เสริมจมูก
การเสริมจมูก เป็นการศัลยกรรมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย หลายคนเลือกทำจมูกเป็นอันดับแรก ๆ เนื่องจากเป็นจุดกึ่งกลางใบหน้า หลังทำจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าโดยรวมได้อย่างชัดเจน บางคนทำจมูกมาแล้วใบหน้ามีมิติมากขึ้น สวยขึ้น แต่บางคนกลับเจอปัญหาที่ต้องแก้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งจมูกเอียง จมูกทะลุ ซิลิโคนลอย รูจมูกผิดรูป
เพื่อให้คนไข้มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับการเสริมจมูก ในบทความนี้หมอได้รวบรวมขั้นตอน และข้อควรรู้ทั้งหมดจาก Masterpiece Hospital ว่าการเสริมจมูกมีกี่แบบ ? ราคาเท่าไหร่ ? มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ? รวมถึงรีวิวทำจมูกแบบต่าง ๆ เพราะการเสริมจมูก คนไข้ควรหาข้อมูล และเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ใช้วัสดุที่ปลอดภัย มีคุณภาพ จึงเป็นข้อสำคัญที่หลังทำจมูกแล้วไม่มีปัญหาตามมา เจ็บตัวครั้งเดียว ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าครับ
สารบัญ เสริมจมูก
เสริมจมูก คืออะไร ?
Rhinoplasty หรือ การเสริมจมูก คือการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อตกแต่งรูปทรงจมูกให้โด่งขึ้น สวยงามขึ้น ด้วยการเสริมวัสดุ เช่น ซิลิโคน (Silicone), กอร์เท็กซ์ (Gore-tex), เม็ดพอร์ (Medpor) หรือกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นที่นิยมทั้งในด้านการเสริมความงาม การเสริมโหงวเฮ้ง รวมไปถึงสามารถแก้ไขรูปจมูกที่ผิดปกติ จมูกไม่ได้สัดส่วน ช่วยแก้ไขโครงสร้างจมูกที่มีปัญหาทั้งจากความบกพร่องแต่กำเนิดและอุบัติเหตุได้
ใครที่เหมาะสำหรับการเสริมจมูก
ก่อนทำจมูกเพื่อปรับรูปทรงให้โด่งขึ้น สวยขึ้น หรือเก็บปีกจมูกให้แคบลง ควรสังเกตตัวเองว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถทำจมูกได้หรือไม่ ดังนี้
- คนไข้ควรมีอายุ 18-20 ปีขึ้นไป เพราะในช่วงนี้จมูกใบหน้าจะเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว
- ไม่ได้อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- ไม่แนะนำให้ทำในผู้ที่ใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หรือโรคหลอดเลือดผิดปกติต่าง ๆ เช่น เส้นเลือดตีบ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการผ่าตัด เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- หากเป็นหวัด หรือมีแผลติดเชื้อ ควรรักษาให้หายก่อนเสริมจมูก
ทั้งนี้จะทำจมูกได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ในแต่ละเคสด้วยครับ ทางที่ดีก่อนทำคือควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ประเมินและขอคำแนะนำที่เหมาะสม ที่ Masterpiece Hospital จะมีการประเมินและออกแบบการผ่าตัดเสริมจมูกให้เข้ากับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ ไม่มีปัญหาเบี้ยว เอียง ฯลฯ
รีวิวเสริมจมูก
รีวิวก่อน-หลัง เสริมจมูก จากเคสที่ใช้บริการจริง หลังทำจะเห็นได้ว่าใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
เสริมจมูก อันตรายไหม ?
การเสริมจมูก เป็นการผ่าตัดศัลยกรรม ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีความเสี่ยง รวมไปถึงผลข้างเคียงต่าง ๆ อยู่แล้วครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นก่อนตัดสินใจเสริมจมูก จึงควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมิน ออกแบบซิลิโคนให้เข้ากับใบหน้าแต่ละบุคคล จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับใบหน้า ตรงกับความต้องการ รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุซิลิโคนที่มีคุณภาพ เพื่อให้การเสริมจมูกเป็นไปได้ด้วยดีและปลอดภัย
เสริมจมูก ราคาเท่าไหร่ ?
