Juvelook VS Sculptra เปรียบเทียบ 2 งานผิวตัวดัง ต่างกันอย่างไร ? ทำอันไหนดี ?

Reading Time: 4 minutes

Juvelook VS Sculptra

juvelook vs sculptra

Juvelook VS Sculptra เป็น 2 หัตถการงานผิวที่ถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบกัน ด้วยความน่าสนใจหลายด้าน โดยเฉพาะการที่สามารถกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิว ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว แม้จะมีความเหมือนกันอยู่ แต่ถ้าเจาะลึกดูในรายละเอียดแล้ว มีความแตกต่างกันชัดเจนครับ

ใครที่กำลังสนใจ 2 หัตถการนี้อยู่ หมอจะมาเปรียบเทียบทุกมิติของ Juvelook และ Sculptra แตกต่างกันอย่างไร ? และถ้าต้องเลือกทำอย่างเดียว จะเลือกทำอันไหนดี ? หมอรวบรวมและสรุปไว้ให้แล้วครับ

เปรียบเทียบ Juvelook VS Sculptra

สารบัญ Juvelook VS Sculptra


Juvelook และ Sculptra คืออะไร ?

Juvelook (จูวีลุค) คือ Collagen Biostimulator หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน ที่ไม่ได้แค่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนหรือยกกระชับเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้ผิวเรียบเนียน ฉ่ำวาว ลดริ้วรอยเล็ก ๆ กระชับรูขุมขน มีส่วนประกอบ 2 ตัวหลัก ได้แก่ Poly D, L-Lactic Acid (PDLLA) ที่ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับผิว และมี Hyaluronic Acid (HA) แบบ Non-Crosslinked ช่วยเติมเต็มริ้วรอย เติมน้ำให้ผิวดูฉ่ำวาว

ส่วน Sculptra (สกัลป์ทรา) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนในกลุ่ม Collagen Biostimulator เช่นเดียวกัน มี Poly-L-Lactic Acid (PLLA) เป็นส่วนประกอบหลัก สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากผิวของเราเองได้มากถึง 66.5% ฟื้นฟูได้ถึงโครงสร้างผิวชั้นลึก หลังจากที่ผิวผลิตคอลลาเจนกลับขึ้นมา จะรู้สึกได้ถึงความตึง แน่นกระชับ ริ้วรอยร่องลึกตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ครับ


Juvelook VS Sculptra ช่วยอะไร ?

Juvelook และ Sculptra ยังจัดอยู่ในกลุ่ม Skin Booster เทรนด์ฮิตหัตถการงานผิว ที่ช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิวเหมือนกัน แต่มีคุณสมบัติเด่นเฉพาะตัว หลักการทำงาน และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน

คลิกดูคลิปวิดีโอด้านล่างนี้ จะช่วยให้เข้าใจมากขึ้นครับ

ทำความรู้จัก Juvelook เติมความชุ่มชื้น กระตุ้นคอลลาเจน
เจาะลึก Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟู ยกกระชับผิว

Juvelook VS Sculptra เหมือนกันอย่างไร ?

ทั้ง 2 ตัวเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว หลังฉีดจะกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) ซึ่งเป็นเซลล์สำคัญที่มีบทบาทในการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวดูแน่น กระชับ และดูสุขภาพดีในระยะยาว แม้ว่าสารกระตุ้นคอลลาเจนจะสลายไป แต่คอลลาเจนที่ผลิตขึ้นมาใหม่ก็จะยังคงอยู่กับผิวของเราครับ


Juvelook VS Sculptra ต่างกันอย่างไร ?

Juvelook และ Sculptra ช่วยในเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น

  • ส่วนประกอบ : Juvelook ประกอบด้วย Poly D, L-Lactic Acid (PDLLA) และ Hyaluronic Acid (HA) หรือไฮยาลูรอน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นทันทีและกระตุ้นคอลลาเจน ส่วน Sculptra ใช้ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นลึกของผิว
  • การทำงาน : Juvelook ให้ความชุ่มชื้นทันที ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ขณะที่ Sculptra กระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว ช่วยเพิ่มวอลลุ่มผิวและลดริ้วรอยลึก
  • ผลลัพธ์ : หลังฉีด Juvelook เห็นผลได้ทันที ริ้วรอยต่าง ๆ ดูเต็มขึ้น จากนั้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนจะทำงาน ทำให้ผิวดูแน่นกระชับมากขึ้น ส่วน Sculptra หลังฉีดจะเข้าไปเติมช่องว่างผิว ทำให้รอยพับหรือริ้วรอยต่าง ๆ จางลง หลังกระบวนการผลิตคอลลาเจนเริ่มต้นขึ้น ผิวจะดูยกกระชับ ยืดหยุ่น เต่งตึงขึ้นในระยะยาวครับ

Juvelook VS Sculptra เหมาะกับใคร ?

