เสริมจมูกแบบโอเพ่น
ปัจจุบันการทำศัลยกรรมเสริมจมูก ได้มีการพัฒนาไปมาก มีเทคนิคใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผลลัพธ์หลังเสริมจมูกสามารถสร้างความพึงพอใจ และความปลอดภัยให้กับคนไข้มากขึ้น สำหรับใครที่ต้องการเสริมจมูก และต้องการข้อมูลเพื่อเตรียมตัว ในบทความนี้หมอมีข้อมูลมาแนะนำ โดยเฉพาะการเสริมจมูกแบบโอเพ่น ซึ่งเป็นวิธีการเสริมจมูกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
การเสริมจมูกแบบโอเพ่นคืออะไร? เหมาะกับใครบ้าง? สามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง? ติดตามอ่านได้ในบทความนี้พร้อมขั้นตอนการเตรียมตัวและการดูแลหลังเสริมจมูกอย่างครบถ้วนครับ
สารบัญ เสริมจมูกแบบโอเพ่น
เสริมจมูกแบบโอเพ่น คืออะไร ?
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) เป็นการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด หรือที่หลายคนคุ้นกับชื่อการเสริมจมูกเกาหลี เป็นการผ่าตัดเสริมจมูกภายนอกเพื่อปรับโครงสร้างจมูก สร้างรูปทรงจมูกที่ต้องการขึ้นมาใหม่ ซึ่งการสริมจมูกหลัก ๆ แล้วจะมีอยู่ 2 วิธี คือ
- การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
- การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
ทั้ง 2 วิธีนี้แตกต่างกันที่การเปิดแผล โดยการเสริมจมูกแบบโอเพ่นจะเป็นการเปิดแผล เพื่อให้แพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในจมูกได้ทั้งหมด ทั้งกระดูกจมูก, ผนังกั้นโพรงจมูก, กระดูกอ่อนจมูก และปลายจมูกโดยจะเปิดแผลบริเวณใต้ฐานจมูก และกรีดผ่าเป็นแนวดิ่งจนเห็นแกนจมูก ทำให้มีรอยผ่าตัดบริเวณด้านหน้าจมูก ( Columellar incision )
วิธีนี้แพทย์จะวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุด สามารถแยกผิวหนังออกจากโครงสร้างของจมูกทำให้เห็นโครงสร้างชัดเจน สามารถแก้ไขตอกฐานจมูกโครงสร้างภายในจมูกที่มีปัญหาได้ รวมถึงวางเนื้อเยื่อเทียมรองปลายจมูกเพื่อป้องกันการทะลุได้ทั้งหมดในคราวเดียวกัน
เป็นวิธีแก้ปัญหาที่สามารถตัดแต่งกระดูกจมูกเดิมที่คดเบี้ยว การตะไบกระดูกสันจมูกนูน (ฮัมพ์) ได้ ส่วนการเสริมจมูกแบบปิดเป็นการเปิดแผลด้านในรูจมูก เหมาะกับคนที่โครงสร้างฐานจมูกเดิมดีอยู่แล้ว และต้องการเสริมเพิ่มโด่งอีกไม่มากนัก
การเสริมจมูกแบบโอเพ่นมีแบบไหนบ้าง ?
