ผิวแห้ง แตกลาย ไม่มั่นใจ
ผิวแห้งและแตกลาย เป็นปัญหาที่พบเห็นกันอยู่บ่อย ๆ ทั้งใบหน้ารวมถึงผิวกาย ไม่ว่าจะเป็นเพราะสภาพอากาศ การดูแลรักษาผิวที่ไม่เหมาะสม หรือแม้กระทั่งความเครียด
สำหรับคนที่มีปัญหาเหล่านี้ ก่อนอื่นหมออยากให้เข้าใจก่อนว่า สาเหตุของผิวแห้งและแตกคืออะไร ? เมื่อเราเข้าใจสาเหตุแล้ว การแก้ไขก็จะง่ายขึ้น บทความนี้หมอจะแนะนำวิธีแก้ปัญหาผิวแห้ง เพื่อฟื้นฟูผิวให้กลับมาชุ่มชื้น เนียนนุ่ม มีวิธีไหนช่วยได้บ้าง และต้องดูแลตัวเองอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้หน้าแห้ง ผิวแห้ง
สารบัญ ผิวแห้ง
ผิวแห้ง คืออะไร ?
ผิวแห้ง (Dry Skin) คือภาวะที่ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น จะเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังไม่สามารถรักษาความชื้นได้เพียงพอครับ ซึ่งมักเกิดจากการที่เยื่อหุ้มผิวชั้นนอกสุด (Stratum Corneum) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการรักษาความชื้นภายในไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
ผลที่ตามมาคือการสูญเสียน้ำจากผิวหนัง ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน รูขุมขนกว้าง เกิดปัญหาการลอกและแตกเป็นร่องลึก จนอาจมีอาการคันและระคายเคืองผิวร่วมด้วย
ผิวแห้งเกิดจากอะไร ?
ผิวแห้งเกิดจากหลายปัจจัย ทำให้ผิวสูญเสียความชื้นและไม่สามารถรักษาความชื้นได้ดีเท่าที่ควร หลัก ๆ แล้วมีสาเหตุจาก
- สภาพอากาศที่แห้งและเย็น เช่น ในฤดูหนาวที่ระดับความชุ่มชื้นในอากาศจะลดลง ทำให้ผิวสูญเสียความชื้นได้
- การอาบน้ำร้อนเป็นประจำ เพราะน้ำร้อนสามารถทำลายชั้นป้องกันธรรมชาติของผิว ทำให้ผิวสูญเสียความชื้นได้ง่าย
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์รุนแรงต่อผิว ไม่ว่าจะเป็นสบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง ก็สามารถทำลายชั้นป้องกันผิวและทำให้ผิวแห้งได้
- การใช้เครื่องทำความร้อนหรือเครื่องปรับอากาศ จะลดความชื้นภายในบ้านหรือที่ทำงาน ทำให้ผิวสูญเสียความชื้นง่าย
- การดื่มน้ำไม่เพียงพอในแต่ละวัน สามารถส่งผลให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
- พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนน้อย ทำให้หน้าโทรม เพราะร่างกายผลิตคอลลาเจนลดลง ทำให้ผิวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น
- อายุมากขึ้น ผิวจะสูญเสียความสามารถในการรักษาความชื้น ทำให้มีโอกาสเกิดผิวแห้งมากกว่าตอนยังเด็ก ๆ
- ปัญหาสุขภาพบางอย่าง โรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงินสามารถทำให้ผิวแห้งมากขึ้น
อาการผิวแห้งมีลักษณะอย่างไร ?
