ขาหนีบดำ
ขาหนีบดำ เป็นปัญหาที่สามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย แม้จะเป็นอาการที่ไม่ได้ส่งผลอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ทำให้หลายคนรู้สึกขาดความมั่นใจ หรือเขินอายเมื่อต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่เผยผิว หรือชุดว่ายน้ำบิกินีโดยเฉพาะในผู้หญิงครับ
ใครที่กำลังประสบปัญหาขาหนีบดำอยู่ อยากรู้ขาหนีบดำ แก้ยังไงดี ? ลองรักษาขาหนีบดำมาแล้วหลายวิธี แต่ก็ยังไม่ได้ผลดี ในบทความนี้หมอจะแนะวิธีรักษาขาหนีบดำแบบเห็นผล พร้อมพาไปดูสาเหตุขาหนีบดำ เกิดจากอะไร ? ขาหนีบดำ อันตรายไหม ? มีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้ขาหนีบกลับมาดำขึ้นอีก ไปดูกันครับ
สารบัญ ขาหนีบดำ
ขาหนีบดำ เกิดจากอะไร ?
ขาหนีบดำ สามารถเกิดจากหลายปัจจัยรวมกัน ทั้งการเสียดสีกันของผิวหนัง, การอักเสบจากการโกนขนหรือแว็กซ์ขน, การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว, พันธุกรรม, ภาวะตั้งครรภ์ รวมถึงน้ำหนักตัวที่มากขึ้น ก็สามารถทำให้ผิวขาหนีบเสียดสีกันมากขึ้น ทำให้ขาหนีบดำขึ้นได้ครับ
- ขาหนีบดำจากการเสียดสี : การเสียดสีระหว่างผิวขาหนีบที่เกิดจากการเดิน การออกกำลังกาย หรือใส่เสื้อผ้ารัดรูปเป็นประจำ อาจทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ และเมื่อเกิดการอักเสบบ่อยครั้ง ผิวหนังบริเวณนั้นจะเริ่มผลิตเม็ดสีมากขึ้นเพื่อป้องกันผิวจากการเสียดสี ซึ่งส่งผลให้ผิวขาหนีบดำ เป็นรอยคล้ำมากขึ้น
- ขาหนีบดำจากการโกนขนหรือแว็กซ์ : การโกนขนหรือแว็กซ์บ่อยครั้ง จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและอักเสบที่ผิวหนังง่ายขึ้น ส่งผลให้ผิวบริเวณขาหนีบดำขึ้นเนื่องจากการอักเสบสะสม
- ขาหนีบดำจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว : การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและอักเสบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวขาหนีบดำลง
- ขาหนีบดำจากพันธุกรรม : บางคนอาจมีโอกาสสูงกว่าที่จะมีผิวขาหนีบดำ เนื่องจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งร่างกายมีความเสี่ยงที่จะผลิตเม็ดสีผิดปกติมากกว่าปกติ
- ขาหนีบดำจากน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น : น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้เกิดการเสียดสีในขาหนีบมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีขาหนีบใหญ่ การเสียดสีนี้เมื่อเกิดขึ้นบ่อยครั้งอาจทำให้ผิวขาหนีบดำลง
- ขาหนีบดำจากภาวะตั้งครรภ์ : เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายที่ส่งผลต่อเม็ดสีผิว ทั้งระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโพรเจสเทอโรนจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิตเมลานินมากขึ้นในร่างกาย ทำให้ผิวบริเวณขาหนีบดำขึ้นได้
วิธีการรักษาขาหนีบดำ วิธีไหนเห็นผลดี ?
