เมโสหลุมสิว ตัวช่วยปรับผิวหน้า
ปัญหาหลุมสิว เป็นปัญหาที่พบได้มากในผู้ที่มีปัญหาสิวโดยเฉพาะสิวอักเสบ แม้สิวจะหายแล้ว แต่กลับทิ้งร่องรอยเอาไว้ ซึ่งปัจจุบันวิธีการรักษาหลุมสิวมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาครับ โดย “เมโสหลุมสิว” แม้จะเป็นหนึ่งในวิธีรักษาหลุมสิว และช่วยปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนมากขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับปัญหาหลุมสิวทุกแบบ
เมโสหลุมสิว เหมาะกับหลุมสิวแบบใด ช่วยปรับสภาพผิวได้อย่างไร ? มีขั้นตอนการรักษา การเตรียมตัวอย่างไร ? สามารถศึกษาข้อมูลได้จากบทความนี้ครับ
สารบัญ เมโสหลุมสิว
เมโสหลุมสิว คืออะไร ?
เมโสหลุมสิว คือ วิธีการรักษาหลุมสิว (Atrophic Scars) ด้วยเทคโนโลยีเมโสบำบัด (Mesotherapy) ซึ่งเป็นเทคนิคการฉีดสารบำรุงผิวเข้าไปในชั้นผิวโดยตรง เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวหนังบริเวณที่เป็นหลุมสิวค่อย ๆ ฟื้นตัวและเต็มขึ้นจนกลับมาเรียบเนียนใกล้เคียงผิวปกติ
โดยตัวยาเมโสที่ใช้ฉีดแก้ปัญหาหลุมสิว มักจะประกอบไปด้วย Hyaluronic acid (HA), Polydeoxyribonucleotide (PDRN), วิตามิน, แร่ธาตุ, กรดอะมิโน เปปไทด์ และสารสกัดจากธรรมชาติต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงผิว
หลุมสิว เกิดจากอะไร ?
อย่างที่หมอเกริ่นไว้ในตอนต้นว่า เมโสหลุมสิว สามารถรักษาหลุมสิวได้ แต่ไม่ใช่กับปัญหาหลุมสิวทุกชนิด เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น หมอขออธิบายเกี่ยวกับสาเหตุการเกิดหลุมสิว และชนิดของหลุมสิวก่อนว่าแบบไหนที่เมโสหลุมสิว สามารถแก้ไขได้
หลุมสิวเกิดจากอะไร ?
หลุมสิวมักเกิดขึ้นหลังจากที่เป็นสิว โดยเฉพาะสิวอักเสบรุนแรง สิวหัวช้าง เป็นการอักเสบลึกใต้ผิวหนัง ทำให้เนื้อเยื่อผิวหนังถูกทำลาย เมื่อสิวยุบตัวลงจึงทิ้งร่องรอยเป็นหลุมบุ๋มลึกลงไปในผิว บางครั้งหลุมสิวอาจเกิดจากการแกะเกาสิวและติดเชื้อ หรือเกิดจากการใช้ยารักษาสิวบางชนิดที่ระคายเคืองผิวมากเกินไปก็ได้
หลุมสิวมีกี่ประเภท ?
หลุมสิวสามารถแบ่งได้หลายประเภทตามลักษณะและความรุนแรง ได้แก่
- หลุมสิวตื้น (Shallow acne scars): เป็นหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก มักเกิดจากสิวอุดตัน รอยดูตื้นและกว้าง สามารถรักษาได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น เลเซอร์ หรือ สารเคมีลอกผิว
- หลุมสิวลึก (Deep acne scars): มีลักษณะเป็นหลุมลึก เกิดจากสิวอักเสบรุนแรง การรักษาทำได้ยากกว่า อาจต้องใช้การผ่าตัด เช่น punch excision
- หลุมสิวแบบ Rolling scars: ผิวหนังมีลักษณะเป็นคลื่น ขรุขระ รอยมักกว้างและตื้น การรักษาอาจใช้เลเซอร์ชนิด fractional laser
- หลุมสิวแบบ Boxcar scars: มีลักษณะเป็นหลุมสี่เหลี่ยม ขอบชัดเจน ก้นหลุมค่อนข้างแบน การรักษาอาจต้องใช้การผ่าตัด punch elevation
- หลุมสิวแบบ ice pick scars: หลุมมีลักษณะแคบลึก คล้ายรอยแทงของก้านไอติม รักษายากที่สุด วิธีการรักษาที่ได้ผลคือ punch excision
สำหรับ เมโสหลุมสิว จะเหมาะกับหลุมสิวที่ไม่ลึก มีรอยสิวตื้น ๆ และมีปริมาณไม่มากเท่านั้น โดยตัวยาเมโสหลุมสิวจะเข้าไปฟื้นฟู และซ่อมแซมผิวระดับเซลล์ ผิวจึงดูเรียบเนียนมากขึ้น ส่วนการรักษาหลุมสิวประเภทอื่น หมอจะอธิบายเพิ่มเติมในหัวข้อถัดไป ครับ
หลุมสิว ใช้อะไรรักษาได้บ้าง ?
