หลุมสิวรักษาเองได้ไหม ? หายได้เองไหม ?
หลุมสิวรักษาเองได้ไหม ? ใครที่กังวลกับปัญหาหลุมสิว ไม่ว่าจะเป็นหลุมสิวตื้น หลุมสิวลึก หรือหลุมสิวกว้าง อยากรักษาหลุมสิว ให้ผิวกลับมาเรียบเนียน ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนครับว่าหลุมสิวที่เป็นอยู่นั้นเป็นหลุมสิวแบบไหน ? หลุมสิวมีกี่แบบ ? เพราะหลุมสิว รักษาจะไม่เห็นผลครับ ถ้าเลือกวิธีรักษาหลุมสิวไม่เหมาะกับลักษณะอาการและระดับความรุนแรง
เพื่อให้การรักษาหลุมสิวได้ผลลัพธ์ชัดเจน หลุมสิว รักษาเอง หรือปรึกษาแพทย์ ใช้วิธีไหนได้บ้าง ? หมอรวบรวมวิธีรักษาหลุมสิว ปรับสภาพผิวหน้าให้กลับมาเรียบเนียนไว้ในบทความนี้ครับ
สารบัญ หลุมสิวรักษาเองได้ไหม
หลุมสิวรักษาเองได้ไหม ?
หลุมสิวรักษาเองได้ไหม ? ต้องประเมินก่อนครับว่าหลุมสิวที่เป็นอยู่ เป็นหลุมสิวแบบไหน ถ้าเป็นหลุมสิวตื้น ๆ ในระดับที่ไม่รุนแรง รักษาได้ครับ แต่ต้องดูแลอย่างต่อเนื่องถึงจะเห็นผลชัดเจน
ส่วนถ้าเป็นหลุมสิวลึก จะรักษาได้ยากกว่า และไม่สามารถหายเองได้ เพราะกระบวนการอักเสบของสิวได้ทำลายเนื้อเยื่อบริเวณที่เกิดสิวให้เสียหายไปแล้ว แม้ผิวจะมีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาทดแทน แต่ด้วยความลึกของหลุมสิว ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าที่ผิวจะสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาทดแทนได้เท่าเดิม
ในเบื้องต้นจึงควรประเมินระดับความรุนแรงของหลุมสิวก่อนจะเลือกวิธีรักษาครับ
หลุมสิวมีกี่แบบ ?
หลุมสิว (Atrophic Acne Scars) แบ่งความรุนแรงตามระดับความลึก ตื้น กว้าง เป็น 3 แบบหลัก ๆ
- หลุมสิวแบบ Ice Pick Scars มีลักษณะคล้ายกรวย ปากหลุมสิวแคบแต่ลึก มีความลึกจากผิวชั้นหนังกำพร้า (Eperdermis) น้อยกว่า 2 มิลลิเมตร
- หลุมสิวแบบ Boxcar Scars มีลักษณะเหลี่ยมคล้ายกล่อง ปากหลุมสิวกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร เป็นได้ทั้งหลุมสิวตื้นและหลุมสิวลึก
- หลุมสิวแบบ Rolling Scars มีลักษณะเว้าลงไปในชั้นผิวคล้ายก้นกระทะ ปากหลุมสิวกว้างประมาณ 4-5 มิลลิเมตร มักเป็นหลุมสิวตื้น ๆ
ถ้าเรียงลำดับหลุมสิว ตั้งแต่หลุมสิว รักษาเองได้ หรือรักษาได้ง่ายที่สุด ไปจนถึงหลุมสิวที่รุนแรง และรักษาได้ยากที่สุด จะเป็น Rolling Scars ⭢ Box Scars ⭢ Ice Pick Scars
หลุมสิวแบบไหนที่ควรระวัง ?
