Exosome vs Rejuran
Exosome vs Rejuran เลือกอันไหนดี ?
ผู้ที่กำลังมองหา Skin Booster แก้ปัญหาริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน แทนการใช้เรตินอล และสกินแคร์ ที่ให้ผลช้า อาจจะคุ้นหูกับ Exosome และ Rejuran ครับ ทั้งสองเป็นหัตถการงานผิวจากประเทศเกาหลี
Exosome vs Rejuran ต่างกันอย่างไร ? เลือกตัวไหนดี พิจารณาจากอะไร ? ทำร่วมกันได้ไหม ? หมอสรุปเนื้อหาไว้ให้แล้วครับ
สารบัญ Exosome vs Rejuran
Exosome หัตถการงานผิวเด็ก จากประเทศเกาหลี
Exosome เป็นนวัตกรรมซ่อมแซมและชะลอวัยผิว (Anti-Aging) ครับ ใช้สารชีวโมเลกุลที่มีขนาดเล็กกว่าเซลล์ ประกอบไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นกับผิวกว่า 1,000 ชนิด สกัดมาจากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ส่วนผสมแตกต่างกันออกไปในแต่ละยี่ห้อ เช่น ASCEplus SRLV Exosome จากประเทศเกาหลี สกัดจากสเต็มเซลล์ดอกกุหลาบ มีส่วนประกอบหลักเป็น Lipids, miRNA, Growth Factor และโปรตีน
สารชีวโมเลกุลที่ส่งผ่าน Exosome จะกระตุ้นกระบวนการทำงานในเซลล์ผิวหนัง เช่น ระบบเผาผลาญ เซลล์ไฟโบรบลาสต์ผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน และต้านอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีน (Epigenetic) และชะลอความเสื่อมสภาพของผิวหนังที่จะเกิดขึ้นในอนาคตครับ
การทำ Exosome เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิว ดังนี้
- ผู้ที่ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเล็ก ๆ ช่วยฟื้นฟูผิวให้อ่อนเยาว์ เหมือนผิวเด็ก
- ผู้ที่มีผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ต้องการเสริมเกราะผิวให้แข็งแรง
- ผู้ที่ผิวหมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื้น รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง สิวอักเสบ สิวผด สิวอุดตัน มีหลุมสิวตื้น ๆ
- ผู้ที่สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีรอยแผลเป็น ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยดำ รอยแดงจากสิว
Exosome ทำได้ในหลายจุดที่ผิวมีปัญหาครับ ที่นิยม คือ ใต้ตา หน้าผาก ร่องแก้ม หน้าแก้ม ลำคอ กรอบหน้า ตัวยาไม่แสบผิวครับ ก่อนทำจะมีการแปะยาชา จากนั้นหมอจะฉีด Exosome เข้าสู่ผิว และระบบหลอดเลือด เพื่อให้กระจายและฟื้นฟูเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังทำ Exosome เห็นการเปลี่ยนแปลงใน 3 วัน หมอแนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้งครับ ครั้งที่ 1-3 ห่างกัน 2 สัปดาห์ ครั้งที่ 4 ห่างกัน 1 เดือน และครั้งที่ 5 ห่างกัน 1 ปี ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปี แต่ถ้าทำเพียงครั้งเดียว ไม่กลับมาทำซ้ำ ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 1 เดือน
Rejuran หัตถการงานผิวกระจก จากประเทศเกาหลี
Rejuran เป็นหัตถการช่วยเร่งกระบวนฟื้นฟูผิว ใช้ Polynucleotide หรือ PN ที่สกัดได้จาก DNA Salmon ในทะเลธรรมชาติ เข้ากันได้ดีกับร่างกายมนุษย์ เพราะมีลำดับเบสใกล้เคียงกับ DNA มนุษย์ถึง 98% ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ครับ
หลังฉีด Rejuran จะเข้าไปแทนที่เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ต้านการอักเสบ และเชื่อมต่อหลอดเลือดเล็ก ๆ ในเซลล์ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย กระตุ้นการหลั่ง Growth Factor และการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และเซลล์ผิวใหม่ จึงฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ชุ่มชื้น กระจ่างใส และเรียบเนียนอย่างรวดเร็ว
การฉีด Rejuran เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิว ดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าแห้ง ต้องการฟื้นฟูผิว ให้ฉ่ำวาว กระจ่างใส แบบ Glass Skin
- ผู้ที่มีปัญหาผิวโทรม สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีฝ้า กระ จุดด่างดำ จากแสงแดด
- ผู้ที่มีหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน มีความมันส่วนเกินบนใบหน้า
- ผู้ที่ผิวหย่อนคล้อยและเสื่อมสภาพตามช่วงวัย มีริ้วรอยบนใบหน้าและลำคอ
- ผู้ที่ต้องการเสริมเกราะผิวให้แข็งแรง สุขภาพดี ป้องกันการทำลายของมลภาวะ สารเคมี
Rejuran จะฉีดลงในผิวชั้นหนังแท้เช่นเดียวกับการฉีดเมโสหน้าใส มาเด้หน้าใส และเมโสหลุมสิว กระจายเป็นจุด ห่างกัน 0.5 cm ทั่วบริเวณที่ผิวมีปัญหาครับ นิยมฉีดที่ใบหน้า ลำคอ และหลังมือ ใช้เข็มขนาดเล็ก ที่บางเฉียบ ระหว่างทำคนไข้อาจรู้สึกเจ็บ และแสบเล็กน้อยตอนเดินยา แต่ทางคลินิกจะประคบเย็นและแปะยาชาให้ครับ
หลังฉีด Rejuran สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 3-5 วัน หมอแนะนำให้ฉีดต่อเนื่องอย่างน้อย 4 ครั้ง ห่างกัน 2-3 สัปดาห์ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือนครับ แต่ถ้าฉีดครั้งเดียว ไม่กลับมาฉีดซ้ำ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 เดือน
Exosome vs Rejuran เหมือนกันอย่างไร ?
