รีวิว CoolSculpting คืออะไร ? VS การดูดไขมัน VS การสลายไขมันส่วนเกินด้วยวิธีต่าง ๆ

Reading Time: 6 minutes

CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น

CoolSculpting-คืออะไร โดย คุณตุ้ย

CoolSculpting คืออะไร ได้ผลหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบ

ไขมันส่วนเกินมักจะเป็นปัญหาที่หลายคนในปัจจุบันพบเจอ ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิต การทำงาน ที่ส่งผลให้เกิดไขมันสะสมได้ง่าย ไม่ว่าหญิงหรือชาย แม้ว่าจะพยายามควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ก็มักจะมีไขมันส่วนเกินบางจุดที่ลดไม่ลง

ในบทความนี้หมอจะอธิบาย ข้อดี-ข้อเสีย ของการสลายไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งการดูดไขมัน, Thermage, Hifu, CoolSculpting คือ อะไร ? วิธีสลายไขมันด้วยความเย็นที่ดีอย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง ?


1. CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น

เครื่อง Coolsculpting

สลายไขมันด้วยความเย็น กับเครื่อง Coolsculpting


CoolSculpting คืออะไร ?

Coolsculpting คือ การสลายไขมันด้วยความเย็น โดยจะแช่แข็งเฉพาะเซลล์ในชั้นไขมันเท่านั้น เนื่องจากเซลล์ไขมันจะพิเศษคือไวต่ออุณหภูมิมากกว่าเซลล์ชนิดอื่น ๆ (ตัวอย่างเช่นเรานำอาหารที่มีไขมันไปแช่ตู้เย็นธรรมดาส่วนที่เป็นไขมันจะแข็งตัวและแยกชั้นไวมาก) เครื่อง Coolsculpting ใช้หัวดูดผิวเพื่อดึงชั้นไขมันเข้ามาไว้ในหัวของเครื่อง คล้าย ๆ เราหยิกไขมันที่พุงขึ้นมา ซึ่งในหัวดูดจะปล่อยความเย็น -11°C แช่แข็งก้อนไขมันที่ถูกดูดขึ้นมานาน 35 นาทีในแต่ละจุด

ตัวอย่างการทำ Coolsculpting

การทำ CoolSculpting แต่ละครั้งจะช่วยลดไขมันตรงจุดที่ทำการรักษาได้ 20-30%

หลังจากที่เซลล์ไขมันถูกแช่แข็งครบเวลา ก็จะใช้การนวดเพื่อให้เซลล์ไขมันตายและลดจำนวนลงแบบถาวร และจะถูกร่างกายกำจัดออกไปเองตามธรรมชาติ

วิธีการทำงานของเครื่อง Coolsculpting โดยจะแช่แข็งเฉพาะเซลล์

ข้อดีของการทำ CoolSculpting

ข้อดีของ Coolsculpting คือ เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น ที่จะไม่ทำอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก ไม่เคยเกิดกรณีเคสผิวไหม้จากความเย็นเลยเนื่องจาก CoolSculpting มีระบบ Freeze detect คือเครื่องจะหยุดทำงานทันทีที่ตรวจเจอความเย็นในผิวชั้นบนที่มากเกินไป ซึ่งในเครื่องเลียนแบบเกรดต่ำยี่ห้ออื่น ๆ มักจะเจอผลข้างเคียงเรื่องผิวไหม้จากความเย็นได้ง่ายครับ


CoolSculpting ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล ?

มีงานวิจัยทางการแพทย์ประมาณ 50 งานวิจัย ที่ยืนยันผลการรักษาว่า CoolSculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้ โดยสามารถลดลงได้ 20-30% ต่อการทำ 1 ครั้ง และสามารถกลับมาทำซ้ำในจุดเดิมได้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์มากขึ้น

ภาพแสดงการแช่แข็งเซลล์ไขมัน

ภาพแสดงการแช่แข็งเซลล์ไขมันซึ่งไวต่อความเย็นมากกว่าเซลล์ชนิดอื่น ๆ ในผิวหนัง

ตัวอย่างการทำงานของเครื่อง เครื่อง Coolsculpting

การสลายไขมันด้วยความเย็น ในช่วง 3-4 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผลว่าสัดส่วนเล็กลง เห็นผลเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน ซึ่งในช่วง 1-2 อาทิตย์แรกหลังทำ จะบวมในจุดที่เซลล์ไขมันมันตายและค้างอยู่ เพราะร่างกายต้องใช้เวลา เพื่อค่อย ๆ ลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามระบบเลือดและระบบน้ำเหลือง ระยะเวลาในการพักฟื้นเนื่องจากอาการปวดระบมคือ 7-10 วัน

CoolSculpting เจ็บไหม ?