Box Scars และ Ice Pick Scars จะจัดอยู่ในกลุ่มหลุมสิวที่ควรระวังครับ เพราะเป็นหลุมสิวที่เกิดจากสิวที่มีความรุนแรง หากรักษาสิวผิดวิธี จะทำให้กระบวนซ่อมแซมผิวหนังไม่สมบูรณ์เกิดการบาดเจ็บหรืออักเสบ ผิวบริเวณที่เป็นสิวยุบตัวลง แม้ว่าสิวหายแต่จะทิ้งรอยแผลเป็นจากสิว ผิวบุ๋มลึกเป็นหลุมสิวเอาไว้
โดยปกติกระบวนการซ่อมแซมผิวหนัง จะใช้ระยะเวลา 7-10 วัน ผิวจะสร้างเซลล์ผิวหนังและคอลลาเจนมาล้อมรอบบริเวณที่มีการอักเสบ ในระหว่างนี้ถ้าสิวเกิดการอักเสบรุนแรงขึ้นมาอีก มีโอกาสสูงที่จะเกิดหลุมสิว เนื่องจากคอลลาเจนและเนื้อเยื่อรอบ ๆ ถูกทำลาย
เวลาเป็นสิวจึงไม่ควรบีบ เค้น แคะ แกะ เกา บริเวณที่เป็นสิว โดยเฉพาะสิวหัวช้าง (Cyst) สิวอักเสบ (Pustule) ที่เสี่ยงต่อการเกิดหลุมสิวระดับรุนแรงได้มากกว่าสิวแบบอื่น ๆ
หลุมสิวรักษาเองได้ไหม ? ทำวิธีไหนได้บ้าง ?
หลุมสิว รักษาเอง ทำได้หลายวิธี แต่จะรักษาได้เพียงหลุมสิวที่ตื้น ๆ เท่านั้น ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลานานถึง 4-6 เดือน หรือมากกว่านั้น
ใช้วิตามินซี (Vitamin C)
เมื่อพูดถึงวิตามินซี หลายคนจะนึกถึงประโยชน์ในเรื่องความกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ แต่นอกจากนั้นวิตามินซียังมีคุณสมบัติช่วยในเรื่องของหลุมสิว โดยช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น หากมีหลุมสิว รักษาเองด้วยวิตามินซี อาจเริ่มจากมีเซรั่มวิตามินซี ความเข้มข้นอย่างน้อย 10%
ใช้ AHA หรือ BHA
ในกรณีที่เป็นหลุมสิวตื้น ๆ สามารถใช้สกินแคร์ หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) หรือกรดเบตาไฮดรอกซี (BHA) เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น แต่อาจจะต้องใช้เวลานานในการรักษา ควรใช้ในปริมาณและความเข้มข้นต่ำ ๆ ก่อน เช่น AHA 5-15% BHA 0.5-2%
ใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้น
หลายคนมีปัญหาบางวันมองเห็นหลุมสิวบนหน้าชัด แต่บางวันกลับมองเห็นไม่ชัด สภาพผิวมีส่วนสำคัญครับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผิวแห้ง จึงทำให้เห็นว่าผิวหนังไม่เรียบเนียน เป็นหลุมบ่อ ดังนั้นจึงควรบำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
ใช้เรตินอล (Retinol)
เรตินอลเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกลุ่ม Anti-Aging มีจุดเด่นในเรื่องการลดเลือนริ้วรอย ลดรอยดำจากสิว ฟื้นฟูหน้าหมองคล้ำ ผลัดเซลล์ผิว ลดรูขุมขนกว้าง ลดหลุมสิว ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ แต่ควรศึกษาวิธีการใช้ เริ่มในปริมาณน้อย ๆ ความเข้มข้นต่ำ ๆ จาก 00.01% ป้องกันการระคายเคือง
ใช้ยาทารักษาหลุมสิว
ยาทารักษาหลุมสิว รอยสิว มักจะมีสารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ เช่น กรดแลคติก (Lactic Acid), กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxycarboxylic Acid) เป็นส่วนประกอบ ความเข้มข้นมากกว่าในสกินแคร์ ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวได้ไวขึ้น เกิดการลอกของผิวชั้นตื้น ๆ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นได้เล็กน้อย