วิธีรักษาขาหนีบดำที่นิยมจะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกันครับ คือ การใช้ครีมทาขาหนีบดำ และ การทำเลเซอร์ลดขาหนีบดำ
การใช้ครีมทาขาหนีบดำ
การใช้ครีมทาขาหนีบดำ เป็นวิธีแรกที่หลายคนเลือกใช้ เพราะสามารถทำได้ง่ายด้วยตัวเองที่บ้าน ราคาไม่แพง สะดวก ใช้เวลาไม่นาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นครีมที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวครับ เช่น
- ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) : เป็นสารที่ช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง ช่วยให้ผิวขาหนีบดำดูจากลง กระจ่างใสขึ้น
- กรดกลีโคลิก (Glycolic Acid) : เป็น AHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า สร้างเซลล์ผิวใหม่ที่สดใส ผิวดูสว่างขึ้น
- กรดวิตามิน C : ช่วยลดเม็ดสีผิวที่เกิดจากแสงแดด และช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ลดการเกิดจุดด่างดำ ช่วยให้ผิวขาวขึ้น
การใช้ครีมทาขาหนีบดำ เป็นวิธีที่ง่าย สะดวกสบาย สามารถทำได้เองที่บ้าน แต่ก็ต้องมาด้วยความถี่ในการทำบ่อยครั้ง ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลชัดเจน และมีข้อควรระวังในการใช้ เพราะบางคนอาจแพ้ต่อส่วนผสมในครีม ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคือง คัน หรือผื่นแดง นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การทำให้ผิวบาง และเสี่ยงต่อการได้รับความเสียหายจากแสงแดดมากขึ้น
การทำเลเซอร์ลดขาหนีบดำ
เลเซอร์ลดขาหนีบดำ เป็นการที่ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ไปทำลายเม็ดสีเมลานิน ที่เป็นสาเหตุของขาหนีบดำโดยตรง วิธีนี้ได้รับความนิยม เพราะมีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดแผลเป็น ช่วยลดขาหนีบดำให้จางลง ผิวดูกระจ่างใสขึ้นอย่างชัดเจน เหมาะกับคนที่ต้องการเห็นผลเร็ว ใช้ครีมลดขาหนีบดำแล้วไม่เห็นผล หรือคนที่มีขาหนีบดำจากการเสียดสี หรือการระคายเคืองจากการโกนหรือแว็กซ์ขนครับ
ตัวอย่างเครื่องเลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่
- YAG Laser : เป็นเลเซอร์ประเภท Solid state ที่ใช้ yttrium aluminum garnet crystals เป็นตัวกลางในการปล่อยพลังงาน พลังงานที่ปล่อยออกมาจะถูกเปลี่ยนเป็นความร้อน ซึ่งมีผลไปทำลายเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนังโดยตรง ทำให้ผิวขาหนีบดำดูกระจ่างใสขึ้น จุดด่างดำ รอยดำจางลง
- นอกจาก YAG Laser ยังนิยมนำมาใช้ในการเลเซอร์ขน เพื่อกำจัดขนถาวร ข้อดีคือ สะดวกรวดเร็ว เลเซอร์ขน ราคาไม่แพง ช่วยกำจัดขนได้หลายตำแหน่ง เช่น เลเซอร์ขนจิมิ หรือเลเซอร์บิกินี่, เลเซอร์แคม, เลเซอร์ขนรักแร้, เลเซอร์แขน/ขา และเลเซอร์หนวดเครา เหมาะกับผู้ที่มีขนสีเข้ม สีดำอย่างคนเอเชีย เนื่องจากการทำงานของ YAG Laser จะไปจับกับเม็ดสีเมลานินโดยตรงครับ
- diode laser : เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นหลากหลาย เลเซอร์ที่ยิงออกมาจะถูกดูดซับโดยเมลานิน (Melanin) ซึ่งช่วยแก้ปัญหาขาหนีบดำได้โดยไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวสีอ่อนไปจนถึงปานกลาง และมีขนสีเข้ม
- IPL Laser : เป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการรักษาขาหนีบดำที่เห็นผล เป็นการใช้แสงที่มีความเข้มสูงหลายความยาวคลื่นเพื่อรักษาผิวหนัง วิธีนี้สามารถช่วยลดเม็ดสีที่เกิดจากการอักเสบ และจุดด่างดำบนผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
การใช้ครีมทาขาหนีบดำ และ การทำเลเซอร์ขาหนีบดำ ทั้งสองวิธีมีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกวิธีรักษาขาหนีบดำจึงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ ทั้งปัญหาผิว งบประมาณ และความพร้อมในการรับมือกับผลข้างเคียงหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
แต่หากคนไข้ท่านใดที่ต้องการวิธีแก้ขาหนีบดํา แบบเร่งด่วน การทำเลเซอร์จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าครับ ทั้งนี้แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวก่อนทำครับ
ขาหนีบดำ อันตรายไหม ?
