คอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนยาน
คอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยาน เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยเมื่อเข้าสู่วัยกลางคนขึ้นไปครับ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพของผู้ประสบปัญหาเป็นอย่างมาก
หากต้องการแก้ไข คืนความอ่อนเยาว์ให้กับลำคอ ก็ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยานอย่างละเอียด ทั้งสาเหตุ ช่วงอายุที่มักเกิดปัญหาเสียก่อน เพื่อหาวิธีการรักษา-ป้องกัน รวมถึงหาเทคนิคการแก้ไขปัญหาแบบเร่งด่วนได้อย่างเหมาะสม
สารบัญ คอเหี่ยว
ลักษณะ คอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนยาน
คอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยาน เป็นปัญหาที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณคอ ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและหย่อนคล้อยลงมา ส่งผลให้เกิดริ้วรอยและรอยย่นบริเวณคอ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเสื่อมของผิวและวัยที่มากขึ้น
ปัญหาคอเหี่ยวนั้นสามารถสังเกตได้จากลักษณะดังต่อไปนี้
- ผิวหนังบริเวณคอมีความหย่อนคล้อย
- เกิดรอยพับหรือริ้วรอยบริเวณคอ
- ผิวบริเวณคอดูบางลงและขาดความกระชับ
- มีการสะสมของไขมันใต้คาง ทำให้เกิดคางสองชั้น
ลักษณะคอย่นและคอหย่อนยาน ที่เกิดขึ้นมักส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจของผู้ประสบปัญหา เนื่องจากบริเวณคอเป็นส่วนที่มองเห็นได้ชัดเจนและบ่งบอกถึงอายุได้อย่างชัดเจน หลายคนจึงพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยาน เพื่อคงความอ่อนเยาว์และความมั่นใจไว้ ส่วนจะมีวิธีไหนบ้าง มีข้อคำแนะนำไว้ช่วงท้ายบทความครับ
สาเหตุคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนยาน
ปัญหาคอเหี่ยว คอย่นเกิดจาก หลายปัจจัย หากเราทำความเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยาน จะช่วยให้เราสามารถหาวิธีป้องกันและรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
10 สาเหตุหลัก ที่ทำให้เกิดปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยาน
- อายุที่เพิ่มขึ้น : ถือเป็นสาเหตุหลักที่พบปัญหาคอย่น คอเหี่ยวครับ เพราะเมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ ส่งผลให้ผิวบริเวณคอเกิดความหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่น
- การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว : การลดน้ำหนักในปริมาณมากและเร็วเกินไป หรือการสลายไขมันบริเวณคอ เหนียง อาจทำให้ผิวหนังไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ส่งผลให้เกิดปัญหาคอเหี่ยวและคอหย่อนยาน
- การสูบบุหรี่ : สารพิษในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้นและเกิดปัญหาคอเหี่ยว
- การรับแสงแดดมากเกินไป : รังสี UV จากแสงแดดทำลายโครงสร้างของผิวหนัง ทำให้ผิวบริเวณคอเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- พันธุกรรม : บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาคอเหี่ยวและคอหย่อนยานได้ง่ายกว่าคนอื่นเนื่องจากพันธุกรรม
- ขาดการดูแลผิวที่เหมาะสม : การไม่ทำความสะอาดผิวและไม่บำรุงผิวบริเวณคออย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้ผิวแห้งและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ความเครียด : ความเครียดทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งส่งผลเสียต่อโครงสร้างของผิวหนัง ทำให้เกิดปัญหาคอเหี่ยวได้เร็วขึ้น
- โรคบางชนิด : โรคบางอย่าง เช่น โรคต่อมไทรอยด์ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาคอเหี่ยวและคอหย่อนยานได้
- การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป : การก้มหน้าดูโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อคอทำงานหนักและเกิดรอยย่นที่คอได้ง่าย
- ท่าทางการนอนที่ไม่เหมาะสม : การนอนในท่าที่กดทับบริเวณคอเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดรอยที่คอ และริ้วรอยบริเวณคอได้
คอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนยาน เกิดช่วงอายุเท่าไหร่ ?
