รู้จัก ไหมน้ำ Juvelook ตัวช่วยฟื้นฟูผิวเด็ก ต่างจากตัวอื่นอย่างไร ? มีจุดเด่นอะไรบ้าง ?

Reading Time: 5 minutes

Juvelook ไหมน้ำตัวดังจากเกาหลี

Juvelook

การมีผิวอ่อนเยาว์และสุขภาพดี ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วยนวัตกรรม Juvelook ไหมน้ำตัวดังจากเกาหลีที่ให้ผลลัพธ์แบบ 2 in 1 ทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวไปพร้อม ๆ กัน

สำหรับใครกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูผิวที่เห็นผลเป็นธรรมชาติ ไม่เปลี่ยนแปลงรูปหน้า และให้ผลลัพธ์ยาวนาน หมอแนะนำให้ทำความรู้จัก Juvelook มากขึ้นจากบทความนี้ครับ

Juvelook คืออะไร ? ช่วยอะไร เหมาะกับใครบ้าง ? อันตรายไหม ? หลังฉีดกี่วันเห็นผล ? Juvelook แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร ? ราคาเท่าไหร่ ? หมอสรุปมาไว้ให้แล้วครับ

สารบัญ Juvelook


Juvelook คืออะไร ?

Juvelook คืออะไร

Juvelook ไม่ใช่แค่ Skin Booster ทั่วไป แต่เป็นนวัตกรรมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแบบ Hybrid Biostimulator ที่เป็นการผสานระหว่างสาร PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) และ Hyaluronic Acid (HA) มาไว้ในตัวเดียว จึงได้ชื่อว่า “ไหมน้ำ”

จุดเด่นของ Juvelook คือ สามารถแก้ไขปัญหาผิวแบบ 2 in 1 ทั้งเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวทันทีหลังฉีด และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยั่งยืน เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึกโดยไม่ต้องเจ็บตัว และไม่ต้องพักฟื้นครับ

Juvelook ทำงานอย่างไรในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ?

Juvelook ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนอย่างไร
ภาพแสดงจำนวนคอลลาเจน (สีม่วง) ที่เพิ่มขึ้น
ผ่านการย้อมสีแบบ Masson Trichrome เพื่อวัดปริมาณคอลลาเจนในชั้นผิวหลังฉีด Juvelook 6 เดือน

Juvelook ทำงานโดยการผสานพลังของ Hyaluronic Acid (HA) และ PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) ที่ออกฤทธิ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งมีกระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนดังนี้ครับ

  1. เติมเต็มความชุ่มชื้นทันที (Immediate Hydration Boost)
  • Hyaluronic Acid (HA) หรือ ไฮยาลูรอน เป็นสารที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ ทำหน้าที่เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • หลังฉีดจะช่วยฟื้นฟูริ้วรอยตื้น ๆ ทำให้ผิวดูอิ่มฟู ฉ่ำวาว มีชีวิตชีวา ลดความหมองคล้ำ คืนความสดใสให้ผิวในเวลาอันรวดเร็ว
  • นอกจากนี้ HA ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น เสมือนการเติมน้ำให้ผิวจากภายใน

ผลลัพธ์ : ผิวดูชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ฟื้นฟูริ้วรอยตื้นทันทีหลังฉีด ผิวหน้าดูอิ่มน้ำสุขภาพดี

2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว (Long-term Collagen Stimulation)

  • PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) เป็นสารที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น Biostimulator ชั้นเยี่ยม มีคุณสมบัติในการ กระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) ผลิตคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่องในชั้นผิวลึก
  • PDLLA ทำงานโดยการเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ส่งผลให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่
  • ช่วยให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น เต่งตึง ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย หลุมสิว และรอยแผลเป็น ให้ค่อย ๆ จางลง พร้อมฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ผลลัพธ์ : ผิวกระชับ เต่งตึง เรียบเนียน ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยลดลง หลังจากการสร้างคอลลาเจนในระยะเวลา 6 เดือน


Juvelook อันตรายไหม ? มีการรับรองความปลอดภัยหรือไม่ ?

