หน้ามัน
ผิวหน้ามัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาผิวมากมายไม่ว่าจะหน้าโทรม ผิวหน้าหมองคล้ำ รวมถึงปัญหาสิวต่าง ๆ ซึ่งเป็นลักษณะผิวที่พบได้มากในคนไทย เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศที่ร้อนชื้น โดยสภาพอากาศก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้ามันได้ครับ
บทความนี้หมอจะอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดหน้ามัน ลักษณะของผิวหน้ามันเป็นแบบใด ? ทำให้เกิดสิวได้อย่างไร ? มีวิธีรักษาหน้ามันและป้องกันได้อย่างไรได้บ้าง ? รวมถึงสิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับผิวหน้ามัน
สารบัญ หน้ามัน
หน้ามัน คืออะไร ?
หน้ามัน (Oily skin) คือ สภาพผิวที่ต่อมไขมันใต้ผิวทำงานมากเกินไป โดยปกติแล้วตามกลไกของร่างกายจะมีต่อมไขมันใต้ผิวหนัง (Sebaceous gland) ที่มีหน้าที่ในการหลั่งไขมันที่ชื่อว่า ซีบัม (Sebum) ออกมาเพื่อหล่อเลี้ยงให้ผิว เส้นผม และขนมีความชุ่มชื้น
แต่ในคนที่มีปัญหาหน้ามัน เกิดจากการที่ต่อมไขมันทำงานมากผิดปกติ มีการผลิต Sebum ออกมาเคลือบผิวหน้าเกินความจำเป็น เป็นผลให้ผิวหน้ามีความมันมากจนกลายเป็นปัญหาผิวตามมาไม่ว่าจะเป็น สิวอุดตัน สิวอักเสบ ตุ่มไขมันที่หน้าหรือต่อมไขมันโตผิดปกติ
ลักษณะของผิวหน้ามัน
คนที่มีผิวหน้ามัน ลักษณะผิวหน้าคล้ายมีน้ำมันเคลือบผิวอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะเพิ่งล้างหน้าแต่ผิวก็กลับมามันได้เร็วภายใน 1-2 ชั่วโมง โดยผิวจะดูมันวาว เยิ้มทั่วใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณ T-zone (หน้าผาก จมูก และคาง) และมีรูขุมขนกว้างเห็นได้ชัดเจน
ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูหมองคล้ำ รวมถึงมักมีปัญหาสิวประเภทต่าง ๆ ร่วมด้วย การมีผิวหน้ามันจึงเป็นผิวที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
“ ข้อควรรู้ : บางคนอาจเข้าใจผิดระหว่างผิวหน้ามัน และผิวผสมครับ โดยผิวผสมคือ สภาพผิวที่มีทั้งส่วนที่มันและส่วนที่แห้งอยู่ด้วยกัน ซึ่งจะมันเฉพาะบริเวณ T-zone ส่วนผิวบริเวณแก้มจะแห้งเป็นปกติ ไม่ได้มันไปทั่วใบหน้าเหมือนกับคนที่มีผิวมันครับ ”
หน้ามัน เกิดจากอะไร ?