Juvelook เหมาะกับ
ปัญหาผิวที่เหมาะกับ Juvelook
  • Juvelook ช่วยฟื้นฟูผิวได้แบบเร่งด่วน เหมาะสำหรับคนที่เริ่มมีปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ผิวหน้าแห้งขาดน้ำ รวมถึงถ้าใครมีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง มีริ้วรอยตื้น ๆ หลุมสิว หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ Juvelook ก็ช่วยได้ครับ
Sculptra เหมาะกับ
ปัญหาผิวที่เหมาะกับ Sculptra
  • Sculptra เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวขาดคอลลาเจน ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ผิวขาดความยืดหยุ่น ย้วย ไม่เฟิร์ม มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดเจน หรือในคนที่อยากมีผิวหน้าอ่อนเยาว์ โดยสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป เพราะคอลลาเจนในผิวลดลงทุกปี

เปรียบเทียบ Juvelook VS Sculptra

คุณสมบัติJuvelookSculptra
ส่วนประกอบPDLLA+HAPLLA
การทำงานเพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นคอลลาเจนกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก
เหมาะกับผิวแห้ง, ริ้วรอยตื้น ๆ, ฟื้นฟูผิวผิวหย่อนคล้อย, เพิ่มวอลลุ่มผิว, ริ้วรอยลึก
ระยะเวลาเห็นผล
  • เติมความชุ่มชื้นให้ผิวทันที
  • 2-3 สัปดาห์ การสร้างคอลลาเจนเริ่มทำงาน
  • 3-6 เดือน เห็นผลชัดเจน
  • 5 วัน กระบวนการผลิตคอลลาเจนจะเริ่มต้นขึ้น
  • 2-3 สัปดาห์เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง
  • 3 เดือนเป็นต้นไป เห็นผลชัดเจน
ตำแหน่งฉีด ทั่วใบหน้า, ลำคอขมับ, แก้มตอบ, หน้าแก้ม, กรอบหน้า
ระยะเวลาคงผลลัพธ์1 ปีครึ่ง2 ปี

Juvelook VS Sculptra อยู่ได้นานแค่ไหน ? ต้องฉีดกี่ครั้ง ?

  • Juvelook อยู่ได้นาน 1 ปีครึ่ง แนะนำให้ฉีด 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันทุก 4 สัปดาห์
  • Sculptra อยู่ได้นาน 2 ปี แนะนำให้ฉีด 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกัน 4-6 สัปดาห์

Juvelook VS Sculptra ขั้นตอนการทำแตกต่างกันไหม ?

Juvelook และ Sculptra มีขั้นตอนการทำหรือวิธีการฉีดที่แตกต่างกันเล็กน้อยครับ

  • Juvelook มีลักษณะเป็นผงแห้งบรรจุอยู่ในขวด แพทย์จะต้องนำมาผสมกับน้ำเกลือ (Normal Saline) ก่อนฉีด เข้าสู่ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ในบริเวณที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยใช้เข็มขนาดเล็กหรือเข็มทู่ที่เหมาะสม ระหว่างฉีดแพทย์จะทำการนวดเบา ๆ เพื่อให้ตัวยากระจายตัวสม่ำเสมอในชั้นผิว
  • Sculptra ก่อนฉีดแพทย์จะเตรียมตัวยาให้อยู่ในรูป Active Form โดยผสม Sculptra เข้ากับน้ำกลั่นปราศจากเชื้อ (Sterilie Water) จากนั้นจะใช้เข็มทู่ฉีดเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) ความลึกประมาณ 1.5-2 มิลลิเมตร เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผิวชั้นลึก หลังฉีดแพทย์จะทำการนวดหน้าเพื่อให้ตัวยากระจายตัวได้ดี กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เต็มประสิทธิภาพ

Juvelook VS Sculptra ทำอันไหนดี ?

