วิธีลดหน้าท้อง
อยากลดหน้าท้อง ผอมแต่มีพุง ออกกำลังกายแล้วน้ำหนักลดแต่พุงไม่ยุบลงไปด้วย ถือเป็นปัญหาน่าหนักใจไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง ก่อนที่จะไปรู้จักวิธีช่วยสลายไขมันสะสมส่วนล่าง หรือวิธีลดหน้าท้องเร่งด่วน หมออยากให้เข้าใจถึงสาเหตุและประเภทของพุงแบบต่าง ๆ ไปด้วย เพื่อเลือกวิธีแก้ไขให้ถูกจุด ติดตามได้ในบทความนี้ครับ
ไขมันหน้าท้องจะมีทั้งหมด 3 ชั้นครับ แบ่งเป็น
1. ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง
SUBCUTANEOUS FAT เป็นไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังชั้นนอกสุด สามารถจับหรือหยิบขึ้นมาได้ เช่น บริเวณหน้าท้อง สะโพก ต้นขา
2. กล้ามเนื้อท้อง
ABDOMINAL MUSCLES คือกล้ามเนื้อหน้าท้อง อยู่ถัดจากขั้นไขมัน เมื่อกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่แข็งแรง เวลาที่รับประทานอาหารเข้าไปมาก ๆ จะทำให้พุงห้อยลงมา
3. ไขมันในช่องท้อง
VISCERAL FAT เกิดจากการรับประทานอาหารที่เป็นไขมันมากเกินไป ร่างกายเผาพลาญไม่หมด เมื่อเวลาผ่านไปไขมันส่วนนี้จะมีความแข็งมาขึ้น และดันออกมาทำให้หน้าท้องดูป่อง
พุงป่อง (Bloated Tummy)
พุงลักษณะนี้ไม่น่ากังวลครับ เกิดจากการรับประทานอาหารประเภทแป้ง นม หรือแอลกอฮอล์มากเกินไป มีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย ซึ่งถ้าลดพฤติกรรมเหล่านี้ก็จะช่วยให้พุงยุบลงได้ครับ
พุงเป็นชั้น (Spare Tyre Tummy)
พุงเป็นชั้น มักพบในคนที่ชอบทานของหวาน ของมัน ของเค็ม และไม่ชอบออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายไม่เผาผลาญ และเกิดไขมันสะสมในช่องท้องมาก
พุงเครียด (Stress Tummy)
พุงลักษณะนี้เกิดจากความเครียด ทำให้ร่างกายผลิต cortisol ออกมามาก ส่งผลให้อยากกินอาหารหวาน มัน และแป้ง หรือเกิดจากระบบย่อยอาหารมีปัญหา ทำให้ท้องอืด พุงบวมออกมาระหว่างช่วงสะดือและกระบังลม
พุงป่องช่วงล่าง (The Little Pooch)
เกิดจากการรับประทานอาหารแบบเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ออกกำลังกายผิดวิธี ทำให้กล้ามเนื้อดันไขมันออกมากองช่วงล่างของหน้าท้อง
พุงคุณแม่ (Mummy Tummy)
พบได้ในคุณแม่หลังคลอด มีลักษณะเป็นก้อนย้วย ๆ หรือเป็นห่วงยาง เกิดจากมดลูกยังไม่เข้าที่ดี พุงประเภทนี้ส่วนมากจะยุบลงเอง แต่ควรคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย
ลดหน้าท้องไม่ลง ออกกำลังกายแล้วแต่ยังมีไขมันสะสม เกิดจากอะไร ?
