ทำความรู้จัก Skin Booster
Skin Booster กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในวงการความงามครับ แต่คนอาจยังไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ามันคืออะไร มีความอันตรายหรือไม่ และเหมาะสำหรับใครบ้าง ?
สำหรับหัตถการในกลุ่ม Skin Booster ที่รู้จักกันในไทยกลุ่มแรก ๆ จะประกอบไปด้วย การฉีดฟิลเลอร์ การฉีดมาเด้ และเมโสหน้าใสยี่ห้อต่าง ๆ ครับ ส่วนที่ฮิตกันมากขึ้นในช่วงหลังจะเป็นกลุ่ม Rejuran Gouri Sculptra และ Radiesse ทำให้หลายคนเกิดความสับสน หรือตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกแบบไหนดี ?
บทความนี้หมอจะพาไปค้นหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ ว่าสกินบูสเตอร์แต่ละตัวช่วยอะไรได้บ้าง สามารถฉีดได้ที่ตำแหน่งใดบ้าง ราคาเท่าไหร่ ฉีดอย่างไรให้คุ้มค่า ?
สารบัญ Skin Booster
Skin Booster คืออะไร ? ทำไมได้รับความนิยม ?
Skin Booster คือการเรียกหัตถการที่ทำแล้วช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นเซลล์ผิว โดยการเติมสารบำรุงให้ผิวโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่จะเป็นการกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวแบบต่าง ๆ ทำให้คุณภาพผิวดีขึ้น แข็งแรงพอที่จะป้องกันตัวเองจากมลภาวะ ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้
คุณสมบัติของ Skin Booster
ถ้าจะให้สรุปคุณสมบัติของ Skin Booster หมอจะสรุปเป็นข้อ ๆ ดังนี้
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว : Skin Booster มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังจากภายใน ช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำและมีชีวิตชีวา
- กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน : ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน และยืดหยุ่น
- ลดเลือนริ้วรอย : ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บนผิวหนัง ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ปรับสภาพผิว : ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี เปล่งปลั่ง กระจ่างใส ลดการเกิดจุดด่างดำและลดความไม่สม่ำเสมอของสีผิว
- ป้องกันผิวจากมลภาวะ : ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและปัจจัยภายนอกที่ทำร้ายผิว เช่น แสงแดด มลพิษในอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพได้ง่าย
- ซัพพอร์ตการทำงานของเซลล์ผิว : ช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ในผิวหนังทำงานได้อย่างปกติและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดีจากภายใน
จากคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้ Skin Booster เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันครับ เพราะคนหันมาสนใจงานผิวที่ดูดีอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลและปรับปรุงคุณภาพผิวพรรณ ต้องการแก้ไขปัญหาผิวแห้ง ริ้วรอยเล็ก ๆ และต้องการให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
“ ข้อควรรู้ : เทรนด์ Glass Skin คือลักษณะผิวที่มีคุณภาพดี เรียบเนียน ฉ่ำวาว เงางาม เหมือนกับผิวไม่มีริ้วรอยหรือตำหนิใด ๆ เปล่งปลั่งจนดูเหมือนกระจก ผิวลักษณะนี้จะทำให้ใบหน้าดูมีความอ่อนเยาว์ เป็นเทรนด์ความงามที่เริ่มจากประเทศเกาหลีใต้ การบำรุงจะเน้นให้ผิวความชุ่มชื้นสูง เรียบเนียน และปกป้องผิวจากมลภาวะหรือแสงแดด ”
Skin Booster อันตรายไหม ?
การทำ Skin Booster มีความปลอดภัยครับ เมื่อทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีด Skin Booster อย่างถูกต้อง และใช้ตัวยาที่นำเข้าอย่างถูกกฎหมาย
แต่การทำหัตถการไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ทุกอย่างย่อมมีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้อยู่แล้วครับ โดยทั่วไปก็อย่างเช่น รอยแดง อาการบวม หรือความรู้สึกเจ็บขณะฉีด เป็นผลข้างเคียงปกติ ไม่อันตราย ส่วนผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น การอักเสบ ติดเชื้อ มักเกิดจากยาไม่ได้มาตรฐาน ฉีดกับหมอกระเป๋า หรือกระทั่งการฉีดกับหมอจริง ๆ แต่ไม่มีประสบการณ์ ก็อาจจะเกิดข้อผิดพลาดในการฉีดได้
เป็นเหตุผลที่หมอเน้นย้ำกับคนไข้อยู่บ่อย ๆ ว่าให้เอาเรื่องความปลอดภัยมาก่อนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าเราเตรียมตัวดี หาข้อมูล ตรวจสอบหรือดูรีวิวคลินิกอย่างละเอียด ก็จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องหมอปลอม ยาปลอม หรือผลข้างเคียงที่อันตรายได้ครับ
Skin Booster เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่มีผิวแห้งหรือขาดน้ำ
- ผู้ที่มีริ้วรอยเล็กๆหรือต้องการป้องกันริ้วรอย
- ผู้ที่มีผิวไม่สม่ำเสมอหรือมีจุดด่างดำ
- ผู้ที่ต้องการผิวหน้าดูเปล่งปลั่งและสดใส
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติ
Skin Booster ช่วยอะไรได้บ้าง ?