หมอประเมินใบหน้า โดยพญ.เกตวดี
หมอประเมินใบหน้า ปัญหา และสภาพผิว
(พญ.เกตวดี เรืองฤทธิเดช เลข ว.54461)

ถ้าต้องเลือกทำเพียงอย่างเดียว และยังไม่แน่ใจว่าจะทำอันไหนดี หมอแนะนำว่าควรพิจารณาจากปัจจัย เช่น สภาพผิว อายุ รวมทั้งความต้องการเป็นหลัก ในขั้นตอนการ Consult หมอจะช่วยประเมินและวิเคราะห์ให้เป็นรายบุคคลครับ โดยแต่ละหัตถการก็จะมีจุดเด่น เหมาะกับผู้ใช้ที่แตกต่างกัน

ถ้าต้องการฟื้นฟูผิวอย่างรวดเร็ว เติมความชุ่มชื้น และลดริ้วรอยตื้น ๆ ให้ผิวดูอิ่มน้ำขึ้นทันที เลือกทำ Juvelook ก็จะตรงจุดกว่า แต่ถ้าต้องการเพิ่มวอลลุ่มของผิว ลดเลือนริ้วรอยลึกที่เห็นชัดเจน ไม่ได้รีบร้อนใช้หน้า ก็จะเหมาะกับการทำ Sculptra ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว ผลลัพธ์อยู่ได้นานครับ


Juvelook VS Sculptra ฉีดทั้งคู่ได้ไหม ?

ฉีด Juvelook
ฉีด Juvelook ฟื้นฟูผิว กระตุ้นคอลลาเจน

การฉีด Juvelook และ Sculptra สามารถทำร่วมกันได้ หากต้องการผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั้งการฟื้นฟูผิวและการกระตุ้นคอลลาเจน Juvelook ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวได้รวดเร็วเพราะมี HA เหมือนฟิลเลอร์ หรือเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย หลังฉีดจึงเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที

ในขณะที่ Sculptra เป็นการฟื้นฟูผิวถึงโครงสร้างชั้นลึก กระบวนการในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจึงใช้ระยะเวลาที่นานกว่า โดยลำดับการทำขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ ถ้าฉีด Sculptra ก่อน แนะนำให้เว้นระยะ 3-6 เดือน


Juvelook VS Sculptra อันไหนเจ็บกว่า ?

ฉีด Juvelook จะมีการทายาชาบริเวณที่จะฉีด และในการฉีดจะฉีดในผิวชั้นตื้น จึงรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยหรือไม่เจ็บเลย ส่วนการฉีด Sculptra จะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากเข็มที่ใช้ฉีดมีขนาดเล็กมาก และก่อนทำจะมีการแปะยาชา ช่วยลดความเจ็บขณะฉีดได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีด และน้ำหนักมือของหมอแต่ละคนด้วยครับ


Juvelook VS Sculptra ราคาเท่าไหร่ ?

ถ้าเทียบราคา Juvelook VS Sculptra ราคาจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิกและโปรโมชันที่จัดในแต่ละช่วงครับ โดยส่วนใหญ่คลินิกก็มักจะทำโปรโมชันออกมา ที่ V Square Clinic ให้บริการทั้ง 2 หัตถการ มีโปรโมชันประจำเดือนอัปเดตอยู่เรื่อย ๆ ให้ติดตามกันครับ

Juvelook ราคา
ราคา Juvelook
Sculptra ราคา
ราคา Sculptra

นอกจาก Juvelook และ Sculptra ยังมีอีกหลายหัตถการให้เลือกที่เหมาะกับปัญหาและสภาพผิว

  • Rejuran : ผิวแห้งกร้าน มีหลุมสิว ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • Gouri : ผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ มีริ้วรอยเหี่ยวย่น
  • Radiesse : ริ้วรอยร่องลึก ใบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด ผิวเหี่ยวย่น รูขุมขนกว้าง
  • Exosome : ริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยดำ รอยแดง หลุมสิว รูขุมขนกว้าง ใบหน้าหมองคล้ำ
  • Filler Skin Booster (ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว) : ผิวแห้ง ผิวโทรม มีริ้วรอยร่องตื้น รูขุมขนกว้าง เช่น Belotero Revive
  • Skinvive : ผิวแห้ง ขาดน้ำ แต่งหน้าไม่ติด เครื่องสำอางไม่เกาะหน้า
  • โบท็อก : นอกจากจะช่วยลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าแล้ว ยังช่วยให้รูขุมขนเล็กลงได้
  • เมโสหน้าใส : ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น รูขุมขนกว้าง
  • มาเด้คอลลาเจน : มีสิวเรื้อรัง ผดผื่น ผิวแพ้ง่าย มีฝ้า จุดด่างดำ หน้าหมองคล้ำไม่ขาวใส
  • ฉีดวิตามินผิวขาว : ผิวแห้งเสีย หมองคล้ำ ฝ้า กระ ผิวมัน รูขุมขนกว้าง ขาดการบำรุง

