ลดต้นแขนให้เรียวเล็ก เฟิร์มกระชับ
ลดต้นแขนด้วยวิธีไหนได้บ้าง ? อยากให้แขนเรียวสวยแบบเร่งด่วนควรทำอย่างไร ? ปัญหาต้นแขนใหญ่ แขนย้วย ผิวไม่กระชับ ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าครับ ในบางรายแม้จะออกกำลังกายแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นผล ขนาดรอบแขนไม่ลดลงอย่างที่คาดหวัง
ในบทความนี้หมอจึงสรุปถึงสาเหตุที่ทำให้ต้นแขนใหญ่ ลดไม่ลง พร้อมแนะนำวิธีลดต้นแขนให้เห็นผล ทั้งวิธีการออกกำลังกาย และวิธีทางการแพทย์
สารบัญ ลดต้นแขน
ต้นแขนใหญ่ ลดไม่ลงเกิดจากอะไร ?
ปัญหาต้นแขนใหญ่ ลดไม่ลง เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- กรรมพันธุ์ : มักสังเกตได้จากผู้ที่มีรูปร่างผอม แต่มีต้นแขนใหญ่ครับ แม้พยายามออกกำลังกายและปรับการกินแล้ว ก็ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
- กินอาหารไม่เหมาะสม : หากกินอาหารประเภทของทอด ของมัน อาหารแปรรูป และโซเดียมสูงในปริมาณมากเกินไป ร่างกายจะเผาผลาญออกได้ไม่หมด ทำให้เกิดไขมันสะสมบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายเพิ่มขึ้น การออกกำลังกายลดต้นแขนจึงไม่เห็นผลครับ
- ยกของหนัก : การใช้แรงแขนบ่อย ๆ เช่น ยกของหนัก หรือออกกำลังกายลดต้นแขนผิดวิธี สามารถทำให้กล้ามเนื้อแขนแข็งแรงและมีขนาดใหญ่ขึ้นได้ครับ
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น : เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ระบบเผาผลาญจะทำงานได้ช้าและประสิทธิภาพลดลง จึงมักมีการสะสมไขมันส่วนเกินได้ง่ายกว่าคนที่อายุน้อย นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องผิวหย่อนคล้อย ทำให้ต้นแขนใหญ่ แขนย้วย ขาดความกระชับ
- เพศ : เพศหญิงมักมีการสะสมไขมันบริเวณต้นแขนมากกว่าเพศชาย และเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อได้ยากกว่าครับ
สำหรับใครที่ต้องการลดต้นแขนให้เรียวเล็ก ในเบื้องต้นควรทราบถึงสาเหตุที่ทำให้แขนใหญ่ แขนย้วย ไม่กระชับก่อนครับ หากต้นแขนใหญ่เกิดจากการสะสมไขมัน จะรู้สึกเนื้อเหลว ผิวนิ่มครับ แต่ถ้าจับแล้วรู้สึกเป็นเนื้อแข็งและตึง แสดงว่าต้นแขนใหญ่จากกล้ามเนื้อ
รวม 10 วิธีลดต้นแขน ที่ทำด้วยตัวเอง และวิธีทางการแพทย์
วิธีลดต้นแขนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง และการพึ่งหัตถการทางการแพทย์ครับ ซึ่งแต่ละวิธีจะมีระยะเวลาเห็นผลแตกต่างกันออกไป
1. ออกกำลังกายท่าลดต้นแขน
การออกกำลังกายโดยเน้นบริเวณต้นแขนสามารถช่วยลดไขมันส่วนเกิน และปรับให้แขนเรียวได้ครับ แต่มีข้อควรระวัง คือ ถ้าใช้น้ำหนักมากเกินไป หรือบอดี้เวท ที่ออกแรงมาก ๆ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อต้นแขนแข็งแรงขึ้นและทำให้แขนใหญ่ขึ้นได้เช่นกัน
