เสริมจมูกแบบปิด แผลเล็ก พักฟื้นน้อย มีข้อดี – ข้อเสียอย่างไรบ้าง เหมาะกับใคร ?

Reading Time: 3 minutes

เสริมจมูกแบบปิด

เสริมจมูกแบบปิด1000x860

เสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) มีข้อดี – ข้อเสียอย่างไรบ้าง เหมาะกับใคร ?

การเสริมจมูก ทำดั้งโด่ง ในปัจจุบันมีการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัด รวมไปถึงวัสดุที่ใช้เสริม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ โดยแต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันไป ในบทความนี้หมอจะพาไปรู้จักวิธีเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) กับ Masterpiece Hospital ว่าเหมาะกับใคร ทำจมูกทรงไหนได้บ้างครับ

สารบัญ เสริมจมูกแบบปิด


เสริมจมูกแบบปิด คืออะไร ?

การเสริมจมูกแบบปิด เป็นเทคนิคการเสริมดั้งให้โด่งขึ้นด้วยการเสริมซิลิโคน ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เนื่องจากเปิดแผลจากภายในแล้วสอดซิลิโคนเข้าไปบริเวณสันจมูก ทำให้แผลมีขนาดเล็ก มองไม่เห็นจากภายนอก มีความซับซ้อนน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด (Opened Rhinoplasty) แต่จะทำทรงจมูกไม่พุ่งเท่าครับ

การเสริมจมูกแบบปิด

แผลผ่าตัดของเทคนิคแบบปิดจะอยู่ในโพรงจมูก

ในการเสริมจมูกแบบปิด ส่วนมากนิยมใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูหรือเนื้อเยื่อไขมัน มารองไว้บริเวณปลายจมูก เพื่อช่วยเพิ่มความหนาของเนื้อเยื่อ และลดปัญหาปลายจมูกทะลุได้

การผ่าตัดแบบ Closed Technique

การผ่าตัดเสริมจมูกด้วยวิธีนี้ไม่ต้องดมยาสลบ และใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด หลังทำจะมองไม่เห็นแผลเป็นจากการผ่าตัด เพราะแผลจะอยู่ภายในรูจมูก เป็นการผ่าตัดเล็กที่ใช้การฉีดยาชาเฉพาะบริเวณจมูก แล้วเสริมซิลิโคนได้เลย


เสริมจมูกแบบปิดเหมาะสำหรับใคร ?

การเสริมจมูกแบบปิด เหมาะสำหรับคนไข้ที่ปลายจมูกไม่สั้น และมีเนื้อหุ้มหนาพอสมควร ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรากฐานจมูกมาก เนื่องจากมีโครงสร้างเดิมดีอยู่แล้ว หรือไม่มีความผิดปกติอื่น ๆ เพียงแค่ต้องการเสริมดั้งให้โด่งขึ้น

เสริมจมูกแบบปิดเหมาะกับคนที่มีเนื้อปลายจมูก

ข้อควรระวังของการเสริมจมูกแบบปิด

ซิลิโคนเสริมจมูก

แม้การผ่าตัดจะมีแผลเล็ก ใช้เวลาไม่นาน ไม่ซับซ้อน แต่วิธีเสริมจมูกแบบปิดมีข้อจำกัดในเรื่องการลดสัดส่วนจมูก เช่น ดั้งจมูกโค้ง โก่ง งอ จมูกใหญ่ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ซิลิโคนจะทำให้เนื้อเยื่อบางและทะลุได้

คนที่มีจมูกสั้น ไม่มีเนื้อปลายจมูกมากพอ หากเสริมจมูกแบบปิดแล้วใส่ซิลิโคนยาวไปถึงปลายจมูก ทำให้จมูกโด่งขึ้นได้จริง แต่รูจมูกจะไม่ได้ยืดตามปลายขึ้นไป เมื่อเกิดการขยับใบหน้าจากการใช้ชีวิตประจำวันปกติ จะทำให้ซิลิโคนเสียดสีกับปลายจมูก เนื้อจะค่อย ๆ บางลง และเกิดการทะลุได้ แม้จะรองกระดูกอ่อนหลังใบหูแล้วก็อาจเกิดปัญหานี้ได้เช่นกันครับ