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวหน้าดูอิ่มน้ำและลดความแห้งกร้าน
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและลดเลือนริ้วรอย
- ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและช่วยให้จุดด่างดำจางลง
- ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี เปล่งปลั่งและกระจ่างใสขึ้น
- เสริมเกราะป้องกันผิว ช่วยให้ผิวต้านทานผลกระทบจากมลพิษและรังสียูวีได้ดีขึ้น
“ ข้อควรรู้ : สำหรับผู้ที่เตรียมตัวทำหน้าโดยใช้เครื่องมือในกลุ่มที่เป็นเลเซอร์ สามารถเตรียมผิวให้แข็งแรงและเพิ่มความชุ่มชื้นก่อนด้วยการฉีด Skin Booster เพื่อให้ผิวมีสภาพพร้อมและสามารถฟื้นตัวได้ดีหลังการทำหัตถการครับ ”
ฉีด Skin Booster ยี่ห้อไหนดี ?
เนื่องจาก Skin Booster ตอนนี้มีหลายยี่ห้อในท้องตลาดครับ แล้วจะเลือก Skin Booster ยี่ห้อไหนดี ?
หมอแนะนำให้เลือกจากปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข สภาพผิว และดูจากความต้องการ ว่าต้องการเห็นผลลัพธ์แบบไหน เร็วแค่ไหน เพราะแต่ละยี่ห้อก็จะมีส่วนผสมและการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน หมอสรุปสั้น ๆ ของแต่ละยี่ห้อให้ครับ
Filler Skin Booster
Filler Skin Booster ข้อดีคือเป็นหัตถการที่ทำแล้วเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที โดนฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic acid (HA) หรือฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลเล็ก ๆ เนื้อบาง ละเอียด เข้าไปใต้ผิวหนัง จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในทุกชั้นผิว ลดริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ และช่วยรักษาคุณภาพผิว (skin quality) ให้ดูอ่อนเยาว์
ยี่ห้อฟิลเลอร์ Skin Booster
- Belotero Revive ฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลก เป็นสาร HA+Glycerol ฉีดแล้วจะช่วยเพิ่มคุณภาพผิว (Skin Quality) ช่วยฟื้นฟูผิวได้ 4 มิติ ได้แก่ ผิวอิ่มฟู เรียบเนียน ชุ่มชื้นฉ่ำวาว และให้ความเด้งกระชับ
- Restylane Vital Light ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ เนื้อเจลอนุภาคเล็ก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวขาดน้ำ และทำให้ผิวดูฉ่ำขึ้น
- Juvederm Volite ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ มีความหนืดกว่า vital light เล็กน้อย ช่วยฉีดบูสต์ผิวให้ชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำและเรียบเนียน
- Flore AQUA-S ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด โมเลกุลขนาดเล็ก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสภาพผิวทั่วหน้า ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ในผิวชั้นตื้น
Rejuran
Rejuran เป็น Skin Booster ที่มีส่วนประกอบหลักเป็น Polynucleotide (PN) บริสุทธิ์ เข้มข้น 2% เป็นสารที่สกัดได้จาก DNA ของปลาแซลมอน มีคุณสมบัติในการซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังที่เสียหายและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว กระชับรูขุมขม ผิวดูอิ่มน้ำ ผิวฟู ดูฉ่ำวาวเป็นผิวกระจก (Glass Skin)
Sculptra
Sculptra ผลิตจากกรดโพลีแลกติก (poly-L-lactic acid : PLLA) ที่จะเน้นประโยชน์เรื่องการกระตุ้นคอลลาเจน Type 1 เสริมสร้างความแข็งแรงให้โครงสร้างผิว ช่วยให้ผิวแน่นอิ่มฟู ลดเลือนริ้วรอย และยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย
Gouri
Gouri สารกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวที่มีส่วนผสมหลักเป็น Polycaprolactone (PCL) หรือไหมน้ำ เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Stimulation) ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ เรียบเนียน ลดริ้วรอย และไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวดูเต่งตึงขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวสามารถรักษาความชุ่มชื้นได้ดีขึ้นอีกด้วย
Radiesse
Radiesse เป็น Skin Booster ที่มีส่วนประกอบสำคัญคือแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) ที่จะช่วยฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม หรือที่เรียกว่า Regenerative Biostimulator ทำให้ผิวคุณภาพดีขึ้น กระชับ ยืดหยุ่น และลดริ้วรอยเล็ก ๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือ Radiesse สามารถช่วยยืดอายุผิวให้คุณภาพดีได้ยาวนานขึ้นด้วยครับ
Exosome
ASCE (Exosome) จะประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุลที่สำคัญต่อผิวกว่า 1,000 ชนิด ที่จะเข้าไปช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว (Skin Rejuvenation) ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังที่เสียหาย ช่วยให้ผิวหน้าฟื้นตัวจากปัญหาต่าง ๆ เช่น ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง รอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ทำให้ผิวดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น
Made Collagen นับเป็นหนึ่งใน Skin Booster ไหม ?
