ทำความรู้จักเทรนด์ฉีด Collagen Biostimulator
ต้องยอมรับว่าในปีนี้เทรนด์ฉีด Collagen Biostimulator ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณสมบัติเด่นที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้อย่างเห็นผล พร้อมฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ ให้กลับมาเต่งตึง แน่น กระชับ มีผิวหน้าเด็กอย่างที่ใครหลายคนต้องการ
สำหรับใครที่อยากรู้จัก Collagen Biostimulator มากยิ่งขึ้น หมอแนะนำให้อ่านบทความนี้ตั้งแต่ต้นจนจบครับ
Collagen Biostimulator คืออะไร ? มีกี่ประเภท ? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? เหมาะกับใคร หลังฉีดมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ? พร้อมเปรียบเทียบ 6 Collagen Biostimulator ตัวดัง เลือกยี่ห้อไหนดี ต่างกันอย่างไร ? ราคาเท่าไหร่ ? เชิญติดตามอ่านได้ครับ
สารบัญ Collagen Biostimulator
Collagen Biostimulator คืออะไร ?
Collagen Biostimulator คือ สารที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้สร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่จากเซลล์ของเราเองครับ ต่างจาก Skin Booster ที่เน้นเติมความชุ่มชื้นให้ผิวชั้น Dermis เป็นหลัก แต่ Collagen Biostimulator จะไปฟื้นฟูผิวลึกถึงระดับเซลล์ ปรับโครงสร้างผิวที่เสื่อมสภาพ ให้กลับมาแข็งแรง ผิวดูเด็กลง
ความพิเศษของ Collagen Biostimulator ไม่ได้เพียงแค่ช่วยเติมเต็มชั้นผิวในระยะสั้น แต่ยังช่วยให้ผิวสร้างคอลลาเจนเองได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน 1-2 ปี นอกจากนี้ยังได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยผ่านการรับรองจาก US FDA และ Thai FDA ในเรื่องของความปลอดภัยและประสิทธิภาพครับ
Collagen คืออะไร ? ทำไมถึงสำคัญต่อความอ่อนเยาว์ ?
Collagen (คอลลาเจน) คือ โปรตีนสำคัญที่มีมากที่สุดในร่างกาย โดยมีสัดส่วนสูงถึง 75% ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักของผิวหนัง เส้นผม กระดูก ข้อต่อ และอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย ช่วยเสริมความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความกระชับให้กับผิว รวมถึงช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเราจะผลิตคอลลาเจนน้อยลง โดยหลังจากอายุ 20 ปี คอลลาเจนในผิวจะลดลงปีละ 1% และเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติจะลดลงเรื่อย ๆ จาก 15% เป็น 25% เป็น 35% ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และขาดความยืดหยุ่น
การใช้หัตถการอย่าง Collagen Biostimulator ช่วยแก้ปัญหานี้ได้โดยการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนเองอย่างธรรมชาติครับ
ประเภทของ Collagen Biostimulator
ปัจจุบันสารในกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมีหลายประเภทครับ โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติ และจุดเด่นที่เหมาะกับการฟื้นฟูปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ดังนี้
- PLLA (Poly-L-Lactic Acid) : ผลิตจากกรดโพลีแลคติก ซึ่งเป็นสารที่สามารถสลายตัวได้ในร่างกาย (biodegradable) มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวแบบค่อยเป็นค่อยไป ช่วยยกกระชับและแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย พบในผลิตภัณฑ์ยอดนิยมอย่าง Sculptra
- CaHA (Calcium Hydroxylapatite) : ผลิตจากแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ ซึ่งเป็นสารที่คล้ายกับแร่ธาตุในกระดูกของมนุษย์ ให้ผลลัพธ์ทั้งการเติมเต็ม ลดริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน พบในผลิตภัณฑ์ Radiesse filler
- PDO (Polydioxanone) : ผลิตจากโพลีไดออกซาโนน เป็นสารชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในไหมละลาย เน้นการยกกระชับผิว และปรับโครงสร้างผิวให้ดูอ่อนเยาว์ พบในผลิตภัณฑ์ Ultracol