นอกจากนี้หากต้องแก้จมูกซ้ำ ๆ ควรเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ ในการผ่าตัด และแก้ปัญหาได้ตรงจุด เห็นผลที่ดีในระยะยาว  ที่ Masterpiece Hospital ก่อนทำจะมีการปรึกษากับแพทย์ เพื่อวางแผนการผ่าตัด แนะนำวิธีที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่า และปลอดภัย


เสริมจมูกแบบปิด กับเสริมจมูกแบบโอเพ่น ต่างกันอย่างไร ?

เสริมจมูกแบบปิด กับเสริมจมูกแบบโอเพ่น ต่างกันที่เทคนิคการผ่าตัด ผลลัพธ์ ทรงจมูกที่ทำได้ การพักฟื้นรวมไปถึงขนาดแผล ซึ่งสามารถสรุปข้อดีของแต่ละเทคนิคได้ ดังนี้

ข้อดีการเสริมจมูกแบบปิด

  • เหมาะกับเคสเสริมใหม่ เสริมครั้งแรก และไม่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างจมูก
  • เน้นทำดั้งให้โด่งขึ้น ใช้เวลาทำไม่นาน พักฟื้นน้อย
  • ไม่ต้องวางยาสลบ หลังทำสามารถตรวจเช็คทรงจมูกได้ทันที
  • ซ่อนแผลในรูจมูก ไม่เห็นรอยแผล แผลไม่บวมมาก ดูแลรักษาไม่ยาก
  • ราคาถูกกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด

ข้อเสียการเสริมจมูกแบบปิด

  • แพทย์ไม่สามารถปรับโครงสร้างจมูกได้ ไม่เหมาะแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน จากโครงสร้างจมูก เช่น จมูกสั้นเชิด จมูกงุ้มมาก
  • ไม่สามารถทำทรงให้โด่งพุ่งมาก ๆ ได้ ขึ้นอยู่กับกำลังของเนื้อเยื่อจมูก
  • ไม่สามารถลดขนาดจมูก สันจมูก ให้เล็กลงได้
  • เมื่อเวลาผ่านไป มีความเสี่ยงเรื่องจมูกทะลุ เอียง เบี้ยว

ข้อดีการเสริมจมูกแบบเปิด

  • เหมาะกับการเสริมจมูกทุกเคส ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้ดี
  • แพทย์สามารถเปิดแผลและเห็นโครงสร้างจมูกทั้งหมด แก้ปัญหาตรงจุด
  • สามารถแก้ไขตกแต่งจมูกของคนไข้ได้ดีกว่า แก้ไขความผิดปกติจากโครงสร้างจมูกได้
  • ปรับองศา และตกแต่งปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนกลางจมูก ให้มีลักษณะเป็นหยดน้ำ โดยไม่ต้องใช้การเสริมซิลิโคน
  • ลดโอกาสซิลิโคนทะลุ หรือจมูกเบี้ยวในอนาคต

ข้อเสียการเสริมจมูกแบบเปิด

  • มีแผลเพิ่มใต้จมูก และอาจมีแผลบริเวณที่เอากระดูกอ่อนมาเพิ่มเช่น ใบหู, ใต้ราวนม, ก้นกบ
  • เป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อนขึ้น หากมีผลแทรกซ้อนการแก้ไขก็จะยุ่งยากขึ้น
  • ใช้เวลาผ่าตัดนานและการพักฟื้นนานกว่า
  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเสริมแบบปิด

ในการจะเลือกว่าควรเสริมจมูกด้วยเทคนิคไหนดี ควรปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ เพื่อให้วิเคราะห์ปัญหา ความต้องการ และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุดครับ


วิธีการเลือกทรงจมูก ให้เหมาะกับใบหน้า

เลือกทรงจมูกให้เหมาะกับใบหน้า

ในการเลือกทรงจมูก หลายคนเลือกรูปจมูกของดาราหรือคนดังเข้ามาปรึกษาหมอ อยากได้ทรงนั้นทรงนี้ที่กำลังได้รับความนิยม แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าทรงจมูกที่สวย คือทรงจมูกที่เข้ากับใบหน้าของเรา ไม่ใช่เลือกจากทรงจมูกที่เข้ากับใบหน้าคนอื่นครับ นอกจากนี้ยังมีเรื่องโครงสร้างจมูกเดิมของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น สิ่งที่แพทย์ควรพิจารณาก่อนออกแบบทรงจมูกให้คนไข้ ได้แก่

  • ทรงจมูกต้องรับกับหน้าผาก คนที่มีหน้าผากสูงจะสามารถเสริมซิลิโคนสูงได้ จะดูไม่หลอกตา
  • ทรงจมูกต้องรับกับโครงหน้าด้านกว้าง โหนกแก้มใหญ่ ไม่ควรเสริมซิลิโคนบริเวณกลางจมูกให้สูงมาก เพราะจะไม่รับกับความกว้างของใบหน้า
  • ทรงจมูกต้องรับความยาวของใบหน้า ไรผม – สันจมูก / สันจมูก – ปลายจมูก / ปลายจมูก – คาง เป็น 3 ส่วนที่ควรมีความยาวสมดุลกัน เช่น คนไข้ที่มีคางยาว ก็ควรเสริมจมูกให้ยาวรับกัน หรือถ้าคนไข้ที่หน้ากลม สั้น อาจไม่เหมากับการทำทรงหยดน้ำให้จมูกยาวขึ้น

สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเมื่อต้องเลือกทรงจมูก
คือการทำให้จมูกมีความสมดุลกับใบหน้ามากที่สุด

นอกจากนี้ในการออกแบบทรงจมูก สิ่งที่ควรทำนึงถึงคือ Lifestyle ของคนไข้ เพื่อให้จมูกใหม่เข้ากับฟังก์ชั่นการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เป็นคนไม่ชอบแต่งหน้า, อยากได้ทรงที่เป็นธรรมชาติ ดูไม่ออกว่าทำจมูกมา เป็นต้น


การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูกแบบปิด

  1. ปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด เช่น โรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ ปัญหาเกี่ยวกับฟัน การแพ้ยา แพ้อาหาร
  2. งดการใช้ยาสมุนไพร ยาบำรุง และวิตามินทุกชนิดก่อนการผ่าตัด อย่างน้อย 7 วัน เช่น ยาแก้ปวด แอสไพริน วิตามินซี วิตามินดี น้ำมันปลา
  3. งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันภาวะเนื้อเยื่อขาดเลือดมาเลี้ยง
  4. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือ 1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
  5. งดรับประทานทานอาหารหมักดอง อาหารทะเล เพราะจะส่งผลต่อการอักเสบของแผล
  6. งดแต่งหน้า งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกาย และควรสระผมก่อนให้เรียบร้อยก่อนผ่าตัด
  7. งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
  8. งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดตามแพทย์สั่ง ในกรณีผ่าตัดโดยฉีดยาชาเฉพาะจุด ไม่ต้องงดครับ

อาการข้างเคียงหลังเสริมจมูก

อาการข้างเคียงหลังเสริมจมูก

เนื่องจากเป็นการผ่าตัด หลังเสริมจมูกจะมีอาการข้างเคียง เช่น ตึงบริเวณแผลผ่าตัด ใต้ตาบวม เขียวช้ำ มีเลือดออก บ้วนปากแล้วมีเลือดลงคอ อึดอัดจมูก ซึ่งควรดูแลตัวเองย่างเคร่งครัดเพื่อให้ผลลัพธ์จมูกออกมาพุ่งสวย โด่งอย่างที่ต้องการและคุ้มค่ากับที่เจ็บตัวไปครับ

ข้อดีของการเสริมจมูกที่ Masterpiece Hospital

  1. ได้ผลลัพธ์สวยงาม เป็นธรรมชาติ เหมาะกับสัดส่วนของใบหน้า
  2. หลังผ่าตัดฟื้นตัวเร็ว พักฟื้นน้อยมาก แทบไม่บวมช้ำหลังผ่าตัด
  3. แพทย์มีความเชี่ยวชาญ มีประสบณ์การสูง ผ่าตัดมาแล้วกว่า 10,000 เคส

วิธีดูแลหลังเสริมจมูก เพื่อช่วยลดบวมและฟกช้ำ

วิธีดูแลหลังเสริมจมูก
  1. ใน 72 ชั่วโมง หลังผ่าตัด ควรประคบเย็นด้วยคูลแพ็คบริเวณหน้า โดยเว้นตรงแผลเอาไว้ (สันจมูกด้านซ้ายและขวา สันจมูกตรงกลางด้านบน ระหว่างคิ้ว) เพื่อช่วยเพื่อให้เลือดหยุดไหล และยุบบวมไวขึ้น
  2. หลัง 72 ชั่วโมง แผลจะเริ่มสนิทกัน ให้เปลี่ยนมาใช้การประคบอุ่นเพื่อลดรอยเขียว ช้ำ ม่วง
  3. ห้ามแคะ แกะ เกา หรือขยี้บริเวณจมูก
  4. ควรนอนโดยใช้หมอนรองคอ ให้ศีรษะสูง เพื่อให้เลือดไม่คั่งในโพรงจมูก และหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ
  5. หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่มีฝุ่นละอองมากประมาณ 1 สัปดาห์ ป้องกันการไอหรือจาม
  6. ควรรับประทานอาหารอ่อน งดอาหารแข็ง เหนียว
  7. งดล้างหน้า เพื่อไม่ให้บาดแผลโดนน้ำอย่างน้อย 3 วัน หลังจากนั้นล้างหน้าได้ตามปกติ
  8. งดรับประทานอาหารหมักดอง หรืออาหารที่มีรสเผ็ดจัด ที่ส่งผลต่อการอักเสบของแผล และทำให้แผลหายช้า
  9. งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และหยุดการสูบบุหรี่ ในช่วง 1 เดือน หลังทำจมูก เนื่องจากมีผลต่อการสมานแผล
  10. หากรู้สึกคันบริเวณจมูกให้ใช้คอตตอนบัดหรือสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดอย่างเบามือ
  11. หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาหนัก ๆ การวิ่ง, การว่ายน้ำ, การมีเพศสัมพันธ์, การสั่งน้ำมูก, การขยี้จมูก, ก้มหน้านาน ๆ และยกของหนัก เนื่องจากเนื้อจมูกยังไม่เข้าที่ดี
  12. หากมีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

หลังทำจมูก ห้ามกินอะไรบ้าง ?

หลังเสริมจมูก สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ โดยหลีกเลี่ยงอาหารแสลงที่จะทำให้แผลหายช้า หรือกระตุ้นการอักเสบ เช่น ของหมักดอง ของสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารทะเล ปลาร้า ปูดอง อาหารที่มีคาเฟอีน เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หลังจากแผลเข้าที่ หายดีแล้ว สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติครับ


เสริมจมูกแบบปิด กี่วันเข้าที่ ?

เสริมจมูกแบบปิด กี่วันเข้าที่

หลังการเสริมจมูก นอกจากแพทย์จะแนะนำวิธีดูแลตัวเอง รวมไปถึงข้อห้ามต่าง ๆ แล้ว จะมีการนัดตัดไหม นัดติดตามผล โดยอาการที่จะพบในแต่ละช่วงได้แก่

  1. หลังเสริมจมูก 2 สัปดาห์แรก คนไข้จะมีอาการบวม แต่แผลจะค่อย ๆ แห้งและยุบบวม 1-2 สัปดาห์
  2. หลังเสริมจมูก 1 เดือน อาการข้างเคียงภายนอก เช่น รอยช้ำ บวม เขียว จะหายไปเกือบหมด
  3. หลังเสริมจมูก 3 เดือน ไม่มีอาการบวมแล้ว จมูกจะเริ่มรัดแกน รูปทรงจะเรียวขึ้น และดูเป็นธรรมชาติ (หากมีสิวอักเสบ สิวหัวช้างขึ้นบริเวณปลายจมูกแล้วรักษาไม่หาย อาจเพราะจมูกมีการอักเสบ ให้รีบพบแพทย์)
  4. หลังเสริมจมูก 6 เดือน ถึง 1 ปี จมูกเข้าที่เกิน 90% สวยเข้ารูปทรง