จากราคาเสริมจมูกในปัจจุบัน จะเห็นว่ามีทั้งราคาถูกหลักหมื่น ไปจนถึงราคาแพงมาก ๆ หลักแสน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาเสริมจมูกในแต่ละคลินิกแตกต่างกัน ได้แก่ ชื่อเสียงของคลินิก/โรงพยาบาล ความเชี่ยวชาญของแพทย์ ประสบการณ์ของแพทย์ เทคนิคพิเศษในการเสริมจมูก และคุณภาพของซิลิโคนที่ใช้
ราคาเสริมจมูก Masterpiece Hospital
เทคนิคเสริมจมูก | ราคาเสริมจมูก |
---|---|
ศัลยกรรม เสริมจมูกซิลิโคน USA | ราคาเริ่มต้น 15,900.- |
ศัลยกรรม เสริมจมูกซิลิโคน KR | ราคาเริ่มต้น 22,000.- |
Optional ศัลยกรรม เสริมจมูกซิลิโคน ค่าใช้กระดูกอ่อนหลังหู | ราคาเริ่มต้น 28,000.- |
Optional ศัลยกรรม เสริมจมูกซิลิโคน ค่าเนื้อเยื่อเทียม | ราคาเริ่มต้น 20,000.- |
ศัลยกรรม เสริมจมูก Open Rhinoplasty | ราคาเริ่มต้น 69,500.- |
ศัลยกรรม ตัดปีกจมูก | ราคาเริ่มต้น 10,000.- |
*ราคาเสริมจมูกในแต่ละเคส ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์และความต้องการของคนไข้ เนื่องจากคนไข้แต่ละคนมีปัญหาและความต้องการแตกต่างกันไป ควรปรึกษาและวางแผนการเสริมจมูกร่วมกับแพทย์
การเสริมจมูกราคาถูกหรือแพง ไม่ใช่ตัวตัดสินว่าจะดีหรือไม่ดีเสมอไป คนไข้ควรพิจารณาว่าราคาที่ต้องจ่าย เหมาะสมกับคุณภาพและมีความคุ้มค่าหรือไม่ ก่อนตัดสินใจเสริมจมูกที่ไหนดี ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่
- คลินิกเปิดอย่างถูกต้อง มีใบรับรองและใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
- แพทย์ที่จะทำการผ่าตัด เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีความชำนาญเฉพาะทาง และมีประสบการณ์การผ่าตัดเสริมจมูก
- วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก ต้องมีคุณภาพและปลอดภัย ไม่มีปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อ เช่น ซิลิโคน กระดูกอ่อนหลังใบหู
- เทคนิคการเสริมจมูกที่เลือกใช้ ซึ่งมีทั้งการเสริมแบบปิด และ การเสริมแบบเปิด ควรปรึกษาแพทย์ และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงที่น่าเชื่อถือ โดยไม่ควรดูแต่รีวิวทำจมูกที่มาจากคลินิกเพียงอย่างเดียว ควรดูรีวิวในเว็บไซต์ที่คลินิกไม่สามารถลบ หรือแก้ไขได้ เช่น Facebook Review, Pantip, Wongnai และไม่ควรดูรีวิวที่เป็นรูปภาพเพียงอย่างเดียว ควรดูรีวิวเสริมจมูกที่เป็นคลิปประกอบกันด้วย เนื่องจากตกแต่งแก้ไขได้ยากกว่า
- คลินิกมีการติดตามผลหลังทำ ให้คำแนะนำการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม และควรมีช่องทางในการติดต่อที่สะดวก หากมีปัญหาหรือข้อสงสัย สามารถสอบถามแพทย์เจ้าของเคสได้โดยตรง
เสริมจมูกมีกี่แบบ ?
การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique)
เทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) เป็นการเปิดจมูกเข้าไปเพื่อปรับโครงสร้างจมูกโดยตรง ข้อดีคือศัลยแพทย์จะเห็นโครงสร้างของกระดูกอ่อนทั้งหมด มองเห็นแนวสันจมูกได้ชัดเจน ปรับแต่งได้สะดวก และทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ซิลิโคนที่ไม่จำเป็น ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงสามารถใช้เทคนิคยืดผนังกั้นจมูก ตอกฐานจมูก และบีบเข้ามาเพื่อให้สันจมูกดูเล็กลงได้
แผลผ่าตัดของเทคนิคแบบเปิด จะมีอยู่ทั้งในและนอกจมูก โดยแผลด้านนอกจะอยู่บริเวณกลางจมูกด้านล่าง ตรงระหว่างรูจมูก หลังทำจะเห็นเป็นรอยขีดเล็ก ๆ ส่วนแผลด้านในจะอยู่บริเวณเยื่อบุด้านในโพรงจมูก ซึ่งจะอยู่ด้านซ้ายและขวาของแผลแรก เมื่อเวลาผ่านไปรอยแผลจะค่อย ๆ จางลงจนไม่เห็นเลย
ทั้งนี้การผ่าตัดแบบ Open Technique จะใช้ระยะเวลาทำนานกว่าการเสริมจมูกแบบปิด และศัลยแพทย์ต้องมีความชำนาญในการผ่าตัดแบบโอเพ่น
เสริมจมูกแบบโอเพ่น เหมาะสำหรับใคร ?