- PDLLA (Poly DL-Lactic Acid) : ผลิตจากกรดโพลีดีแอลแลคติก เป็นการผสมผสานระหว่าง PLLA และสารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายตัวในเนื้อเยื่อ เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวในระยะยาว เช่น รักษาหลุมสิว มีรูขุมขนกว้าง พบในผลิตภัณฑ์ Juvelook
- PCL (Polycaprolactone) : ผลิตจากโพลีคาโปรแลคโตน ซึ่งเป็นสารเดียวกับสาร PCL ไหมละลายที่ใช้ในทางการแพทย์ สามารถสลายตัวได้อย่างช้า ๆ ในร่างกาย ช่วยในการฟื้นฟู และแก้ไขผิวที่เสื่อมสภาพตามวัยให้มีคุณภาพดีขึ้น พบในผลิตภัณฑ์ Gouri
สำหรับ Collagen Biostimulator แต่ละยี่ห้อที่หมอได้ยกตัวอย่างมานั้น ในบทความนี้หมอได้เขียนเปรียบเทียบความต่างของส่วนประกอบ, ลักษณะ, ความคงทน และคุณสมบัติของแต่ละยี่ห้อเอาไว้ด้วย หากคนไข้สนใจสามารถติดตามอ่านได้ครับ
Collagen Biostimulator ทำงานอย่างไร ?
Collagen Biostimulator ทำงานโดยการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ผ่านการฉีดสารเข้าไปในชั้นผิวหนัง สารเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้น (Biostimulator) เพื่อส่งสัญญาณให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ในชั้นผิวหนังเริ่มผลิตคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะหมอจะอธิบายเป็นขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ครับ
ขั้นตอนการทำงานของ Collagen Biostimulator
- ขั้นตอนการกระตุ้นเซลล์ผิว (Fibroblast Activation)
เมื่อฉีดสาร Collagen Biostimulator เช่น PLLA, CaHA, PDO, PDLLA หรือ PCL เข้าไปในผิวหนัง สารตัวนั้น ๆ จะไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้เริ่มสร้างคอลลาเจนใหม่
- ขั้นตอนการสร้างคอลลาเจนแบบธรรมชาติ (Natural Collagen Production)
ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 และชนิดที่ 3 (Type I และ Type III Collagen) ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่มีบทบาทสำคัญต่อความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว
- ขั้นตอนการปรับปรุงโครงสร้างผิว (Skin Remodeling)
คอลลาเจนใหม่จะช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน เสริมความแข็งแรง ยืดหยุ่น และช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยหลุมสิว หรือปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ให้ผลลัพธ์ที่ต่อเนื่องและยาวนาน
สาร Biostimulator จะค่อย ๆ ถูกสลายไปตามธรรมชาติ ทิ้งไว้เพียงคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นเอง จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบไม่เร่งด่วน แต่ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานจากกระบวนการฟื้นฟูของร่างกายเอง
ประโยชน์ของ Collagen Biostimulator
Collagen Biostimulator มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในการฟื้นฟูผิวจากภายใน พร้อมทั้งกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ซึ่งส่งผลให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมีประโยชน์สำคัญดังนี้ครับ
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น แน่น กระชับ ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ไปจนถึงริ้วรอยลึกโดยการฟื้นฟูโครงสร้างผิว และเติมเต็มชั้นผิวจากภายใน
- ช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดด มลภาวะ หรืออายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงและดูสุขภาพดี
- ช่วยปรับโครงสร้างผิวให้เรียบเนียน ด้วยการฟื้นฟูผิวลึกถึงระดับเซลล์
- ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น ปรับสีผิวไม่สม่ำเสมอให้ดูกระจ่างใส
- ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้นได้ ผิวดูสุขภาพดี คุณภาพผิวดีขึ้น
Collagen Biostimulator มีอะไรบ้าง ยี่ห้อไหนดี ?