*แผลผ่าตัดเสริมจมูกจะหายเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง รวมไปถึงสภาพผิวของแต่ละคนร่วมด้วย

why-MTP-newwล่าสุดแก้รูป-1-1-758x1024

สรุป

การเสริมจมูกแบบปิด ถือว่ามีข้อดีสำหรับคนที่ไม่ได้อยากปรับโครงสร้างจมูกมาก อยากเสริมดั้งให้โด่งขึ้น พักฟื้นน้อย ราคาประหยัดกว่า แต่ทั้งที่สิ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุดคือความเหมาะสมและความปลอดภัยครับ เพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่าในระยะยาว ไม่ต้องกลับมาแก้ซ้ำบ่อย ๆ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสริมจมูกหรือศัลยกรรม สามารถปรึกษาทีมแพทย์ Masterpiece Hospital ทาง facebook หรือ Line ได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

บทความแนะนำ

หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? มีอาหารอะไรที่ควรระวัง ควรกิน ควรเลี่ยง

Reading Time: 3 minutes- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรกินอะไรบ้าง ? - ถ้าเผลอกินอาหาร เครื่องดื่มที่หมอห้าม จะมีผลข้างเคียงไหม ? - คำถามที่พบบ่อย- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรกินอะไรบ้าง ? - ถ้าเผลอกินอาหาร เครื่องดื่มที่หมอห้าม จะมีผลข้างเคียงไหม ? - คำถามที่พบบ่อย

December 18, 2024 อ่านต่อ

ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง คืออะไร ? เหมาะกับใคร ? ช่วยอะไรบ้าง ?

Reading Time: 3 minutes- ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง คืออะไร ? - สาเหตุที่ทำให้ติ่งหูยาน - สาเหตุที่ทำให้หูกาง - ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง เหมาะกับใคร ? ช่วยอะไรบ้าง ? - เปรียบเทียบ ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง VS ศัลยกรรมตกแต่งใบหู - ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง ยี่ห้อไหนดี ? - ฉีดฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง ใช้กี่ CC ?

ฉีดฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดคาง แต่ละวิธี มีข้อดี-ข้อเสียอย่า...

Reading Time: 6 minutes- ฉีดฟิลเลอร์คาง คืออะไร ? - ฉีดฟิลเลอร์คาง ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? - ฟิลเลอร์คาง เหมาะกับใคร ? - ฉีดฟิลเลอร์คาง อันตรายไหม ? - ฟิลเลอร์คาง มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร ?

ไขมันช่องท้อง อันตราย! แนะนำวิธีลดไขมันช่องท้อง เพื่อหุ่น...

Reading Time: 4 minutes- ไขมันช่องท้อง เกิดจากอะไร? - การวัดค่าไขมันในช่องท้อง - ไขมันในช่องท้องเยอะ อันตรายไหม? - วิธีลดไขมันในช่องท้องด้วยตัวเอง - วิธีลดไขมันในช่องท้อง เร่งด่วน

ulthera prime รุ่นใหม่ เทียบกับรุ่นเก่าต่างกันอย่างไร ? เ...

Reading Time: 3 minutes- ulthera prime คืออะไร ? - ulthera prime ช่วยอะไรได้บ้าง ? - ulthera prime ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ? - ขั้นตอนการทำ ulthera prime - ulthera prime กี่วันเห็นผล ?

5 อาการหลังทำ HIFU ผลข้างเคียง เจ็บ บวม ช้ำ ปกติหรือไม่ ด...

Reading Time: 2 minutes- หลัง HIFU ผลข้างเคียง มีอะไรบ้าง? - วิธีดูแลตัวเองหลังทำ hifu เพื่อคงผลลัพธ์ได้นานขึ้น - เลือกคลินิกทำ hifu ที่ไหนปลอดภัย เห็นผล

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า