การรักษาหลุมสิววิธีอื่น ๆ นอกจากเมโสหลุมสิวมีดังนี้
1. การใช้ครีมและยาทา เหมาะกับหลุมสิวตื้น ๆ
- Retinoids: ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดการอักเสบ และลดการสะสมของเม็ดสี วิธีใช้คือ ทาบาง ๆ บนผิวที่สะอาดก่อนนอน ควรใช้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และค่อย ๆ เพิ่มความถี่
- กรดวิตามินซี: ช่วยเร่งการหลุดลอกของผิว ลดรอยสิว และหลุมสิวได้ระดับหนึ่ง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระจ่างใส วิธีใช้คือทาเซรั่มหรือครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของวิตามินซีเข้มข้นอย่างน้อย 10% เช้า-เย็น
2. ทำทรีตเมนต์หลุมสิว เหมาะกับหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก
- ทำพีลลิ่ง
- มาส์กหน้า
จุดประสงค์เพื่อผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ เพื่อทำให้ผิวเรียบเนียน
3. เลเซอร์หลุมสิว เหมาะกับหลุมสิวตื้น ๆ ไปจนถึงหลุมสิวระดับกลาง-ลึก
การทำเลเซอร์เป็นการใช้พลังงานเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเติมเต็มหลุมสิว โดยกลุ่มเลเซอร์หลุมสิวที่นิยม เช่น Fractional Co2 Laser, Fraxel, Fine Scan, Fractional, e-matrix และ Pico Laser ที่สามารถปรับค่าพลังงานให้เหมาะกับลักษณะหลุมสิวแต่ละประเภทได้
หลังทำ ช่วยให้ผิวเรียบเนียน หลุมสิวตื้นขึ้น โดยในขั้นตอนการทำส่วนใหญ่จะต้องทำหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 3-5 ครั้ง ขึ้นไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
4. ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เหมาะสำหรับรอยสิวตื้นและความลึกปานกลาง
การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เป็นการใช้ สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA ฉีดลงไปใต้ผิวหนังเพื่อเติมหลุมสิวให้ตื้นขึ้น แพทย์จะใช้เข็มฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในหลุมสิว ด้วยคุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่ช่วยเติมเต็ม ก็จะช่วยทำผิวกลับมาเรียบเนียน
ในกรณีที่มีปัญหาหลุมสิวแบบ Box Scar และ Rolling จะต้องฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ร่วมกับการทำ Subcision หรือ การตัดพังผืดที่ดึงรั้งผิวออกเพื่อทำให้ชั้นใต้ผิวเกิดช่องว่าง (ขั้นตอน:ฉีดยาชาเฉพาะที่ ใช้เข็มสอดเข้าไปตัดเส้นใยใต้ผิว ) ที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ เข้าไปได้ หลังฉีดหลุมสิวจะตื้นขึ้นทันทีประมาณ 70% เห็นผลเต็มที่ใน 1-2 สัปดาห์
5. การผ่าตัดรักษาหลุมสิว
การผ่าตัดหลุมสิว จะเหมาะกับปัญหาหลุมสิว Ice Pick Scar (หลุมสิวระดับรุนแรง) ที่มีขนาดความกว้างไม่เกิน 3 มม. เป็นการผ่าตัดยกหลุมสิวให้เสมอกับผิวปกติ ที่ต้องอาศัยความชำนาญและความพิถีพิถันของแพทย์เป็นอย่างมากในการตัดหลุมสิวแล้วเย็บปิดด้วยไหมขนาดเล็ก เมื่อครบ 1 สัปดาห์คนไข้จะต้องกลับมาตัดไหมออก หลังจากผ่าตัดเย็บหลุมสิว จะมีรอยผ่าตัดเป็นเส้นตรง ต้องใช้เวลา 1-2 เดือน เพื่อรอให้ผิวหนังสมานเป็นเนื้อเดียวกัน
เมโสหลุมสิวทำงานอย่างไร ?