จากประสบการณ์ที่หมอเคยลองทำ CoolSculpting ด้วยตัวเอง ตอนที่เจ็บที่สุดคือตอนที่นวดหลังจากแช่แข็งไขมัน (ซึ่งจำเป็นต้องนวดเพื่อให้เซลล์ไขมันที่ถูกแช่แข็งตาย หากไม่นวดจะได้ผลน้อยลง 60% ครับ) หลังนวดอาจมีอาการเขียวช้ำได้ในบางเคส

อาการปวดระบมในช่วง 7-10 วันหลังทำจะคล้าย ๆ อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกายหนัก ๆ ในจุดที่ทำ CoolSculpting ในช่วง 1-2 อาทิตย์แรกจะมีอาการบวมในจุดที่ทำ และจะมีอาการชาและคันเล็กน้อยในช่วง 1 เดือนแรก

จะเริ่มเห็นผลว่าชั้นไขมันยุบลงเมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือน เห็นผลเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน สามารถทำเพิ่มได้ในจุดเดียวกันเมื่อผ่านไป 1 เดือน

หัว CoolSculpting มีกี่หัว แต่ละหัวต่างกันอย่างไร เหมาะกับจุดไหน ?

หัว CoolSculpting

New CoolSculpting รุ่นใหม่ล่าสุดจะมีทั้งหมด 5 หัว โดยใช้หัวสุญญากาศเป็นแรงดูด ทำให้เจ็บน้อยกว่า ใช้เวลาน้อยลง ได้ผลลัพธ์สวยขึ้น และสามารถช่วยลดไขมันได้มากขึ้นหลายตำแหน่ง ทำได้เกือบทั้งตัว

  1. CoolAdvantage เป็นตัวหลักที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ประมาณ 60-70% ของเคสทั้งหมด โดยจะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันปานกลาง ใช้ทำได้ 7 จุด ได้แก่ ท้อง เอว แขน หน้าอกผู้ชาย ปีกหลัง ขาด้านใน ใต้ก้น
  2. CoolAdvantage Petite ใช้สำหรับลดไขมันได้ 7 จุด เท่ากับหัว CoolAdvantage คือ ท้อง เอว แขน หน้าอกผู้ชาย ปีกหลัง ขาด้านใน ใต้ก้น แต่จะเหมาะสำหรับคนที่มีไขมันไม่หนามาก คนตัวเล็ก หรือเคยทำ CoolAdvantage ไปแล้ว
  3. Cool Advantage Plus เป็นหัวขนาดใหญ่ เหมาะกับคนที่มีไขมันเยอะ ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณกว้าง ได้แก่ เอว ท้อง
  4. Cool Mini เป็นหัวขนาดเล็ก ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณเหนียง นมน้อย (เนื้อใต้รักแร้) เหนือหน้าอก ผู้หญิง เนื้อย้วยเหนือเข่าสำหรับที่ออกกำลังกายไม่ได้
  5. Cool Smooth Pro เป็นหัวที่ใช้สำหรับบริเวณขาด้านนอก และบริเวณใต้สะโพกลงมา (บางคลินิกใช้ทำ sixpack)
ระยะเวลาการทำหัตถการ CoolSculping

Coolsculpting มีหัวที่ใช้กำจัดไขมันหลายรูปทรงและหลายขนาด สามารถออกแบบรูปทรงในการลดของไขมันได้คล้าย ๆ การปั้น (Sculpting) โดยผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนแนะนำและให้คำปรึกษาในการออกแบบสัดส่วนตามที่คนไข้ต้องการ

ภาพเปรียบเทียบขนาดของหัว CoolSculpting

ภาพเปรียบเทียบขนาดจริงของหัว CoolSculpting แบบต่าง ๆ

เปรียบเทียบหัวรุ่นใหม่และรุ่นเก่าของเครื่อง Coolsculpting

ภาพเปรียบเทียบหัว Coolsculpting รุ่นเก่า(ด้านล่าง) กับหัว Coolsculpting รุ่นใหม่ที่ประสิทธิภาพดีกว่า และเจ็บน้อยกว่าเดิมมาก(ด้านบน)


coolsculpting ได้ผลไหม ?