ขาหนีบดำ เป็นภาวะที่ไม่อันตรายครับ แต่อาจส่งผลต่อความมั่นใจได้ แต่ถ้าใครที่มีขาหนีบดำมาก ความเข้มข้นของสีผิวที่ขาหนีบนี้ อาจเป็นสัญญาณของภาวะอินซูลินที่ต้านทาน (insulin resistance) ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 หรือภาวะ Acanthosis nigricans ที่มักเกิดจากความผิดปกติเกี่ยวกับการเผาผลาญในร่างกาย
ดังนั้นหากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงสีผิวที่ขาหนีบอย่างรุนแรงหรือมีอาการคัน มีแผล แสบผิว ผิวระคายเคืองร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และรับการแนะนำการรักษาที่เหมาะสมตามสาเหตุที่พบครับ
ขาหนีบดำ รักษาหายขาดไหม ?
ขาหนีบดำ สามารถรักษาด้วยการทำเลเซอร์เพื่อช่วยปรับสภาพผิว และลดความเข้มของสีผิวลงได้ แต่ถ้าไม่มีการดูแลผิว หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้ผิวหนังเกิดความเสียหาย เช่น การเสียดสีต่อเนื่อง หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว ก็อาจไม่หายขาดและมีโอกาสกลับมาเป็นได้ครับ
วิธีป้องกันขาหนีบดำ
การป้องกันขาหนีบดำ เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยให้หลีกเลี่ยงปัญหาผิวหนังที่ไม่พึงประสงค์ และคงความมั่นใจไว้ได้ ต่อไปนี้คือ วิธีป้องกันขาหนีบดำที่หมอมาแนะนำครับ
- หมั่นรักษาความสะอาด : ทำความสะอาดบริเวณขาหนีบอย่างสม่ำเสมอ ควรเลือกสบู่อ่อนโยนหรือผลิตภัณฑ์ล้างที่เหมาะสม และต้องล้างออกให้สะอาดทุกครั้งหลังออกกำลังกายหรือเหงื่อออกมาก เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดการอักเสบหรือผิวหมองคล้ำได้
- หลีกเลี่ยงการเสียดสีผิว : ใส่เสื้อผ้าที่มีขนาดเหมาะสมและผ้าที่ไม่ทำให้เกิดการเสียดสีมากจนเกินไป เลือกใช้ผ้าฝ้ายหรือวัสดุที่อากาศถ่ายเทได้ดี เพื่อลดการเสียดสี และการอับชื้น
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว : ทาครีมหรือโลชั่นที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และมีส่วนผสมที่ช่วยในการปกป้องผิว เช่น วิตามิน E, วิตามิน C หรือส่วนผสมของอะโลเวร่า
- ระวังการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด : หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง หรือส่วนผสมที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และไม่ทำให้เกิดอาการแพ้
- การดูแลรักษาหลังการรักษาขาหนีบดำ : หากคนไข้เคยทำการรักษาขาหนีบดำ อย่างการทำเลเซอร์ลดขาหนีบดำแล้ว ควรดูแลตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหากลับมาเกิดซ้ำ
- หลีกเลี่ยงแสงแดด : แม้บริเวณขาหนีบจะไม่ต้องเผชิญกับแสงแดดโดยตรง แต่ควรใส่เสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดด หรือใช้ครีมกันแดดเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าที่เปิดเผยบริเวณดังกล่าว
- เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต : อย่างการลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงการโกนหรือแว็กซ์ขนบ่อย ๆ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำให้เพียงพอ ก็สามารถช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้นจากภายในได้เช่นกัน
สรุปเกี่ยวกับ ขาหนีบดำ
ขาหนีบดำ อาจเป็นปัญหาผิวหนังที่ทำให้หลายคนรู้สึกขาดความมั่นใจ แต่หากมีการรักษา และการดูแลที่เหมาะสม ก็จะสามารถลดปัญหาขาหนีบดำ และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำในอนาคตได้ครับ
ซึ่งการใช้เลเซอร์ถือว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมในการรักษาขาหนีบดำอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวขาหนีบกลับมากระจ่างใสขึ้น พร้อมปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน สีผิวดูสม่ำเสมอ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่ากับการลงทุน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินปัญหาผิว และเลือกวิธีลดขาหนีบดำที่เหมาะสมสำหรับคนไข้ครับ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