Juvelook เป็นหัตถการที่ไม่อันตรายครับ การันตีความปลอดภัยจากองค์กรชั้นนำระดับโลก และผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดโดย KFDA, CE Mark และ อย.ไทย

อีกทั้งความปลอดภัยของสารประกอบใน Juvelook อย่าง PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) และ Hyaluronic Acid (HA) ทั้งสองเป็นสารที่ใช้ในทางการแพทย์มาอย่างยาวนาน มีความปลอดภัยสูง สามารถย่อยสลายได้เองในร่างกาย ไม่ทิ้งสารตกค้าง ผลข้างเคียงต่ำ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจน หากฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในคลินิกที่ได้มาตรฐานครับ


Juvelook แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร ?

เทียบชัด ๆ Sculptra VS Radiesse VS Juvelook VS Gouri เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ?

Juvelook เป็นนวัตกรรม Hybrid Biostimulator ที่ผสานคุณสมบัติของ PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) และ Hyaluronic Acid (HA) ในตัวเดียว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเติมเต็มความชุ่มชื้นทันทีหลังฉีด ซึ่งทำให้แตกต่างจากหัตถการอื่น ๆ ดังนี้

  • Skinvive เน้นเพิ่มความชุ่มชื้น สร้างงานผิวฉ่ำโกลว์เล่นแสง
  • Rejuran เน้นฟื้นฟูผิวแข็งแรง ช่วยให้ผิวฉ่ำวาว
  • Sculptra เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวอิ่มฟู แน่น กระชับ
  • Gouri เน้นฟื้นฟู แก้ไขผิวที่เสื่อมสภาพตามวัย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • Radiesse Filler เน้นฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม กระตุ้นคอลลาเจน สร้างกรอบหน้าชัด
  • เมโสหน้าใส เน้นแก้ปัญหาผิวหน้า ทำให้ผิวชุ่มชื้น กระจ่างใส ลดการอักเสบ ยี่ห้อที่นิยม คือ มาเด้คอลลาเจน
  • ฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว เน้นเพิ่มความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ผิวอิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี รุ่นที่นิยม คือ belotero revive
  • exosome เน้นฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว (Skin Rejuvenation) กระชับรูขุมขน ลดรอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • โบท็อกซ์ เน้นลดริ้วรอยบนใบหน้า ลดกราม ปรับรูปหน้าเรียว ผิวเต่งตึง
  • ฉีดวิตามินผิวขาว เน้นเติมสารอาหารเข้าสู่ร่างกายโดยตรง เหมาะกับการฟื้นฟูผิวเร่งด่วน

Collagen Biostimulator หรือ skin booster แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นและคุณสมบัติที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นคอลลาเจน เติมเต็มความชุ่มชื้น หรือฟื้นฟูผิวเฉพาะจุด

ดังนั้นการเลือกใช้แต่ละยี่ห้อ ควรพิจารณาจากสภาพผิว ปัญหาที่ต้องการแก้ไข ระยะเวลาที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ และการปรึกษาแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีครับ


Juvelook สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ไหม ?

Juvelook สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัยครับ เช่น

  • ฟิลเลอร์ โบท็อก สามารถฉีดร่วมกันได้ เพราะเป็นการฉีดคนละชั้นผิว
  • หากเคยฉีด Sculptra, Radiesse หรือ Gouri มาแล้ว ควรเว้นระยะ 3-6 เดือน ก่อนฉีด Juvelook
  • ถ้าเป็นการทำเลเซอร์หรือทรีทเมนท์ผิว ควรทำเลเซอร์หรือทรีทเมนท์ผิวก่อน แล้วจึงฉีด Juvelook
  • ส่วนถ้าเป็นเครื่องมือยกกระชับผิว เช่น Thermage FLX, Ulthera, Ultraformer ควรทำหัตถการยกกระชับก่อน แล้วตามด้วยการฉีด Juvelook

ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อวางแผนลำดับการฉีดแต่ละหัตถการอย่างเหมาะสมครับ


Juvelook ช่วยอะไรได้บ้าง ?