การสลายไขมันด้วยความเย็น ด้วยเครื่อง Coolsculpting ปกติ 1 หนีบจะสลายไขมันออกไปได้ครั้งละประมาณ 60-70cc ซึ่งการปรับรูปทรงสัดส่วนในเคสส่วนมากมักจะใช้การทำ 2-4 หนีบขึ้นไปจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง price มาตรฐานของ Coolsculpting อยู่ที่หนีบละ ประมาณ 8,500.-/หนีบ

CoolSculpting ไม่ได้ผล เกิดจากอะไร ?

หากทำ coolsculpting แล้วไม่ได้ผล มี 2 กรณีครับ คือ ไม่เหมาะกับการทำ coolsculpting เพราะมีปริมาณไขมันมากเกินไป พอทำมาแล้วเห็นผลไม่ชัดเจน ไขมันไม่หายไปตามที่คาดหวัง (ซึ่งคลินิกที่ดีแพทย์จะต้องประเมินและแนะนำว่าคนไข้เหมาะกับ coolsculpting หรือไม่อย่างตรงไปตรงมา)

อีกกรณีคือใช้ coolsculpting ของปลอม ของเลียนแบบ ที่ไม่มาตรฐาน นอกจากจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ยังอาจเกิดอันตรายกับผิวได้ด้วยครับ เช่น ผิวไหม้ หรือทำให้รูปร่างไม่สมส่วน ไม่สมมาตรกัน


ใครที่เหมาะกับการทำ CoolSculpting ?

Coolsculpting เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสลายไขมันในปริมาณปานกลาง (BMI<35) เพื่อแก้ไขสัดส่วน โดยที่ไม่อยากผ่าตัดดูดไขมัน ไม่อยากได้รับผลข้างเคียงในระยะยาวจากการดูดไขมัน และไม่อยากพักฟื้นนาน ไม่อยากมีแผล การสลายไขมันด้วยความเย็น ข้อเสียคือไม่เหมาะกับคนที่มีไขมันเยอะมาก ๆ (BMI>35) และสัดส่วนไม่ได้ลดลงทันทีหลังทำ ต้องรอเวลาให้ร่างกายกำจัดเซลล์ไขมันออกไปก่อนครับ

การคำนวณ BMI

CoolSculpting ทำส่วนไหนได้บ้าง ?

CoolSculpting เป็นการสลายไขมันเฉพาะจุด บริเวณหน้าท้อง, เอว, ปีกหลัง, ขาใน, ใต้ก้น, หน้าอก (ผู้ชาย), ต้นแขน, สะโพก, ต้นขาด้านนอก, หัวเข่า, เหนียง โดยแต่ละจุดจะใช้หัว Applicator ที่แตกต่างกัน

CoolSculpting ทำส่วนไหนได้บ้าง

การเตรียมตัวก่อนทำ CoolSculpting

ข้อดีอีกอย่างของการสลายไขมันด้วยความเย็นคือ ก่อนทำ CoolSculpting ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากครับ สามารถรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตประจำได้ตามปกติเหมือนก่อนทำ treatment ทั่วไป


รีวิว Coolsculpting

รีวิว Coolsculpting จำกัดเซลล์ไขมันต้นแขน

รีวิว CoolSculpting ต้นแขน หลังทำ 1 เดือน เห็นผลทันที 25% ในครั้งแรกที่ทำ

รีวิว-CoolSculpting-ลดห่วงยาง

รีวิว CoolSculpting ลดห่วงยาง

ตัวอย่างรีวิวผลการรักษาด้วยเครื่อง CoolSculpting

ตัวอย่างผลการรักษาด้วยเครื่อง CoolSculpting

ตัวอย่างรีวิวผลการรักษาด้วยเครื่อง CoolSculpting

ตัวอย่างผลการรักษาด้วยเครื่อง CoolSculpting

ตัวอย่างรีวิวผลการรักษาด้วยเครื่อง CoolSculpting บริเวณแขน

ตัวอย่างผลการรักษาด้วยเครื่อง CoolSculpting

เลือกทำ coolsculpting ที่ไหนดี ?