การเสริมจมูกแบบเปิด เหมาะกับคนที่มีโครงสร้างสันจมูกนูน ฮัมพ์สูง จมูกกว้าง ฐานจมูกใหญ่ ไม่ได้สัดส่วน ต้องการเสริมจมูกเป็นทรงหยดน้ำ หรือจมูกสโลปปลายพุ่ง และสามารถใช้ในกรณีที่มีความผิดปกติของจมูกร่วมด้วย เช่น จมูกสั้นเกินไป จมูกงุ้ม ดั้งจมูกโค้ง โก่ง งอ
“ หากคนไข้มีปัญหาจมูกทะลุ ซิลิโคนเอียง เบี้ยว การผ่าตัดแบบ Open ในเคสที่ไม่ได้มีการติดเชื้อ หมอสามารถแก้ไขได้ในครั้งเดียว โดยการผ่าตัดปรับโครงสร้างจากภายใน และจะไม่มีปัญหาจมูกทะลุซ้ำ ”
การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique)
เทคนิคการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) เป็นการเสริมดั้งให้โด่งขึ้นด้วยการเสริมซิลิโคนหรือวัสดุอื่น ๆ ที่คล้ายกัน โดยไม่ต้องการปรับโครงสร้างกระดูกอ่อนของจมูก จึงซับซ้อนน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด แต่จะได้ทรงจมูกไม่พุ่งเท่า ส่วนมากนิยมใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูหรือเนื้อเยื่อไขมัน มารองบริเวณปลายจมูก เพิ่มความหนาของเนื้อเยื่อ ลดปัญหาปลายจมูกทะลุ
แผลผ่าตัดของเทคนิคแบบปิดจะอยู่ในโพรงจมูก ใช้ในกรณีที่ไม่มีความผิดปกติอื่น ๆ นอกจากดั้งจมูกแบนเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องดมยาสลบ ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด เนื่องจากการผ่าตัดรบกวนเนื้อเยื่อน้อย และหลังทำจะมองไม่เห็นแผลเป็นจากการผ่าตัด
เทคนิคการเสริมจมูกแบบปิด หากคนไข้ที่ไม่มีปัญหาโครงสร้างจมูก สามารถทำการเสริมด้วยซิลิโคนได้เลย และเป็นการผ่าตัดเล็กที่ใช้การฉีดยาชาเฉพาะบริเวณจมูกเท่านั้น
เสริมจมูกแบบปิดเหมาะสำหรับใคร ?
การเสริมจมูกแบบปิด เหมาะสำหรับคนไข้ที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรากฐานจมูกมาก มีโครงสร้างเดิมดีอยู่แล้ว ปลายจมูกไม่สั้น และมีเนื้อหุ้มหนาดีพอควร ต้องการเพิ่มความโด่งหรือยืดส่วนปลายยาวขึ้น แต่วิธีนี้มีข้อจำกัดในเรื่องการลดส่วนเกิน เช่น ดั้งจมูกโค้ง โก่ง งอ จมูกใหญ่ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ซิลิโคนจะทำให้เนื้อเยื่อบางและทะลุได้ ควรเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ และให้คำแนะนำที่เหมาะสม
สรุปข้อดี – ข้อเสีย ของการเสริมจมูกแบบเปิดและแบบปิด
การเสริมจมูกแบบปิด | การเสริมจมูกแบบเปิด |
---|---|
ข้อดี
|
ข้อดี
|
ข้อเสีย
|
ข้อเสีย
|
สำหรับที่ Masterpiece Hospital เทคนิคการเสริมจมูกที่คนไข้ส่วนใหญ่สนใจทำในปัจจุบัน คือการเสริมจมูกแบบโอเพ่น ที่สามารถเพิ่มความโด่งของจมูกได้มาก ตรงกับความต้องการของคนไข้ และมีปัญหาเรื่องเบี้ยวเอียงได้น้อยกว่า ในระหว่างการผ่าตัด ศัลยแพทย์จะใช้ยานอนหลับ หรือ การดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ เพื่อให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
เสริมจมูกผู้ชาย เสริมจมูกผู้หญิง แตกต่างกันไหม ?