Collagen Biostimulator ที่ใช้ในวงการเสริมความงามมีหลายตัวครับ แต่ละตัวมีส่วนประกอบ, หลักการทำงาน, จุดเด่น และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิว และความต้องการของแต่ละคนดังนี้
1. Sculptra
Sculptra ถือเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติตัวแรกของโลก (The First & Original Collagen Biostimulator) ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 1999 มีงานวิจัยรองรับมากกว่า 50 ฉบับ และได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาในประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย
- ส่วนประกอบหลัก : PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
- ลักษณะ : มาในรูปแบบผงแห้งที่ต้องผสมกับ Sterile Water ก่อนฉีด
- คุณสมบัติ : ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึกแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้ผิวฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ โดยให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี
- เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับใบหน้า และฟื้นฟูโครงสร้างผิวอย่างล้ำลึก
- แนะนำฉีด : 2-3 ครั้ง ทุก 4-6 สัปดาห์
- ตำแหน่งที่แนะนำ : ขมับ/Jawline/หน้าแก้ม (Midface)
2. JuveLook
JuveLook เป็นนวัตกรรม Hybrid Biostimulator ที่ผสานพลังของ PDLLA (Poly D,L-Lactic Acid) และ Hyaluronic Acid (HA) ในตัวเดียวกัน ถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก ช่วยแก้ปัญหาผิวในหลายมิติ และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน 18 เดือน
- ส่วนประกอบหลัก : PDLLA (Poly DL-Lactic Acid) ผสมกับ HA (Hyaluronic Acid)
- ลักษณะ : มาในรูปแบบผงแห้งที่ผสมกับ Normal Saline ก่อนฉีด
- คุณสมบัติ :ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ในขณะที่ HA เติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวทันทีหลังฉีด ทำหน้าที่ทั้งกระตุ้นคอลลาเจน และเติมความชุ่มชื้นให้ผิวในเวลาเดียวกัน ทำให้ผิวหน้าดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยตื้น ผิวแห้ง มีรอยดำสิว ต้องการลดรอยดำ ปรับผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใส
- แนะนำฉีด : 3 ครั้ง ทุก 4 สัปดาห์ อยู่ได้ 12-18 เดือน
- ตำแหน่งที่ฉีด : ทั่วใบหน้า/ลำคอ/ร่องแก้มลึก/รอยแผลเป็น/หลุมสิว
3. Radiesse
Radiesse filler เป็นนวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวที่เน้นการเพิ่มวอลลุ่มของใบหน้า ฟื้นฟูถึงโครงสร้างผิวชั้นลึก ทำให้เส้นใยตาข่ายผิวใหม่ 5 ประการ คือ Collagen Type I, Collagen Type III, Elastin, Angiogenesis และ Proteoglycan ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 2 ปี
- ส่วนประกอบหลัก : CaHA (Calcium Hydroxylapatite)
- ลักษณะ : มาในรูปแบบเจลพร้อมฉีด ใช้งานง่าย
- คุณสมบัติ : ช่วยเติมเต็มริ้วรอยลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะสำหรับการปรับโครงสร้างผิว เช่น การปรับกรอบหน้าให้เรียว และยกกระชับผิวบริเวณขมับและแก้ม
- เหมาะสำหรับ : คนที่ผิวหน้าขาดคอลลาเจน ไม่มีวอลลุ่ม มีริ้วรอย ต้องการมีผิวเด็ก อยากเพิ่มคอลลาเจนให้ผิว
- แนะนำฉีด : 1-3 ครั้ง ทุก 1 เดือน
- ตำแหน่งที่ฉีด : แก้มตอบ/กรอบหน้า/หน้าแก้ม/ร่องแก้ม/ร่องมุมปาก/หลังมือ
4. Neauvia
Neauvia เป็นฟิลเลอร์ที่จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator นับว่าเป็นลูกผสมระหว่างสารเติมเต็มกับสารกระตุ้นคอลลาเจนก็ว่าได้ครับ เพราะมีส่วนประกอบหลักเป็น Non-Cross-Linked HA (ไฮยาลูรอน) ผสมกับ CaHA 1% ตอบโจทย์คนที่ต้องการความชุ่มชื้นและกระตุ้นคอลลาเจนไปพร้อม ๆ กัน ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