จาก 10 สาเหตุหลักของปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยานที่กล่าวไป จะเห็นว่าอายุมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาคอเหี่ยว คอย่นได้มากที่สุด ยกตัวอย่าง
- ช่วงอายุ 30-40 ปี : ในช่วงนี้ ผิวเริ่มผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ทำให้เริ่มเห็นริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณคอ แต่ยังไม่ชัดเจนมาก
- ช่วงอายุ 40-50 ปี : ปัญหาคอเหี่ยวและคอย่นเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป : ปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยานมักเห็นได้ชัดเจนในช่วงนี้ เนื่องจากผิวสูญเสียความยืดหยุ่นมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม อายุที่เริ่มเกิดปัญหาคอเหี่ยวนั้นยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม การดูแลผิว และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำหรือการใช้ชีวิตที่ออกแดดเป็นประจำโดยไม่ได้ป้องกัน ก็จะเกิดปัญหาได้เร็วกว่าแม้จะอายุยังน้อยครับ ในขณะที่บางคนอาจยังไม่พบปัญหานี้แม้จะอายุมากกว่าก็ตาม
ดังนั้นหากใครที่ต้องการให้ผิวคอยังดูเรียบเนียน อ่อนเยาว์ ก็ควรการเริ่มดูแลผิวบริเวณคอตั้งแต่อายุยังน้อย จะช่วยชะลอการเกิดปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยานได้
วิธีการรักษาคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนยาน
คอเหี่ยว คอย่นทำไงดี ? เมื่อทราบสาเหตุปัญหา คอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนยาน ไปบ้างแล้ว คราวนี้มาถึงแนวทางการรักษาบ้างครับ สำหรับการรักษาปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยาน มีหลายวิธี ทั้งวิธีธรรมชาติและการรักษาทางการแพทย์ ดังนี้
- วิธีรักษาคอเหี่ยวแบบธรรมชาติ
- การบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ
- วิตามินซี : ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- เรตินอล : ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- กรดไฮยาลูโรนิก : ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
2. การนวดคอ/มาสก์คอ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ร่วมกับการใช้/มาสก์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติ เช่น อโลเวร่า น้ำผึ้ง หรือโยเกิร์ต เพื่อบำรุงผิวบริเวณคอให้ชุ่มชื้นและกระชับขึ้น
3.การออกกำลังกายกล้ามเนื้อคอและใบหน้า ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวดูตึงกระชับขึ้น
- วิธีรักษาคอเหี่ยวทางการแพทย์
- การทำทรีตเมนต์ด้วยเทคโนโลยีอัลตราซาวด์ (Ultrasound Therapy) เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน สามารถช่วยลดริ้วรอยบริเวณคอที่เหี่ยวย่น และยังเป็นวิธีลดเหนียงที่ได้รับความนิยม
- การทำทรีตเมนต์ RF (Radiofrequency) เป็นการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงเพื่อกระชับผิวและลดริ้วรอย
- การฉีดสารเติมเต็ม เพื่อช่วยเพิ่มปริมาตรให้กับผิวบริเวณคอ ทำให้ดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น
- การฉีดโบท็อก เพื่อลดการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคอ ทำให้ริ้วรอยลดลง
- การผ่าตัดยกกระชับคอ (Neck Lift) เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด แต่มีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายสูง
- การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Collagen Biostimulator เพื่อการสร้างคอลลาเจนใหม่เพื่อช่วยให้ผิวเต่งตึง
- เลเซอร์ (Laser Treatment) เป็นการใช้ความร้อนจากแสงเลเซอร์ลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ที่ใต้ผิว ทำให้ผิวกระชับ เรียบเนียนขึ้น
ส่วนจะเลือกวิธีรักษาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยานแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา อายุ และสภาพผิว รวมถึงความต้องการในการเห็นผลลัพธ์ของแต่ละบุคคล
รักษาคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนยานแบบเร่งด่วน
สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยานแบบเร่งด่วน สามารถปรึกษาแพทย์ แจ้งความต้องการ เพื่อให้แพทย์แนะนำหัตถการที่ให้ผลลัพธ์เร็วที่เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคลให้ซึ่งมีวิธีการดังต่อไปนี้
1. HIFU ยกกระชับผิวคอ แก้ปัญหาคอเหี่ยว คอหย่อนยาน