จะเลือกทำcoolsculpting ที่ไหนดี ถึงน่าเชื่อถือและปลอดภัย? โดยทั่วไปแล้วสามารถเช็กได้เบื้องต้นจาก

  1. ความน่าเชื่อถือและมาตรฐานของคลินิก ต้องมีใบรับรองที่ถูกต้อง สถานที่สะอาด มีพื้นที่ไม่คับแคบ ใช้เครื่อง coolsculpting ของแท้
  2. ดูแลโดยแพทย์และ Specialist สำหรับทำ Coolsculpting โดยเฉพาะ
  3. มีReview จากผู้ใช้บริการจริง จากแหล่งที่เชื่อถือได้
  4. Coolsculpting Price สมเหตุสมผล หากถูกเกินไปอาจเป็นเครื่องปลอม หรือเลียนแบบได้ครับ
ถ้าเลือกคลินิกที่ดีและได้มาตรฐานก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของความปลอดภัย ดังนั้น ก่อนตัดสินใจทำ CoolSculpting จึงต้องศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนครับ สำหรับ V Square Clinic ที่มีสาขาทั่วกรุงเทพ (Bangkok) จะมีแพทย์คอยให้คำแนะนำโดยตรงทุกเคสครับ

COOLSCULPTING ราคาเท่าไหร่ ?

Promotion CoolSculpting

โปรแกรมCoolsculpting

โปรแกรม coolsculpting

โปรโมชั่น สำหรับผู้ติดตาม Line@ และมีสติ๊กเกอร์ “น้อง ดักกี้ V Square” รับของแถมเพิ่มฟรี

  • 1 หนีบ 8,500.- (ปกติ 9,900.-)
  • 2 หนีบ 17,000.- รับของแถม 1 รายการ
  • 4 หนีบ 34,000.- รับของแถม 3 รายการ
  • 6 หนีบ 51,000.- รับของแถม 5 รายการ
  • 10 หนีบ 85,000.- รับของแถม 10 รายการ

📍ของแถมมูลค่า 2,500 บาท เลือกได้ตามรายการดังนี้

  • วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน 1 ครั้ง
  • มาเด้คอลลาเจน 1 ครั้ง
  • เมโสแฟต Phytobella 6 CC
  • โบท็อกซ์ 15 Unit (Nabota)
  • Hifu Ultraformer lll 50 Line

การทำ CoolSculpting ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

CoolSculpting ถือเป็นหัตถการที่มี price ไม่สูงมาก นอกจากนี้การทำ CoolSculpting ยังมีข้อดีกว่าวิธีกำจัดไขมันชนิดอื่น ๆ มาก ทั้งในด้านของความปลอดภัยและผลลัพธ์ ไม่ต้องผ่า ดูด หรือใช้เวลาพักฟื้นนาน จึงเป็นอีกทางเลือกที่แนะนำครับ หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติม : CoolSculpting ที่ไหนดี สลายไขมันด้วยความเย็น ลดง่ายได้ทุกสัดส่วน

สำหรับเครื่อง CoolSculpting ของ V Square Clinic ตอนนี้มีอยู่ที่สาขาดังนี้ครับ

  1. สาขา Gateway Ekamai (Bangkok) โทรนัดคิว 099 005 9000
  2. สาขา สยามสแควร์วัน (Bangkok) โทรนัดคิว 093 110 9000
  3. สาขา เซ็นทรัลบางนา โทรนัดคิว 099 105 9000

สลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting ที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?

  1. ดูแลและให้คำแนะนำโดย แพทย์และ Specialist ที่มีประสบการณ์ในการทำ CoolSculpting มานานกว่า 3 ปี
  2. ห้องที่ทำ CoolSculpting มีขนาดอย่างน้อย 20 ตร.ม. ไม่อึดอัด
  3. ใช้เก้าอี้ Lazboy รุ่นท็อปรุ่นกว้างพิเศษ เพื่อความสบายสูงสุดของลูกค้าในช่วงเวลาที่ทำหลายชั่วโมง
  4. เพิ่มเทคนิคพิเศษที่ช่วยให้อาการบวมหลังทำหายไวกว่าปกติ
  5. การันตีช่วงโปรโมชั่นถูกที่สุดในท้องตลาด โดยไม่มีโปรโมชั่นแอบแฝง

2. การดูดไขมันแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร ?

