวด้วย ไม่ใช่แค่ป้องกันทางเดินหายใจเพียงอย่างเดียว
2.ทำไมจึงไม่ควรทำหัตถการในช่วงภาวะฝุ่นพิษ
โดยปกติหลังจากทำหัตถการ โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม คนไข้จะต้องหลีกเลี่ยงการกดนวดและขัดถูกหน้าแรงๆเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้ยากระจายตัวผิดตำแหน่งไม่ตรงกับที่แพทย์ฉีดไว้ให้ จะทำให้หน้าเบี้ยวได้ แต่หลังจาก 14 วัน ก็สามารถกดนวดได้ตามปกติ
การที่มีข่าวออกมาเตือนนั้นก็มีเหตุผล เพราะในภาวะฝุ่นพิษแม้แต่คนปกติทั่วๆ ไปที่ไม่ได้ฉีดฟิลเลอร์ ก็เกิดภาวะผื่นแพ้คันขึ้นมาได้ง่าย และอาจจะเผลอเกาขัดถูหน้าแรงๆโดยเฉพาะตอนนอนหลับ ในคนที่ทำหัตถการถึงแม้ว่าแพทย์จะอธิบายข้อห้ามหลังทำไว้ชัดเจนแล้วก็ตาม ก็อาจจะเผลอเกาเมื่อคันได้ ทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการกระจายยาผิดตำแหน่งตามมา แพทย์จึงต้องมีการเตือนย้ำอีกทีตามข่าว
แต่ก็มีคนไข้บางคนที่อ่านเนื้อความตามข่าวแล้วเข้าใจผิดว่าห้ามทำ แต่ความจริงคือสามารถทำได้แต่ให้ระมัดระวังมากขึ้นไม่ควรเผลอเกาหรือขัดถูหลังทำ 14 วันครับ
3.สามารถทำหัตถการได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
ในช่วงภาวะฝุ่นพิษ สามารถทำหัตถการ โบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหม เมโส เลเซอร์ ได้อย่างปลอดภัยตามภาวะปกติครับ เพียงแต่ต้องระมัดระวังในการปฏิบัติตัวหลังทำมากขึ้น ไม่ควรเผลอเกาเมื่อมีอาการคันจากฝุ่นพิษ ควรจะรีบทำการรักษาผื่น ซึ่งผื่นคันดังกล่าวในทางการแพทย์ถือเป็นอาการที่รักษาได้ง่ายมาก และไม่มีผลเสียในระยะยาวตามมาแน่นอน
ซึ่งโดยปกติหลังทำหัตถการ ทางคลินิกก็จะมีช่องทางให้คนไข้สามารถสอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการต่างๆหลังทำโดยสามารถติดต่อคุยกับแพทย์ได้โดยตรง โดยแพทย์จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างทันท่วงที
4.ใครที่ไม่ควรทำหัตถการนี้ในช่วงภาวะฝุ่นพิษ
คนไข้ที่มีประวัติเป็นโรคผื่นแพ้ที่ใบหน้าอยู่เดิม หรืออยู่ในช่วงที่ผื่นกำเริบ ไม่ควรทำหัตถการ โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม ซึ่งข้อห้ามนี้ก็เป็นข้อควรระวังในภาวะปกติที่แพทย์ทุกคนต้องคำนึงถึงอยู่แล้ว
5.มีวิธีการเตรียมตัวก่อนทำหัตถการอย่างไรให้ปลอดภัย
สำหรับคนไข้ที่มีประวัติเป็นโรคผื่นแพ้ที่ใบหน้าอยู่เดิม หรืออยู่ในช่วงที่ผื่นกำเริบ ควรจะปรึกษาแพทย์ที่ดูแลด้านภูมิแพ้ประจำตัวของคนไข้ เพื่อพิจารณาว่าสามารถทำหัตถการได้หรือไม่ และจ่ายยาเพื่อควบคุมผื่นไม่ให้กำเริบในช่วงที่ทำหัตถการ
สำหรับคนทั่วไป ก็สามารถเตรียมตัวก่อนทำหัตถการได้ตามปกติดังนี้ คือพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆที่จะทำให้เกิดการบวมช้ำ การอักเสบให้เหลือน้อยที่สุด เช่น งดยาและวิตามินบางตัว 7 วันก่อนทำ งดครีมผลัดเซล์ งดโกนขน งดเลเซอร์และงดขัดถูหน้า 3 วันก่อนทำ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 1 วันก่อนทำ และสามารถอ่านคำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนทำอย่างละเอียดได้ใน[ข้อห้าม-ข้อปฏิบัติ] ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ ก่อน-หลังร้อยไหม เพื่อให้ผลอยู่ได้นานขึ้นครับ
และหลังจากทำหัตถการควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่นพิษที่ค่าเกินมาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผื่นคันแล้วเผลอเกาบริเวณที่ฉีดครับ
6.ฝุ่นพิษส่งผลต่อคนที่ทำหัตถการต่างๆมานานแล้วหรือไม่ ?
ฝุ่นพิษไม่ได้มีผลที่ทำให้คนที่เคยฉีดโบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหม มาแล้วเกิดอาการหน้าเบี้ยวตามที่คนทั่วไปเข้าใจผิดตามเนื้อหาในข่าวแต่อย่างใด จะมีผลเมื่อไปเผลอเกาตอนที่ยายังไม่เข้าที่เท่านั้นครับ
Reference
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5876983/
https://www.springnews.co.th/truth/427677
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/824901
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