ปัจจุบันการศัลยกรรมจมูกเป็นที่นิยมทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่นอกจากต้องการแก้ไขทรงจมูก หรือเพิ่มความโด่งแล้ว ลักษณะและความต้องการของแต่ละกลุ่มก็จะต่างกันไปครับ
- เสริมจมูกผู้ชาย จะเน้นเรื่องการทำดั้งโด่งมาก ๆ มีสันจมูกตรงสวยตั้งแต่ช่วงระหว่างคิ้วลงมา เพื่อเพิ่มความคมให้ใบหน้า
- เสริมจมูกผู้หญิง นิยมทำทรงให้อ่อนช้อย โค้ง สันจมูกสโลปลง ทำแล้วหน้าดูหวาน หรือโฉบเฉี่ยวมากขึ้น
ทั้งนี้ไม่ได้จำกัดว่าถ้าเป็นผู้ชายต้องทำทรงแบบนี้ ผู้หญิงต้องแบบนี้ ขึ้นอยู่กับความพอใจ และลักษณะใบหน้าของแต่ละคนครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ข้อควรรู้ เสริมจมูกผู้ชาย แก้ปัญหาจมูก เสริมดั้งโด่ง เพิ่มมิติใบหน้า
ทรงจมูกที่นิยม ที่ทำออกมาแล้วสวยเป็นธรรมชาติ 2023
ในกลุ่มคนเอเชีย รวมไปถึงคนไทยเอง ลักษณะทางพันธุกรรมมักจะมีฐานจมูกเตี้ยและปีกจมูกกว้าง ทรงจมูกที่ได้รับความนิยมคือ การศัลยกรรมจมูกให้โด่งขึ้น และตัดปีกจมูกให้แคบลง
- จมูกทรงหยดน้ำ เป็นการเสริมปลายจมูกให้ยาวขึ้น และคล้อยลงมาเล็กน้อยคล้ายมีหยดน้ำที่ปลายจมูก เหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกพอสมควร
- จมูกทรงสโลปปลายพุ่ง มีลักษณะสโลปตั้งแต่บริเวณหัวตาลงมาที่สันจมูก และทำให้ปลายเชิดขึ้น หน้าจะดูคมเฉี่ยว ดูเด็กลง
- จมูกทรงสโลปปลายหยดน้ำ เป็นการทำทรงสโลปแต่กดปลายให้เป็นหยดน้ำลงมา ทำให้จมูกยาวขึ้น ช่วยเสริมให้หน้าดูหวานขึ้น เหมาะกับคนที่ไม่มีปลายจมูก
- จมูกทรงบาร์บี้ไลน์ เป็นทรงที่นิยมมากในเกาหลี มีลักษณะสันจมูกยกสูงขึ้น และบีบปลายจมูกให้เล็กลง เพิ่มความละมุนให้ใบหน้า
- ทรงจมูกสันสูง ปลายเชิด ทรงนี้เหมาะกับคนที่ต้องการให้สันจมูกโดนเด่น เหมาะกับคนไม่มีดั้ง หรือจมูกแบนมาก ๆ หรือต้องการเสริมโหงวเฮ้ง
นอกจากทรงที่ยกตัวอย่างมา ยังมีทรงจมูกอื่น ๆ เช่น ทรงตั๊กแตน ทรงฮันบก ฯลฯ ทั้งนี้รูปจมูกเดิมและปัญหาของแต่ละคนแตกต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ออกแบบทรงจมูกที่เหมาะสม และเข้ากับใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีปัญหาที่ต้องตามแก้ภายหลังครับ
เลือกทรงจมูกอย่างไร ? ให้เหมาะกับใบหน้า
‘สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเมื่อต้องเลือกทรงจมูก คือการทำให้จมูกมีความสมดุลกับใบหน้ามากที่สุด’
ดังนั้นนอกจากเทคนิค ประสบการณ์ ความชำนาญของแพทย์ในการผ่าตัด สิ่งทำคัญไม่แพ้กันคือความสามารถในการดีไซน์ทรงจมูกของแพทย์ ที่ควรออกแบบทรงจมูกให้รับกับโครงสร้างใบหน้า
- จมูกควรรับกับหน้าผาก คนที่มีหน้าผากสูงจะสามารถเสริมซิลิโคนสูงได้ จะดูไม่หลอกตา
- จมูกควรรับกับโครงหน้าด้านกว้าง คนที่โหนกแก้มใหญ่ ไม่ควรเสริมซิลิโคนบริเวณกลางจมูกให้สูงมาก เพราะจะไม่รับกับความกว้างของใบหน้า
- จมูกควรรับความยาวของใบหน้า ไรผม-สันจมูก/ สันจมูก-ปลายจมูก/ ปลายจมูก-คาง เป็น 3 ส่วนที่ควรมีความยาวสมดุลกัน เช่น คนไข้ที่มีคางยาว ก็ควรเสริมจมูกให้ยาวรับกัน หรือถ้าคนไข้ที่หน้ากลม สั้น อาจไม่เหมาะกับการทำทรงหยดน้ำให้จมูกยาวขึ้น
นอกจากนี้ก่อนเสริมจมูกควรคำนึงถึง Lifestyle ของคนไข้ เนื่องจากเมื่อทำจมูกไปแล้วใบหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ซึ่งหลายคนไม่ค่อยแต่งหน้า หรืออยากให้ดูเป็นธรรมชาติ ควรปรึกษารายละเอียดและพูดคุยกับหมอก่อนเพื่อให้เข้าใจความต้องการตรงกันครับ
เสริมจมูก ตอกฐานจมูก คืออะไร ?