เครื่องมือที่นิยมใช้ในการดูดไขมันมีหลายยี่ห้อดังนี้

Ultrasound Assisted Liposuction

Vaser : Ultrasound Assisted Liposuction คลื่นเสียง Ultrasonic

Body tite Radio Frequency Assisted Liposuction

Body tite : Radio Frequency Assisted Liposuction คลื่นวิทยุความร้อน

Body jet evo Water-Jet Assisted Liposuction

Body jet evo : Water-Jet Assisted Liposuction แรงดันน้ำ

Microaire Power Assisted Liposuction

Microaire : Power Assisted Liposuction แรงสั่น

เครื่องดูดไขมันทั้ง 4 เครื่องนี้ มีหลักการคือใช้พลังงานที่แตกต่างกันในการทำให้ก้อนไขมันแตกตัว และดูดออกมาจากร่างกาย ซึ่งแต่ละวิธีมี ข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกัน ดังนี้

การใช้คลื่นเสียงหรือคลื่นวิทยุในการดูดไขมัน จะช่วยกระตุ้นให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ดูดไขมันหดตัวกระชับขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ ลดโอกาสเกิดความหย่อนคล้อยหลังจากที่ดูดไขมันออกไป

แต่ข้อเสียคือจะบวมช้ำมากขึ้นและต้องพักฟื้นนานขึ้นอาจนานจะเกิน 1 เดือน และเซลล์ไขมันที่ได้จากการดูดด้วยวิธีนี้ถ้านำไปฉีดเพื่อเติมเต็มตามส่วนอื่น ๆ มักจะได้เซลล์ที่ไม่แข็งแรงและปลูกไม่ติด

อ่านเพิ่มเติม : ข้อดี-ข้อเสียของการเติมไขมัน vs ฟิลเลอร์ สามารถอ่านได้จากบทความนี้ครับ CoolSculpting ที่ไหนดี สลายไขมันด้วยความเย็น ลดง่ายได้ทุกสัดส่วน

การใช้แรงดันน้ำหรือแรงสั่นในการดูดไขมัน จะบวมช้ำน้อยกว่า ปวดระบมน้อยกว่า ใช้เวลาในการพักฟื้น 3-4 สัปดาห์ และเซลล์ไขมันที่ได้จากการดูดด้วยวิธีนี้ถ้านำไปฉีดเพื่อเติมเต็มตามส่วนอื่น ๆ มักจะได้เซลล์ไขมันที่แข็งแรง และเพิ่มโอกาสในการปลูกติดได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับเทคนิคอื่น ๆ ที่ใช้ในเก็บเซลล์ไขมันและเทคนิคการฉีดด้วยที่มีผลต่อ % การปลูกติด แต่ข้อเสียของการดูดไขมันด้วยวิธีนี้คือหลังจากยุบบวมผิวบริเวณที่ดูดไขมันจะขาดความกระชับ อาจจะต้องใช้เครื่องมือที่ช่วยกระชับผิวช่วยต่ออีกที

การดูดไขมัน Price ประมาณ 50,000-100,000 .- ขึ้นกับเครื่องที่ใช้ดูดไขมันและจำนวนจุด

3. ข้อควรรู้ก่อนดูดไขมัน

ท่อที่ใช้ดูดไขมันนั้นจะต้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 3 mm และต้องฉีดยาชาปริมาณมากในบริเวณที่ดูดไขมัน จึงจำเป็นต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์ที่ชำนาญเท่านั้น (การวางยาสลบไม่เป็นที่นิยมเพราะมีความเสี่ยงสูงกว่าการฉีดยาชา)

หลังทำจะเกิดรอยบวมช้ำค่อนข้างเยอะ เกิดจากการฉีกขาดของเส้นเลือดฝอยขณะที่สอดท่อเข้าไปเพื่อดูดไขมันตามจุดต่าง ๆ ต้องพักฟื้นประมาณ 1 เดือนหลังทำ เพื่อให้อาการปวดระบมและอาการบวมดีขึ้น