  • เติมเต็มร่องน้ำตา ลดริ้วรอยรอบดวงตา ฟื้นฟูริ้วรอยตื้นและลึก ให้ดูจางลง
  • กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึง
  • เติมเต็มหลุมสิวและรอยแผลเป็น ให้ผิวเรียบเนียน
  • เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว
  • กระชับรูขุมขน ให้ผิวเนียนละเอียด
  • ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ จากมลภาวะและอายุที่เพิ่มขึ้น
  • ปรับผิวให้ดูสว่าง กระจ่างใส และเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ

ใครบ้างที่เหมาะสมกับการใช้ Juvelook ?

ใครเหมาะกับการใช้ Juvelook
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูเด็กลงโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจนในผิวเริ่มลดลง
  • ผู้ที่มีริ้วรอยและร่องลึก เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก ร่องแก้ม หรือมุมปาก
  • ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวและรอยแผลเป็น ต้องการให้ผิวเรียบเนียน ฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลาย
  • ผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง หมองคล้ำ ผิวขาดน้ำ ดูไม่สดใส ต้องการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • ผู้ที่ต้องการกระชับผิวหย่อนคล้อย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
  • ผู้ที่มีปัญหารอยแตกลาย เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และสะโพก
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ฟื้นฟูผิวโดยไม่ทำให้รูปหน้าเปลี่ยนแปลง
  • ผู้ที่มีจุดด่างดำ รอยแดง หรือรอยสิว ต้องการปรับผิวหน้ากระจ่างใส ไร้รอยหมองคล้ำ

ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการใช้ Juvelook

ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการใช้ Juvelook

การฉีด Juvelook เป็นการฟื้นฟูผิวที่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและครอบคลุมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งช่วยแก้ปัญหาผิวในหลายมิติ

สำหรับผลลัพธ์ที่คาดหวังได้หลังฉีด Juvelook หมอจะเขียนอธิบายในแต่ละระยะดังนี้ครับ

  • หลังฉีดทันที : ผิวจะดูชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และฉ่ำวาวขึ้นทันที เนื่องจาก Hyaluronic Acid จะช่วยเติมเต็มและกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ริ้วรอยต่าง ๆ ตื้นขึ้น ผิวดูสุขภาพดี มีชีวิตชีวา
  • หลังฉีด 2-4 สัปดาห์ : Hyaluronic Acid จะค่อย ๆ สลายไป PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) จะเริ่มทำงานโดยเข้าไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ผิวดูเนียนละเอียดขึ้น ริ้วรอยค่อย ๆ ลดลง
  • หลังฉีด 6 เดือน : PDLLA จะเริ่มสลายโดยไม่ทิ้งสารตกค้างใด ๆ ในร่างกาย ในขณะเดียวกัน ปริมาณคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผิวมีวอลลุ่ม ดูกระชับ เต่งตึง และอิ่มฟู ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-16 เดือน ในบางคนสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีครับ

Juvelook ราคาเท่าไหร่ ?

Juvelook ราคา

Juvelook ราคาจะแตกต่างกันไปตามคลินิกและโปรโมชั่นที่จัดในแต่ละช่วง โดยราคามาตรฐานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15,000.-/ขวด (ขนาด 6 CC) ครับ

ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจฉีด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาผิว และสอบถามโปรโมชั่นพิเศษจากคลินิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ความคุ้มค่าและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


ขั้นตอนการฉีด Juvelook เป็นอย่างไร ?