สำหรับท่าลดต้นแขนที่หมอแนะนำจะเน้นออกที่กล้ามเนื้อมัดเล็กครับ สามารถทำได้ทั้งมือเปล่า หรือเพิ่มน้ำหนักด้วยดัมเบลและขวดน้ำก็ได้ แต่ไม่ควรใช้น้ำหนักเกิน 2 kg
ท่าออกกำลังกายลดต้นแขน Bicep Curl
- ยืนตรง โดยกางขาออกให้มีระยะห่างเท่ากับความกว้างของช่วงไหล่
- ถือดัมเบล โดยให้ฝ่ามือหันเข้าหาลำตัว
- ยกดัมเบลขึ้นด้านหน้าด้วยวิธีงอศอกและพับแขนขึ้น จนดัมเบลขึ้นมาอยู่ในระดับอก ค้างไว้สักครู่
- ค่อย ๆ ปล่อยแขนให้กลับไปอยู่ในท่าเหยียดตรง นับเป็น 1 ครั้ง
แนะนำทำวันละ 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 10-12 ครั้ง
ท่าออกกำลังกายลดต้นแขน Tricep Kickback
- ยืนโดยกางขาออกให้มีระยะห่างเท่ากับความกว้างของช่วงไหล่ เอียงตัวไปด้านหน้าประมาณ 30 องศา
- ถือดัมเบลโดยงอแขนไปด้านหลัง ให้แขนส่วนบนตั้งฉาก
- ล็อกต้นแขนและหัวไหล่ไว้ และเหยียดแค่แขนส่วนล่างไปด้านหลัง ค้างไว้ในท่าเหยียดตรง
- ค่อย ๆ คลายแขนกลับไปยังท่าแขนตั้งฉาก นับเป็น 1 ครั้ง
แนะนำทำวันละ 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 10-12 ครั้ง
ท่าออกกำลังกายลดต้นแขน Arm Circle
- ยืนตรง โดยกางขาออกให้มีระยะห่างเท่ากับความกว้างของช่วงไหล่
- กางแขนออกให้อยู่ในท่าคว่ำมือลง หมุนแขนไปด้านหน้า 10 ครั้ง และสลับหมุนไปด้านหลัง 10 ครั้ง
- เปลี่ยนเป็นหงายมือขึ้น หมุนไปด้านหน้า 10 ครั้ง และสลับหมุนไปด้านหลัง 10 ครั้ง
แนะนำทำวันละ 2-3 เซ็ต
นอกจากนี้ ยังมีการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ที่เน้นให้ร่างกายนำพลังงานออกไปใช้มากที่สุด และช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินในจุดต่าง ๆ รวมถึงบริเวณต้นแขน เช่น ว่ายน้ำ วิ่ง ปั่นจักรยาน และกระโดดเชือก ก็จะช่วยลดต้นแขนให้เรียวเล็ก และกระชับได้
2. ปรับพฤติกรรมการกิน ลดการสะสมไขมันต้นแขน
การปรับพฤติกรรมการกินไม่ใช่วิธีสลายไขมันบริเวณต้นแขนโดยตรง แต่มีจุดประสงค์เพื่อลดการสะสมไขมันส่วนเกิน แนะนำให้ทำควบคู่กับการออกกำลังกายครับ
คนไข้ควรเริ่มจากการหลีกเลี่ยงของมัน ของทอด โซเดียมสูง และน้ำตาลสูง หันมากินอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และได้พลังงานเพียงพอต่อวัน ได้แก่
- เน้นกินอาหารโปรตีนสูง ที่ไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ต้ม โยเกิร์ต
- เพิ่มอาหารที่มีใยอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ เช่น ผักใบเขียว บวบ แตงกวา ผลไม้รสเปรี้ยว ธัญพืช
- ดื่มน้ำเปล่าวันละ 1.5-2 ลิตร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี และกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี
ข้อควรรู้ : โดยปกติร่างกายต้องการพลังงานจากอาหาร 1,800-2,000 กิโลแคลอรี/วัน (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) หากงดหรือกินอาหารน้อยเกินไป จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย และได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
การลดต้นแขนด้วยการออกกำลังกายและปรับการกินอาหาร จำเป็นต้องอาศัยวินัยในการทำครับ มักเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 4-6 สัปดาห์
หากคนไข้ต้องการลดต้นแขนอย่างเร่งด่วน และเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน จะเป็นวิธีทางการแพทย์ครับ หมอจะช่วยประเมินสาเหตุที่ทำให้ต้นแขนใหญ่ และแนะนำวิธีที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน
3. เมโสแฟตลดต้นแขน
การฉีดเมโสแฟตต้นแขน เหมาะกับผู้ที่มีต้นแขนใหญ่จากการสะสมของไขมัน หรือออกกำลังกายแล้วแต่ยังไม่เห็นผลชัดเจน เป็นวิธีสลายไขมันและลดเซลลูไลท์เฉพาะจุด ด้วยการฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นไขมันบริเวณต้นแขนโดยตรง เมโสแฟตทำให้ไขมันแตกตัว และขับออกจากร่างกายผ่านทางระบบขับถ่าย ช่วยปรับให้แขนเรียวเล็กลงครับ เห็นผลได้ตั้งแต่การฉีดครั้งแรก ไขมันลดลงประมาณ 10-15% ผลลัพธ์เต็มที่ใน 2-3 สัปดาห์
อ่านเพิ่มเติม : ฉีดเมโสแฟต ตำแหน่งไหนได้บ้าง ? กี่วันเห็นผล ?
4. โบท็อกลดขนาดกล้ามเนื้อต้นแขน
หากประเมินแล้วว่า คนไข้มีปัญหาต้นแขนใหญ่จากกล้ามเนื้อ หมอจะแนะนำให้ฉีดโบท็อกลดกล้ามแขนครับ โดยเป็นการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อแขนทำงานได้ลดลงชั่วคราว และมีขนาดเล็กลงในที่สุด เห็นผลประมาณ 10-20% ผลลัพธ์เต็มที่ใน 2-3 เดือน นอกจากนี้โบท็อกลดต้นแขนยังช่วยลดความกว้างของบ่า ทำให้ขนาดตัวดูเล็กลงได้อีกด้วย
5. Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน
Coolsculpting ต้นแขน เป็นวิธีสลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น เครื่องจะส่งความเย็นเข้าไปสู่ชั้นใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขน เพื่อแช่แข็งเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันตาย และลดจำนวนลงถาวร วิธีนี้เหมาะกับคนไข้ที่มีปริมาณไขมันสะสมค่อนข้างมาก ฉีดเมโสแฟตจะไม่คุ้มค่า แต่มีค่า BMI<35 หลังทำจะเห็นผลใน 3-4 สัปดาห์ และชัดเจนใน 3 เดือน ลดไขมันได้ประมาณ 20-30% ต่อการทำ 1 ครั้ง
6. ดูดไขมันลดต้นแขน
การดูดไขมันลดต้นแขนเป็นการผ่าตัดเปิดแผลขนาดเล็ก และใส่ท่อสำหรับดูดไขมันเข้าไป ช่วยกำจัดเซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวหนังบริเวณต้นแขนได้อย่างถาวร สามารถเอาไขมันออกไปในปริมาณมาก ๆ ได้ จึงเหมาะกับผู้ที่มีไขมันมาก และน้ำหนักเกิน
ข้อเสียของการดูดไขมัน คือ มีขั้นตอนการดูแลตัวเองก่อนและหลังที่ยุ่งยาก เมื่อเทียบกับเมโสแฟตและ Coolsculpting ครับ รวมถึงจำเป็นต้องใส่ชุดยกกระชับบริเวณต้นแขน เพื่อให้ผิวและกล้ามเนื้อติดกันแบบสม่ำเสมอ ป้องกันปัญหาผิวไม่เรียบเนียน