จมูกฮัมพ์ หรือ Hump Nose คือ ลักษณะสันจมูกที่ไม่เรียบ เป็นคลื่น นูนเป็นหลังเต่าขึ้นมา คนที่มีลักษณะจมูกแบบนี้มักมีปลายจมูกงุ้ม ซึ่งในบางเคสที่มีฮัมพ์สูงมาก ๆ อาจทำให้จมูกดูคด เอียง ทำให้หน้าดูดุ
ปัญหานี้สามารถแก้ไขด้วยการตะไบฮัมพ์ให้เรียบขึ้น หรือในเคสที่ฐานจมูกใหญ่ กว้าง สามารถใช้เทคนิคตอกฐานจมูก (Humpectomy) ตัดแต่งกระดูกส่วนนูนให้เรียบขึ้น ร่วมกับการเสริมซิลิโคนเพื่อปิดความไม่เรียบของกระดูกได้ หลังทำสันจมูกดูเรียบขึ้น ไม่โก่งนูน และช่วยให้ใบหน้าดูหวาน ละมุนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ
เสริมจมูก เนื้อน้อยทำได้ไหม ?
กรณีเสริมจมูกเนื้อน้อย สามารถทำได้ครับ เพียงแต่มีข้อจำกัดและความเสี่ยงบางอย่าง เช่น มีโอกาสจมูกทะลุมากกว่าคนทั่วไป ทำความโด่ง หรือความเชิดขึ้นได้จำกัด และแพทย์ที่ทำการผ่าตัดต้องมีความชำนาญสูง เพื่อลดโอกาสที่จะทำให้จมูกทะลุ
โดยเทคนิคที่ควรใช้คือการผ่าตัดเสริมจมูกแบบ OPEN เพื่อปรับโครงสร้าง ยืดผนังกั้นจมูก และรองปลายด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหู จะทำให้จมูกยาวขึ้นกว่าเดิมโดยไม่รั้งปลาย เหมาะกับทั้งคนที่มีจมูกเนื้อน้อย และจมูกสั้นครับ
วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก
1. ซิลิโคน
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบซิลิโคน คือ ได้รูปทรงที่แน่นอน สามารถปรับให้เข้ากับจมูกได้ทุกรูปแบบ ใช้เวลาพักฟื้นน้อย ราคาไม่สูงมาก
การแบ่งประเภทของซิลิโคน
- ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป จะขึ้นเป็นทรงมาให้แล้ว มีโอกาสเบี้ยวหรือเอียงน้อย เรียกชื่อตามลักษณะทรงจมูก แต่อาจจะไม่เหมาะกับทุกคน เช่น ซิลิโคนแมนทิส, ซิลิโคนบาร์บี้, ซิลิโคนซินเดอเรลล่า, ซิลิโคนแบบ L-shape
- ซิลิโคนแบบเหลาเอง จะมาเป็นแท่งหรือบล็อกสี่เหลี่ยม แพทย์จะเป็นคนดีไซน์และเหลาทรงให้เข้ากับรูปจมูกแต่ละเคส ต้องอาศัยประสบการณ์ ความชำนาญและความแม่นยำ ตัวซิลิโคนมีลักษณะเรียบลื่น ไม่เป็นขุย และสามารถแบ่งย่อยออกไปอีก 4 ชนิด ตามลักษณะความอ่อน-แข็งของซิลิโคน ได้แก่ แข็ง, แข็งปานกลาง, นุ่ม และนุ่มมาก
“ วัสดุซิลิโคนที่นำมาเสริมจมูกที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่ ซิลิโคนอเมริกา ซิลิโคนเกาหลี ซิลิโคนญี่ปุ่น ซึ่งต้องผ่าน FDA หรือ อย. ของประเทศผู้ผลิต มีความปลอดภัย ไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน (Biocompatibility) ซึ่งรูปแบบการเลือกใช้จะแตกต่างกันไปตามความเหมาะสมและงบประมาณครับ ”
2. กระดูกอ่อน
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบกระดูกอ่อน คือ ช่วยลดความเสี่ยงที่ปลายจมูกจะทะลุในระยะยาว เพราะเป็นการเพิ่มความหนาของผิวหนังบริเวณปลายจมูก ป้องกันไม่ให้ซิลิโคนกระทบกับผิวหนังปลายจมูกโดยตรง ลดการเสียดสี และเป็นวิธีที่ทำให้ปลายจมูกดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ใช้กระดูกอ่อน จากจุดไหนมาเสริมจมูก