หน้ามันเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ ทั้งจากปัจจัยภายในร่างกาย กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันล้วนส่งผลให้เกิดปัญหาหน้ามันได้
- กรรมพันธุ์ ผิวหน้ามัน รูขุมขนกว้าง สามารถสืบทอดได้จากรุ่นสู่รุ่น ถ้าหากคนในครอบครัว พ่อแม่ ปู่ย่า ญาติ มีผิวหน้ามัน ก็มีโอกาสสูงที่ลูกหลานจะมีผิวหน้ามันได้เช่นกัน
- ฮอร์โมน เกิดจากร่างกายมีฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน (Androgen) หรือมีภาวะฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) มาก มีส่วนทำให้ร่างกายกระตุ้นการผลิตไขมันส่วนเกินในต่อมไขมันออกมามากเกินไป เป็นผลให้มีผิวหน้ามัน และเกิดสิวฮอร์โมนได้ครับ ซึ่งสาเหตุนี้จะพบได้มากในวัยรุ่น
- สภาพอากาศ การอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ร่างกายจึงต้องปรับสมดุลของอุณหภูมิในร่างกายด้วยการขับเหงื่อและน้ำมันออกมามาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้ามันและเกิดสิวผดได้
- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การรับประทานอาหารประเภทของมัน ของทอด ที่มีไขมันสูง หรือผลิตภัณฑ์จากนม ชีส ของหวานที่มีน้ำตาลสูง สามารถกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันให้ผลิตไขมันออกมามากยิ่งขึ้น
- ความเครียด ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการผลิตไขมันมากขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้ามันเป็นสิว หน้าหมองคล้ำ หน้าโทรม
- ผิวขาดความชุ่มชื้น ปกติแล้วร่างกายผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น แต่ถ้าหากผิวขาดความชุ่มชื้นมาก ร่างกายก็จะยิ่งผลิตไขมันออกมามากตาม ทำให้เกิดเป็นผิวหน้ามันแทนครับ
หน้ามัน ทำให้เกิดสิวไหม ?
การมีผิวหน้ามันทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดสิวได้ง่ายมากกว่าปกติ เรียกได้ว่าหน้ามันกับสิวเป็นของคู่กันเลยครับ เกิดจากการที่ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามาก รูขุมขนเกิดการขยายตัว ทำให้มีสิ่งสกปรก เชื้อแบคทีเรียเข้าไปอุดตันที่รูขุมขนได้ง่าย
ยิ่งถ้าหากไม่ได้มีการรักษาหรือดูแลผิวให้สะอาด ร่วมกับทำพฤติกรรมที่กระตุ้นการเกิดสิว อาจทำให้เกิดปัญหาสิวตามมา โดยเฉพาะสิวอุดตัน สิวอักเสบ
- สิวอุดตัน มีลักษณะเป็นตุ่มนูน แข็ง เป็นไตบนผิว หรืออาจเห็นเป็นลักษณะของสิวเสี้ยนอุดตันเม็ดเล็ก ๆ เช่น สิวหัวดำ สิวไม่มีหัว
- สิวอักเสบ เป็นสิวที่พัฒนามาจากสิวอุดตัน แบ่งได้หลายลักษณะอย่างเช่น สิวหัวช้าง สิวหัวหนอง สิวซีสต์ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อมไขมัน (sebaceous) พบได้ในบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น สิวที่หน้าผาก สิวที่แก้ม สิวที่คาง และ สิวที่หลัง เป็นต้น
ทั้งนี้ นอกจากความมันแล้ว สิวยังเกิดได้จากอีกหลายสาเหตุ หากเริ่มมีปัญหาสิว ควรรีบหาสาเหตุและวิธีการรักษาสิว เพื่อป้องกันการลุกลามไม่ให้เกิดปัญหาสิวที่รุนแรง โดยถ้าหากปล่อยไว้หรือไม่ได้รับการรักษาที่ตรงจุด อาจทำให้ในอนาคตเกิดรอยแผลเป็น รอยดำ หรือหลุมสิวลึกตามมาได้ครับ
สำหรับใครที่อยากรู้ต้นตอของปัญหาสิวและวิธีป้องกันปัญหาสิว หมอได้เขียนไว้แล้วที่บทความ สิวเกิดจากอะไร รู้จักสิวให้มากขึ้น วิธีทำให้สิวหายขาด ป้องกันปัญหาสิวใหม่
หน้ามันมาก มีวิธีลดหน้ามันไหม ?