ขั้นตอนการฉีด Juvelook โดย หมอย้งยี้

การฉีด Juvelook เป็นหัตถการที่ไม่ได้มีขั้นตอนซับซ้อนครับ ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน และไม่ต้องพักฟื้น โดยขั้นตอนทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  • แพทย์ตรวจประเมินสภาพผิวของคนไข้ และวิเคราะห์ปัญหาที่ต้องการแก้ไข เช่น ริ้วรอย หลุมสิว หรือผิวแห้งขาดน้ำ
  • วางแผนการฉีด Juvelook ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของคนไข้
  • ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • ทายาชาบริเวณที่จะฉีด และทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที เพื่อช่วยลดความเจ็บในระหว่างการฉีด
  • แพทย์จะฉีด Juvelook เข้าไปในชั้นผิว โดยใช้เข็มขนาดเล็กหรือเข็มทู่ที่เหมาะสม
  • ในระหว่างการฉีด แพทย์อาจใช้เทคนิคเฉพาะ เช่น การนวดเบา ๆ เพื่อช่วยให้ Juvelook กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอในชั้นผิว
  • หลังฉีด แพทย์จะประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวมและรอยแดง
  • ให้คำแนะนำการดูแลผิวหลังฉีด เช่น หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า การออกกำลังกายหนัก หรือสัมผัสความร้อน
  • นัดหมายติดตามผลกับแพทย์ในครั้งถัดไป เพื่อประเมินผลลัพธ์และวางแผนการฉีดเพิ่มเติม หากต้องการการดูแลต่อเนื่อง

การเตรียมตัวก่อนฉีด Juvelook ควรทำอย่างไร ?

  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA/BHA หรือ Retinol อย่างน้อย 3 วันก่อนการฉีด
  • ควรงดการสัมผัสแสงแดดจัดหรือความร้อน เช่น การทำซาวน่า ก่อนการฉีด 1-2 วัน
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำ

การดูแลหลังฉีด Juvelook มีอะไรบ้าง ?

  • หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดด เช่น ซาวน่า หรือโยคะร้อน ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
  • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในบริเวณที่ฉีด 24 ชั่วโมงแรก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • ห้ามนวดหรือกดแรงบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก
  • งดการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 1-2 วันแรก
  • งดดื่มแอลกอฮอล์หลังฉีด 1-2 สัปดาห์ เพราะแอลกอฮอล์อาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น รอยแดง อาการบวม รอยฟกช้ำ อาการคัน และอาการปวด

รีวิวและประสบการณ์จากผู้ที่เคยใช้ Juvelook

รีวิวผลลัพธ์หลังฉีด Juvelook

รีวิวฉีด Juvelook
รีวิวฉีด Juvelook ลดริ้วรอยหางตา
รีวิวฉีด Juveloo
รีวิวฉีด Juvelook ลดริ้วรอยลำคอ
รีวิวฉีด Juvelook
รีวิวฉีด Juvelook ลดรอยแผลเป็น
รีวิวฉีด Juvelook เติมเต็มหลุมสิว
รีวิวฉีด Juvelook เติมเต็มหลุมสิว
รีวิวฉีด Juvelook
รีวิวฉีด Juvelook เติมเต็มหลุมสิว
รีวิวฉีด Juvelook
รีวิวฉีด Juvelook เติมเต็มร่องใต้ตา
รีวิวฉีด Juvelook
รีวิวฉีด Juvelook ลดรอยแตกลายต้นขา
รีวิวฉีด Juvelook
รีวิวฉีด Juvelook ลดรอยแตกลายหน้าท้อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Juvelook

Juvelook กี่วันหายบวม เข้าที่ ?

หลังฉีด Juvelook อาการบวมสามารถหายได้เองใน 1-2 วัน จากนั้น 2 สัปดาห์ อาการบวมจะค่อย ๆ ยุบลง ผิวเรียบขึ้นครับ

Juvelook อยู่ได้นานแค่ไหน ?

Juvelook ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปีครึ่ง ในบางคนสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีด สภาพผิวของแต่ละคน ปริมาณที่ใช้ และจำนวนครั้งที่ฉีดครับ

Juvelook กี่วันเห็นผล ?

  • หลังฉีดทันที ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ฉ่ำวาวขึ้น
  • หลังฉีด 2-4 สัปดาห์ การสร้างคอลลาเจนเริ่มทำงาน ผิวกระชับขึ้น
  • หลังฉีด 3-6 เดือน เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น ผิวหน้าเรียบเนียน เต่งตึง หลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น

ฉีด Juvelook เจ็บไหม ?

ฉีด Juvelook ไม่เจ็บครับ ก่อนฉีดจะมีการทายาชาเพื่อลดความเจ็บ และใช้เข็มขนาดเล็กหรือเข็มทู่ ทำให้ความเจ็บอยู่ในระดับที่ทนได้ ส่วนใหญ่รู้สึกเพียงแค่ตึง ๆ หรือเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

ฉีด Juvelook ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ?