หลังทำมักจะพบปัญหาผิวไม่เรียบในบริเวณที่ดูดไขมันได้ ซึ่งเกิดจากความบอบช้ำของเนื้อเยื่อจากการสอดท่อดูดไขมัน หรืออาจจะเกิดจากแนวในการสอดท่อดูดไขมันที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งผิวไม่เรียบนี้หากเกิดขึ้นมักจะคงอยู่ถาวรไม่สามารถแก้ไขให้หาย 100% ได้

อาจมีรอยแผลสำหรับสอดท่อดูดไขมันขนาด 3 mm ตามจุดที่ดูดบริเวณละ 1-2 จุด

CoolSculpting คืออะไร

แม้ว่าจะดูดไขมันออกไปแล้ว แต่หากไม่ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ไขมันก็สามารถกลับมาสะสมได้ใหม่ หมอไม่แนะนำให้ดูดไขมันซ้ำ ๆ หลาย ๆ รอบ เนื่องจากจะเกิดพังผืดใต้ผิวทำให้ผิวไม่เรียบและจะยิ่งบวมช้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทำหลาย ๆ ครั้ง

การดูดไขมันเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันปริมาณเยอะ ๆ (BMI > 35) เท่านั้น สำหรับผู้ที่ไขมันน้อยกว่านี้แนะนำว่าควรเลือกใช้วิธีที่ปลอดภัยและไม่ส่งผลเสียในระยะยาวดีกว่าครับ

4. Thermage FLX (new!) for body

Thermage รุ่น FLX

เครื่องรุ่นใหม่ล่าสุดของ Thermage คือรุ่น FLX พัฒนาจากรุ่นเก่า CPT คือจะมีเซนเซอร์วัดความร้อนบนผิว (AccuREP) เพื่อควบคุมการปล่อยคลื่น RF(Radio-Frequency) ได้อย่าง optimize มากที่สุดในทุก shot ที่ยิง ทำให้เจ็บน้อยลงโดยที่ได้ผลการรักษาที่มากขึ้น และมีหัวใหญ่สำหรับการกระชับผิวส่วนเกินตามแขนขาหน้าท้อง เหมาะสำหรับจุดที่มีปริมาณไขมันไม่มาก แต่มีผิวหนังส่วนเกินชั้นบนเยอะ เช่น คนที่ลดน้ำหนักแล้วผิวไม่กระชับ คนที่ดูดไขมันแล้วผิวไม่กระชับ หรือคุณแม่หลังคลอด Price ในการทำ Thermage FLX for body 1 หัวมี 2,000 shot ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 4 ฝ่ามือ Price อยู่ที่ 100,000-150,000 .-

หัว Thermage จะสามารถกระชับผิวได้ดีมากในผิวชั้นตื้นระดับความลึก 4.3 mm ซึ่งเหมาะกับเคสที่มีปัญหาแบบในรูปตัวอย่างด้านล่างนี้ครับ

ตัวอย่างรีวิวผลการรักษาด้วย Thermage FLX for body

ตัวอย่างผลการรักษาผิวหนังส่วนเกินชั้นตื้นบริเวณหน้าท้องด้วย Thermage FLX for body

ตัวอย่างรีวิวผลการรักษาบริเวณหน้าท้องด้วย Thermage FLX for body

ตัวอย่างผลการรักษาผิวหนังส่วนเกินชั้นตื้นบริเวณหน้าท้องด้วย Thermage FLX for body

5. Hifu Macrofocus for body

เครื่อง Hifu Macrofocus

เทคโนโลยี Macrofocus ของเครื่อง Hifu ยี่ห้อ Ultraformer III จะมีหัวยิงที่ระดับความลึก 6 mm, 9 mm, 13 mm สำหรับแก้ไขปัญหา Cellulite ที่อยู่ในผิวชั้นลึก ประมาณ 2 cm Price ในการทำ Hifu Macrofocus (Ultraformer III) for body 1,000 shot ครอบคลุมพื้นที่ 2 ฝ่ามือ อยู่ที่ 25,000-40,000 .-

เหมาะกับคนที่ชั้นไขมันไม่มาก แต่มีความหย่อนคล้อยที่มีปัญหามาจากผิวชั้นลึกประมาณ 2 cm