หน้ามันแก้ยังไง มีวิธีลดหน้ามันไหม ? ปัจจุบันมีหลายวิธีครับที่สามารถช่วยลดปัญหาหน้ามันได้ ในคนที่หน้ามันไม่มาก อาจลองรักษาด้วยตนเองก่อน เช่น การเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้หน้ามันมากขึ้น ปรับเปลี่ยนสกินแคร์ที่ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิว
แต่ถ้าหากมีปัญหาหน้ามันในระดับมาก หน้ามันตลอดเวลา จนทำให้เสียความมั่นใจ หรือหน้ามันเป็นสิวในระดับรุนแรง อาจเข้ามาปรึกษาแพทย์และแก้ปัญหาร่วมกับหัตถการความงาม เพื่อการรักษาหน้ามันที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลได้เร็วมากขึ้น
วิธีรักษาหน้ามัน
ในบทความนี้หมอขอแนะนำวิธีรักษาหน้ามันด้วยหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมในตอนนี้ มีด้วยกัน 7 วิธีครับ ได้แก่
1. รักษาหน้ามันด้วยการฉีดเมโสหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใส (Mesotherapy) เพื่อรักษาหน้ามัน คือ การทำทรีตเมนต์บำรุงผิวด้วยการฉีดสารสกัดจากคอลลาเจน วิตามิน แร่ธาตุ เข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ช่วยให้ต่อมไขมันทำงานน้อยลง เป็นผลให้หน้ามันลดลง รูขุมขนเล็กลงตาม ใบหน้าดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น
การฉีดเมโสหน้าใส มีหลายสูตรหลายยี่ห้อให้เลือก โดยจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันตามปัญหาผิว
- Tensonez ผิวขาวใส ลดฝ้า
- Neo-Glutanex Glow กระ รอยสิว ลดริ้วรอย ผิวแห้งกร้าน
- Filorga ช่วยผิวขาวใส ลดฝ้า ช่วยบำรุงผิวล้ำลึก
- Alpha arbutin เน้นลดฝ้าโดยตรง
ถ้าต้องการรักษาหน้ามัน เลือกฉีดเมโสหน้าใสยี่ห้อไหนดี ? ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ประเมินเป็นรายเคสไป เพราะแต่ละคนมีสภาพผิวที่ต่างกัน และอาจมีปัญหาผิวอื่น ๆ ร่วมด้วย จึงควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินและปรับสูตรเมโสให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละคนมากที่สุด
เมโสหน้าใส เป็นวิธีที่ช่วยลดหน้ามันได้อย่างเร่งด่วน เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลไว ไม่มีเวลาพักฟื้น เพราะการฉีดเมโสหน้าใส ผลข้างเคียงน้อย อาจมีรอยเข็ม อาการบวม ซึ่งหายได้เอง 1-3 วัน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติได้ทันทีหลังทำ
การฉีดเมโสหน้าใส ราคาคุ้มค่ากับระยะเวลาที่ใช้ในการเห็นผลครับ โดยเริ่มเห็นผลได้ใน 1 สัปดาห์หลังทำ และผลลัพธ์จากการฉีดเมโสหน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีด แนะนำให้ฉีดอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนแรกเพื่อคงสภาพผิวไว้
ทั้งนี้ควรเลือกฉีดเมโสหน้าใสกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและความปลอดภัย โดยสามารถดูวิธีเลือกคลินิกที่ปลอดภัยได้ที่ ฉีดเมโสหน้าใส ที่ไหนดี
2. รักษาหน้ามันด้วย มาเด้ คอลลาเจน
มาเด้คอลลาเจน (MADE collagen) จัดเป็นหนึ่งในยี่ห้อเมโสหน้าใสจากประเทศอิตาลีครับ มีการใช้เทคนิคการฉีดแบบ 16 จุด ตามการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง และคุณสมบัติของตัวยาจะเน้นไปในเรื่องของการขับสารพิษ ลดผิวอักเสบ ให้ผิวมีสุขภาพดี เหมาะกับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย ผิวมัน มีรูขุมขนกว้าง เกิดปัญหาสิวบนใบหน้าอยู่บ่อย ๆ