- ส่วนประกอบหลัก: Non-Cross-Linked HA ผสมกับ CaHA
- ลักษณะ: มาในรูปแบบเจลพร้อมฉีด
- คุณสมบัติ: Non-Cross-Linked HA และ CaHA ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวทันที พร้อมปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน เหมาะสำหรับการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการปรับผิวให้เรียบเนียน เพิ่มความชุ่มชื้น ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า หรือมีคอเหี่ยว ย่น
- แนะนำฉีด : 4 ครั้ง ทุก 1 เดือน
- ตำแหน่งที่ฉีด : ทั่วใบหน้า/ลำคอ/หลังมือ
5. Ultracol 200
Ultracol 200 เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ กลุ่ม Collagen Biostimulator ที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ลดเลือนริ้วรอย และปรับผิวให้ดูเรียบเนียน ให้ผลลัพธ์นาน 6-8 เดือน
- ส่วนประกอบหลัก : PDO (Polydioxanone)
- ลักษณะ : มาในรูปแบบผงแห้งที่ต้องผสมกับ Sterile Water ก่อนฉีด
- คุณสมบัติ : เป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน พร้อมช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง เหมาะสำหรับการฟื้นฟูหลุมสิวและยกกระชับใบหน้า
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูปัญหาผิวหย่อนคล้อย หรือปรับผิวให้เรียบเนียน
- แนะนำฉีด : 3 ครั้ง ทุก 2 เดือน
- ตำแหน่งที่ฉีด : ขมับ/ใต้ตา/ร่องแก้ม/ร่องมุมปาก/กรอบหน้า
6. Gouri
Gouri เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวที่มีส่วนผสมหลักเป็น Polycaprolactone (PCL) หรือไหมน้ำ ที่เป็นไหมละลายที่ใช้ในทางการแพทย์ มีความเข้มข้นของ PCL ถึง 21% เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ เรียบเนียน ลดริ้วรอย ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปี
- ส่วนประกอบหลัก : PCL (Polycaprolactone)
- ลักษณะ : มาในรูปแบบน้ำพร้อมฉีด 1 Syringes
- คุณสมบัติ : ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว พร้อมเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้ดูสุขภาพดีแบบ Glass Skin
- เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้กระชับ เรียบเนียน และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- แนะนำฉีด : 1-3 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน
- ตำแหน่งที่ฉีด : ทั่วใบหน้า ลำคอ หลังมือ
Collagen Biostimulator มีให้เลือกหลายยี่ห้อ โดยแต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นและคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน การเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมควรพิจารณาจากปัญหาผิว ระยะเวลาที่ต้องการผลลัพธ์ และคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยครับ
ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นของ Collagen Biostimulator
ผลข้างเคียงหลังฉีด Collagen Biostimulator ส่วนใหญ่จะเป็นอาการชั่วคราว และสามารถหายไปได้เองภายในไม่กี่วันครับ เช่น
- อาการบวม แดง หรือรอยช้ำจากเข็ม มักจะหายไปเองภายใน 2-7 วัน สามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมได้
- อาการระคายเคืองหรือคันเล็กน้อย เกิดจากปฏิกิริยาของผิวหนังต่อสารที่ฉีด เช่น PLLA, CaHA หรือ PDO ซึ่งมักไม่รุนแรง และจะลดลงภายใน 1-3 วัน
- รอยนูนหรือก้อนเล็กบริเวณที่ฉีด เกิดจากสารที่ฉีดเข้าไป ซึ่งสามารถนวดเบา ๆ เพื่อให้อาการบวมลดลงได้
ส่วนผลข้างเคียงอย่างอื่น เช่น ผิวเปลี่ยนสี มีผื่นแดง บวมมากขึ้น หรือรู้สึกเจ็บ กรณีนี้แนะนำไปพบแพทย์ในทันที เพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมครับ
ใครบ้างที่เหมาะกับ Collagen Biostimulator ?
