ดื้อโบท็อก
หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับอาการฉีดโบท็อก แล้วไม่เห็นผล หรืออาการดื้อโบท็อกกันมาบ้าง จริง ๆ อาการดื้อโบท็อกคืออะไร เกิดจากสาเหตุใด อันตรายไหม ป้องกันหรือรักษาได้หรือไม่ เพื่อคลายข้อสงสัยเหล่านี้ และเข้ารับการฉีดโบท็อกอย่างสบายใจ และปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในบทความนี้ หมอมีข้อมูลเกี่ยวกับอาการดื้อโบท็อกมาแนะนำครับ
สารบัญ ดื้อโบท็อก
ดื้อโบท็อก คืออะไร ?
อาการดื้อโบท็อก คือภาวะที่เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปแล้วไม่เกิดผลตามที่คาดหวัง หรือไม่เห็นผล ซึ่งโดยปกติคุณสมบัติของโบท็อกที่แพทย์ด้านความงามนำมาใช้ จะใช้เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ก่อให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า รวมถึงเพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม โดยสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับโบท็อก คืออะไร ได้จากบทความที่หมอเคยอธิบายไว้แล้ว
แต่เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปแล้วร่างกายกลับเกิดภาวะดื้อโบท็อก จึงไม่ออกฤทธิ์ได้ ริ้วรอยไม่หายไป การทำงานของกล้ามเนื้อยังคงเดิม ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดของคนไข้ที่มีภาวะดื้อโบท็อกคือไม่เห็นผล กรามไม่ลด หน้าไม่เรียววีเชฟ และเสียเงินฟรีครับ
ลักษณะอาการดื้อโบท็อก
ลักษณะอาการดื้อโบท็อกที่สามารถสังเกตได้แบ่งออกเป็น 3 ระดับหลัก ๆ ดังนี้
- ระดับที่ 1 : จากปกติที่เคยฉีดโบท็อกในปริมาณเท่าเดิม ก็สามารถลดริ้วรอยได้ แต่เมื่อมีภาวะดื้อโบท็อกผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นเหมือนเดิมครับ
- ระดับที่ 2 : หากเกิดภาวะดื้อโบท็อกจากที่เคยใช้ปริมาณโบท็อกเท่าเดิม ก็ต้องใช้ปริมาณโบท็อกที่มากขึ้นเพื่อให้สามารถลดริ้วรอยได้อย่างเห็นผล
- ระดับที่ 3 : แม้เพิ่มปริมาณโบท็อกที่มากขึ้น ก็ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงการลดริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าไม่เกิดผลหลังการรักษาเลยครับ
สาเหตุอาการดื้อโบท็อก
ด้วยกระบวนการทำงานของโบท็อกที่เป็นโปรตีน เมื่อฉีดเข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อ โดยธรรมชาติเมื่อเข้าไปสู่ร่างกายจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน (Antibody) ขึ้นมา หากใช้อย่างไม่ถูกต้อง เป็นโบท็อกที่ไม่มีคุณภาพ หรือฉีดในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม โอกาสที่จะเกิดภาวะดื้อโบท็อกจึงเกิดขึ้น
โดยสาเหตุของอาการดื้อโบท็อกส่วนใหญ่มาจากการใช้โบท็อกอย่างไม่เหมาะสมครับ แบ่งออกเป็น 3 สาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- ฉีดโบท็อกปลอม โบท็อกหิ้ว ไม่มีคุณภาพ : สาเหตุนี้ถือเป็นสาเหตุหลักที่พบได้บ่อย ๆ เนื่องจากในปัจจุบันยังมีการแอบลักลอบหิ้วโบท็อกจากต่างประเทศเข้ามาโดยไม่มีการควบคุมตัวยา ทำให้ตัวยาเสื่อมคุณภาพ มีการปนเปื้อน จึงยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันออกมา ซึ่งทำให้เมื่อฉีดโบท็อกแล้วเห็นผลน้อยลง จนไปถึงไม่เห็นผล
ข้อควรรู้ คือ ตัวโบท็อกจำเป็นจะต้องเก็บอยู่ในอุณหภูมิที่ไม่เกิน 2-8 องศา หากเย็นเกินไปก็จะทำให้ตัวยาเสีย หากร้อนเกินไปก็จะทำให้ตัวยาเสื่อมคุณภาพครับ ดังนั้นยาหิ้ว และยาปลอมต่าง ๆ ที่แอบนำเข้ามาจะไม่สามารถเก็บในตู้ที่ควบคุมความเย็นได้แน่นอน เพราะไม่สามารถผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ ตัวยาจึงเสื่อมสภาพลงเช่นกัน
- ฉีดโบท็อกบ่อยเกินไป : หากร่างกายได้รับโบท็อกบ่อย ๆ ร่างกายก็จะตอบรับด้วยการสร้างภูมิคุ้มกัน (Antibody) เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายการฉีดโบท็อกครั้งต่อ ๆ ไป ก็จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง โดยปกติควรฉีดโบท็อกเว้นจากครั้งล่าสุดอย่างน้อย 3 เดือน และไม่เว้นระยะห่างเกินไป (ไม่ควรเว้นเกิน 5 – 6 เดือน) เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ปกติ และทำให้ต้องใช้ยูนิตของโบท็อกเยอะขึ้น
- ฉีดโบท็อกมากเกินไป : ไม่ควรฉีดโบท็อกเกิน 300 ยูนิต ต่อครั้งครับ ที่ผ่านมายังมีหลายคนคิดว่าการฉีดโบท็อกในปริมาณมาก ๆ จะช่วยคงผลลัพธ์ได้นานขึ้น จริง ๆ แล้วไม่เป็นเรื่องจริงครับ เพราะยิ่งฉีดเยอะเกินไป จะทำให้มีสารนั้นตกค้างในร่างกาย จึงเกิดอาการดื้อโบท็อกได้ในที่สุด เนื่องจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันออกมาต่อต้านกับส่วนที่ตกค้างอยู่ภายในร่างกายครับ
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากตัวคนไข้ร่วมด้วย พบว่าพันธุกรรมของคนไข้บางรายร่างกายจะต่อต้านสารโบทูลินั่มท็อกซินหรือโบท็อกขึ้นมาเอง ซึ่งสาเหตุนี้เกิดขึ้นเฉพาะบุคคลเท่านั้นและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม ฉีดโบท็อกอันตรายไหม! อยากสวยแต่กลัวเสี่ยง ควรพิจารณาอะไรบ้างก่อนทำ
อาการดื้อโบท็อกแก้ไขได้หรือไม่ ?