การฉีดมาเด้คอลลาเจนสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำว่าผิวมีสุขภาพดี ชุ่มชื้นขึ้น หน้ามันน้อยลง โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน ดังนั้นจึงควรทำต่อเนื่องอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ และฉีดติดต่อกัน 5 ครั้งขึ้นไป จะทำให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและเป็นการคงสภาพผิวที่ดีไว้
3. รักษาหน้ามันด้วยการฉีด Rejuran
การฉีดรีจูรัน (Rejuran) จัดอยู่ในกลุ่มการฉีดเมโสหน้าใสเช่นกันครับ เป็นการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวด้วยการฉีดตัวยาที่มีสารประกอบหลักจาก Polynucleotide (โพลีนิวคลีโอไทด์) บริสุทธิ์ เข้มข้น 2% สกัดจากชิ้นส่วน DNA Salmon ที่อยู่ในทะเลธรรมชาติ มีความคล้ายคลึงกับ DNA มนุษย์ถึง 98 %
การฉีดรีจูรัน จะนำมาฉีดเข้าสู่ชั้นหนังแท้โดยตรง สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ดูโกลว์ ฉ่ำวาว เรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับ หน้ามันลดลง ทั้งยังช่วยรักษาหลุมสิวที่ขนาดไม่เกิน 4-5 มม. ให้ตื้นขึ้นได้ โดยสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ใน 3-5 วันหลังฉีดครั้งแรก การฉีดรีจูรันจะแนะนำให้ทำการรักษา 4 ครั้ง ห่างกัน 2-3 สัปดาห์ จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในทุก ๆ ด้านครับ
4. รักษาหน้ามันด้วยการฉีดวิตามินผิว
การฉีดวิตามินผิว คือ การฉีดตัวยาที่มีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ เช่น Vit C, Vit B, NAC, Amino, Antioxidant หรือ Collagen เข้าไปในผิวผ่านการฉีดเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินได้มากขึ้น เป็นการเสริมภูมิคุ้มกันให้ผิวแข็งแรง ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวดูขาว กระจ่างใส ลดหน้ามัน หน้าหมองคล้ำได้ครับ
การฉีดวิตามินผิว ราคาไม่แพงมาก เห็นผลได้ไวกว่าการรับประทานยาหรือการทาครีม และสามารถทำได้เรื่อย ๆ เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ผิวมีปัญหาแต่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง หรือต้องการฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน โดยจะฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผลชัดเจน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ วิตามินผิว กี่ครั้งเห็นผล อยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานมีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร
5. รักษาหน้ามันด้วยการทำ Thermage
หลายคนอาจยังไม่ทราบครับว่า การทำเทอร์มาจ (Thermage) นอกจากจะช่วยกระชับผิว สลายไขมัน ลดริ้วรอยได้แล้ว ยังสามารถช่วยลดหน้ามันได้จากกระบวนการทำงานในการยกกระชับผิว
การทำเทอร์มาจ คือ การยกกระชับผิวด้วยการส่งพลังงานความร้อนด้วยการใช้คลื่นเสียงวิทยุ (Monopolar RF) ยิงลงสู่ผิวชั้นบนได้จนถึงชั้นไขมัน โดยสามารถช่วยฟื้นฟูผิวชั้นหนังกำพร้าด้านบนสุดให้เรียบเนียน กระชับรูขุมขนกว้าง ปัญหาผิวหน้ามันจึงลดลงได้ครับ
ทั้งนี้การทำ Thermage มีราคาที่ค่อนข้างสูง จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับผิว สลายไขมันอยู่แล้ว และมีปัญหาหน้ามันร่วมด้วย การทำเทอร์มาจจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุม และคุ้มค่าคุ้มราคาครับ