ทั้ง Exosome และ Rejuran เป็นนวัตกรรมฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ (Skin Rejuvenation) เหมือนกันครับ หลังเติมเข้าสู่ผิวจะช่วยกระตุ้นการสร้าง Collagen และเซลล์ผิวใหม่ ใช้รักษาหลุมสิว ริ้วรอยตื้น ๆ ปรับผิวให้เรียบเนียน
Exosome vs Rejuran ต่างกันอย่างไร ?
Exosome และ Rejuran ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่มีความแตกต่างกันในหลายจุด หมอสรุปไว้เป็นตารางเปรียบเทียบครับ
Exosome vs Rejuran เลือกตัวไหนดี พิจารณาจากอะไรบ้าง ?
Exosome และ Rejuran มีจุดเด่นที่แตกต่างกันครับ การเลือกจะทำตัวไหน ขึ้นอยู่กับว่า คนไข้กังวลใจเรื่องอะไร ต้องการผลลัพธ์แบบไหนหลังทำ สามารถปรึกษากับหมอก่อนได้ ร่วมกับการพิจารณาปัจจัยเหล่านี้
- สภาพผิวและอายุ : Rejuran ช่วยฟื้นฟูผิวระดับลึกในชั้นหนังแท้ เหมาะกับผู้ที่อายุน้อย เริ่มมีปัญหาผิวในระยะเริ่มต้น ต้องการผิวกระจ่างใส อิ่มน้ำ ส่วน Exosome ช่วยซ่อมแซมผิวได้ถึงระดับเซลล์ และชะลออายุของผิว จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวค่อนข้างมาก มีริ้วรอย ผิวไม่กระชับ
- ตำแหน่งที่ทำ : การทำ Exosome สามารถทำได้ทั่วหน้าหรือเลือกเฉพาะจุดที่มีปัญหา ส่วน Rejuran จะเน้นการปรับผิวให้ชุ่มชื้น ทำทั่วบริเวณใบหน้า ลำคอ หรือหลังมือ
- ระดับความเจ็บ : จากรีวิวส่วนใหญ่ ตัวยาของ Rejuran จะรู้สึกแสบเล็กน้อยที่ผิวครับ เป็นความเจ็บระดับที่ทนได้ แต่ก่อนทำทั้ง 2 หัตถการ คลินิกมีแปะยาชาหรือประคบน้ำแข็ง เพื่อให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลาย
- ความถี่ในการทำ : การทำ Exosome ใน 3 ครั้งแรกจะมีความถี่มากกว่า Rejuran ครับ แต่หลังจากครั้งที่ 4 จะเว้นระยะเวลาต่อครั้งได้นานกว่า
Exosome vs Rejuran ทำร่วมกันได้ไหม ?
ทำ Exosome และ Rejuran ร่วมกันได้ครับ เพราะมีกลไกการทำงานต่างกัน แต่ควรเว้นระยะเวลาให้เหมาะสม เช่น ทำ Exosome เพื่อแก้ปัญหาผิวแพ้ง่าย ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ร่วมกับฉีด Rejuran เพิ่มการกักเก็บน้ำ ให้ผิวยืดหยุ่น และฉ่ำวาว
หากคนไข้ต้องการทำทั้ง 2 หัตถการร่วมกัน ในระหว่างประเมินใบหน้าสามารถแจ้งแพทย์ได้ครับ หมอจะช่วยวางแผนการรักษา ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และไม่มีผลข้างเคียง
หัตถการงานผิวตัวอื่น ๆ
นอกจาก Exosome และ Rejuran ยังมี Skin Booster อีกหลายตัวครับ ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับผิวฉ่ำเด้ง แต่ละตัวจะมีส่วนประกอบ และกลไกการทำงานต่างกัน เช่น
สรุปเกี่ยวกับ Exosome vs Rejuran
Exosome vs Rejuran เลือกอันไหนดี ? ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยครับ ว่าคนไข้กังวลในเรื่องอะไร มีสภาพผิวเป็นอย่างไร และคาดหวังผลลัพธ์แบบไหน Exosome จะเด่นในเรื่องซ่อมแซมและชะลอวัยผิว ผิวเด็กลง ใบหน้าอ่อนเยาว์ ส่วน Rejuran จะเด่นเรื่องเติมความชุ่มชื้น ปรับผิวฉ่ำโกลว์ ดูสุขภาพดี งาน Glass Skin ครับ
ที่ V Square Clinic มีให้บริการทั้ง 2 ตัว หากต้องการทำร่วมกัน หรือทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ สามารถจองคิวและเข้ามาประเมินใบหน้าที่สาขาใกล้บ้านได้ครับ หมอประเมินใบหน้าฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับคนไข้มากที่สุด
อ้างอิง :
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC9810265/
- https://www.novusbio.com/research-areas/cell-biology/Exosome-research-tools
- https://www.asceplus.com/SRLV
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7984045/
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC10423761/
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