ตัวอย่างรีวิวผลการรักษา cellulite บริเวณหน้าท้องด้วยเครื่อง Ultraformer III

ตัวอย่างผลการรักษา cellulite บริเวณหน้าท้องด้วยเครื่อง Ultraformer III

ตัวอย่างรีวิวผลการรักษา cellulite บริเวณหน้าท้องด้วยเครื่อง Ultraformer III-2

ตัวอย่างผลการรักษา cellulite บริเวณหน้าท้องด้วยเครื่อง Ultraformer III

6. การฉีดเมโสแฟตเพื่อลดสัดส่วน

เป็นการใช้สารต่าง ๆ ที่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถออกฤทธิ์ในการ สลายเซลล์ไขมัน ฉีดเข้าตามจุดต่าง ๆ ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด ซึ่งมักจะหวังผลได้ไม่แน่นอน และอาจจะเห็นผลไม่ชัดเจน เนื่องจากการออกฤทธิ์ของตัวยานั้นขึ้นกับปัจจัยของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนฉีดเมโสแฟตแล้วเห็นผลดีมาก บางคนไม่เห็นผล

Price ประมาณ 5000 .- / เมโสแฟต 40 cc ครอบคลุมพื้นที่ 1 ฝ่ามือ ซึ่งการฉีดเมโสแฟตค่อนข้างถูกกว่าวิธีอื่น สำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัดอาจจะทดลองใช้วิธีนี้ก่อน หากเห็นผลดีก็จะช่วยประหยัดเงินได้

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดเมโสแฟตสลายไขมัน สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความนี้ เมโสแฟต คืออะไร? อันตรายไหม? ต่างจากโบท็อกอย่างไร? อันไหนดีกว่า? ครับ

7. เครื่องนวดยกกระชับของสถาบันลดสัดส่วน,ลดน้ำหนัก

เครื่องมือในการลดสัดส่วนที่ได้ผลนั้น จะต้องผ่านงานวิจัยทางการแพทย์และจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีการควบคุมพิเศษ แต่สถาบันลดสัดส่วนเหล่านี้ส่วนมากมักจะไม่มีแพทย์ประจำ และไม่ได้จดทะเบียนเป็นคลินิกเวชกรรม จึงไม่สามารถใช้เครื่องมือแพทย์ได้ เครื่องมือต่าง ๆ ที่สถาบันเหล่านี้ใช้จึงมักเป็นแค่การนวดร้อน-เย็น, RF(Radio-Frequency) อ่อน ๆ ซึ่งไม่ได้เกิดผลในระยะยาว มีเพียงความกระชับที่เกิดจากการบวมของเนื้อเยื่อหรือการรีดน้ำออกเพียงชั่วคราวในระยะ 3-7 วันเท่านั้น สังเกตว่าการทำเครื่องมือกระชับ

สัดส่วนของสถาบันเหล่านี้พนักงานมักจะต้องนัดให้ไปทำบ่อย ๆ ทุกสัปดาห์จึงจะเห็นผล และพอหยุดทำก็จะคืนสภาพเดิม แทบจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงหากน้ำหนักไม่ลดลง

ตัวอย่างเครื่องนวดยกกระชับที่ใช้คลื่น Ultrasonic และ RF(Radio-Frequency)

ตัวอย่างเครื่องนวดยกกระชับที่ใช้คลื่น Ultrasonic และ RF(Radio-Frequency) อ่อน ๆ ที่มักจะพบตามสถาบันลดสัดส่วนที่ไม่ใช่คลินิก

ซึ่งสถาบันเหล่านี้ส่วนมากมักจะเน้นไปที่จิตวิทยาการแนะนำการควบคุมอาหารควบคู่กันมากกว่า ซึ่งหากคนไข้มีวินัยและปฏิบัติตามคำแนะนำควบคุมอาหารได้ดี จึงจะเห็นผลดีในการลดสัดส่วน เหมาะสำหรับคนที่อยากได้คำแนะนำในการควบคุมอาหารลดน้ำหนัก