ใช้ครีมกันแดด
การทาครีมกันแดด นอกจากจะช่วยปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตแล้ว ยังช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ ทำให้หลุมสิวดูกลมกลืน ลดความเด่นชัดลงไปได้บ้าง แม้วิธีนี้ไม่ใช่การทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น แต่การปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอมีผลต่อหลุมสิว และลดโอกาสการเกิดสิว ป้องกันหลุมสิวในอนาคต
มาสก์หน้าด้วยสมุนไพรธรรมชาติ
หลุมสิว รักษาเองด้วยวิธีธรรมชาติ โดยใช้สมุนไพร ผัก ผลไม้ ที่มีกรด AHA เช่น พอกหน้าด้วยมะเขือเทศ ว่านหางจระเข้ ใบบัวบก มะขาม มะนาว เป็นวิธีการรักษาหลุมสิวที่ทำได้เอง แต่หลังทำอาจไม่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ต้องใช้ความต่อเนื่อง ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวเร่งด่วน
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ ดีต่อสุขภาพผิว ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี ซึ่งจะช่วยเสริมผลลัพธ์ในการรักษาหลุมสิวด้วยตัวเองด้วยวิธีอื่น ๆ ดียิ่งขึ้นครับ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี และโอเมกา 3 เช่น อะเซโรลา เชอร์รี, มะนาว, สตรอว์เบอร์รี, บรอกโคลี, อัลมอนด์, อะโวคาโด, ปลาแซลมอน, ปลาซาร์ดีน, ปลาแมคเคอเรล ช่วยสมานรอยแผลเป็นจากสิว ลดรอยแผลเป็นจากสิว ผลัดเซลล์ผิว ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ
ลูกกลิ้งนวดหน้า (Derma Roller)
หลายคนอาจจะเคยได้ยินการโฆษณาเกี่ยวกับลูกกลิ้งนวดหน้า มีทั้งช่วยลดรอยเหี่ยวย่น ยกกระชับผิว หรือลูกกลิ้งรักษาหลุมสิว โดยจะเป็นลูกกลิ้งติดเข็มขนาดเล็กประมาณ 0.25 มิลลิเมตร ทำให้เกิดรอยแผลเล็ก ๆ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ผิวเกิดการซ่อมแซมตัวเอง สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ต้องตรวจสอบดี ๆ ก่อนใช้ เพราะส่วนใหญ่ไม่ผ่านอย.ไทย หากใช้อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ทำ Microneedling ที่บ้าน
ลักษณะจะคล้าย ๆ กับ Derma Roller มีทั้งแบบลูกกลิ้งและแบบปากกา ความยาวเข็มสูงสุดไม่เกิน 1 มิลลิเมตร ซึ่งจะใส่สารบำรุงผิวเข้ามาด้วย เพื่อช่วยความชุ่มชื้น เพิ่มความกระจ่างใส ลดขนาดรูขุมขนเพิ่มความกระจ่างใส แต่ต้องระวังในเรื่องของความสะอาดทั้งของอุปกรณ์และผิวหน้า และศึกษาข้อมูลก่อนใช้
ในกรณีที่เป็นหลุมสิวระดับรุนแรง หลุมสิวลึก หรือต้องการเห็นผลชัดเจน แนะนำให้ใช้วิธีทางการแพทย์ในการรักษาหลุมสิว สามารถทำได้หลายวิธี หมอจะประเมินสภาพผิว ระดับความรุนแรงของหลุมสิวก่อนจะแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสม
รับประทานยาและวิตามิน B5 หรือ Zinc