- กระดูกอ่อนหลังใบหู นิยมใช้มากที่สุด ตัวกระดูกอ่อนจะมีลักษณะโค้งงอเล็กน้อย หลังจากนำกระดูกอ่อนออกมาจากเบ้าในใบหู จะไม่ทำให้ใบหูเปลี่ยนรูป แต่อาจต้องดูแลแผลหลังใบหูเพิ่มขึ้น และต้องงดสระผม 1-2 สัปดาห์
- กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก (Septum) เป็นการใช้เทคนิคผ่าตัดแบบเปิดยืดผนังกั้นจมูก นำกระดูกอ่อน Septum ที่อยู่บริเวณกึ่งกลางรูจมูกออกมาบางส่วน เพื่อปรับตำแหน่งและต่อเสริมจมูกจริงให้ยาวขึ้น วิธีนี้จะทำให้ได้ปลายจมูกพุ่งสวย โดยไม่ต้องมีแผลแบบการใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู
- กระดูกอ่อนซี่โครง เป็นวิธีที่แพทย์จะต้องเปิดเอากระดูกซี่โครงอ่อนขนาด 2-5 cm ออกมา 1-2 ซี่ โดยจะมีแผลบริเวณใต้ราวนม ใช้เวลาในการผ่าตัดนาน และต้องใช้ศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง
เสริมจมูกพร้อมตัดปีกจมูก
อย่างที่หมอบอกไปในตอนต้นว่า ด้วยลักษณะทางพันธุกรรมทำให้คนเอเชียมีฐานจมูกเตี้ยและปีกจมูกกว้าง จึงนิยมเสริมดั้งไปพร้อมกับการตัดปีกจมูกกว้าง จมูกบานให้แคบลงในการผ่าตัดครั้งเดียว
การลดขนาดปีกจมูกโดยส่วนมากจะแก้ไขเฉพาะส่วนปีกด้านข้าง ซึ่งมีผิวหนังและกล้ามเนื้อเท่านั้น และซ่อนแผลไว้บริเวณขอบของปีกจมูก ซึ่งในการตัดปีกจมูกจะต้องคำนึงถึงความสมดุลกับจมูกส่วนบน และสันจมูก หลังทำจะช่วยให้รูจมูกเล็กลงด้วยครับ
ขั้นตอนการตัดปีกจมูก
- ปรึกษาแพทย์และวางแผนการผ่าตัดร่วมกัน
- ทำความสะอาดโพรงจมูก และบริเวณที่จะผ่าตัด
- ฉีดยาชา หรือวางยาสลบ (กรณีใช้เทคนิคผ่าตัดแบบเปิดเพื่อเสริมจมูกด้วย)
- เริ่มผ่าตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินที่กางออก และจัดโครงสร้างฐานจมูกใหม่ ใช้เวลาในการผ่าตัด 30-45 นาที (เฉพาะการตัดปีกจมูก)
- เย็บปิดแผล และนอนพักฟื้นประมาณ 1 ชั่วโมง
- กลับมาติดตามผลและตัดไหมหลังจาก 1 สัปดาห์
“ ในบางเคสที่มีปัญหาจมูกบาน ปีกจมูกกว้าง อาจทำหัตถการผ่าตัดเสริมจมูกร่วมกับการร้อยไหมเก็บปีกจมูกได้ครับ ”
การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูก
- ปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด เช่น โรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ ปัญหาเกี่ยวกับฟัน การแพ้ยา แพ้อาหาร
- งดการใช้ยาสมุนไพร ยาบำรุง และวิตามินทุกชนิดก่อนการผ่าตัด อย่างน้อย 7 วัน เช่น ยาแก้ปวด แอสไพริน วิตามินซี วิตามินดี น้ำมันปลา
- งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันภาวะเนื้อเยื่อขาดเลือดมาเลี้ยง
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือ 1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- งดรับประทานทานอาหารหมักดอง อาหารทะเล เพราะจะส่งผลต่อการอักเสบของแผล
- งดแต่งหน้า งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกาย และควรสระผมก่อนให้เรียบร้อยก่อนผ่าตัด
- งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
- งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดตามแพทย์สั่ง ในกรณีผ่าตัดโดยฉีดยาชาเฉพาะจุด ไม่ต้องงดครับ
ขั้นตอนการเสริมจมูก
- ให้ยาชาหรือยานอนหลับ จะขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการผ่าตัด แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าจะใช้ยาชาหรือยาชาร่วมกับยากล่อมประสาท เช่น หากใช้เทคนิคการผ่าตัดแบบเปิดจะต้องใช้การวางยานอนหลับโดยวิสัญญีแพทย์ ส่วนการผ่าตัดแบบปิดจะเป็นการฉีดยาชาเฉพาะจุด
- ในกระบวนการผ่าตัดเสริมจมูก แพทย์จะใช้เทคนิคที่แตกต่างกันไปเพื่อแก้ไขตามปัญหาของแต่ละเคส ตั้งแต่การเหลาซิลิโคน การเปิดแผล ปรับโครงสร้าง ตกแต่ง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- เย็บปิดแผลผ่าตัด หรือในบางกรณีแพทย์อาจให้เข้าเฝือกที่จมูกด้วยครับ ใช้เวลาพักฟื้น 5-7 วัน ระหว่างนี้คนไข้สามารถดูแลทำความสะอาดแผลได้ด้วยตัวเอง ก่อนนัดมาติดตามผลและตัดไหม
การดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก
หลังทำจมูกอาจมีอาการข้างเคียง เช่น ใต้ตาบวม เขียวช้ำ มีเลือดออก บ้วนปากแล้วมีเลือดลงคอ อึดอัดจมูก ตึงบริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งควรดูแลตัวเองย่างเคร่งครัดเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม และคุ้มค่ากับที่เจ็บตัวไปครับ หมอมีคำแนะนำ ดังนี้
- ใน 72 ชั่วโมง หลังผ่าตัด ควรประคบเย็นด้วยคูลแพ็คบริเวณหน้า โดยเว้นตรงแผลเอาไว้ (สันจมูกด้านซ้ายและขวา สันจมูกตรงกลางด้านบน ระหว่างคิ้ว) เพื่อช่วยเพื่อให้เลือดหยุดไหล และยุบบวมไวขึ้น
- หลัง 72 ชั่วโมง แผลจะเริ่มสนิทกัน ให้เปลี่ยนมาใช้การประคบอุ่นเพื่อลดรอยเขียว ช้ำ ม่วง
- ห้ามแคะ แกะ เกา หรือขยี้บริเวณจมูก
- ควรนอนโดยใช้หมอนรองคอ ให้ศีรษะสูง เพื่อให้เลือดไม่คั่งในโพรงจมูก และหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ
- หลีกเลี่ยงการไปในที่ที่มีฝุ่นละอองมากประมาณ 1 สัปดาห์ ป้องกันการไอหรือจาม
- ควรรับประทานอาหารอ่อน งดอาหารแข็ง เหนียว
- งดล้างหน้า เพื่อไม่ให้บาดแผลโดนน้ำอย่างน้อย 3 วัน หลังจากนั้นล้างหน้าได้ตามปกติ
- งดรับประทานอาหารหมักดอง หรืออาหารที่มีรสเผ็ดจัด ที่ส่งผลต่อการอักเสบของแผล และทำให้แผลหายช้า
- งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และหยุดการสูบบุหรี่ ในช่วง 1 เดือน หลังทำจมูก เนื่องจากมีผลต่อการสมานแผล
- หากรู้สึกคันบริเวณจมูกให้ใช้คอตตอนบัดหรือสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดอย่างเบามือ
- หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาหนัก ๆ การวิ่ง, การว่ายน้ำ, การมีเพศสัมพันธ์, การสั่งน้ำมูก, การขยี้จมูก, ก้มหน้านาน ๆ และยกของหนัก เนื่องจากเนื้อจมูกยังไม่เข้าที่ดี
- หากมีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
เสริมจมูกที่ Masterpiece Hospital ดีอย่างไร ?