ปัจจุบันอาการดื้อโบท็อกไม่สามารถแก้ไขให้หายได้ครับ ต้องรอให้ภูมิคุ้มกันหมดฤทธิ์ไปเอง แม้จะทำการเปลี่ยนยี่ห้อก็จะเกิดอาการดื้ออีกเช่นกัน เพราะส่วนมากถ้าดื้อแล้วจะดื้อทุกยี่ห้อครับ ในกรณีนี้ต้องรอเวลา 3-5 ปี จนกว่าภูมิต้านทานจะหายไปเอง แล้วค่อยสามารถกลับมาฉีดได้ใหม่ บางเคสอาจจะดื้อเป็น 10-20 ปี ไม่สามารถรักษาริ้วรอยด้วยโบท็อกได้ ต้องทนหน้าเหี่ยวหน้าบานไปตลอด
สิ่งที่ควรระวังคือ คนไข้หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองมีอาการดื้อโบท็อก หลังฉีดโบท็อกแล้วไม่เป็นผล แต่กลับคิดว่าโบท็อกยี่ห้อนั้น ๆ หรือ หมอท่านนั้น ๆ ฉีดแล้วไม่เป็นผล จึงพยายามเปลี่ยนหมอไปเรื่อย ๆ โดยไม่แจ้งหมอว่าเคยฉีดโบท็อกมาแล้วจึงเสี่ยงได้รับโบท็อกในปริมาณมาก ๆ ยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อโบท็อกครับ
ป้องกันการเกิดอาการดื้อโบท็อกได้อย่างไร ?
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้องและดำเนินงานโดยแพทย์เท่านั้น
- แพทย์ต้องมีประสบการณ์ สามารถเอาชื่อนามสกุลเข้าไปตรวจในเว็บไซต์ของแพทยสภา (http://www.tmc.or.th/check_md/) เพื่อดูว่าเป็นหมอจริงหรือไม่
ในกรณีที่เป็นหมอกระเป๋า พยาบาล ที่รับฉีดโบท็อก โดยปกติ โบท็อกแท้ที่นำเข้าโดย official distributer จะขายให้กับแพทย์หรือโรงพยาบาลเท่านั้น ดังนั้นยาที่หมอกระเป๋าหรือพยาบาลใช้นั้น จึงมักเป็นยาหิ้วและยาปลอมครับ
- ต้องใช้โบท็อกแท้เท่านั้น โดยจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นโบท็อกของแท้? ต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบครับ หมอเคยเขียน วิธีดูโบท็อกแท้ไว้แล้ว สามารถอ่านได้ในบทความนี้ครับ วิธีดูยาแท้โบท็อก ฟิลเลอร์ ยี่ห้อต่าง ๆ (Allergan/Nabota/Botulax เพื่อความปลอดภัยคนไข้ควรศึกษาวิธีดูโบท็อกแท้เบื้องต้นไว้เพื่อความมั่นใจครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม ฉีดโบท็อกที่ไหนดี ! ก่อนฉีดควรพิจารณาอะไรบ้าง ถ้าไม่อยากดื้อโบท็อกต้องอ่าน
สรุป
การป้องกันไม่ให้เกิดการดื้อโบท็อก ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดครับ เมื่อรู้สาเหตุแล้วว่าเพราะอะไรถึงทำให้เกิดอาการ “ดื้อโบท็อก” ดังนั้นหากต้องการฉีดโบท็อกเพื่อลดเลือนริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าอย่างเห็นผล ได้ผลลัพธ์ที่ดี มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย จำเป็นต้องฉีดโบท็อกแท้ กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ภายใต้คลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