- รู้สึกตึง : ผิวแห้งจะทำให้รู้สึกตึง ๆ บนผิว โดยเฉพาะหลังการอาบน้ำหรือล้างหน้า
- ผิวหยาบกร้าน : ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจะมีความหยาบและไม่เรียบเนียน
- ผิวลอกหรือเป็นขุย : ในคนที่มีปัญหาผิวแห้งมาก ผิวจะลอกหรือเป็นขุย เกิดจากการขาดน้ำอย่างรุนแรงในชั้นผิวหนัง
- มีความหมองคล้ำ : ผิวจะดูไม่สดใส เนื่องจากสูญเสียความชุ่มชื้น
- มีรอยแตก : ผิวที่แห้งมากอาจมีรอยแตก และส่งผลให้เกิดการระคายเคืองหรือการบาดเจ็บได้
- คัน : ผิวแห้งมักทำให้รู้สึกคัน โดยเฉพาะบริเวณแขนหรือขา
- ผิวขาดความยืดหยุ่น : สามารถทดสอบด้วยการหยิบผิวขึ้นมาแล้วปล่อย ผิวที่แห้งจะคืนสภาพเดิมได้ช้า หน้าเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยง่าย
ผิวแห้งส่งผลอย่างไรกับไลฟ์สไตล์ของเราบ้าง
ผิวแห้งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยครับ โดยอาจเกิดขึ้นที่ผิวหนังบริเวณใดก็ได้ของร่างกาย ที่คนกังวลมาก ๆ ก็จะเป็นบริเวณใบหน้า แขน ขา นอกจากผิวแห้งจะส่งผลให้ผิวมีลักษณะคล้ำขรุขระ แตกลาย มองดูไม่เรียบเนียน อาจรู้สึกระคายเคืองหรือคันได้
ในกรณีที่มีปัญหาผิวแห้งรุนแรงมาก ผิวอาจจะแตกเป็นร่องลึกถึงมีเลือดออก ทำให้เกิดการอักเสบและรู้สึกเจ็บปวดขึ้นได้ครับ
สำหรับปัญหาผิวแห้งในคนไทย อาจเกิดจากสภาพภูมิอากาศที่บางช่วงจะมีอากาศร้อนและแห้งมาก หรือการต้องอยู่ในห้องแอร์บ่อย ๆ ก็ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น รวมไปถึงพฤติกรรมการดื่มน้ำหรือทานอาหารที่มีไขมันดีน้อย ก็ส่งผลให้ผิวแห้งได้เช่นกัน
ปัญหาที่คนผิวแห้งมักเจอ
- คนที่มีผิวแห้งก็จะเจอปัญหาแต่งหน้าไม่ติด หน้าลอกเป็นขุย
- ไม่มั่นใจเวลาต้องใส่เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้นที่โชว์ผิว
- ต้องเลือกเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะกับปัญหาผิวแห้ง
- ต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างที่ทำให้อาการผิวแห้งแย่ลง เช่น กิจกรรมที่ต้องตากแดดกลางแจ้ง การว่ายน้ำในสระคลอรีน ซึ่งจะส่งผลให้ผิวแห้งมาก
- รบกวนการนอนหลับ เนื่องจากความรู้สึกคัน ระคายเคือง หรือเจ็บปวดจากการแตก แห้งของผิว
“ ข้อควรรู้ : ผิวแห้งรุนแรงอาจนำไปสู่ปัญหาผิวหนังอักเสบติดเชื้อ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและอาจต้องรับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง ”
ผิวแห้งดูแลฟื้นฟูผิวอย่างไร ?
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่รุนแรง เช่น แอลกอฮอล์หรือสบู่ที่ทำให้ผิวแห้งเพิ่มขึ้น
- ใช้ครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกครีมที่มีส่วนผสมบำรุงสูง เช่น กรดไฮยาลูรอนิก, เซราไมด์, น้ำมันธรรมชาติ และวิตามินอี
- ทำสครับผิวเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วด้วยการสครับอย่างอ่อนโยน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยให้ผิวสามารถซึมซับผลิตภัณฑ์บำรุงได้ดียิ่งขึ้น
- ใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ช่วยปรับสภาพผิวหลังการทำความสะอาด และเพิ่มการซึมซับของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่จะใช้ในขั้นตอนถัดไป
- ใช้เครื่องทำความชื้นในห้อง เพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศภายในบ้านหรือที่ทำงาน เพื่อช่วยให้ผิวไม่แห้ง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ รักษาความชุ่มชื้นจากภายในโดยการดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า, วิตามิน, เส้นใยอาหาร และแร่ธาตุ ส่งผลดีต่อสุขภาพผิว
- พักผ่อนอย่างเพียงพอ ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพดี
- หลีกเลี่ยงน้ำร้อนและการอาบน้ำนาน ๆ
- เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ จะทำให้ผิวยิ่งแห้งกร้าน เสื่อมสภาพเร็ว
ผิวแห้ง นวัตกรรมทางการแพทย์ช่วยได้ไหม ?