8. การเข้าฟิตเนส

การเข้าฟิสเนส

เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการลดสัดส่วน และช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วย หลักการคือเสริมสร้างกล้ามเนื้อเพื่อช่วยให้เราสามารถเผาผลาญ metabolism ในแต่ละวันได้มากขึ้น ร่วมกับการควบคุมอาหาร ร่างกายก็จะไปดึงไขมันที่เก็บสะสมตามส่วนต่าง ๆ มาใช้ ทำให้ไขมันส่วนเกินลดลง แต่บางคนก็อาจพบปัญหาว่าหลังจากลดสัดส่วนด้วยการฟิตเนสแล้ว ผิวยังไม่กระชับ หรืออาจจะมีไขมันส่วนเกินในบางจุดที่สลายออกยากมาก ๆ ก็สามารถใช้ตัวช่วยวิธีอื่นช่วยลดตามที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ครับ


สรุป

สำหรับคนที่กำลังมีปัญหาไขมันส่วนเกินในส่วนต่าง ๆ ต้องการปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนสวยงามมากขึ้น แต่มีปัญหาเรื่องการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร ก็สามารถอาศัยเครื่องมือทางการแพทย์ในการช่วยลดไขมันส่วนเกินอย่างตรงจุดได้ครับ ถ้ายังไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับการสลายไขมันแบบไหน วิธีไหนได้ผลดีกับตัวเองที่สุด แนะนำให้เข้ามาปรึกษาหมอ ให้หมอประเมินก่อน เพื่อช่วยแนะนำและวางแผนการใช้หัตถการที่เหมาะสมให้ครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ42คน

สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ

บทความแนะนำ

Collagen Biostimulator คืออะไร ? มีกี่ประเภท กี่ยี่ห้อ ? ช่วยเรื่องอะไร ? เหมาะกับใคร ?

Reading Time: 6 minutes- Collagen Biostimulator คืออะไร ? - ประเภทของ Collagen Biostimulator - Collagen Biostimulator ทำงานอย่างไร ? - ประโยชน์ของ Collagen Biostimulator - Collagen Biostimulator มีอะไรบ้าง ยี่ห้อไหนดี ?

December 23, 2024 อ่านต่อ

ฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ? อยากคงผลลัพธ์ได้นาน ควร...

Reading Time: 2 minutes- ฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน เช็ก! - รู้สาเหตุที่ทำให้ฟิลเลอร์ปากสลายเร็ว - ฉีดฟิลเลอร์ปากทำอย่างไรให้อยู่ได้นานขึ้น - ฉีดฟิลเลอร์ปากหลาย CC อยู่ได้นานขึ้นไหม ? - สรุปฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ? ฉีดแบบไหนคุ้ม

คนท้องฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม ทำไมไม่ควรฉีด ระหว่างตั้งครรภ์ดูแ...

Reading Time: 2 minutes- คนท้องฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม ? - มีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ระหว่างตั้งครรภ์หรือไม่ ? - การดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์ - สรุปคนท้องฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม ?

ฉีดฟิลเลอร์ปาก แปรงฟันยังไง ? ดูแลอย่างไร ให้ได้ผลลัพธ์ที...

Reading Time: 3 minutes- ฉีดฟิลเลอร์ปาก แปรงฟันยังไง ? - การดูแลช่องปากหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก - คำถามที่พบบ่อย - สรุป ฉีดฟิลเลอร์ปาก แปรงฟันยังไง

หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? มีอาหารอะไรที่ควรระวัง ...

Reading Time: 3 minutes- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรกินอะไรบ้าง ? - ถ้าเผลอกินอาหาร เครื่องดื่มที่หมอห้าม จะมีผลข้างเคียงไหม ? - คำถามที่พบบ่อย- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรกินอะไรบ้าง ? - ถ้าเผลอกินอาหาร เครื่องดื่มที่หมอห้าม จะมีผลข้างเคียงไหม ? - คำถามที่พบบ่อย

ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง คืออะไร ? เหมาะกับใคร ? ช่วยอะไรบ้าง ?

Reading Time: 3 minutes- ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง คืออะไร ? - สาเหตุที่ทำให้ติ่งหูยาน - สาเหตุที่ทำให้หูกาง - ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง เหมาะกับใคร ? ช่วยอะไรบ้าง ? - เปรียบเทียบ ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง VS ศัลยกรรมตกแต่งใบหู - ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง ยี่ห้อไหนดี ? - ฉีดฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง ใช้กี่ CC ?

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า