ในยุคที่ความงามเป็นเรื่องสำคัญ การฉีดฟิลเลอร์ปากกลายเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่หลาย ๆ คนยังคงกังวลถึงความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้น บทความนี้หมอจะพาไปไขข้อข้องใจว่า ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม ? หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามทำอะไรบ้าง ? ควรดูแลตัวเองอย่างไร ? เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนไข้ครับ
สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม ?
ขณะฉีดฟิลเลอร์ปากจะรู้สึกเจ็บ แต่เป็นความเจ็บอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ เนื่องจากเนื้อบริเวณริมฝีปากอ่อนและบาง ทำให้ไวต่อความรู้สึก แต่จะมีการแปะยาชาเพื่อช่วยลดความเจ็บก่อนฉีดครับ
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ยาชาช่วยให้เจ็บน้อยลงหรือไม่ ?
ยาชาช่วยให้ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บน้อยลงได้จริง เนื่องจากยาชาจะออกฤทธิ์ทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ชาและไม่รู้สึกเจ็บ โดยทั่วไปแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุดที่จะฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงในเนื้อฟิลเลอร์บางรุ่นเองก็มียาชาผสมอยู่แล้ว ซึ่งสามารถช่วยลดความเจ็บจากเข็มระหว่างฉีดได้อย่างมาก นอกจากนี้ ยาชายังช่วยลดอาการบวมและอักเสบหลังฉีดฟิลเลอร์ได้อีกด้วยครับ
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี ?
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ปรับทรงปากสวย ปากกระจับ ปากเกาหลี ปากสายฝอ หรือเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง เนื่องจากปากเป็นตำแหน่งที่มีการขยับบ่อย ยี่ห้อที่หมอแนะนำ มี 4 ยี่ห้อครับ คือ ฟิลเลอร์ Restylane, Juvederm, Belotero และ Teoxane ประกอบไปด้วยรุ่นต่าง ๆ ดังนี้
- Restylane Vital Light
- Restylane Volyme
- Restylane Refyne
- ฟิลเลอร์ Restylane Kysse
- Juvederm Ultra Plus
- Juvederm Voluma
- Juvederm Volift
- Juvederm Volite
- Belotero Volume
- Belotero Lips
- Teoxane RHA 2
- Teoxane RHA 3
ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีขั้นตอนอะไรบ้าง ?
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการที่ไม่ยุ่งยาก และใช้เวลาไม่นาน มีขั้นตอนการทำดังต่อไปนี้ครับ
- ปรึกษาแพทย์ ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรนัดเข้ามาปรึกษาปัญหาและให้หมอช่วยประเมินใบหน้า เพื่อเลือกรูปทรงปากที่เหมาะสมที่สุด
- เลือกชนิดของฟิลเลอร์และรุ่นที่เหมาะสม แพทย์จะช่วยประเมินใบหน้า และแนะนำว่าควรใช้ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี ให้เหมาะสมกับจุดที่ฉีด
- ทำความสะอาดใบหน้าในจุดที่ฉีด เพื่อความสะอาดและปลอดภัย หลังจากนั้นจะแปะยาชาและประคบน้ำแข็งก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อช่วยลดความเจ็บจากเข็ม
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ โดยให้หมอแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้จริง ๆ
- ฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ 5-10 ปี
- ประคบน้ำแข็ง เพื่อบรรเทาความเจ็บจากเข็ม ซึ่งในเนื้อฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มียาชาผสมอยู่แล้ว
- หลังฉีดฟิลเลอร์เรียบร้อยแล้ว หมอจะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อรักษาให้ฟิลเลอร์เข้าที่และอยู่ได้นานขึ้น
- มีการนัดติดตามผลหลังทำ เพื่อเช็กการเข้าที่ของฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ?
ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน? หลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีอาการบวมประมาณ 3 วัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติครับ อาการบวมจะค่อย ๆ ยุบลงใน 5-7 วัน และเนื้อฟิลเลอร์จะเข้าที่ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์
ฉีดฟิลเลอร์ปาก กี่วันเห็นผล ?
- 1 วัน ริมฝีปากอวบอิ่มขึ้น
- 2-3 วัน อาจมีรอยบวมแดงบริเวณที่ฉีดหรือรู้สึกเจ็บจากอาการบวมเป็นเรื่องปกติ หายได้เอง
- 4-5 วัน อาการบวมค่อย ๆ ลดลง เริ่มเห็นทรงปากชัด
- 1-2 สัปดาห์ ริมฝีปากเข้าที่ อวบอิ่ม เป็นทรงสวย ดูเป็นธรรมชาติ
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ทาลิปได้ไหม ?