คนที่ผอมแต่มีพุงหรือ Skinny Fat เป็นคนที่มีปริมาณกล้ามเนื้อน้อย เมื่อมองรูปร่างแล้วจะไม่อ้วนแต่ลงพุง มีหน้าท้องส่วนล่างเยอะ เกิดจากไขมันสะสมที่ทำให้ไม่เห็นรายละเอียดของมัดกล้ามเนื้อต่าง ๆ เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดี พฤติกรรมการใช้ชีวิต รวมไปถึงการออกกำลังกายผิดวิธีครับ
6 วิธีลดหน้าท้องแบบธรรมชาติ ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน
1. การออกกำลังกาย
การออกกําลังกายลดไขมันหน้าท้อง 20-30 นาที ต่อวัน สามารถทำให้ได้หน้าท้องแบนราบ ซึ่งมีหลายท่าที่ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เช่น ท่า Plank, ท่า Mountain climber การออกกำลังกายแบบถูกวิธีอย่างสม่ำเสมอ ยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และลดระดับน้ำตาลในเลือด
2. การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
อาหารถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การลดหน้าท้องเห็นผล ควรรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เพิ่มโปรตีนและลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรต เน้นอาหารที่มีกากใย ผักใบเขียวและธัญพืช จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น พุงยุบลงได้ง่าย
3. ลดของมัน ของทอด อาหารที่มีน้ำตาลสูง
ตัวการของปัญหาไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ทำให้พุงป่อง พุงย้อย ทางที่ดีที่สุดคือลดน้ำตาล หลีกเลี่ยงอาหารหวาน ของทอด ของมัน หรือควรรับประทานแต่น้อย การทานน้ำตาลมาก ๆ จะทำให้มีความรู้สึกอยากอาหาร และเกิดการสะสมของไขมันได้ง่าย
4. ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายรับแคลอรี่ได้เยอะแต่ไม่รู้สึกอิ่ม ลดประสิทธิภาพกการทำงานของระบบเผาผลาญไขมัน ยิ่งถ้ารับประทานคู่กับอาหารที่ให้พลังงานสูงจะทำให้อ้วนง่ายขึ้น ดังนั้นถ้าอยากลดหน้าท้องก็ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ด้วยครับ
5. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนสั่งผลต่อระบบเผาผลาญมากครับ เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายต้องการอาหารมากขึ้นเพื่อเอาแรงมาทำกิจกรรมต่าง ๆ เกิดการต้านทานอินซูลิน ทำให้การเผาผลาญกลูโคสลดลง การนอนอย่างเพียงพอจึงเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้น้ำหนักลดลงได้
6. หลีกเลี่ยงความเครียด
ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน Cortisol ออกมา แต่ถ้าหลั่งมากเกินไปจะส่งผลต่อปริมาณน้ำตาลและอินซูลินในเลือด จะอยากอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และทำให้นอนไม่หลับ เกิดพุงเครียด ดังนั้นการหลีกเลี่ยงความเครียดจึงสามารถช่วยลดหน้าท้องได้อีกวิธีหนึ่งครับ
การควบคุมอาหารและออกกำลังกายจำกัดไขมันในส่วนนี้เพื่อลดหน้าท้องและลดพุงได้ครับแต่วิธีโดยทั่วไปจะต้องใช้ความอดทนและระยะเวลามาก ต้องมีวินัยสูง ทำให้หลายคนไม่สามารถเอาชนะไขมันสะสมเหล่านี้ได้ และไม่เหมาะกับคนที่หาวิธีลดหน้าท้องเร่งด่วน
ปัจจุบันจึงมีการคิดค้นเครื่องมือเพื่อช่วยลดหน้าท้องได้อย่างเห็นผลและปลอดภัย หมอจะมาแนะนำว่ามีวิธีไหนบ้าง และแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไรครับ
6 วิธีลดหน้าท้อง สลายไขมันเร่งด่วน
1. CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น
เครื่องมือแรกที่หมอแนะนำคือ CoolSculpting ที่ใช้การสลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็นครับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น หลังทำใช้ชีวิตได้ตามปกติและสลายเซลล์ไขมันได้ถาวร