6. รักษาหน้ามันด้วยการฉีดโบท็อก
การฉีด botox สามารถช่วยลดหน้ามันได้ด้วยการฉีดโบท็อกรูขุมขน หรือที่เรียกว่าโบท็อกหน้าใส โดยหมอจะทำการฉีดโบท็อกไปยังกล้ามเนื้อบริเวณต่อมไขมัน เพื่อลดขนาดของต่อมไขมันให้หดตัวลง เป็นผลให้มีการผลิตไขมันน้อยลง รูขุมขนกว้างมีขนาดเล็กลง ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น หน้ามันน้อยลง
โบท็อกกระชับรูขุมขน เป็นวิธีรักษาหน้ามันที่เห็นผลได้ค่อนข้างเร็ว โดยจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ใน 2-3 วันหลังฉีดว่าผิวเริ่มกระชับ รูขุมขนตื้นขึ้น ผิวหน้ามันลดลง และจะเห็นผลเต็มที่ใน 1 สัปดาห์ ส่วนผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่ใช้และการดูแลตัวเองหลังฉีด
7. รักษาหน้ามันด้วยการฉีด Belotero Revive
อีกหนึ่งวิธีแก้หน้ามันที่ได้รับความนิยม คือ การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิวด้วย Belotero Revive ที่มีการผสมผสาน HA และกลีเซอรอลเข้าด้วยกัน ช่วยบำรุงผิวให้ผิวมีความชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำจนทำให้เกิดปัญหาหน้ามัน
หลังฉีด Belotero Revive จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกครับว่าผิวดูชุ่มชื้น อิ่มน้ำขึ้น โดยจะเห็นผลได้ชัดเจนที่สุดประมาณ 3 เดือน
ในคนที่มีปัญหาผิวระดับมาก ผิวแห้งมาก หน้ามันมาก แนะนำให้ฉีดต่อเนื่องทุก 1 เดือนเป็นเวลา 3 เดือนเพื่อปรับสภาพผิวก่อน จากนั้นผิวจะคงสภาพได้ 6-9 เดือนครับ
วิธีแก้หน้ามันแบบธรรมชาติ
นอกจากหัตถการความงามแล้ว ยังมีวิธีแก้หน้ามันแบบธรรมชาติ ราคาประหยัด ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ดังนี้ครับ
1. รักษาหน้ามันด้วยการมาส์กหน้า
การมาส์กหน้าเป็นการรักษาหน้ามันด้วยตนเองที่ทำได้ไม่ยากด้วยการใช้สมุนไพรหรือวัตถุดิบธรรมชาติที่มีสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณ เพิ่มความชุ่มชื้น เช่น น้ำผึ้ง ข้าวโอ๊ต ว่างหางจระเข้ มาใช้มาส์กหน้าด้วยสูตรลดหน้ามัน กระชับรูขุมขน
- น้ำผึ้ง มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ปรับค่าสมดุล pH ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยลดการเกิดสิว โดยสามารถมาส์กด้วยการทาน้ำผึ้งบาง ๆ ทั่วใบหน้า พักทิ้งไว้ 10-15 นาที ทำได้ทุกวัน วันละ 1 ครั้ง
- ข้าวโอ๊ต มีสรรพคุณในการช่วยลดการอักเสบของผิว และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกินและปรับสมดุลผิว ผลัดเซลล์ผิวเสีย โดยจะนำข้าวโอ๊ตมาบดละเอียดแล้วนำมาผสมกับน้ำผึ้งพอกทิ้งไว้ทั่วใบหน้า จะช่วยในเรื่องเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยครับ
- ว่านหางจระเข้ เป็นสมุนไพรที่ขึ้นชื่อในเรื่องเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและมีการใช้มาอย่างยาวนานในครีมบำรุงต่าง ๆ โดยจะนำว่านหางจระเข้นำไปล้างให้สะอาด แล้วใช้เนื้อที่มีลักษณะเป็นวุ้นใสนำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออก
การมาส์กหน้า เป็นวิธีรักษาหน้ามันแบบธรรมชาติที่มีความปลอดภัย แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและใช้เวลาในการเห็นผล
สำหรับใครที่ต้องการเห็นผลไว แนะนำให้ทำควบคู่กับหัตถการความงามอื่น ๆ เช่น เมโสหน้าใส มาเด้คอลลาเจน จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจนยิ่งขึ้น