แนะนำให้ฉีดต่อเนื่องติดต่อกัน 3 ครั้ง ห่างกันเดือนละครั้ง หลังจากนั้นฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์


สรุป Juvelook ดีไหม ? ควรฉีดหรือไม่ ?

Juvelook ถือเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การฟื้นฟูผิวแบบครบวงจร ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ผสานการทำงานของ PDLLA และ Hyaluronic Acid (HA) ในตัวเดียว ช่วยทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว และเติมเต็มความชุ่มชื้นทันทีหลังฉีด

หากคนไข้ท่านใดที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ กระชับ เรียบเนียน และเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน Juvelook ถือว่าคุ้มค่าแก่การฉีดครับ แต่ควรฉีดกับแพทย์ในคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ42คน
บทความแนะนำ

ดริปวิตามิน ตัวช่วยให้ผิวกระจ่างใส มีประโยชน์อะไรบ้าง ต่างกับฉีดวิตามินผิวใสอย่างไร ?

Reading Time: 3 minutes- ดริปวิตามิน คืออะไร ? - ดริปวิตามิน แตกต่างกับวิตามินแบบรับประทานอย่างไร ? - ดริปวิตามิน VS กินวิตามิน แบบไหนดีกว่ากัน ? - การดริปวิตามินอันตรายไหม ? - ดริปวิตามิน ช่วยอะไรได้บ้าง ?

February 18, 2025 อ่านต่อ

ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก เพื่อให้โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกติ

Reading Time: 6 minutes- ก่อนฉีดโบท็อก ควรรู้อะไรบ้าง ? - วิธีปฏิบัติตัวก่อนฉีดโบท็อก ที่จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกติ - หลังฉีดโบท็อก ควรปฏิบัติตัวแบบไหน ? ที่จะทำให้โบท็อกสลายช้าที่สุด - ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก - สรุป Timeline ข้อปฏิบัติตัวในการฉีดโบท็อก

Sofwave กับ Ulthera ต่างกันอย่างไร ? เลือกเครื่องไหนเห็นผ...

Reading Time: 4 minutes- รู้จัก Sofwave กับ Ulthera คืออะไร ? - Sofwave กับ Ulthera ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ? - Sofwave กับ Ulthera ต่าง เหมือนกันอย่างไร ? - Sofwave กับ Ulthera เลือกเครื่องไหนดี ? - Sofwave กับ Ulthera กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานเท่าไร ?

Thermage ที่ไหนดี อัปเดต 2025 ก่อนทำควรพิจารณาอะไรบ้าง ?

Reading Time: 4 minutes- ทำ thermage ที่ไหนดี ? พิจารณาอะไรบ้าง ? - ข้อควรรู้ก่อนทำ thermage - เปรียบเทียบ Thermage Flx กับ CPT - เปรียบเทียบ thermage กับเทคโนโลยีอื่น ๆ - thermage ราคาเท่าไหร่ ?

Revanesse Filler จากแคนาดา ผ่านอย.ไทย อีกหนึ่งตัวเลือกฉีด...

Reading Time: 5 minutes- ข้อควรระวัง ฉีดฟิลเลอร์ Revanesse - กระบวนการทำงานของฟิลเลอร์ Revanesse - ฟิลเลอร์ Revanesse แตกต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร ใช้ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้หรือไม่ ? - ฟิลเลอร์ Revanesse มีกี่รุ่น ? แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติอย่างไร ? - ฉีดฟิลเลอร์ Revanesse ราคาเท่าไหร่ ?

ฟิลเลอร์ 1 CC เยอะแค่ไหน ? ฉีดจุดไหนได้บ้าง แต่ละยี่ห้อ ร...

Reading Time: 4 minutes- ฟิลเลอร์ 1 CC ปริมาณเท่าไหร่? - ฟิลเลอร์ 1 CC ฉีดจุดไหนได้บ้าง? - ความแตกต่างของเนื้อฟิลเลอร์แต่ละรุ่น - เปรียบเทียบราคา ฟิลเลอร์ 1 CC แต่ละยี่ห้อ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า