- Certified Board of Plastic Surgery ศัลยแพทย์ตกแต่งได้รับการรับรองจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย และมีประสบการณ์ผ่าตัดมากกว่า 10 ปี
- Sterile Equipment and Operating Room อุปกรณ์เครื่องมือปลอดเชื้อ และได้มาตรฐาน มีระบบห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลที่ทันสมัย และมีทีมแพทย์-พยาบาล ซึ่งผ่านการอบรมตามมาตรฐาน
- Wound Care มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลคอยให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด ทั้งก่อนและหลังผ่าตัดศัลยกรรมจมูก 24 ชม.
- Premium Service บริการระดับพรีเมียม มีห้องพักฟื้นและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบถ้วน เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายหลังผ่าตัด
สรุป
การผ่าตัดเสริมจมูก เป็นหัตถการที่มีคลินิกหรือโรงพยาบาลรับทำเป็นจำนวนมาก แต่การที่จะคาดหวังให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งโครงสร้างเดิมของจมูก ความต้องการ การดูแลตัวเอง หรือบางคนมีโอกาสเป็นแผลคีลอยด์ (Keloid) ได้ง่ายกว่าคนอื่น และในการผ่าตัดก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีผลข้างเคียงครับ ทั้งความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
ดังนั้น การเสริมจมูกจึงต้องพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกคลินิก เลือกหมอ ดูรีวิวเสริมจมูก และศึกษาข้อมูลเทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และคุ้มค่ามากที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเสริมจมูก
Q : เสริมจมูกเจ็บไหม ?
A :
ในระหว่างการผ่าตัดจะมีการใช้ยานอนหลับหรือยาชา ซึ่งคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บขณะทำครับ แต่หลังจากนั้นต้องกลับไปพักฟื้นอาจมีอาการช้ำ ระบม เป็นเรื่องปกติ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
Q : เสริมจมูกใช้เวลาพักฟื้นกี่วัน ?
A :
หลังเสริมจมูก จะใช้เวลาในการพักฟื้น 5-7 วัน และต้องเข้ามาฉีดยาปฏิชีวนะ รวมไปถึงนัดติดตามผลและตัดไหม รวม ๆ แล้วอาจจะใช้เวลาพักฟื้นให้รอยช้ำต่าง ๆ จางหายไป ประมาณ 7-14 วัน ทั้งนี้อาจใช้เวลาพักฟื้นนานมากขึ้นตามสภาพร่างกายของแต่ละเคส
Q : ฉีดฟิลเลอร์จมูก แล้วมาเสริมจมูกได้ไหม ?
A :
หลังฉีดฟิลเลอร์จมูก สามารถเสริมจมูกได้ครับ แต่แพทย์จะต้องทำการขูดฟิลเลอร์เดิมออกก่อน เพื่อให้ซิลิโคนที่จะใส่เข้าไปมีการยึดเกาะที่ดียิ่งขึ้น
Q : แผลเสริมจมูกกี่วันเข้าที่ กี่วันหายบวม ?
A :
หลังเสริมจมูกจะยุบบวมและเข้าที่ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งใน 1 สัปดาห์จะยุบบวมประมาณ 60%, 1 เดือนยุบบวม 80%, ยุบบวมและเข้าที่ 90-100% ใน 3-6 เดือน
Q : เสริมจมูกกินอะไรได้บ้าง ?
A :
มีอาหารหลายชนิดที่กินแล้วจะช่วยให้แผลสมานเร็ว ลดการบวมช้ำหรืออักเสบของแผลได้ เช่น ไข่ไก่ หมู เนื้อ ปลาน้ำจืด ไก่ ผลไม้สีเข้ม (เชอร์รี บลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี ราสเบอร์รี) สาหร่าย น้ำมะพร้าว ฯลฯ ส่วนใหญ่ก็จะทานได้หมดครับ ยกเว้นอาหารแสลงบางชนิด
Q : หลังเสริมจมูกห้ามกินอะไร หลัง 1 เดือนกินอะไรได้บ้าง ?
A :
หมอจะแนะนำให้โฟกัสอาหารที่ควรหลักเลี่ยง เช่น ของหมักดอง ของสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารทะเล ที่ส่งผลต่อการอักเสบ และทำให้แหลหายช้าครับ หลังจากแผลเข้าที่ หายดีแล้ว สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