มั่นใจได้ครับว่าปัญหาของคนไข้จะได้รับการแก้ไขอย่างครอบคลุมและตรงจุดครับ

คลิกดูหัตถการที่สนใจเพิ่มเติม ด้านล่างนี้


สรุป Juvelook VS Sculptra เลือกอะไรคุ้มค่าที่สุด

  • ถ้าต้องการฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว แนะนำ Juvelook
  • ถ้าต้องการเพิ่มวอลลุ่มผิว ลดริ้วรอยลึก และต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน แนะนำ Sculptra

Juvelook และ Sculptra อาจจะมีคุณสมบัติที่คล้ายกัน ในเรื่องการฟื้นฟูผิว กระตุ้นคอลลาเจน แต่ตามที่หมอได้ให้ข้อมูลไปข้างต้น จะเห็นว่ามีหลายเรื่องที่มีความแตกต่างกันอยู่

ถ้าต้องเลือกเพียงอย่างเดียว ระหว่าง Juvelook VS Sculptra หมอแนะนำว่าให้ดูจากปัญหาที่ต้องการแก้ไขเป็นหลัก รวมถึงผลลัพธ์ที่ต้องการ หมอจะช่วยแนะนำหัตถการที่เหมาะสม แก้ปัญหาได้ตรงจุด หมอถือว่าคุ้มค่าที่สุดครับ


อ้างอิง :


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
ปรึกษาหมอ
บทความแนะนำ

เรื่องที่ควรรู้ ก่อนทำปากกระจับ เลือกวิธีไหนดี ให้ปากสวยอวบอิ่มเป็นธรรมชาติ

Reading Time: 5 minutes- ปากกระจับคืออะไร ? - ใครบ้างที่เหมาะกับการทำปากกระจับ ? - ทำปากกระจับมีวิธีไหนบ้าง ? - เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ ปากกระจับ - ทำปากกระจับ เสริมโหงวเฮ้งปาก

ทรงปากกระจับ มีลักษณะอย่างไร เหมาะกับใคร ? รูปปากแบบไหนเห...

Reading Time: 4 minutes- ทรงปากกระจับเหมาะกับคนไทยไหม ? - ปากกระจับเหมาะกับทรงปากแบบไหน ? - ทรงปากกระจับ มีลักษณะอย่างไร ? - วิธีการทำปากกระจับ - ฉีดปากกระจับ ราคาเท่าไหร่ ใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ร่องแก้มลึก ด้วยเทคนิคเฉพาะที่แตกต่าง...

Reading Time: 3 minutesฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ร่องแก้มลึก ด้วยเทคนิคเฉพาะที่แตกต่างในแต่ละเคส

ฟิลเลอร์ Restylane ดีไหม มีกี่รุ่นแต่ละรุ่นเหมาะกับส่วนไห...

Reading Time: 5 minutes- ฟิลเลอร์ Restylane ดีไหม มีคุณสมบัติอย่างไร? - ฟิลเลอร์ Restylane มีกี่รุ่น เหมาะกับส่วนไหน? - ฟิลเลอร์ Restylane ราคาเท่าไร? - ฟิลเลอร์ Restylane ของแท้ตรวจสอบอย่างไร? - ข้อห้ามและข้อปฎิบัติสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ Restylane

juvederm volite แตกต่างจากฟิลเลอร์รุ่นอื่นอย่างไร ? เหมาะ...

Reading Time: 3 minutes- juvederm volite คือ ? - juvederm volite แตกต่างจากฟิลเลอร์รุ่นอื่นอย่างไร ? - juvederm volite เหมาะกับใคร ? - juvederm volite ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ? - juvederm volite ราคาเท่าไหร่ ?

ฉีดฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดคาง แต่ละวิธี มีข้อดี-ข้อเสียอย่า...

Reading Time: 6 minutes- ฉีดฟิลเลอร์คาง คืออะไร ? - ฉีดฟิลเลอร์คาง ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? - ฟิลเลอร์คาง เหมาะกับใคร ? - ฉีดฟิลเลอร์คาง อันตรายไหม ? - ฟิลเลอร์คาง มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร ?

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า