การทำ HIFU คอ หรือ การเทคโนโลยีอัลตราซาวด์ (Ultrasound Therapy) ยิงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ สามารถช่วยลดริ้วรอยบริเวณคอที่เหี่ยวย่นได้
Hifu เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคอเหี่ยวย่น มีรอยย่นที่คอตามอายุ หรือผู้ที่เคยไม่ไขมันแล้วไขมันหายไป ทั้งจากน้ำหนักตัวที่ลดลง หรือจากการฉีดเมโสแฟตเหนียง เพื่อสายไขมันบริเวณเหนียงและคอ
บทความแนะนำ
โดยเครื่อง Hifu ที่ได้รับความนิยม เป็นเครื่องได้มาตรฐาน ราคาไม่สูงมาก ได้แก่ เครื่อง Ultraformer III และ Ultraformer MPT เป็นนวัตกรรมช่วยลดความหย่อนคล้อยและช่วยให้ผิวเรียบเนียน ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นผลชัดเจนสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่วันแรกประมาณ 20% ครับ จากนั้นใน 2-3 เดือน จะค่อย ๆ เห็นผลชัดเจน หมอแนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก 3 หรือ 6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์
2. Ulthera ยกกระชับคอเหี่ยว
Ulthera หรือ Ulthera SPT เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวด์แบบเจาะจง ลงได้ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน (SMAS) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกกระชับผิว ยกกระชับใบหน้า รวมถึงลำคอ มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน จึงสามารถลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ลดริ้วรอย ใต้คาง ลำคอ เหนียง และช่วยเรื่องฟื้นฟูผิวและบริเวณเนินอกได้ให้ตึงกระชับได้เป็นอย่างดี
Ulthera เหมาะกับคนที่มีชั้นไขมันน้อย เน้นยกกระชับผิว แก้ปัญหาความหย่อนคล้อย คนไข้สามารถสัมผัสกับผลลัพธ์ได้เร็ว โดยสามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้ว่าผิวมีการยกกระชับขึ้นประมาณ 30% ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ จะค่อย ๆ เห็นผลขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณ 3 เดือน และคงผลลัพธ์ได้นาน 1 ปี ครับ
3.Thermage ยกกระชับผิวคอ ลดรอยย่นที่คอ คอเหี่ยว
การทำทรีตเมนต์ RF (Radiofrequency) ด้วยเครื่อง Thermage คือการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงเพื่อกระชับผิวและลดริ้วรอย ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นผลชัดเจน โดยหลังทำสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ถึง 20 % และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ 2-3 เดือน และจะเห็นผลยาวนาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการบำรุงผิวแต่ละบุคคล
คุณสมบัติพลังความร้อนของ Thermage สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ พร้อมทั้งสลายไขมันสะสมส่วนเกิน ทำให้ผิวแน่น กระชับ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
4.ฉีดโบท็อก บริเวณคอ ลดริ้วรอยบริเวณคอ
การฉีดโบท็อก บริเวณคอ ช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย ทำให้ผิวบริเวณคอดูเรียบเนียนขึ้นภายใน 3-4 วัน ครับ
การฉีดโบท็อกบริเวณคอ หรือการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า (บางคนเรียกการลิฟติ้งหน้า) เป็นการฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน ไปที่กล้ามเนื้อ Platysma บริเวณลำคอซึ่งเป็นกล้ามเนื้อส่วนที่ดึงผิวลง ทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไป กล้ามเนื้อส่วนนี้จะคลายตัวลง ทำให้ส่วนที่ดึงผิวขึ้นมีแรงมากกว่า
ผลที่ได้คือหน้ายกกระชับ ผิวบริเวณลำคอเรียบเนียนขึ้น ช่วยลดรอยย่น รอบพับบริเวณลำคอได้ โดยหลังฉีดโบท็อกจะเริ่มออกฤทธิ์หลังฉีด 3-4 วัน ก็จะเริ่มตึง โบท็อกแท้ตึงเต็มที่ประมาณ 1-2 อาทิตย์ และคงอยู่ได้นานประมาณ 4-5 เดือนครับ
5.ฉีดฟิลเลอร์ เติมเต็มร่องลึกบริเวณคอ แก้ปัญหาคอเหี่ยว
การฉีดฟิลเลอร์ หรือ ฟิลเลอร์คอ (Neck filler) คือการแก้ปัญหาเส้นแนวยาวตามลำคอด้วยการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิค เอซิด (Hyaluronic Acid / HA) เข้าไปเติมเติมเต็มผิวให้เรียบเนียน หลังฉีดร่องลึกบริเวณคอจะดูตื้นขึ้น ผิวคอดูตึงและเรียบเนียนขึ้นทันทีครับ
ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้โดยประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ/รุ่นฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ยี่ห้อที่นิยม เช่น Belotero Revive, Restylane Vital light และ Juvederm volite เป็นต้น