สำหรับการรักษาหลุมสิว ด้วยการฉีดเมโสหลุมสิว เป็นการรักษาที่อาศัยหลักการของเมโสบำบัด (Mesotherapy) หรือการนำส่งสารอาหารที่จำเป็นต่อผิวหนังไปยังชั้นผิวโดยตรง โดยใช้เข็มขนาดเล็กฉีดสารเข้าไปในชั้นหนังแท้ (dermis) รอบ ๆ บริเวณหลุมสิวในปริมาณเล็กน้อยหลายจุด ทำให้สารอาหารซึมผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงผิวหนังได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ที่อยู่ใต้หลุมสิว
โดยตัวยาที่เป็นสารสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูผิว ได้แก่ Hyaluronic acid (HA), Polydeoxyribonucleotide (PDRN), Polynucleotide (PN) ,Growt factors , argililine,คอลลาเจน, วิตามิน แร่ธาตุ และสารสกัดจากธรรมชาติที่มีสมบัติในการกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนและอิลาสตินชนิดใหม่ขึ้นมาแทนที่เนื้อเยื่อผิวหนังที่เสียหายไป เช่น ตัวยาฉีดเมโสหลุมสิวในกลุ่ม
- Made Collagen
- Neo-Glutanex Glow
- Filorga /Revs
- Rejuran
หลังฉีดช่วยทำให้ผิวหนังสามารถฟื้นกลับมามีความแข็งแรง มีความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นดีดังเดิม แต่จะเหมาะกับคนที่มีหลุมสิวตื้น ๆ และมีปริมาณไม่มากเท่านั้น เมื่อทำซ้ำหลายครั้งเป็นประจำ หลุมสิวจะค่อย ๆ ตื้นขึ้นและผิวเรียบเนียนขึ้น รวมถึงช่วยลดรอยดําจากสิวได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังสามารถทำร่วมกับตัวยาในกลุ่มที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อย่าง exosome ที่มีสมบัติช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเซล์ผิวให้เรียบเนียน ซึ่งมีงานวิจัยจาก Lab ที่ประเทศเกาหลี พบว่าการใช้ exsosome ร่วมกับการทำเลเซอร์ ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น ใช้ได้กับหลุมสิวทุกประเภท ทั้ง Ice pick scar, Box scar และ Rolling scar แต่ที่ชัดเจนที่สุด คือ หลุมสิวแบบ Rolling scar (หลุมสิวระดับทั่วไป)
เมโสหลุมสิวช่วยอะไรได้บ้าง ?
เมโสหลุมสิวสามารถช่วยฟื้นฟูผิวที่มีปัญหาหลุมสิวได้หลายประการ ดังนี้
- ช่วยเติมเต็มร่องหลุมสิวให้ตื้นขึ้น ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
- เพิ่มการไหลเวียนของเลือดมาเลี้ยงผิวบริเวณหลุมสิว ช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ดีขึ้น
- ลดการอักเสบและการติดเชื้อที่อาจเกิดตามมาหลังจากเป็นสิว
- ช่วยปรับสมดุลให้ผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่ม สีผิวสม่ำเสมอ ดูมีออร่า
- ช่วยให้รอยแผลเป็นจากสิวจางลง ด้วยการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าและสร้างเซลล์ผิวใหม่
การเตรียมตัวก่อนทำเมโสหลุมสิว
ก่อนทำเมโสหลุมสิว ควรปฏิบัติดังนี้เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมในการทำ
- หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีแรง ๆ เช่น กรดวิตามินเอ, เรตินอล ก่อนทำอย่างน้อย 3-7 วัน
- งดแสงแดด งดออกกำลังกายหนัก และงดดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนทำ 1 สัปดาห์
- คนไข้สามารถแต่งหน้ามาได้ เพราะทางคลินิกจะมีการทำความสะอาดผิวก่อนฉีดทุกครั้ง
- แจ้งแพทย์ให้ทราบหากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยาชนิดใด
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารและดื่มน้ำให้ครบ เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการฟื้นฟูผิว
ขั้นตอนการทำเมโสหลุมสิว
การทำเมโสหลุมสิว ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ทำความสะอาดผิวหน้า