Collagen Biostimulator เป็นหัตถการที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก โดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหลากหลายครับ ได้แก่
- ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป มีผิวหย่อนคล้อย สูญเสียคอลลาเจนในชั้นผิว
- ผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า ต้องการเติมเต็ม และปรับโครงสร้างผิวให้เรียบเนียนขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ต้องการกระชับรูขุมขน และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความกระจ่างใส และฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดี ผิวเงาใส ฉ่ำวาวแบบ “Glass Skin “
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวในระยะยาว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า เช่น บริเวณขมับ แก้มตอบ และกรอบหน้า ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ต้องการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวให้กลับมาแข็งแรง
Collagen Biostimulator ฉีดจุดไหนได้บ้าง ?
Collagen Biostimulator เป็นหัตถการที่สามารถฉีดได้ในหลายจุดบนร่างกาย เพื่อฟื้นฟูผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และแก้ปัญหาผิวเฉพาะบริเวณครับ เช่น
- ใบหน้า บริเวณขมับ/ร่องแก้ม/ร่องมุมปาก/กรอบหน้า/ใต้ตา/แก้มตอบ/หลุมสิว
- ลำคอ
- หลังมือ
- รอยแตก รอยแผลเป็นบนผิวหนัง
ทั้งนี้ตำแหน่งที่ฉีด ขึ้นอยู่กับ Collagen Biostimulator แต่ละยี่ห้อด้วยครับ ซึ่งหมอได้เขียนอธิบายไว้ในหัวข้อ Collagen Biostimulator มีอะไรบ้าง ยี่ห้อไหนดี ?
ข้อควรทราบ และการเตรียมตัวก่อนฉีด Collagen Biostimulator
การเตรียมตัวก่อนฉีด Collagen Biostimulator ไม่ได้ยุ่งยากหรือซับซ้อนครับ คนไข้สามารถทำตามง่าย ๆ ดังนี้
- ควรงดยาต้านการอักเสบ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยาในกลุ่ม NSAIDs อย่างน้อย 7 วันก่อนทำหัตถการ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยฟกช้ำหรือเลือดออกง่ายบริเวณที่ฉีด
- ควรงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีด
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ Retinol, AHA หรือ BHA อย่างน้อย 3-5 วันก่อนการฉีด
- ไม่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- หากมีประวัติแพ้ยา แพ้สารเคมี โรคประจำตัว หรือจำเป็นต้องรับประทานยาต่อเนื่อง ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนการฉีด
- พักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันนัดฉีด เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาวะที่พร้อมสำหรับการฟื้นฟู
ขั้นตอนการฉีด Collagen Biostimulator
ขั้นตอนการฉีด Collagen Biostimulator ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยขั้นตอนการฉีดมีดังนี้ครับ
- ขั้นตอนการปรึกษาและวางแผนการรักษา
- แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวของคนไข้อย่างละเอียด
- พูดคุยถึงปัญหาผิวและเป้าหมายที่คนไข้ต้องการ เช่น ลดริ้วรอย ยกกระชับผิว หรือการปรับรูปหน้า
- แพทย์จะเลือกชนิดของ Collagen Biostimulator ที่เหมาะสม เช่น PLLA, CaHA, PDO, PDLLA หรือ PCL
- ขั้นตอนการเตรียมผิวก่อนฉีด
- ทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- ทายาชา เพื่อลดความเจ็บระหว่างหัตถการ
- ขั้นตอนการฉีด Collagen Biostimulator
- แพทย์จะใช้เทคนิคเฉพาะในการฉีดสาร Collagen Biostimulator เข้าสู่ชั้นผิวในจุดที่เหมาะสม
- การฉีดจะใช้ปริมาณสารที่คำนวณไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและกระจายตัวได้ดี
- ในระหว่างการฉีด แพทย์อาจนวดเบา ๆ บริเวณที่ฉีดเพื่อให้สารกระจายตัวสม่ำเสมอ
- ขั้นตอนการดูแลหลังฉีด
- หลังฉีดเสร็จ แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลผิว เช่น หลีกเลี่ยงการออกแดด การนวดบริเวณที่ฉีด หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง
- แนะนำให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยเสริมกระบวนการฟื้นฟูผิว
- ในบางกรณี อาจมีอาการบวมแดงหรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งมักหายได้เองภายใน 2-7 วัน
Collagen Biostimulator กี่วันเห็นผล ?