ใน 12 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรงดทาลิปสติก และควรเว้นบริเวณรอยเข็ม เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หลังจากนั้นสามารถทาลิปสติกได้ตามปกติ แนะนำให้ทาเป็นลิปมัน หรือลิปกลอสที่ล้างออกง่าย ไม่ควรกดหรือทาแรง ๆ ในช่วงแรกครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ทำฟันได้ไหม ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรรอให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวประมาณ 1 เดือน จึงจะสามารถทำฟันได้ครับ เพราะหัตถการบางชนิด เช่น ฟอกสีฟัน วีเนียร์ จัดฟัน คนไข้จะต้องอ้าปากนาน และมีการรั้งริมฝีปาก หากทำฟันตอนที่ฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ ก็อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์ไหลได้ครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ฝังสีปากได้ไหม ?
สำหรับใครที่ยังไม่เคยฝังสีปาก ไม่เคยฉีดฟิลเลอร์ปาก และวางแผนจะทำทั้งสองอย่าง หมอแนะนำให้ฝังสีปากก่อนแล้วค่อยฉีดปากครับ แต่หากฉีดฟิลเลอร์ปากมาแล้ว ก็สามารถฝังสีปากได้ โดยควรเว้นระยะหลังฉีดอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อรอให้ฟิลเลอร์เข้าที่สมบูรณ์
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามกินอะไร ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามกินอะไรบ้าง มีอาหารบางประเภทครับที่หมอแนะนำให้ควรงดก่อนในช่วงแรก เนื่องจากอาจส่งผลข้างเคียง ทำให้บวมช้ำ อักเสบ ติดเชื้อหลังฉีดฟิลเลอร์ได้ เช่น ประเภทอาหารหมักดอง อาหารรสจัด หวานจัด โซเดียมสูง อาหารร้อน ปิ้งย่าง ชาบู อาหารดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ควรงดประมาณ 2 สัปดาห์ครับ
วิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ปากให้หายเจ็บไวขึ้น
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก คนไข้ควรดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยลดอาการบวม ทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วขึ้น หายเจ็บไวขึ้นครับ
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่มฟู และสามารถคงอยู่ได้นานขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด ไม่จับ บีบ นวดบริเวณริมฝีปาก เพราะอาจทำให้รูปปากที่ทำมาเสียรูปได้
- ไม่ควรดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะจะเป็นการทำลายผิวริมฝีปาก ทำให้ผิวเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นไว้ได้น้อยลง
- ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมถึงเครื่องดื่มร้อนบ่อย ๆ เพราะความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
- งดการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังหนัก ๆ ที่จะทำให้ปากเสียรูปทรง
ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี ?
ก่อนตัดสินใจ ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี คนไข้ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัย โดยสามารถพิจารณาได้จากเช็กลิสต์ดังนี้
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ มีเลขใบอนุญาต 11 หลัก และมีแพทย์ประจำคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง สามารถนำชื่อแพทย์ตรวจสอบในเว็บไซต์ https://checkmd.tmc.or.th
- แพทย์มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคฉีดฟิลเลอร์ที่ถูกต้อง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี ดูเป็นธรรมชาติ
- ใช้ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) เป็นไฮยาลูรอนแท้ 100% และผ่าน อย.ไทย
- แพทย์ที่ทำการฉีดจะต้องเลือกใช้ยี่ห้อฟิลเลอร์ปากที่เหมาะสมในแต่ละเคส โดยจะต้องใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ยืดหยุ่นสูง ทนต่อแรงขยับได้ดี
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคาสมเหตุสมผล ไม่แพงหรือถูกเกินไปจนน่าสงสัย
- มีรีวิวฉีดฟิลเลอร์ปากของคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการจริง โดยควรมีทั้งรูปก่อนและหลังทำ
สรุป
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม หมอขอตอบเลยว่า เจ็บครับ แต่เป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้ ก่อนทำหมอจะมีการแปะยาชา อีกทั้งในตัวฟิลเลอร์บางรุ่นเองก็มียาชาผสมอยู่แล้วด้วย ช่วยบรรเทาความเจ็บ ทำให้ขณะฉีดคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บมาก ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลยครับ หลังฉีดควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะทำให้บวมช้ำน้อย ปากหายเจ็บไวขึ้น ผลลัพธ์เข้าที่เร็วขึ้นครับ