- ฉีดตัวยาเมโสยี่ห้อที่เหมาะกับสภาพผิว
- ระหว่างฉีด อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่จะมีการประคบเย็นรวมถึงแปะยาชาก่อนฉีด
การดูแลหลังเมโสหลุมสิว
หลังทำเมโสหลุมสิวเสร็จ ให้ปฏิบัติตามนี้เพื่อช่วยให้ผิวหายเร็วและไม่เกิดผลข้างเคียง
- ไม่ควรนวดผิวบริเวณที่ทำทันที เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
- งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน เพื่อหลีกเลี่ยงการอักเสบของผิว
- หลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เมื่อต้องออกแดด
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรอ่อนโยนระหว่างวัน และทาครีมบำรุงเข้มข้นทิ้งไว้ข้ามคืน
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์หรือสารเคมีที่ระคายผิว
- ดื่มน้ำมาก ๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารมีประโยชน์ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
- งดอาหารหมักดอง ของทอด ของมัน อาหารรสจัด อาหารที่มีไขมันหรือน้ำตาลสูง เนื่องจากอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดการอักเสบของผิว เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวและหลุมสิว
- ควรล้างหน้าให้สะอาดอย่างถูกวิธี เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกและขจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ปรับสมดุลผิว ช่วยลดสิวอุดตัน และสิวอักเสบที่ทำให้เกิดหลุมสิวครับ
- กลับไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผล และทำซ้ำในรอบต่อไป
เมโสหลุมสิว กี่วันเห็นผล ?
ในช่วงประมาณ 3 วันหลังฉีดเมโสหลุมสิว จะรู้สึกว่าใบหน้าอิ่มฟู รูขุมขนกระชับ ผิวหน้าเรียบเนียนดีขึ้น และจะเห็นผลมากขึ้น ใน 7-14 วัน โดยสังเกตได้จากหลุมสิวที่ตื้นขึ้น ผิวเนียนขึ้น และสีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมักเกิดหลังทำไปแล้วประมาณ 2-3 เดือน
อย่างไรก็ตาม ผลที่ได้รับอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สภาพผิว ความลึกของหลุมสิว การปฏิบัติตัวและดูแลผิวอย่างถูกวิธี เป็นต้น สิ่งสำคัญคือต้องทำอย่างสม่ำเสมอ อดทน และให้เวลาผิวค่อย ๆ ฟื้นฟูตัวเอง ไม่ควรหวังผลเร็วจนเกินไปครับ
เมโสหลุมสิวต้องทำกี่ครั้ง ?
จำนวนครั้งในการทำเมโสหลุมสิวที่แนะนำ คือประมาณ 5-8 ครั้ง โดยทำห่างกันครั้งละ 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของหลุมสิว สภาพผิว และการตอบสนองของผิวต่อการรักษา
- กรณีเป็นหลุมสิวตื้นและไม่มาก อาจทำ 5-6 ครั้ง
- หากเป็นหลุมสิวลึก มีจำนวนมาก หรือมีผิวค่อนข้างบอบบาง ที่ต้องค่อย ๆ ทำทีละน้อย หรือทำร่วมกับหัตถการอื่น ตามคำแนะนำของแพทย์
สรุปเมโสหลุมสิวดีไหม ?
เมโสหลุมสิวเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาปัญหาหลุมสิว ข้อดีคือ ทำได้ง่าย ไม่เจ็บ ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น และมีความปลอดภัยสูง เมื่อทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้ตัวยาเมโสหลุมสิวที่ได้มาตรฐาน ก็จะสามารถช่วยฟื้นบำรุงผิว ปรับสมดุล และลดเลือนหลุมสิวจากสาเหตุต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกข้อดีของการทำเมโสหลุมสิว คือ สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพส่งผลให้ผลลัพธ์ในการรักษาหลุมสิวดียิ่งขึ้น ทั้งนี้การรักษาหลุมสิว ด้วยเมโสหลุมสิว รวมถึงหัตถการอื่น ๆ ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และให้ผลดีที่สุดเมื่อทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ร่วมกับการดูแลผิวที่ถูกวิธีครับ