ผลลัพธ์หลังฉีด Collagen Biostimulator กี่วันเห็นผลนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของสารที่ใช้ และการตอบสนองของร่างกายแต่ละคนครับ
หลังฉีดทันที
- คนจะรู้สึกได้ว่าผิวมีความชุ่มชื้น และฟูขึ้นเล็กน้อยจากสารที่ฉีด เช่น HA หรือ CaHA ที่มีคุณสมบัติเติมเต็มและกักเก็บน้ำ
ภายใน 1-2 สัปดาห์แรก
- กระบวนการสร้างคอลลาเจนจะค่อย ๆ ทำงาน และผิวจะค่อย ๆ ฟื้นตัว เห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านความเรียบเนียนและความยืดหยุ่น
ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด
- ประมาณ 6-8 สัปดาห์หลังฉีด ผิวจะเริ่มกระชับ เต่งตึง ริ้วรอยตื้นขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนใหม่ที่ถูกกระตุ้นเริ่มทำงานเต็มที่
- สำหรับสารที่มีการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง เช่น PLLA (Poly-L-Lactic Acid) หรือ PCL (Polycaprolactone) ผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 3-6 เดือนหลังฉีด
Collagen Biostimulator เป็นหัตถการที่เห็นผลแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและเป็นธรรมชาติ โดยเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน 1-2 สัปดาห์แรก และผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดในช่วง 6-8 สัปดาห์หลังฉีด
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสารที่ใช้ และการตอบสนองของร่างกาย หากดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ ก็จะเห็นผลลัพธ์เร็ว และอยู่ได้นานขึ้นครับ
Collagen Biostimulator ราคาเท่าไหร่ ?
Collagen Biostimulator ราคาจะอยู่ที่หลักหมื่นขึ้นไปครับ แม้ราคาจะสูงกว่าหัตถการอื่น ๆ แต่หากพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน และความเป็นธรรมชาติแล้ว ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวในระยะยาวครับ
Collagen Biostimulator ราคาโปรโมชั่นที่ V Square Clinic
Collagen Biostimulator ทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม ?
Collagen Biostimulator เป็นหัตถการที่สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพครับ ช่วยเสริมผลลัพธ์ของการฟื้นฟูผิว และแก้ปัญหาผิวได้อย่างครบถ้วน
สำหรับหัตถการที่สามารถทำร่วมกับ Collagen Biostimulator เช่น
- ฟิลเลอร์ (Filler) ปรับสภาพผิวอย่าง Skinvive ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว หรือเติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ขมับ หรือเพิ่มวอลลุ่มในจุดที่ต้องการผลลัพธ์ทันที
- โบท็อกซ์ (Botox) เพื่อลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ขณะที่ Collagen Biostimulator ช่วยปรับปรุงโครงสร้างผิวและเพิ่มความกระชับ
- ฉีดเมโสหน้าใส (Mesotherapy) เพื่อเติมวิตามิน และสารบำรุงผิวชั้นตื้น ในขณะที่ Collagen Biostimulator ทำงานในชั้นผิวลึก ทำให้ผิวได้รับการดูแลอย่างครอบคลุม
- ฉีด Skin Booster เช่น Rejuran หรือ exosome เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และฟื้นฟูเซลล์ผิวชั้นตื้น ทำให้ผลลัพธ์ของการกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Collagen Biostimulator ชัดเจน และยาวนานขึ้น
คำแนะนำ : การฉีด Collagen Biostimulator ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และเหมาะสมที่สุด
สรุป Collagen Biostimulator คุ้มค่าแก่การฉีดไหม ?
Collagen Biostimulator เป็นหัตถการที่ตอบโจทย์การฟื้นฟูผิวในระยะยาว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ กระชับ และสุขภาพดี นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาผิวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยลึก ผิวหย่อนคล้อย หรือผิวที่ขาดความชุ่มชื้น
สรุปแล้วถ้าใครที่อยากมีผิวหน้าเด็กแบบเห็นผลยั่งยืน และปลอดภัย การฉีด Collagen Biostimulator ถือว่าคุ้มค่าครับ