7. ผ่าตัดยกกระชับต้นแขน
การศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับต้นแขน (Brachioplasty) เป็นวิธีผ่าตัดเพื่อกำจัดผิวหนังและไขมันส่วนเกินบริเวณต้นแขน เพื่อลดต้นแขน ให้แขนกระชับ เรียวสวย และไม่มีรอยแตกลาย มีข้อเสียที่จะเกิดแผลค่อนข้างยาว และในบางรายจำเป็นต้องใช้ยาสลบ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีต้นแขนใหญ่ และผิวหย่อนคล้อยเป็นอย่างมากจนมองเห็นคล้ายปีก (Bat Wings) เช่น ผู้ที่น้ำหนักเกินหรือน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ผู้ที่ดูดไขมันแล้วไม่ใส่ชุดยกกระชับ หรือผู้ที่ต้นแขนหย่อนยานจากอายุที่เพิ่มขึ้น
8. Thermage กระชับต้นแขน
Thermage ต้นแขน เป็นการอาศัยพลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) เพื่อสลายไขมันและยกกระชับต้นแขน โดยไม่ก่อให้เกิดบาดแผลที่ผิวภายนอก ในการยิง 1 Shot เครื่องจะส่งพลังงานตั้งแต่ผิวชั้นหนังกำพร้าจนถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ปรับคุณภาพผิวให้ยืดหยุ่นได้ หลังทำผิวจะยกกระชับขึ้นประมาณ 20% และเห็นผลชัดเจนใน 2-3 เดือน
9. Hifu/Ulthera กระชับต้นแขน
Hifu และ Ulthera ต้นแขนไม่ใช่วิธีสลายไขมันส่วนเกินโดยตรงครับ แต่จะเด่นในเรื่องยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย เก็บท้องแขนที่ห้อย ช่วยลดต้นแขนให้เล็กลงได้ เครื่องจะส่งคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูงลงไปใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดความร้อนขึ้น และชั้นผิวหดตัวคล้ายกับการนำเนื้อไปวางบนกระทะ รวมถึงช่วยกระตุ้นคอลลาเจน หลังทำจะสังเกตได้ว่าผิวแน่นขึ้นประมาณ 20-30% และเห็นผลชัดเจนใน 3 เดือน
10. ฉีด Collagen Biostimulator ต้นแขน
โดยทั่วไป Collagen Biostimulator เช่น Sculptra และ Radiesse Filler จะนิยมฉีดบริเวณใบหน้าเป็นหลัก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินทดแทนที่ร่างกายสูญเสียไป ช่วยปรับผิวให้ตึงกระชับ และแก้ปัญหาริ้วรอยครับ แต่ก็สามารถใช้ฉีดบริเวณต้นแขนได้เช่นกัน จะเน้นช่วยแก้ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย ให้ต้นแขนกระชับและเล็กลงได้ รวมถึงช่วยแก้ปัญหาผิวไม่เรียบเนียน ผิวเป็นคลื่นจากการดูดไขมัน
สรุปลดต้นแขนวิธีไหนเร็วที่สุด
หากต้องการลดต้นแขนแบบเร่งด่วน วิธีทางการแพทย์จะเห็นผลเร็วกว่า และช่วยแก้ปัญหาต้นแขนใหญ่ได้จากหลายสาเหตุ ทั้งไขมันส่วนเกิน กล้ามเนื้อ หรือผิวหย่อนคล้อยครับ ในการเลือกวิธีจำเป็นต้องให้แพทย์ประเมินร่วมด้วย นอกจากนี้หมอแนะนำให้ทำควบคู่กับการออกกำลังกายและกินอาหารอย่างเหมาะสมครับ เพื่อไม่ให้แขนกลับมาใหญ่อีก
เอกสารอ้างอิง :