ยาและวิตามินบางชนิด เช่น B5, Zinc ช่วยลดสิว ลดการอักเสบ ป้องกันสิวอุดตัน ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวและหลุมสิว แต่วิธีนี้ต้องใช้เวลานานถึงจะเห็นผล และอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง ผิวแห้ง
เลเซอร์หลุมสิว (Laser Treatment)
เลเซอร์มีหลายแบบ เช่น Fractional Laser, CO2 Laser, Pico Laser ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ถ้าหลุมสิวลึกต้องทำ 4-6 ครั้งขึ้นไป ทุก 2-3 สัปดาห์ ค่าใช้จ่ายสูง อาจต้องพักหน้าหลังทำ หากผิวแดง ตกสะเก็ด หรือมีจุดเลือดออกบนผิว
ฉีดฟิลเลอร์สกินบูสเตอร์ (Skinbooster Fillers)
การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้น เห็นผลทันที ฟิลเลอร์ 1 CC ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงครับ ถ้าหลุมสิวลึกอาจต้องเพิ่มเป็น 2 CC ตามความเหมาะสม หมอเลือกใช้เป็นฟิลเลอร์ในกลุ่ม Skinbooster เช่น Juvederm Volite, Restylane Vital Light, Belotero Revive ที่มีโมเลกุลละเอียด เด่นในเรื่องปรับสภาพผิว หลังทำใช้หน้าได้ทันที ถ้าต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน หมอแนะนำวิธีนี้
ฉีดเมโสหลุมสิว (mesotherapy)
เป็นการฉีดสารบำรุงผิวเข้าไปในชั้นผิว เพื่อช่วยซ่อมแซมผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้บริเวณที่เป็นหลุมสิวค่อย ๆ ติ้นขึ้น ผิวเรียบเนียนใกล้เคียงผิวปกติ เหมาะกับคนที่หลุมสิวรุนแรงไม่มาก ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดี ผิวขาว ใส
ฉีดรีจูรัน (Rejuran)
การฉีดรีจูรัน ช่วยซ่อมแซมถึงระดับเซลล์ผิว ทำให้ผิวแข็งแรง ดูสุขภาพดี ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ปรับสภาพผิวให้ดูอิ่มน้ำ ผิวฉ่ำวาวเร่งด่วนแล้ว ยังช่วยลดขนาดรูขุมขน รักษาหลุมสิวให้ตื้นขึ้น (ขนาดไม่เกิน 4-5 มิลลิเมตร) ฟื้นฟูผิวชั้นหนังแท้ให้แน่นหนาขึ้น
ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Biostimulator)
ในกลุ่ม Collagen Biostimulator เช่น Sculptra หรือ Radiesse เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจะกระตุ้นคอลลาเจนในผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวแน่นกระชับ ลดความหย่อนคล้อย เติมเต็มริ้วรอยและหลุมสิว ให้ผิวกลับมาเรียบเนียนได้ครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีดของแพทย์
ทำ Microneedling ที่คลินิก
ทำ Microneedling ที่คลินิก ปลอดภัยกว่าทำเองที่บ้าน หมอจะใช้เข็มขนาดเล็ก (Microneedle) 0.5-2 มิลลิเมตร กระตุ้นผิวในชั้นผิวให้เกิดแผลเล็ก ๆ บนใบหน้า เพื่อให้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้รูขุมขนกระชับ หลุมสิวตื้น ผิวเรียบขึ้น หลังทำอาจมีอาการบวมแดง แสบร้อน ผิวห้อเลือดเป็นจุด ๆ ตกสะเก็ด ต้องพักหน้า
ใช้กรดลอกผิว (Chemical Peeling)
กรดที่ใช้ เช่น กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid), กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ทาลงบนผิว เพื่อผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น แต่มีข้อควรระวัง ถ้าใช้ความเข้มข้นสูงเกินมาตรฐาน จะทำให้ผิวแห้ง แสบ หรือไหม้