ผิวแห้ง นวัตกรรมทางการแพทย์ช่วยได้ครับ หมอจะขอแบ่งเป็น 2 หัวข้อ คือ ผิวหน้าและผิวกาย
วิธีแก้ปัญหาหน้าแห้ง
ปัญหาผิวหน้าแห้ง นอกจากการดูแลตัวเอง ยังสามารถใช้หัตถการด้านความงามช่วยแก้ไขได้ครับ ปัจจุบันมีหลายตัว เพราะเทรนด์งานผิว glass skin กำลังมาแรง ซึ่งต้องมีพื้นฐานผิวที่ชุ่มชื้น สุขภาพดี
- ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว
การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นหัตถการที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าได้รวดเร็วที่สุดครับ เนื่องจากเป็น Hyaluronic Acid ที่สามารถกักเก็บน้ำในผิวหนังได้หลายเท่าตัว หลังฉีดจะทำให้ผิวดูเต็ม ฉ่ำ ชุ่มชื้น สำหรับฟิลเลอร์งานผิวเราก็จะเรียกกันว่า Filler Skinbooster มีหลายยี่ห้อด้วยกันครับ
- Belotero Revive
- Restylane Vital light
- Juvederm Volite
- Flore AQUA-S
“ ข้อควรรู้ : Restylane เป็นฟิลเลอร์ที่เริ่มผลิตมาได้ยาวนานที่สุดในโลก และยังคงความนิยมถึงปัจจุบัน เป็นของบริษัท Galderma บริษัทยาเจ้าใหญ่โดยฟิลเลอร์ Restylane ผลิตในประเทศสวีเดน ใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ คือ NASHA techology และ OBT technology ”
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว บำรุงล้ำลึก คืนความชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง ผิวดูสุขภาพดี
Meso Brightening Treatment และ Madecollagen เป็นการฉีดวิตามินและสารบำรุงต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อผิวเข้าไปในผิวชั้นกลางโดยตรง ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวหน้าที่แห้งกร้าน ช่วยให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้นและเปล่งปลั่งมากขึ้น
มีส่วนประกอบหลัก Polynucleotide หรือ PN บริสุทธิ์ เข้มข้น 2% สกัดจากชิ้นส่วน DNA Salmon ที่อยู่ในทะเลธรรมชาติ ตัวรีจูรันจะเข้าไปออกฤทธิ์ ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมหรือเสียหายให้ดีขึ้น ต้านการอักเสบ กระตุ้นการหลั่ง Growth Factor และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินรวมถึงเส้นใย fibroblast ช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น แก้ปัญหาผิวแห้งกร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ Poly-L-lactic acid หรือ PLLA ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว ผิวที่เคยแห้งและสูญเสียความยืดหยุ่นจะกลับมาเต่งตึงและมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
Gouri มีองค์ประกอบหลักคือสาร PCL มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยฟื้นฟู ปรับสภาพผิวให้มีความแข็งแรง ยืดหยุ่นดีขึ้น และยังช่วยแก้ไขผิวที่เสื่อมสภาพตามวัย ด้วยการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเอง
วิธีแก้ปัญหาผิวตัวแห้ง
ใครที่มีปัญหาผิวแห้งแล้วอยากหาวิธีช่วยที่เห็นผลเร็ว ๆ แนะนำ ดริปวิตามินผิว ครับ
การดริปวิตามินผิว เป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งได้ดีในระดับหนึ่ง ด้วยการเติมวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นต่อผิวเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ซึ่งจะสะดวกและเห็นผลกว่าการกินวิตามินเสริมธรรมดา เป็นการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นจากภายใน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเรียบเนียนขึ้นครับ
