“ โรคภูมิแพ้ ” เป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตที่เป็นกันทั่วโลกครับ รวมถึงในประเทศไทย ที่มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การรู้เท่าทันโรคภูมิแพ้ รู้สาเหตุ อาการ แนวทางป้องกันและวิธีดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ครับ
สารบัญ โรคภูมิแพ้
ทำความรู้จัก “ โรคภูมิแพ้ ” ให้มากขึ้น
โรคภูมิแพ้ (Hypersensitivity) เป็นโรคที่เกิดจากการตอบสนองที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ (Allergen) เช่น อากาศ ฝุ่น ควัน ตัวไรฝุ่น เชื้อราในอากาศ อาหาร ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ เป็นต้น
เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ ระบบภูมิคุ้มกันจะตอบสนองโดยการสร้างแอนติบอดีชนิด IgE (Immunoglobulin E) เพื่อต่อต้านสารนั้น ๆ ส่งผลให้เกิดการหลั่งสารเคมีต่าง ๆ โดยเฉพาะฮิสตามีน (Histamine) ซึ่งทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ของโรคภูมิแพ้ โดยคนไข้แต่ละราย จะมีอาการเกิดขึ้นแตกต่างกันรวมถึงระดับความรุนแรงก็ไม่เท่ากันครับ แม้จะเป็นสารก่อภูมิแพ้จะเป็นชนิดเดียวกันก็ตาม ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล
สถิติโรคภูมิแพ้ พบได้มากน้อยเพียงใด ?
จากการสำรวจสถิติคร่าว ๆ ของการเกิดโรคภูมิแพ้ พบว่าประชากรไทยกว่า 16 ล้านคน มีอาการของโรคภูมิแพ้มากขึ้น ถึง 3-4 เท่าครับ เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา โดยพบโรคภูมิแพ้ ในเด็กไทยสูงถึงร้อยละ 38% และพบในผู้ใหญ่ประมาณร้อยละ 20% และกว่า 70% ของผู้ป่วยทั้งหมด (ราว11.3 ล้านคน) เป็นภูมิแพ้ประเภท Persistent AR (ภูมิแพ้อากาศจมูกอักเสบ) ครับ สาเหตุหลัก ๆ มาจาก กรรมพันธุ์ มลภาวะ สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน โดยเฉพาะฝุ่นควัน PM 2.5 ที่ทำให้ อุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
กลุ่มโรคภูมิแพ้ที่พบได้บ่อย ๆ ในคนไทย
อุบัติการณ์ของการเกิดโรคภูมิแพ้ ที่คนไทยเป็นกันบ่อยที่สุด มีดังนี้
- กลุ่มภูมิแพ้อากาศ
โรคภูมิแพ้ ในกลุ่มภูมิแพ้อากาศ สามารถพบในเด็กตั้งแต่อายุ 2 ปี และพบได้ต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ครับ ก่อให้เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูกเรื้อรัง เมื่อร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ
อาการที่พบได้ เช่น คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล บางรายมีน้ำมูกไหลลงคอ ทำให้เสียงแหบ หรืออาจมีเลือดกำเดาจากน้ำมูกค้างในโพรงจมูก หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ไซนัสอักเสบ และหูชั้นกลางอักเสบได้
- กลุ่มภูมิแพ้อาหาร
เป็นกลุ่มอาการที่เกิดได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่เช่นกัน มักมาจากการรับประทานอาหารที่แพ้ เช่น อาหารทะเล นมวัว ไข่ ถั่วเหลือง แป้งสาลี ถั่วลิสง อาหารทะเล เป็นต้น ซึ่งสามารถส่งผลต่อภูมิคุ้มกันทำให้เกิดอาการในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โรคภูมิแพ้ในกลุ่มแพ้อาหารอาจมีอาการเกิดขึ้นเพียงระบบเดียวหรือหลายระบบ และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ครับ
- กลุ่มภูมิแพ้ผิวหนัง
โรคภูมิแพ้ผิวหนัง พบบ่อยในเด็กเล็กอายุตั้งแต่ 1-2 เดือน จนถึงเด็กโตครับ อาการสำคัญที่บ่งชี้คือ มีอผื่นแห้งแดง คันตามบริเวณผิวหนัง เป็นลมพิษ หรือมีอาการตาบวม ปากบวม
สำหรับผู้เป็นภูมิแพ้ในกลุ่มนี้จะมีความสัมพันธ์กับกลุ่มภูมิแพ้อาหาร ร่วมด้วย ดังนั้นเมื่อพบความผิดปกติ ควร เข้ารับการตรวจวินิจอย่างชัดเจน เพื่อระวังและดูแลตัวเองครับ
โรคภูมิแพ้เกิดขึ้นกับระบบใดในร่างกายได้บ้าง ?
อาการจากโรคภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นได้หลายระบบในร่างกาย สามารถแบ่งได้ดังนี้
- โรคภูมิแพ้ทางระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหืด (Asthma),โรคโพรงจมูกอักเสบ (Allergic Rhinitis) อาการที่บ่งชี้ เช่น อาการไอ จาม หายใจเสี่ยงวี๊ด มีน้ำมูก คันจมูก (คนทั่วไปเรียกว่าโรคแพ้อากาศ) คันตา เคืองตา ตาแดง หรือภูมิแพ้ตา (Eye Allergy) เป็นหวัดบ่อย เป็นหวัดเรื้อรัง หูอื้อ ไอ หายใจหอบ ไอมากตอนกลางคืน ไอหลังออกกำลังกาย นอนกรน หรือมีเลือดกำเดาไหล
- โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง เช่น ผื่นแดงตามใบหน้าและลำตัว ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) หรือ ผื่นแพ้จากการสัมผัส ผื่นลมพิษเป็น ๆ หาย ๆ ผิวหนังแห้ง คันตามผิวหนัง สาเหตุหลักมักมาจาก อาหารและยา
- โรคภูมิแพ้ทางระบบทางเดินอาหาร เช่น มีอาการอาเจียน สำรอก ปวดท้อง ถ่ายเหลว ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน จุดเสียดท้อง เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารทำให้เรอและผายลมบ่อย เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีภูมิแพ้ ที่มีอาการแสดงหลายระบบ (Anaphylaxis) คือ เป็นทั้ง 3 ระบบที่กล่าวมารวมกัน และยังแสดงอาการในระบบอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย นอนหลับไม่สนิท ไปจนถึงโรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรง ที่มีอาการรุนแรงทุกระบบรวมกัน เช่น หอบ ลมพิษ ช็อค หรืออาจเสียชีวิตภายหลัง โดยเฉพาะจากการกินอาหารบางชนิด เช่น กุ้ง ถั่วลิสง ฯลฯ หรือภายหลังได้รับยาบางชนิดเป็นต้น
รับมือโรคภูมิแพ้อย่างไรดี ?
ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะโรคแพ้อากาศและโรคหืด มักเป็นเรื้อรัง วิธีการรับมือคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง ควันรถยนต์ กลิ่นน้ำหอมแรง ควันบุหรี่ ควันธูป หรือสารเคมีต่าง ๆ เพื่อไม่ให้อาการภูมิแพ้กำเริบครับ
ส่วนในกรณีที่มีอาการรุนแรง อย่างการแพ้อาหาร จำเป็นต้องได้รับการตรวจประเมินชนิดของอาหารที่แพ้ อย่างชัดเจน เพื่องดอาหารนั้น ๆ และทำการรักษาอย่างตรงจุด ติดตามผลค่าการแพ้อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแพ้เกิดการลุกลาม และถึงแม้ว่า โรคภูมิแพ้ บางชนิดจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็สามารถดูแลตัวเอง เพื่อควบคุมโรคไม่ให้มีอาการหรือมีอาการน้อยที่สุดได้ครับ
วิธีการดูแลตัวเองและแนวทางปฏิบัติตัว เมื่อเป็นโรคภูมิแพ้
คนไข้ควรดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมุ่งเน้นที่การป้องกันก่อนการเกิดโรคหรือ (การดูแลสุขภาพเชิง Wellness ) และมีการปรับ Lifestyle การใช้ชีวิตร่วมด้วย เช่น
- ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยการออกกำลังกาย แนะนำออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาที / สัปดาห์
- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง แนะนำช่วงเวลาที่ควรเข้านอนมากที่สุดคือตั้งแต่ 20.00-22.00 น.