การฉีดฟิลเลอร์บริเวณคอ เหมาะกับผู้ที่ร่องแนวยาว หรือรอยพับเป็นชั้น ๆ ตามลำคอ ผิวหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น มีริ้วรอย สามารถแก้ปัญหาคอเหี่ยว คอย่น คอมีรอยพับได้เร็ว แต่ก็ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ผู้ฉีดรวมด้วย เพื่อให้ผิวคอดูเต่งตึงเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
6. ฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เพิ่มความเต่งตึงให้ผิวคอ
การฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเข้าผิวหนัง หรือ Collagen Biostimulator เป็นวิธีที่ดี ให้ผลลัพธ์ระยะยาว และเห็นผลรวดเร็วในการแก้ปัญหาคอเหี่ยว คอย่น ครับ
การฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ได้รับความนิยม คือการฉีด Sculptra หรือ Radiesse เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกายโดยตรง โดยจะเป็นการสร้างเนื้อเยื่อของเราจริง ๆ จึงช่วยแก้ไขปัญหาผิวที่เกิดจากการขาดคอลลาเจนได้อย่างเห็นผล
อย่างไรก็ตาม การรักษาแบบเร่งด่วนอาจในแต่ละเคสอาจใช้วิธีการที่ต่างกัน หรือทำหลายหัตถการควบคู่เพื่อให้ให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้นในระยะยาว และคุ้มค่ากับการลงทุน เบื้องต้นหมอแนะนำเข้ามาปรึกษาแพทย์โดยตรง เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคนครับ
วิธีการป้องกันคอเหี่ยว คอย่น คอหย่อนยาน
จากวิธีการรักษาที่หมอแนะนำไป เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยานไปพร้อม ๆ กัน เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความอ่อนเยาว์ของผิวบริเวณคอ โดยควรปฏิบัติดังนี้
- ทาครีมกันแดด : ปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของริ้วรอยและความหย่อนคล้อย โดยทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้อยู่ในร่ม
- บำรุงผิวบริเวณคออย่างสม่ำเสมอ : การทำมาสก์คอเป็นประจำ รวมถึงใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซี, เรตินอล, และกรดไฮยาลูโรนิก เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความชุ่มชื้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ : การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและมีสุขภาพดีจากภายใน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ : ทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว, ผลไม้ตระกูลเบอร์รี, ปลา, และถั่ว
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ : การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและการสร้างคอลลาเจน
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ : บุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์ : แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำและทำลายวิตามินที่จำเป็นสำหรับสุขภาพผิว
- นอนหลับให้เพียงพอ : การนอนหลับอย่างมีคุณภาพช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมเซลล์ผิว ควรนอนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
- จัดท่านอนที่เหมาะสม : ใช้หมอนที่รองรับคอได้ดีเพื่อลดการเกิดรอยย่นบริเวณคอ
- ลดการก้มหน้าดูโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต : การก้มหน้าเป็นเวลานานทำให้เกิดริ้วรอยบริเวณคอได้ง่าย ควรยกอุปกรณ์ขึ้นให้อยู่ในระดับสายตา
การป้องกันปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยาน ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความอดทน ผลลัพธ์ที่ดีจะเกิดขึ้นเมื่อคุณดูแลผิวบริเวณคออย่างต่อเนื่องและรักษาสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง
สรุป ปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยาน แก้ไขได้
ปัญหาคอเหี่ยว คอย่น และคอหย่อนยาน สามารถป้องกันและรักษาได้ สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วน มีทางเลือกหลายอย่างตามกล่าวไป เช่น HIFU,การฉีดโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ ส่วนจะเลือกวิธีไหน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม การป้องกันถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความอ่อนเยาว์ของผิวบริเวณคอ โดยเริ่มจากการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ทาครีมกันแดด หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ก็จะช่วยชะลอการเกิดปัญหาคอเหี่ยวย่น ผิวหย่อนคล้อยในระยะยาวได้ครับ