การลดหน้าท้องด้วย Coolsculpting ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ลดหน้าท้องได้จริงและมีความปลอดภัยสูงมากครับ เป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น โดยใช้หัวของเครื่องดูดผิวเพื่อดึงชั้นไขมันเข้ามาไว้ในหัวของเครื่อง คล้ายๆ หยิกไขมันที่พุงขึ้นมา ซึ่งในหัวดูดจะปล่อยความเย็น -11°C แช่แข็งก้อนไขมันที่ถูกดูดขึ้นมานาน 35 นาที
เครื่อง Coolsculpting จะแช่แข็งเฉพาะเซลล์ไขมันในชั้นไขมันบริเวณที่ต้องการลด ไม่ทำอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก ไม่เคยเกิดกรณีเคสผิวไหม้จากความเย็น และยังมี 50 งานวิจัย ที่ยืนยันว่า CoolSculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง
ในช่วง 3-4 สัปดาห์ หลังสลายไขมันหน้าท้องจะเริ่มเห็นผลว่าสัดส่วนเล็กลง เห็นผลเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน ใน 1 หนีบจะสลายไขมันออกไปได้ครั้งละประมาณ 60-70 cc ครับ
โปรแกรม Coolsculpting
Mobile
สำหรับคนที่ต้องการลดหน้าท้อง หรือไขมันสะสมส่วนต่างๆ การทำ Coolsculpting เป็นตัวเลือกที่หมอแนะนำครับ สามารถศึกษาเพิ่มเติมในบทความ ข้อดี-ข้อเสีย ของการสลายไขมันด้วยความเย็นด้วยเครื่อง CoolSculpting ที่หมอเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ครับ
2. การดูดไขมัน
วิธีลดหน้าท้องด้วยการดูดไขมันนั้นหลายคนคงคุ้นหูอยู่บ้าง ซึ่งมีเครื่องมือที่ได้รับความนิยมหลายยี่ห้อครับ ไม่ว่าจะเป็น Vaser/Body tite/Body jet evo หรือ Microaire ทั้ง 4 เครื่องนี้ ใช้พลังงานที่แตกต่างกัน ในการทำให้ก้อนไขมันแตกตัวก่อนจะดูดออกมาจากร่างกาย
แต่ถึงแม้ว่าวิธีการลดหน้าท้องโดยใช้คลื่นเสียงหรือคลื่นวิทยุในการดูดไขมันจะช่วยลดโอกาสเกิดความหย่อนคล้อยหลังทำ แต่มีความเสี่ยงเรื่องการบวมช้ำ ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน (อาจนานเกิน 1 เดือน) เนื่องจากรอยบวมช้ำค่อนข้างเยอะจากการฉีกขาดของเส้นเลือดฝอยขณะที่สอดท่อเข้าไปเพื่อดูดไขมันครับ
Warning : การดูดไขมันเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันปริมาณเยอะๆ (BMI > 35) เท่านั้น อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไขมันน้อยกว่านี้หรือลดหน้าท้องที่ไม่เยอะ แนะนำว่าควรเลือกใช้วิธีที่ปลอดภัยและไม่ส่งผลเสียในระยะยาวดีกว่าครับ
การดูดไขมัน Price ประมาณ 50,000-100,000 .- ขึ้นกับเครื่องที่ใช้ดูดไขมันและจำนวนจุดครับ
3. การฉีดเมโสแฟตเพื่อลดสัดส่วน
วิธีลดไขมันหน้าท้องโดยการฉีดเมโสแฟตก็เป็นอีกทางเลือกนึงครับ ปกติการฉีดเมโสแฟตถือเป็นที่นิยมในปัจจุบันครับ โดยใช้สารที่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถออกฤทธิ์สลายเซลล์ไขมัน ฉีดเพื่อลดหน้าท้องหรือไขมันตามจุดต่างๆ ที่ต้องการลด แต่จะนิยมนำมาฉีดเพื่อลดแก้มหรือเหนียง หากต้องการใช้เมโสแฟตเพื่อลดหน้าท้องก็สามารถทำได้ แต่จะต้องใช้ปริมาณยาที่เยอะมาก หวังผลได้ไม่แน่นอน และอาจจะเห็นผลไม่ชัดเจนครับ4. เครื่องนวดยกกระชับของสถาบันลดสัดส่วน,ลดน้ำหนัก
เป็นการใช้เครื่องที่ต้องผ่านงานวิจัยทางการแพทย์และจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีการควบคุมพิเศษ มักเป็นแค่การนวดร้อน-เย็น, RF(Radio-Frequency) อ่อนๆ ซึ่งไม่ได้เกิดผลในระยะยาว ต้องทำบ่อยๆ ทุกสัปดาห์จึงเห็นผล และพอหยุดทำก็จะคืนสภาพเดิม แทบจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงหากน้ำหนักไม่ลดลงครับ
ตัวอย่าง : เครื่องนวดยกกระชับที่ใช้คลื่น Ultrasonic และ RF(Radio-Frequency) อ่อนๆ ที่มักจะพบตามสถานบันลดสัดส่วนที่ไม่ใช่คลินิก
5. Thermage FLX (new!) for body
เครื่อง Thermage FLX ไม่เชิงว่าเป็นการช่วยลดไขมันหน้าท้องหรือ ลดหน้าท้อง โดยตรงครับ แต่จะเหมาะสำหรับคนที่ลดน้ำหนักแล้วผิวไม่กระชับหรือคุณแม่หลังคลอด ใช้ในจุดที่มีปริมาณไขมันไม่มาก มีหัวใหญ่สำหรับการกระชับผิวส่วนเกินตามแขน ขา หน้าท้อง
หัว Thermage จะสามารถกระชับผิวได้ดีมากในผิวชั้นตื้นระดับความลึก 4.3 mm ซึ่งเหมาะกับเคสที่มีปัญหาแบบในรูปตัวอย่างด้านล่างนี้ครับ