- รับประทานอาหารที่ช่วยเสริมภูมิต้านทาน เช่น พืชไขมันต่ำ (Plant-Based, whole Food,Low Fat) รวมถึง ผักผลไม้ สมุนไพร ต่าง ๆ เพื่อบรรเทาให้อาการจากโรคภูมิแพ้เบาลง
- ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ให้ทำความสะอาดง่าย โดยเฉพาะห้องนอน ต้องไม่เป็นที่เก็บกักฝุ่น หมั่นตากแดดบ่อย ๆ เพื่อฆ่าตัวไรในฝุ่น
- ชำระล้างสารก่อภูมิแพ้ที่เกาะติดอยู่ภายในโพรงจมูก ด้วยน้ำเกลือ เพื่อช่วยให้หายใจสะดวกยิ่งขึ้น
- ปรับสมดุลร่างกายและจิตใจ ผ่อนคลายและบรรเทาความตึงเครียดจองกล้ามเนื้อ ลดความเครียด
- ในกรณีเข้ารับการรักษา มียารับประทาน หรือมีคำแนะนำอื่น ๆ จากแพทย์ ควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายด้วยวิตามินบำบัด
นอกจากการเสริมภูมิคุ้มกันด้วยอาหารและการออกกำลังกายแล้ว การเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายด้วยวิตามินเป็นอีกตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้เป็นโรคภูมิแพ้ครับ
ปัจจุบันการเสริมวิตามินมีทั้งแบบการกินและฉีด (ดริปวิตามิน) ซึ่งการเลือกวิธีเสริมจะขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล หากต้องการบูสต์ร่างกายแบบเร่งด่วน หรือรู้สึกตัวเองป่วยง่าย เป็นหวัดบ่อย อ่อนเพลีย หรือเป็นภูมิแพ้ง่าย การดริปวิตามิน ( IV DRIP) จะตอบโจทย์กว่าครับ
การดริปวิตามิน ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเพื่อสุขภาพ ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น มีแรงมากขึ้น ร่างกายมีภูมิต้านทานมากขึ้น อาการภูมิแพ้ก็จะทุเลาลง
โปรแกรมดริปวิตามิน Myer’s Cocktail ตัวช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
ในเคสที่มีอาการโรคภูมิแพ้ สามารถเลือกโปรแกรมดริปวิตามินสูตร Myers’ Cocktail ที่ประกอบด้วยวิตามินบี ซี บี แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลากหลายชนิดที่สามารถช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของภูมิคุ้มกันได้
วิธีการดริปวิตามินจะให้ทางหลอดเลือดดำ ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที หลังทำจะช่วยบูสต์พลังและเสริมภูมิคุ้มกันได้รวดเร็ว เนื่องจากร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันทีครับ
จะรู้ได้อย่างไร ว่าตัวเราเหมาะกับการดริปวิตามินสูตรไหน ?
ปัจจุบันการดริปวิตามินมีหลายสูตรครับ ทั้งเรื่องของสุขภาพและความงาม ส่วนจะเลือกดริปวิตามินสูตรไหน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ครับ โดยระบุความต้องการว่า คนไข้ต้องการผลลัพธ์ในแง่ใด และสูตรวิตามินดริปที่สนใจ โดยการดริปต้องผ่านการคัดกรองจากแพทย์ก่อนเท่านั้นครับ
โปรแกรมดริปวิตามิน Myer’s Cocktail ราคาเท่าไร ?
โปรแกรม ดริปวิตามิน Myer’s Cocktail ราคาอยู่ที่ 2,500.- ต่อ 1ครั้ง สามารถให้ได้บ่อยตามต้องการ หรือสามารถให้ได้ทุก 2-4 สัปดาห์ ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ครับ
หลังทำโดยทั่วไปจะเริ่มรู้สึกสดชื่นตั้งแต่ครั้งแรกที่ให้วิตามิน และรู้สึกผิวพรรณดีขึ้นด้วยเมื่อมารับบริการดริปวิตามิน 3-5 ครั้งขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล และสารอนุมูลอิสระเดิมที่มีอยู่ในร่างกาย
ที่ V Square Wellness พร้อมให้คำปรึกษาโดยแพทย์ ไม่มีค่าใช้จ่าย และมีวิตามินหลายสูตรให้เลือกครับ ทั้งในกลุ่ม Healthy Booster และมี Aura White Booster สำหรับคนที่ต้องการเน้นงานผิวโดยเฉพาะ
สรุป โรคภูมิแพ้ดูแลได้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โรคภูมิแพ้ บางชนิดอาจจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ก็จริงครับ แต่ถ้าเราดูแลสุขภาพร่างกายตัวอย่างเหมาะสม เพื่อควบคุมไม่ให้โรคภูมิแพ้มีอาการหรือมีอาการได้น้อยที่สุดได้ ก็จะช่วยให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
หากใครต้องการดูแลตัวเองด้วยการดริปวิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน แนะนำให้เลือกใช้บริการคลินิกที่ได้มาตรฐาน ดูแลแนะนำสูตรตัวยาทำแพทย์เท่านั้นครับ
อ้างอิง
- Asia Pac Allergy, (2019), Minimal clinically important difference for the rhinoconjunctivitis quality of life questionnaire in allergic rhinitis in Thai population. Retrieved Jan 22;9(1):e6. doi: 10.5415/apallergy.2019.9.e6