- เสริมจมูกโอเพ่นด้วยกระดูกอ่อนซี่โครง : วิธีนี้เป็นการแก้จมูกโดยการใช้กระดูกอ่อนบริเวณซี่โครง ซึ่งมีทั้งกระดูกอ่อนซี่โครงเทียมหรือกระดูกอ่อนซี่โครงที่มาจากการบริจาค และกระดูกอ่อนบริเวณซี่โครงของคนไข้เอง โดยทั่วไปใช้ของคนไข้เองครับ เพราะกระดูกอ่อนซี่โครงเทียมมีข้อจำกัดหลายด้านเช่น ชิ้นเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เปราะแตกง่าย
เมื่อใช้กระดูกอ่อนซี่โครงของคนไข้ ก็จะมีขั้นตอนการเปิดแผลใต้ราวนมเพื่อผ่าตัดเลาะนำกระดูกอ่อนซี่โครงออกมา จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะหากทำโดยไม่มีความชำนาญมากพอ อาจจะเกิดผลแทรกซ้อนขึ้นได้ครับ เหมาะคนไข้ที่เคยมีปัญหาการทำจมูกมาก่อน จมูกมีปัญหาเยอะ มีความซับซ้อนในการแก้ไข
- เสริมจมูกโอเพ่นด้วยกระดูกอ่อนหลังหู : วิธีนี้เป็นการเสริมจมูกโดยการใช้กระดูกอ่อนบริเวณหลังใบหู สามารถนำมาใช้แก้ไขโครงสร้างได้ละเอียด เหมาะสำหรับคนไข้ที่เคยผ่านการทำจมูกมาแล้วมีปัญหา เช่น เกิดอาการอักเสบ ติดเชื้อ เสี่ยงต่อการทะลุ รวมถึงเคสที่ร่างกายต่อต้านซิลิโคนครับ
ใครบ้างเหมาะกับการเสริมจมูกแบบโอเพ่น ?
ปัจจุบันการเสริมจมูกด้วยเทคนิคผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด เป็นวิธีที่ได้รับควานิยมมากขึ้น เพราะเป็นวิธีที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้เป็นอย่างดี เช่น ผู้ที่ต้องการให้จมูกยาวขึ้น หรืออยากปรับให้แกนจมูกตรงสวยก็ทำได้ครับ โดยใช้กระดูกอ่อนหรือ เนื้อเยื่อสังเคราะห์เป็นตัวช่วยหลัก ซึ่งแพทย์สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างจมูกได้โดยตรง ทั้งในส่วนสันจมูก จมูกมีฮัมพ์ จมูกเบี้ยว หรือ จะตกแต่งแค่เฉพาะส่วนของปลายจมูก เพื่อแก้ไขให้ปลายจมูกยาวขึ้น เชิดขึ้น ปลายพุ่งขึ้น ทำหยดน้ำ เป็นต้น
ถือได้ว่าการเสริมจมูกแบบโอเพ่นเหมาะสำหรับการแก้ไขทรงจมูกในหลายรูปแบบ สามารถเสริมจมูกได้หลายทรง จึงเหมาะกับผู้มีปัญหาจมูกที่ซับซ้อน
นอกจากนี้การเสริมจมูกแบบโอเพ่นยังเหมาะกับเคสแก้ หรือผู้ที่ต้องการแก้ไขจมูกกรณีเสริมมาก่อนหน้าแล้วเกิดปัญหาขึ้น กลัวการทะลุ หรือมีประวัติทะลุมาก่อน เนื้อจมูกน้อย เคสแก้ไขที่เคยเสริมจมูกปกติแล้วมี ปัญหาหดรั้ง ผิวหนังบาง ผิดรูป แพทย์สามารถวางโครงสร้างใหม่ปรับทรงจมูกให้กลับมาดูโด่งสวยและดูเป็นธรรมชาติอีกครั้ง
ลักษณะของจมูกที่ควร เสริมจมูกแบบโอเพ่น
ลักษณะของจมูกที่ควร เสริมจมูกแบบโอเพ่นได้แก่
- ผู้ที่มีเนื้อจมูกมีน้อย หรือ จมูกสั้น จมูกหมู จมูกเดิมไม่มีหยดน้ำ ต้องการจมูกที่ยาวขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหากระดูกจมูกเบี้ยวคดผิดรูป จมูกฮัมพ์สูง (สันจมูกปูด) พบมากในทรงจมูกผู้ชาย หรือปลายจมูกงุ้มเหมือนปากนก (Polly beak Deformity)
- ผู้ที่ต้องการเสริมปลายจมูกให้พุ่งสวยกว่าการเสริมจมูกปกติ
- ผู้ที่มีปัญหาปลายจมูกหนา ใหญ่ จมูกกว้าง จมูกชมพู่ ไม่ได้สัดส่วน
- มีแผ่นกลางจมูกเอียง รูจมูกไม่เท่ากัน หรือ มีปัญหาทางเดินหายใจ หายใจลำบากด้านใดด้านหนึ่ง
เสริมจมูกแบบโอเพ่น อันตรายไหม ?
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น ถือเป็นการเสริมจมูกที่ทำแล้วจมูกจะดูสมส่วน ลดการเสี่ยงเนื้อทะลุได้อย่างดี และให้ผลลัพธ์เป็นน่าพอใจในระยะยาว ที่สำคัญคือลดโอกาสการทะลุจากการเสริมด้วยซิลิโคนลงได้อย่างมากหรือแทบจะไม่มีโอกาสทะลุเลย
แต่การเสริมจมูกแบบโอเพ่นจะอันตรายหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเสริมกับใคร ที่ไหนครับ การทำศัลยกรรมเสริมจมูกเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และผลลัพธ์เป็นไปตามความคาดหวัง ควรเลือกสถานพยาบาล โรงพยาบาล หรือคลินิกศัลยกรรมที่มีความน่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน ดูแลโดยศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางเพื่อป้องกันอันตรายหรือการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้การจะเลือกเสริมจมูกด้วยเทคนิคใด ควรปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญในการประเมินโครงสร้างของจมูก ลักษณะโดยรวมของจมูกว่าเหมาะสมกับวิธีการใด รวมถึงการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก หากมีการสัมผัสหรือกระทบ กระแทก อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรืออักเสบได้ เพื่อให้ได้รูปจมูกที่สวยและถูกใจ ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ครับ
ที่ Masterpiece Hospital แพทย์จะออกแบบทรงจมูกเคสต่อเคสด้วยความใส่ใจครับ รวมถึงเรามีเทคนิคการเสริมจมูกหลายแบบ เช่น ซิลิโคนเกาหลีเกรดพรีเมี่ยม ซิลิโคนอเมริกา เสริมซิลิโคนและกระดูกอ่อนหลังหู เติมปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียมหรือกระดูกอ่อนหลังหู ตัดและเย็บปีกจมูก เหลากระดูกฮัมพ์ รวมถึงแนะนำแนวทางการปรับโครงสร้างจมูกเพื่อให้เหมาะกับการเสริมจมูกแต่ละคนครับ
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบโอเพ่น
ข้อจำกัดของการเสริมจมูกแบบโอเพ่น
- ขั้นตอนการทำซับซ้อน ใช้เวลาในการผ่าตัดนาน
- อาจมีแผลผ่าตัดภายนอกที่มองเห็นได้บริเวณด้านหน้าจมูก ( Columellar incision )
- มีการใช้ยาสลบในการผ่าตัด จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง
- แพทย์ที่จะทำต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ เท่านั้น
- ใช้เวลาพักฟื้นนาน
ราคาเสริมจมูกแบบโอเพ่น
การผ่าเสริมจมูกแบบโอเพ่น จะช่วยปรับโครงสร้างทั้งหมด จึงมีราคาค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ยจะเริ่มต้นที่ 60,000 – 200,000 บาทขึ้นไป ซึ่งแตกต่างกันตามแต่ละสถานบริการ และยังขึ้นอยู่กับเทคนิค วัสดุที่ใช้ ความชำนาญและประสบการณ์ของแพทย์ครับ
การเตรียมตัวก่อนการเสริมจมูกแบบโอเพ่น
ก่อนทำการผ่าตัดเสริมจมูกคนไข้ควรแจ้งข้อมูลสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ว่ามีโรคประจำตัว มีประวัติแพ้ยา หรือทานยาตัวใดอยู่บ้าง โดยเฉพาะยากลุ่มแอสไพริน หรือไอบิวโพรเฟน เพื่อให้ศัลยแพทย์ทราบประวัติและวางแผนการผ่าตัดอย่างปลอดภัย (หากมีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ควรนำมาในวันปรึกษาด้วย) นอกจากนี้ควรดูแลสุขภาพของตนเองให้พร้อม เช่น
- งดสูบบุหรี่ 4 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนผ่าตัด
- งดรับประทานทานอาหารประเภทของหมักดอง และอาหารทะเล
- งดทานวิตามินทุกชนิดก่อนการผ่าตัดเสริมจมูก โดยเฉพาะวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันรำข้าว, โสม, เมล็ดองุ่น, ใบแปะก๊วย อย่างน้อย1 เดือนก่อนผ่าตัด
- ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด และงดแต่งหน้า ในวันผ่าตัด
- งดใส่คอนแทคเลนส์ในวันผ่าตัด หากมีปัญหาด้านสายตาให้สวมแว่นสายตาแทน
- ทำความสะอาดเล็บมือเล็บเท้าให้สะอาด งดการทาเล็บมือ เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
- ควรงดอาหารและน้ำ 6-8 ชม.ก่อนการผ่าตัด แต่สำหรับการผ่าตัดแบบฉีดยาเฉพาะที่ ไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหาร
- เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป
- เนื่องจากการเสริมจมูกแบบโอเพ่น เป็นการผ่าตัดร่วมกับยานอนหลับ คนไข้จะรู้สึกมึน ๆ หลังจากออกจากห้องผ่าตัด ดังนั้นควรมีญาติหรือเพื่อนมาด้วย เพื่อพากลับบ้านครับ
ขั้นตอนการเสริมจมูกแบบโอเพ่น
ในขั้นตอนแรกก่อนเข้ารับการผ่าตัด แพทย์จะทำการตรวจสอบโครงสร้างใบหน้าและจมูกอีกครั้ง เพื่อการประเมินการผ่าตัดที่แม่นยำ ให้จมูกที่ออกมาเข้ากับใบหน้ามากที่สุด และต่อมาจึงทำการกำหนดตำแหน่งเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการผ่าตัด
หลังจากที่คนไข้ทำประวัติกับทางคลินิก ปรึกษาเรื่องทรงกับคุณหมอเรียบร้อยแล้ว จะมีการนัดเข้ามาผ่าตัด โดยเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่คลินิกเตรียมไว้ให้ จากนั้นแพทย์จะฉีดยาชาและดมยาสลบให้กับคนไข้ รอให้ยาออกฤทธิ์ประมาณ 15 นาที เมื่อคนไข้หลับ เจ้าหน้าที่พาเข้าห้องผ่าตัด
- แพทย์จะทำการเปิดแผลจากด้านหน้าตรงบริเวณฐานรูจมูกทั้งสองข้างจนเห็นแกนจมูก เพื่อทำการแก้ไขโครงสร้างจมูกจากด้านในโดยตรง
- กรณีที่มีเนื้อจมูกเยอะ ปลายหนา ต้องลดขนาดจมูก จะมีการเลาะไขมันปริเวณปลายจมูก (Defatting) เพื่อให้จมูกเรียวเล็กลง
- หากคนไข้เคยเสริมจมูกแบบไม่ผ่าตัด ด้วยการฉีดฟิลเลอร์จมูกมาก่อน แพทย์จะทำการเลาะสารเหลว เลาะสารตกค้าง ซิลิโคนเหลว หรือพังผืดที่เกาะตามผิวจมูกออก
- แพทย์ทำการแก้ไขปรับโครงสร้างจมูก ตามความเหมาะสมในแต่ละเคส และเทคนิคที่เหมาะสม
- หลังจากแก้ไขจมูกเสร็จเรียบร้อยแพทย์จะทำการเย็บจมูกปิดแผล ดามเฝือกจมูก และให้ยาปฏิชีวนะ
- เมื่อคนไข้รู้สึกตัว ดีขึ้น สามารถเดินทางกลับบ้านได้ ไม่ต้องค้างคืน
- หลังจากนั้นแพทย์จะนัดติดตามผล ตัดไหม 7 วันขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน
อาการที่อาจเกิดขึ้นหลังเสริมจมูก
ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้มีดังนี้
- แผลติดเชื้อ อักเสบ สามารถเกิดขึ้นหากมีการกระทบกระแทกที่จมูก
- มีเลือดออกที่บริเวณผ่าตัด
- ปวดและบวมช้ำ โดยจะเกิดขึ้นได้ในช่วง 2-3 วัน แต่ถ้าหากผ่านไป 7-14 วันแล้วยังบวมขึ้นเรื่อย ๆ ควรรีบพบแพทย์
- ตึงที่บริเวณจมูก แต่อาการจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเริ่มเข้าที่
- ได้กลิ่นเลือดในจมูก ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เมื่อแผลเริ่มหายอาการจะดีขึ้น
- คันแผลหลังทำจมูก ไม่ควรเกาหรือขยี้ เพราะอาจทำให้ติดเชื้อ
การดูแลหลังเสริมจมูกแบบโอเพ่น
- ในช่วง 1 – 2 วันแรกหลังผ่าตัด ให้ประคบเย็น เพื่อลดอาการบวม ช่วยให้เลือดหยุดไหล
- ควรนอนศีรษะสูงเพื่อให้ยุบหายบวมเร็วขึ้น งดการนอนคว่ำและนอนตะแคงเพื่อป้องกันจมูกที่เพิ่งทำมาได้รับความเสียหาย
- หลังการผ่าตัดคนไข้จะต้องสวมเฝือกอ่อนตลอดเวลา งดการจับ กด แกะบริเวณจมูก ลดการทำกิจกรรมที่เสี่ยงจมูกได้รับการกระทบกระเทือน เช่น การวิ่ง การกระโดด
- ในช่วง 4-5 วันหลังผ่าตัด เมื่อแผลเริ่มสนิท เลือดหยุดไหล สามารถประคบอุ่นเพื่อลดรอยช้ำได้
- หลีกเลี่ยงฝุ่นละออง เพื่อป้องกันการไอหรือจาม
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้หน้าบวมแดง เช่น อาหารที่ร้อนจัด เผ็ด เค็ม รวมถึงแอลกอฮอล์ และบุหรี่
- หากมีอาการปวดให้รับประทานยาแก้ปวดได้ และพบแพทย์ตามนัดเพื่อตัดไหม
- ห้ามสั่งน้ำมูกแรง ๆ ให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อบรรเทาอาการคัดจมูก
- ไม่ควรสวมแว่นบนสันจมูก
ข้อห้ามการเสริมจมูก Open
- สตรีตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่อายุไม่ถึง 18 ปี หรือยังมีการเจริญเติบโตของใบหน้าไม่เต็มที่
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อการผ่าตัด ได้แก่ ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV
- ผู้ที่เป็นหวัด มีแผลติดเชื้อ (ควรรักษาให้หายก่อน)
- ผู้ที่มีแพลนจะจัดฟัน ควรจัดฟันให้เรียบร้อยเสร็จก่อน เพราะการจัดฟันมีส่วนทำให้จมูกดูโด่งขึ้นจากการที่แนวฟันถูกบีบให้เล็กลงได้ครับ
- ผู้ที่มีการใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โรคหลอดเลือดผิดปกติต่าง ๆ เช่น เส้นเลือดตีบ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการผ่าตัด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
เสริมจมูกแบบโอเพ่นที่ไหนดี ?
การศัลยกรรมเสริมจมูกแบบโอเพ่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาได้สมบูรณ์แบบและปลอดภัย จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลของคลินิกเสริมจมูกให้ดีรวมถึงตัวศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด โดยมีหลักพิจารณาดังนี้
1.คลินิกหรือสถานพยาบาลได้รับใบอนุญาต เปิดให้บริการอย่างถูกต้องหรือไม่
สามารถดูจากเลขที่ใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาล ได้รับการรับรองจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการยืนยันมาตรฐานของคลินิก เพราะการเสริมจมูก ถือเป็นการผ่าตัดหนึ่งที่ต้องใช้เครื่องมือแพทย์และห้องผ่าตัดที่ป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ การเสริมจมูกกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน จะทำให้ลดความเสี่ยงในการแผลติดเชื้อได้
2.ศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด
การผ่าตัดเสริมจมูกจะต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ และควรมีประสบการณ์ในการผ่าตัดมากกว่า 10 ปี สามารถให้คำปรึกษาอย่างเหมาะสม มีใบอนุญาต โดยสามารถตรวจสอบชื่อเเพทย์ที่จะเสริมจมูกด้วยได้จากรายชื่อเว็บเเพทยสภา ไม่แนะนำให้ผ่าตัดเสริมจมูกกับแพทย์ที่ค้นหาข้อมูลไม่ได้ เพราะมีโอกาสเสี่ยงจมูกพัง หรือมีผลข้างเคียงอื่นตามมา
Masterpiece Hospital เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ให้การดูแล สามาถวิเคราะห์สภาพปัญหา และให้คำแนะนำในการเสริมจมูกครับ
นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการเสริมจมูกให้เลือกหลายแบบ เช่น การเติมปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียมหรือกระดูกอ่อนหลังหู ตัดและเย็บปีกจมูก, เหลากระดูกฮัมพ์ และการปรับโครงสร้างจมูก Nose Reconstruction รวมถึงมีการใช้วัสดุคุณภาพดี ได้มาตรฐาน เช่น ซิลิโคนเกาหลีเกรดพรีเมี่ยม, ซิลิโคนอเมริกา เป็นต้น
3.มีรีวิวที่น่าเชื่อถือเเละราคาที่เหมาะสม
คลินิกหรือแพทย์ที่มีริวจากคนไข้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยตัดสินใจในการเข้าใช้บริการ โดยควรเลือกดูรีวิวที่น่าเชื่อถือ ส่วนราคาควรเปรียบเทียบจากหลาย ๆ คลินิก หาราคาที่เหมาะสม ไม่ควรถูกจนเกินไป
4.มีการติดตามผล
หลังการผ่าตัดเสริมจมูก ควรมีการติดตามผล หรือมีการรับประกัน เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ว่าคลินิกจะไม่ทอดทิ้งคนไข้ สามารถให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดด้วยความเป็นมือออาชีพ ทั้งก่อน-หลังรับการผ่าตัด
รีวิวเสริมจมูก Open
ตัวอย่างรีวิวเสริมจมูกแบบโอเพ่นด้วยกระดูกอ่อนหลังหู
(เคสนี้เสริมจมูกแบบโอเพ่นใช้วัสดุทางการแพทย์วางช่วงสันด้านบน ส่วนครึ่งล่างจะเป็นกระดูกกลางทำดั้งและกระดูกอ่อนหลังหูของคนไข้เอง)
ตัวอย่างรีวิวเสริมจมูกแบบโอเพ่นแบบปรับโครงสร้าง
ตัวอย่างรีวิวเสริมจมูกแบบโอเพ่นเทคนิคต่าง ๆ
รวมคำถามก่อนเสริมจมูก Open
1.เสริมจมูกกี่วันตัดไหม ?
หลังผ่าตัดเสริมจมูกแพทย์จะนัดหมายติดตามผล ในระยะการตัดไหมจะขึ้นกับวิธีการเสริมแต่ละแบบ และแพทย์เป็นผู้นัดวันเวลา แต่โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่1- 2 สัปดาห์
2.เสริมจมูกแบบโอเพ่นกี่เดือนเข้าที่ ?
โดยทั่วไปหลังเสริมจมูกแบบโอเพ่น อาจจะมีอาการบวม มีรอยเขียวช้ำในบางเคส โดยอาการบวมสามารถหายได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังผ่าตัด หลังจากนั้นประมาณ 14 วัน จมูกจะเริ่มยุบลง ช่วง 1 เดือนหลังทำจะสามารถเห็นทรงจมูกชัดเจนขึ้น แพทย์มักนัดมาพบอีกครั้งเพื่อติดตามผล
3.ผ่าตัดเจ็บมากไหม ต้องพักนานแค่ไหน ?
ในขั้นตอนการผ่าตัดเสริมจมูกโดยทั่วไป แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่บริเวณรอบ ๆ จมูก เพื่อลดอาการเจ็บปวดระหว่างการผ่าตัด แต่ในกรณีที่ผ่าตัดแบบโอเพ่น แพทย์จะใช้การดมยาสลบ ในระหว่างการผ่าตัดคนไข้จึงไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อผ่าตัดเสร็จอาจมีอาการบวมในสัปดาห์แรกร่วมกับอาการเจ็บในช่วง 2 วันแรก หลังจากนั้นอาการก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ
4.อาหารที่ควรเลี่ยงหลังเสริมจมูก ?
อาหารที่รับประทานเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ ดังนั้นหลังผ่าตัดเสริมจมูก ควรละเว้นอาหารประเภท อาหารรสจัด อาหารแสลง เช่น อาหารทะเล รวมถึงอาหารประเภทหมักดอง เพราะอาหารเหล่านี้อาจมีการปนเปื้อน หรือกระตุ้นทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ทำให้เลือดออกตามแผลได้ง่าย ซึ่งเสี่ยงต่อการอักเสบของแผล หรือติดเชื้อครับ
5.เสริมจมูกแบบโอเพ่น หมอไหนดี ?
การผ่าตัดเสริมจมูกแบบโอเพ่นมีความซับซ้อน ควรเลือกทำกับทีมแพทย์ศัลยกรรมเฉพาะทางที่มีประสบการณ์การผ่าตัดตกแต่งมากกว่า 10 ปี ขึ้นไป เนื่องจากปัญหาจมูกแต่ละเคสยากง่ายต่างกัน แพทย์
จึงต้องใช้เทคนิคการแก้ปัญหาตามเฉพาะแต่ละบุคคล เพื่อแก้ไขปัญหาจมูกแบบต่าง ๆ หรือมีการจำลองภาพ 3 มิติก่อนผ่าตัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
6.ตัดปีกจมูกพร้อมเสริมจมูกได้ไหม ?
ในกรณีที่คนไข้มีปลายจมูกที่บานต้องการลดปีกจมูก สามารถทำได้ครับ ทั้งนี้การเสริมจมูกแบบโอเพ่นจะช่วยลดปัญหาของจมูกที่มีลักษณะเนื้อปลายหนา ไม่ได้ช่วยเรื่องของจมูกบานและกาง การตัดปีกจมูกแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสมในแต่ละเคสครับ
สรุป
การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกแบบโอเพ่น เป็นวิธีการผ่าตัดเสริมจมูกที่ได้รับความนิยม เพราะมีข้อดี สามารถแก้ไขปัญหาจมูกแบบต่าง ๆ ได้ดี แพทย์สามารถปรับแก้โครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด จึงทำให้ผลลัพธ์หลังการผ่าตัดเป็นที่พึงพอใจ แต่ทั้งหมดนั้นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ ดังนั้นใครที่สนใจผ่าตัดเสริมจมูกแบบโอเพ่น ควรศึกษาข้อมูลที่หมอแนะนำไว้เบื้องต้นอย่างละเอียด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาตรงตามความต้องการของคนไข้มากที่สุดครับ