โปรแกรม Thermage
Mobile
6. Hifu Macrofocus for body
คล้ายๆ กับ Thermage FLX ครับ คือจะช่วยในเรื่องการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหา Cellulite ที่อยู่ในผิวชั้นลึก ประมาณ 2 cm กระชับผิวบริเวณใบหน้า เหนียง คอ ต้นแขนและต้นขา
อ่านบทความเพิ่มเติม : hifu คืออะไร hifu ราคา เท่าไร 9 ข้อควรรู้ในการทำ Hifu
โปรแกรม Hifu
Mobile
สรุป
จากวิธีลดหน้าท้องที่หมอแนะนำมาทั้งหมดนั้น คนไข้ควรศึกษาข้อดี ข้อควรระวังและผลลัพธ์ที่ได้ ว่าเหมาะสมกับตัวเองหรือไม่ อยากลดหน้าท้องส่วนล่างเร่งด่วน หรือลดหน้าท้องแบบค่อยเป็นค่อยไป ถ้าไม่อยากเจ็บตัวมาก ไม่อยากพักฟื้นก็ควรเลือกเครื่องมือเช่น CoolSculpting อยากยกกระชับให้ใช้ Hifu Macrofocus หรือ Thermage
ถ้ายังไม่แน่ใจว่าตนเองเหมาะกับเครื่องมือประเภทไหน ต้องปรึกษาหมอเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุดครับ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ
Collagen Biostimulator คืออะไร ? มีกี่ประเภท กี่ยี่ห้อ ? ช่วยเรื่องอะไร ? เหมาะกับใคร ?
Reading Time: 6 minutes- Collagen Biostimulator คืออะไร ? - ประเภทของ Collagen Biostimulator - Collagen Biostimulator ทำงานอย่างไร ? - ประโยชน์ของ Collagen Biostimulator - Collagen Biostimulator มีอะไรบ้าง ยี่ห้อไหนดี ?
ฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ? อยากคงผลลัพธ์ได้นาน ควร...
Reading Time: 2 minutes- ฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน เช็ก! - รู้สาเหตุที่ทำให้ฟิลเลอร์ปากสลายเร็ว - ฉีดฟิลเลอร์ปากทำอย่างไรให้อยู่ได้นานขึ้น - ฉีดฟิลเลอร์ปากหลาย CC อยู่ได้นานขึ้นไหม ? - สรุปฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ? ฉีดแบบไหนคุ้ม
คนท้องฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม ทำไมไม่ควรฉีด ระหว่างตั้งครรภ์ดูแ...
Reading Time: 2 minutes- คนท้องฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม ? - มีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ระหว่างตั้งครรภ์หรือไม่ ? - การดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์ - สรุปคนท้องฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม ?
ฉีดฟิลเลอร์ปาก แปรงฟันยังไง ? ดูแลอย่างไร ให้ได้ผลลัพธ์ที...
Reading Time: 3 minutes- ฉีดฟิลเลอร์ปาก แปรงฟันยังไง ? - การดูแลช่องปากหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก - คำถามที่พบบ่อย - สรุป ฉีดฟิลเลอร์ปาก แปรงฟันยังไง
หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? มีอาหารอะไรที่ควรระวัง ...
Reading Time: 3 minutes- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรกินอะไรบ้าง ? - ถ้าเผลอกินอาหาร เครื่องดื่มที่หมอห้าม จะมีผลข้างเคียงไหม ? - คำถามที่พบบ่อย- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง ? - หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรกินอะไรบ้าง ? - ถ้าเผลอกินอาหาร เครื่องดื่มที่หมอห้าม จะมีผลข้างเคียงไหม ? - คำถามที่พบบ่อย
ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง คืออะไร ? เหมาะกับใคร ? ช่วยอะไรบ้าง ?
Reading Time: 3 minutes- ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง คืออะไร ? - สาเหตุที่ทำให้ติ่งหูยาน - สาเหตุที่ทำให้หูกาง - ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง เหมาะกับใคร ? ช่วยอะไรบ้าง ? - เปรียบเทียบ ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง VS ศัลยกรรมตกแต่งใบหู - ฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง ยี่ห้อไหนดี ? - ฉีดฟิลเลอร์ติ่งหู หูกาง ใช้กี่ CC ?