2.รักษาหน้ามันด้วยผลิตภัณฑ์ลดหน้ามัน
การรักษาหน้ามันด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติลดความมันหรือควบคุมความมัน เช่น ผลิตภัณฑ์ประเภท Oil-free ที่ปราศจากน้ำมัน หรือ skincare ที่มีส่วนผสมของ BHA LHA เป็นกรดที่ละลายในไขมัน สามารถซึมเข้ารูขุมขนและต่อมไขมัน ช่วยละลายน้ำมันส่วนเกินในรูขุมขน และลดการอุดตันในรูขุมขน ช่วยให้ใบหน้าเรียบเนียน หน้ามันน้อยลง
ที่สำคัญในผู้ที่มีผิวหน้ามันควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะจะทำให้หน้ามันมากยิ่งขึ้น เกิดการอุดตันและเกิดสิวได้ง่ายกว่าเดิมครับ
3. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดหน้ามัน
พฤติกรรมการรับประทานอาหารเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้ามันมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการรักษาหน้ามันไม่ควรที่จะละเลยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารครับ โดยอาหารที่ควรเลี่ยงสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้ามัน ไม่ให้หน้ามันไปกว่าเดิม มีดังนี้
- อาหารที่มีไขมันสูง ของทอดต่าง ๆ
- เครื่องดื่ม และอาหารที่มีส่วนประกอบของนม
- อาหารรสเค็มจัด รสเผ็ดจัด รสหวานจัด
- ของหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
อาหารและเครื่องดื่มข้างต้นล้วนอาจทำให้ร่างกายกระตุ้นการผลิตไขมันออกมามากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดผิวหน้ามัน ทางที่ดีแนะนำให้ลดการรับประทานอาหารเหล่านี้หรือรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
5 วิธีป้องกันหน้ามัน
สำหรับคนที่ยังไม่เกิดปัญหาหน้ามัน หรือคนที่มีผิวหน้ามันอยู่แล้ว แนะนำให้ปฏิบัติตามวิธีป้องกันหน้ามันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้หรือไม่ให้ผิวหน้ามันมากไปกว่าเดิมครับ
1. ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง
การล้างหน้าให้สะอาดจะเป็นการช่วยกำจัดแบคทีเรียและสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนใบหน้า โดยควรล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ควรล้างบ่อยกว่านี้ครับ เพราะจะทำให้ผิวระคายเคือง และหน้ามันได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่ผิวหน้ามัน แนะนำให้ใช้กระดาษซับความมันแทนในระหว่างวัน โดยควรซับเบา ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองและใช้อย่างพอเหมาะไม่มากเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวอุดตันได้
2. งดการสครับผิวบ่อยเกินไป
การสครับผิวหน้าสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิว และช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ แต่ไม่ควรทำบ่อยมากเกินไป ซึ่งไม่ควรเกิน 2 ครั้ง/สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง อักเสบ ขาดความชุ่มชื้น จนทำให้หน้ามัน และเกิดสิวหิน สิวข้าวสาร ได้ง่ายขึ้นจากการถูกเสียดสีบ่อยจนรบกวนรูขุมขนและต่อมไขมัน และทำให้เกิดการอุดตัน
3. หลีกเลี่ยงการโดนรังสี UV
หลีกเลี่ยงการโดนรังสี UV จากแสงแดดแรง ๆ เนื่องจากแสงแดดจะมีรังสี UVA และ UVB ที่ทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวเหี่ยวย่น ขาดความชุ่มชื้น ร่างกายจึงกระตุ้นให้ผิวผลิตไขมันออกมามากกว่าเดิมเพื่อทดแทนความชุ่มชื้นที่เสียไป
ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรืออยู่นอกบ้าน ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF และค่า PA สูง ซึ่งจะช่วยป้องกันได้ทั้งรังสี UVA UVB โดยควรเลือกเนื้อครีมที่มีความบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว ไม่ทำให้หนักหน้า และไม่ทำให้เกิดการอุดตัน
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
วิธีทำให้หน้าไม่มันที่ทำได้ง่ายที่สุด คือการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายด้วยการค่อย ๆ จิบในระหว่างวัน จะช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นไว้อยู่เสมอ ลดปัญหาหน้ามัน ลดสิว และเป็นการขับของเสียออกจากร่างกายอีกทางหนึ่ง ช่วยให้ผิวใส มีสุขภาพดี
5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามิน B2 สูง ซึ่งพบได้ในธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต และถั่วต่าง ๆ โดยอาหารเหล่านี้มีไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารสูง เมื่อรับประทานไปแล้วช่วยให้ผิวผลิตไขมันน้อยลง ทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายด้าน เช่น ช่วยลดคอเรสเตอรอล แก้ปัญหาท้องผูก
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เหมาะสมกับผิวหน้า
ลักษณะของผิว สามารถแบ่งเป็นได้ 4 ประเภทหลัก ๆ คือ ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม และผิวธรรมดา ดังนั้นเราจึงควรรู้ว่าผิวเรามีลักษณะแบบใดและควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเรามากที่สุด
ถ้าเป็นคนที่มีผิวมันอยู่แล้ว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าสูตรควบคุมความมันที่ไม่ส่วนผสมของไขมัน ช่วยลดการอุดตันของผิว และเน้นไปที่เพิ่มความชุ่มชื้น เพื่อไม่ให้ผิวสร้างน้ำมันออกมาทดแทนความชุ่มชื้นที่สูญเสียไป
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผิวหน้ามัน
ที่จริงแล้วการมีผิวหน้ามันไม่ได้มีแต่ข้อเสียไปเสียทีเดียวครับ เพราะคนที่มีผิวหน้ามัน จะเกิดริ้วรอยได้ช้ากว่าผิวประเภทอื่น ๆ เพราะมีน้ำหล่อเลี้ยงให้มีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา รวมถึงซีบัมที่ต่อมไขมันผลิตออกมา มีสารประกอบของวิตามิน E ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้กลายเป็น natural skin barrier เกราะป้องกันผิวที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะที่เป็นพิษ และรังสี UV จากแสงแดดได้
อย่างไรก็ตาม คนที่มีผิวหน้ามัน มีข้อควรระวังคือ ควรดูแลผิวให้มีความสะอาดอยู่เสมอ ควบคุมความมัน หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้หน้ามันมากเกินไปจนนำไปสู่ปัญหาสิวตามมา
สรุป
ผิวหน้ามัน เกิดได้จากหลายสาเหตุ บางสาเหตุรักษาให้หายขาดยาก แต่เราสามารถควบคุมไม่ให้หน้ามันมากเกินไปเพื่อไม่เกิดปัญหาสิวตามมาครับ
สำหรับใครที่มีปัญหาหน้ามันตลอดเวลา ถ้าหากต้องการรักษาให้เห็นผลอย่างรวดเร็ว การใช้หัตถการความงาม เช่น เมโสหน้าใส มาเด้คอลลาเจน ฉีดโบท็อก จะเห็นผลได้ค่อนข้างไวและชัดเจนกว่าการทาครีม
แต่ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะเลือกวิธีรักษาหน้ามันแบบไหนดี สามารถเข้ามาปรึกษาหมอโดยตรงได้ที่ V Square Clinic ทุกสาขา หรือทักแชทมาให้หมอประเมินเบื้องต้นก่อนได้ครับ หมอตอบเอง
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