แต่การฉีดวิตามินผิวเสริมแบบนี้ก็ต้องทำในระยะที่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกจึงจะเห็นผลชัดเจนครับ (ฉีดทุก ๆ สัปดาห์ติดต่อกันระยะหนึ่ง) นอกจากประโยชน์ในการแก้ปัญหาผิวแห้ง ยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวในระยะยาว เสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นและลดการเกิดปัญหาผิวในอนาคตได้
สำหรับหัตถการต่าง ๆ ที่หมอแนะนำไปเพื่อแก้ปัญหาผิวแห้ง เป็นเพียงตัวช่วยเสริม หรือแก้ไขปัญหาเท่านั้นครับ ถ้าอยากรักษาผิวให้ชุ่มชื้นยาวนาน ไม่มีปัญหาผิวแห้งกวนใจ ควรดูแลตัวเอง หมั่นเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ผิวแห้ง ก็จะช่วยรักษาคุณภาพผิวดี ๆ ไว้ได้นานครับ
วิธีป้องกันผิวแห้ง
- อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศแห้งเกินไป เช่น ห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ หรือที่ ๆ มีความร้อนสูง หากจำเป็นอาจใช้เครื่องทำความชื้นเพื่อช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ
- ทาครีมกันแดดอยู่เสมอ การทาครีมกันแดดทุกวันจะช่วยปกป้องผิวจากรังสีย UV ที่ทำให้ผิวเสียและแห้งกร้านได้
- ใช้ครีมมอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ ครีมบำรุงผิวที่มี moisturizer จะช่วยเติมและล็อกความชุ่มชื้นไว้ในผิว (ควรใช้ทุกครั้งหลังการอาบน้ำและล้างหน้า)
- สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ สวมเสื้อผ้าที่ป้องกันผิวจากสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น ใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ในหน้าหนาว หรือเสื้อกันแดด กันลม
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ บริโภคอาหารที่มีไขมันดี เช่น น้ำมันปลา อาหารทะเล และผลไม้ พร้อมกับการดื่มน้ำอย่างเพียงพอช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายในสู่ภายนอก
วิตามินอะไรบ้างที่ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น
- วิตามินอี (Vitamin E) ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดการอักเสบของผิว
- วิตามินเอ (Vitamin A) ช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ผิวและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน มีบทบาทสำคัญในการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและลดริ้วรอย
- วิตามินบี3 (Vitamin B3 หรือ Niacinamide) ช่วยปรับปรุงความเข้มข้นของเซราไมด์และกรดไขมัน ซึ่งช่วยลดการสูญเสียน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- วิตามินซี (Vitamin C) มีคุณสมบัติเป็นแอนติออกซิแดนท์ ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งและชุ่มชื้น
- วิตามินบี5 (Vitamin B5 หรือ Pantothenic Acid) ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้าน เสริมสร้างการซ่อมแซมผิวที่เสียหาย
สรุป ผิวแห้ง แก้ปัญหาและป้องกันได้
ปัญหาผิวแห้ง เป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขและป้องกันได้ หากดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีครับ คนที่มีปัญหาผิวแห้งสามารถใช้ทั้งวิธีการดูแลตัวเองตามที่หมอแนะนำ ควบคู่ไปกับการใช้หัตถการความงามแก้ไขปัญหาผิวได้ครับ จะช่วยให้เราสามารถมีผิวที่ชุ่มชื้น อิ่มน้ำ มั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น
หากใครยังไม่แน่ใจว่าจะทำหัตถการไหนดี หรือทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ไหม สามารถปรึกษาหมอให้ช่วยประเมินสภาพผิวให้ก่อนได้ครับ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย