Profhilo นวัตกรรม BioRemodeling ฟื้นฟูผิวเชิงโครงสร้าง
Profhilo เป็นหนึ่งในหัตถการกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่กำลังได้รับความสนใจ ด้วยจุดเด่นของ Hybrid Cooperative Complex (HCC) ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูคุณภาพผิวจากภายใน โดยไม่ทำให้โครงหน้าเปลี่ยนแปลงจากเดิม
ในบทความนี้ หมอจะพาไปทำความรู้จัก Profhilo ให้มากขึ้นครับ ว่ามีหลักการทำงานอย่างไร ? เหมาะกับใคร ? แตกต่างจาก Collagen Biostimulator ตัวอื่น ๆ อย่างไร ? เพื่อให้คนไข้ได้สำรวจตัวเองในเบื้องต้น ว่าหัตถการนี้ตรงกับความต้องการหรือไม่
Profhilo
- Profhilo เป็นนวัตกรรมฟื้นฟูและปรับโครงสร้างผิว (BioRemodeling) ด้วย HA ความเข้มข้นสูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ให้ผลลัพธ์ผิวเรียบเนียน ยืดหยุ่น และกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น
- นิยมฉีด Profhilo บริเวณใบหน้า ลำคอ รวมถึงหน้าท้อง ต้นแขน และหัวเข่า
- Profhilo เหมาะกับผู้ที่ผิวหย่อนคล้อย ผิวแห้ง กักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อย และผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวชั้นตื้นให้เรียบเนียน ลดริ้วรอย หลุมสิว รอยแผลเป็น โดยไม่ทำให้โครงสร้างใบหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม
- Profhilo ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ต้องฉีดด้วยเทคนิคเฉพาะที่เรียกว่า BAP และควรฉีดให้ครบ 2 ครั้ง ในระยะเวลา 1 เดือน ใช้ครั้งละ 2-4 CC
สารบัญ Profhilo
ทำความรู้จัก! Profhilo น้องใหม่งานผิวที่หลายคนจับตามอง
Profhilo (โปรฟิโล) คือ งานผิวกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่ใช้ไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) เข้มข้นสูง เข้าไปฟื้นฟูและปรับโครงสร้างของผิวหนัง (BioRemodeling) โดยไม่เพิ่มปริมาตรหรือทำให้รูปหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ผิวดูอิ่มฟู กระชับ ชุ่มชื้น และสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และหลุมสิว เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวมครับ
จุดเด่นของ Profhilo คือ สาร HA ที่มีความเข้มข้นสูงถึง 32 mg/ml ซึ่งมากกว่าโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ และ Skin Booster ตัวอื่น ๆ ในท้องตลาด โดยนำไปผ่านเทคโนโลยีสิทธิบัตรที่เรียกว่า NAHYCO® ซึ่งเป็นการควบคุมอุณหภูมิ เพื่อให้ HA โมเลกุลเล็กและใหญ่ผสานเข้าด้วยกันในรูปแบบ Hybrid Cooperative Complex (HCC) ทำให้สารมีความเสถียร กระจายตัวได้ดี สลายตัวช้า และสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้
เข้าใจหลักการทำงานของ Profhilo
หลังฉีด Profhilo ตัวยากระจายตัวได้ดีในทุกชั้นของโครงสร้างผิว ตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Layer) โดยตัวยาจะเข้าไปฟื้นฟูและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประเภทต่าง ๆ ดังนี้
- Keratinocytes (เซลล์หนังกำพร้า หรือเซลล์ผิวหนัง) อยู่ภายในชั้นหนังกำพร้า ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสดใสและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
- Fibroblast (เซลล์คอลลาเจน) อยู่ภายในชั้นหนังแท้ ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน และอิลาสติน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น และโครงสร้างผิวแข็งแรง
- Adipocyte (เซลล์ไขมัน) อยู่ภายในชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยเพิ่มปริมาณเซลล์ไขมัน ทำให้ผิวดูเต็มอิ่ม มี Baby Fat ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
ทำไม Profhilo ไม่จัดเป็นโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ?
แม้ทั้ง Profhilo และฟิลเลอร์จะมีส่วนประกอบหลักเป็น HA เหมือนกัน แต่หลักการทำงาน จุดประสงค์ในการฉีด และระยะเวลาเห็นผลต่างกันครับ
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่เราคุ้นเคยกัน ใช้ Crosslined HA ซึ่งเป็นสาร HA แบบเชื่อมพันธะด้วยสารเคมี BDDE ทำให้ได้เป็นเนื้อเจล มีความคงตัวสูง ฉีดจุดไหนก็จะอยู่จุดนั้นครับ มีจุดประสงค์เพื่อการเติมเต็ม หลังฉีดจะเข้าไปเติม Volume บริเวณแก้มตอบ ขมับตอบ ริ้วรอยตื้น ๆ และร่องลึก หรือหลุมสิว เพื่อให้ผิวเรียบเนียน รวมถึงยังใช้เสริมคาง เสริมหน้าผาก เพิ่มความอวบอิ่มริมฝีปาก หรือเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า เติมเต็มริ้วรอยร่องลึก หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวฉ่ำวาว ดูสุขภาพดี
ส่วน Profhilo ใช้ Non-Crosslinked HA ที่นำไปผ่านเทคโนโลยีพิเศษ ทำให้โมเลกุลใหญ่และเล็กของ HA ผสานรวมกันในรูปแบบ Hybrid Cooperative Complex (HCC) จึงมีการกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอทุกชั้นผิว มีจุดประสงค์เพื่อการฟื้นฟูผิวในเชิงโครงสร้าง เน้นกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ให้ผิวเรียบเนียน ยืดหยุ่น และกักเก็บน้ำได้ดียิ่งขึ้น
Profhilo (ซ้าย) และฟิลเลอร์ (ขวา)
เลือกฉีด Profhilo หรือฟิลเลอร์ ตัวไหนดีกว่ากัน ? หากคนไข้ต้องการเน้นงานผิวเป็นหลัก อยากฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม ให้ยืดหยุ่น อิ่มน้ำ และกระชับขึ้น สามารถฉีด Profhilo เพียงตัวเดียวได้ครับ แต่ถ้าคนไข้อยากแก้ปัญหาร่องลึกจากกระดูกทรุด ชั้นไขมันลดลง หรือปรับรูปหน้าต่าง ๆ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์จะตรงกับความต้องการมากกว่าครับ
Profhilo เหมาะกับใคร ?
การฉีด Profhilo สามารถทำได้ในหลายช่วงอายุครับ เริ่มต้นตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปจนถึงกลุ่ม 40 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาผิวหรือคาดหวังผลลัพธ์ ดังนี้
- ผู้ที่ผิวขาดน้ำ ดูหมองคล้ำ ผิวแห้ง หรือผิวไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นได้
- ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ ต้องการปรับปรุงโครงสร้างผิวให้แน่นกระชับ
- ผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยในระดับเบื้องต้นถึงปานกลาง ผิวขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่ต้องการให้ผิวชั้นตื้นเรียบเนียน มีปัญหารูขุมขนกว้าง หลุมสิว หรือรอยแผลเป็น
- ผู้ที่ต้องการเน้นฟื้นฟูสุขภาพผิวโดยรวม แต่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงลักษณะใบหน้า
- ผู้ที่ต้องการดูแลผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อชะลอการเสื่อมสภาพของผิว
Profhilo ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?
Profhilo นิยมฉีดบริเวณใบหน้า และลำคอ เพื่อฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน กระชับ ลดเลือนรอยย่น หลุมสิว และรอยแผลเป็นครับ นอกจากนี้ก็ยังสามารถฉีด Profhilo Body เพื่อลดความหย่อนคล้อยตามร่างกายได้อีกด้วย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน หัวเข่า
ฉีด Profhilo กี่วันเห็นผล ? รีวิวผลลัพธ์หลังฉีด Profhilo แล้วผิวเปลี่ยนไปอย่างไร ?
หลังฉีด Profhilo เริ่มผลใน 7-14 วัน สังเกตได้ว่าผิวจะเริ่มมีความชุ่มชื้น และดูสดใส เปล่งปลั่งขึ้นครับ เห็นผลชัดเจนใน 1-2 เดือน เมื่อผิวได้รับการฟื้นฟูเต็มที่ จะมีความยืดหยุ่นและชุ่มชื้นมากขึ้น ผิวเรียบเนียน ริ้วรอยและรอยย่นเล็ก ๆ จางลง
รีวิวผลลัพธ์หลังฉีด Profhilo จาก HA-Derma
ฉีด Profhilo กี่ CC กี่ครั้งเห็นผล ?
Profhilo 1 ไซริงค์บรรจุตัวยา 2 CC ครับ ในการฉีด Profhilo แต่ละครั้งจะใช้ 1-2 ไซริงค์ รวมเป็น 2-4 CC/ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและตำแหน่งที่ทำ แนะนำให้ฉีดครบ 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี หากมีปัญหาผิวค่อนข้างมาก หรือในเคสที่มีหลุมสิว อาจเพิ่มเป็น 3 ครั้ง
อีกสิ่งที่สำคัญในการฉีด Profhilo คือ ประสบการณ์ของแพทย์ครับ เพราะ Profhilo มีเทคนิคการฉีดมาตรฐานที่เรียกว่า BAP (Bio Aesthetic Points) เป็นการฉีด 5 จุด/ใบหน้า 1 ข้าง และ 10 จุด ทั่วลำคอ เพื่อให้สารกระจายตัวอย่างเหมาะสม และออกฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพ
Profhilo อยู่ได้นานแค่ไหน ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน ?
หากฉีดครบ 2 ครั้งในระยะเวลา 1 เดือน Profhilo อยู่ได้นาน 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองร่วมด้วยครับ โดยทั่วไปจะแนะนำให้ฉีดกระตุ้นทุก 12 เดือน หรือตามการประเมินของแพทย์ เพื่อคงสภาพผิว
Profhilo เจ็บไหม ?
รู้สึกเจ็บเล็กน้อยในระดับที่ทนได้ เนื่องจากการฉีด Profhilo จะฉีดเพียง 10 ตำแหน่ง ฉีดในชั้นผิวไม่ลึกมาก และการปล่อยยาต่อจุดน้อย ซึ่งก่อนทำจะมีการทายาร่วมด้วย
Profhilo อันตรายไหม ? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ?
Profhilo ปลอดภัยครับ เพราะตัวยาไม่ใช้สารเคมีในการเชื่อมโมเลกุล จึงลดโอกาสเกิดการระคายเคืองลงได้ รวมถึงยังผ่านการรับรองจากอย.ยุโรป และอย.ไทย หากฉีดกับแพทย์ที่ผ่านการเทรนนิงเทคนิคการฉีด และทำหัตถการภายในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ผลข้างเคียงทั่วไป คือ รอยเข็ม ตุ่มบวมจากยา หรือรอยช้ำ ซึ่งมักหายเองภายใน 5-7 วัน ไม่อันตรายครับ
Profhilo ราคาเท่าไหร่ ?
Profhilo ราคาประมาณ 25,000.-/กล่อง ขึ้นอยู่กับคลินิกที่รับบริการ โดยใน 1 กล่องจะบรรจุ 1 ไซริงค์ (2 CC) ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อการฉีดฟื้นฟูผิวหน้าในเคสทั่วไปครับ
Profhilo ดีกว่า Collagen Biostimulator ตัวอื่น ๆ ไหม ?
หมอขอใช้คำว่า แต่ละตัวมีข้อดี และเหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกันครับ จุดเด่นของ Profhilo จะเน้นการฟื้นฟูผิวให้ยืดหยุ่น กระชับ และเรียบเนียน รวมถึงเพิ่มการกักเก็บน้ำให้ดียิ่งขึ้น โดยไม่ทำให้โครงสร้างใบหน้าเปลี่ยนแปลง ส่วน Collagen Biostimulator แต่ละตัว มีจุดเด่นอย่างไร เหมาะกับใคร ? หมอจะสรุปให้ทีละตัวครับ
Sculptra
Sculptra เป็นงานผิวกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจนตัวแรกที่หลายคนรู้จักครับ ส่วนประกอบหลักเป็น PLLA สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทที่ 1 ซึ่งเป็นประเภทที่มีมากที่สุดในผิว ได้ถึง 66.5% จึงช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึกให้แข็งแรง ยกกระชับผิวได้ดี และช่วยเติม Volume ให้ผิวอิ่มฟู ผิวแน่นกระชับ อยู่ได้นาน 2 ปี เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึก มีเหนียงจากผิวหย่อนคล้อย หรือผิวหลวมจากการสูญเสียคอลลาเจนในชั้นผิว
Radiesse Filler
Radiesse Filler ใช้สาร CaHA (Calcium Hydroxylapatite Microsphere) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในเนื้อเยื่อกระดูก หลังฉีดเข้าไปฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ Fibroblast โดยตรง ทำให้เกิดการสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ถึง 5 ประการ เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ยืดหยุ่น เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวอมชมพูมีเลือดฝาด หรือเติม Volume ให้ใบหน้า
Gouri
Gouri ใช้สาร PCL (Polycaprolactone) ทำให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ใต้ชั้นผิว (Neocollagenesis) ช่วยเพิ่มความหนาและความอิ่มฟูให้ผิว รวมถึงยังช่วยเรื่องความกระชับ ยืดหยุ่น ให้ผิวเนียนเด้ง และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า เหมาะกับผู้ที่ต้องการผิว Glass Skin หรือมีปัญหาผิวสูญเสียคอลลาเจนบริเวณใบหน้า ลำคอ และหลังมือ
Juvelook
Juvelook เป็น Hybrid Biostimulator ที่มีส่วนประกอบหลักเป็นสาร PDLLA มาพร้อมกับ Non-Crosslinked HA หลังฉีดช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวทันที และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวในระยะยาว นิยมฉีดฟื้นฟูผิวทั่วใบหน้า ลดริ้วรอย รอยแตก รอยแผลเป็น กระชับรูขุมขน หรือฉีดเฉพาะจุดบริเวณรอบดวงตา ลดความหมองคล้ำใต้ตา ลดริ้วรอยหางตา
Ultracol 200
Ultracol 200 ใช้สาร PDO Microspheres ที่โมเลกุลมีขนาดเล็กระดับไมโคร ละลายน้ำและกระจายตัวได้ดี สามารถฉีดในตำแหน่งที่ผิวบาง ๆ เช่น ใต้ตา หน้าผาก ร่องแก้ม คอ หรือหลังมือได้ ช่วยกระตุ้นการคอลลาเจน Type I และ Type III เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ยืดหยุ่นและแน่นกระชับ ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความกระจ่างใส ให้ผิวดูมีออร่า
ก่อนจะฉีด Profhilo หรือ Collagen Biostimulator ตัวไหน คนไข้ควรประเมินใบหน้าและสภาพผิวกับแพทย์ครับ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ให้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความคาดหวัง
คนไข้ที่เข้ามาปรึกษา V Square Clinic จะได้ประเมินใบหน้าและพูดคุยกับแพทย์ก่อนทำหัตถการครับ ให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
Profhilo ที่ไหนดี ? หลักการเลือกคลินิกความงาม ให้ปลอดภัย
เนื่องจาก Profhilo เพิ่งเข้ามาในประเทศไทยไม่นาน คลินิกให้บริการก็มีไม่มากครับ ก่อนจะฉีดที่ไหนกับใคร ก็แนะนำให้เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง และฉีดแพทย์ที่ผ่านการอบรมเทคนิคการฉีดโดยตรง รวมถึงควรตรวจสอบตัวยาให้มั่นใจว่าเป็นของแท้
สรุป Profhilo ดีไหม ?
Profhilo เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ผิวเรียบเนียน ยืดหยุ่น และกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ซึ่งสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ เช่น ฟิลเลอร์หรือ Collagen Biostimulator ตัวอื่น ๆ ได้ เพื่อช่วยเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ การเลือกหัตถการใด ๆ ควรพิจารณาจากปัญหาผิวและความต้องการของตัวเองเป็นหลัก แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินใบหน้าและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดครับ
อ้างอิง
- Cassuto D, Delledonne M, Zaccaria G, Illiano I, Giori AM, Bellia G. Safety Assessment of High- and Low-Molecular-Weight Hyaluronans (Profhilo®) as Derived from Worldwide Postmarketing Data. Biomed Res Int. 2020 Jun 20;2020:8159047. doi: 10.1155/2020/8159047. PMID: 32685528; PMCID: PMC7327616.
- https://www.profhilo.co.uk/