ทำ TCA CROSS
ใช้กรดไตรคลอโรอะเซติก (Trichloro-acetic Acid) เข้มข้น แต้มบริเวณที่เป็นหลุมสิวเฉพาะจุด ทำให้เกิดการทำลายหลุมสิวเก่าและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ หลุมสิวจะดูแคบลงและตื้นขึ้นได้ ใช้ในการรักษาแผลเป็นหลุมชนิด Ice picked และ Box scar ขนาดเล็ก
กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Dermabrasion)
เป็นการกรอผิวหนังชั้นกำพร้า (Epidermis) ให้หลุดออก จากนั้นใช้เกล็ดอัญมณีขนาดเล็กประมาณ 100 ไมครอน เร่งการผลัดเซลล์ผิวที่ลึกกว่าการสครับผิวทั่วไป แต่ไม่ได้ลึกถึงขั้นทำเลเซอร์ เพื่อให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ต้องทำหลายครั้งต่อเนื่องถึงจะเห็นผลชัดเจน
ทำ PRP (Platelet Rich Plasma)
ต้องนำเลือดของตัวเองมาปั่นเพื่อแยกชั้นของพลาสมา ซึ่งมีลักษณะเป็นสีเหลืองใสออกมา ในพลาสมาจะประกอบด้วยเกล็ดเลือด แพทย์จะสกัดเอาเกล็ดเลือดจากชั้นที่มีความเข้มข้นสูงที่สุดฉีดเข้าไปที่หลุมสิว เพื่อกระตุ้นเนื้อเยื่อ ฟื้นฟูผิวให้ตื้นขึ้น
เซาะพังผืด (Subcision)
ใช้เข็มพิเศษ (Nokor Needle) ซึ่งปลายเข็มจะมีลักษณะเป็นปลายมีดขนาดเล็ก สำหรับเซาะ เลาะ ตัดพังผืดใต้ผิวหนังที่ดึงรั้งทำให้เป็นหลุมสิว เพื่อกระตุ้นให้ผิวเกิดการซ่อมแซมตัวเอง สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ อาจมีอาการบวม เขียว ช้ำ หลังทำ
ผ่าตัดหลุมสิว (Excision)
เป็นการผ่าตัดยกหลุมสิวให้เสมอกับผิวปกติ แล้วเย็บปิดด้วยไหมขนาดเล็ก เหมาะกับปัญหาหลุมสิวที่มีขนาดไม่ใหญ่เกินไป เพราะจะทำให้เห็นรอยเย็บที่ค่อนข้างใหญ่ และเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็นหลังการผ่าตัดได้
ฉีดไขมัน (Fat Transfer)
ก่อนจะถึงขั้นตอนการฉีด ต้องทำการดูดไขมันส่วนเกินในร่างกาย มาผ่านกระบวนการทำให้ได้ไขมันที่มีคุณภาพสูงก่อน จากนั้นนำมาฉีดเติมเต็มหลุมสิว โดยในกระบวนการฉีด แพทย์จะมีการตัดพังผืดที่ดึงรั้งให้เกิดหลุมสิวไว้ในทุกระดับชั้นผิวเพื่อให้เกิดที่ว่างในการเติมเต็มและเกิดการสร้างผิวใหม่เข้ามาทดแทน
สรุป หลุมสิว รักษาเอง หรือให้หมอรักษาดี ?
ต้องดูว่าเป็นหลุมสิวระดับไหน มีความลึก ความกว้างกี่มิลลิเมตร ถ้าจะรักษาหลุมสิวด้วยตัวเองต้องใช้เวลาครับ และยังขึ้นอยู่กับว่าปัญหาหลุมสิว รักษาเองด้วยวิธีไหน แม้ว่าจะทำได้หลายวิธีตามที่หมออธิบายไปข้างต้น แต่ใช้ไม่ได้กับหลุมสิวทุกประเภท และผลลัพธ์อาจได้ตามคาดหวัง
ถ้าอยากแก้ปัญหาเร่งด่วน หรือต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน หลุมสิว รักษาเองอาจไม่ใช่คำตอบครับ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิว และแนะนำวิธีรักษาสิวที่เห็นผล เหมาะกับระดับความรุนแรงของหลุมสิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องดูแลรักษาหลุมสิวต่อเนื่อง หรือทำร่วมกันมากกว่า 1 วิธี หมอจะให้คำแนะนำเป็นรายเคสครับ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