จริง ๆ การฉีดมาเด้คอลลาเจน หรือเมโสหน้าใสยี่ห้ออื่น ๆ ก็นับเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในหมวดหมู่ของ Skin Booster ได้ครับ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการทำ Skin Booster โดยทั่วไปอยู่แล้ว
เพียงแต่การฉีดมาเด้หรือเมโส จะไม่สามารถเติมเต็มริ้วรอยหรือปรับสภาพผิวได้ดีเท่ากัน Skin Booster ตัวใหม่ ๆ ที่เข้ามาครับ จะเน้นฉีดเพื่อบำรุงผิว ข้อดีคือราคาไม่สูงมาก และเพียงพอสำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาผิวเยอะ ๆ ต้องการการบำรุงที่มากกว่าการทาครีมเท่านั้น
ฉีด Skin Booster ตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
- ใบหน้า เป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการทำ Skin Booster เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดูสุขภาพดี อ่อนเยาว์
- ลำคอ ช่วยลดเลือนริ้วรอย ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เกิดริ้วรอยได้ยากขึ้น
- หลังมือ ช่วยให้ผิวหลังมือดูไม่เหี่ยว ลดริ้วรอย ทำให้หลังมือดูอ่อนเยาว์
- แขน,ขา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน
- เนินอก ช่วยให้ผิวบริเวณนี้ดูเนียนเรียบขึ้น
ขั้นตอนการฉีด Skin Booster
การเตรียมผิวก่อนฉีด Skin Booster
ก่อนการฉีด Skin Booster จะมีการทำความสะอาดผิวบริเวณที่ทำ เช็ดเครื่องสำอางออก เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ และอาจจะใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความรู้สึกเจ็บ หรือไม่สบายผิวในระหว่างการฉีด
การฉีด Skin Booster
แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีด Skin Booster เข้าไปในชั้นผิวหนัง โดยเทคนิคการฉีดและระดับความลึกของการฉีด จะขึ้นอยู่กับชนิดของ Skin Booster ที่ใช้ และบริเวณที่ฉีดครับ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับปัญหาและความต้องการของแต่ละคนมากที่สุด
การดูแลหลังฉีด Skin Booster
- การดูแลหลังการฉีด Skin Booster
หลังฉีดอาจมีการแนะนำให้ประคบเย็น เพื่อลดอาการบวมหรือเจ็บ และแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกา หรือบีบนวดบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 1-2 วัน
- งดใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองบนผิวบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 1 คืน
- เลี่ยงการไปสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ซาวน่า ออนเซ็น หรือการอาบน้ำร้อนเป็นเวลาอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนมาก ๆ เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
- ควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB และหลีกเลี่ยงการออกแดดจัด
- ดื่มน้ำมาก ๆ ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและซัพพอร์ตกระบวนการฟื้นฟูผิว
- การติดตามผล
แพทย์จะมีการนัดเพื่อตรวจสอบผลลัพธ์หลังการฉีด หากคนไข้อยากให้เห็นผลลัพธ์มากขึ้น สามารถฉีดเพิ่มเติมได้ตามคำแนะนำของแพทย์ครับ
ฉีด Skin Booster ราคาเท่าไหร่ ?
ฉีด Skin Booster ราคาจะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อและปริมาณที่ใช้ครับ หมอจะช่วยประเมินและแนะนำ ให้เหมาะกับปัญหาผิวและงบประมาณของแต่ละคน
รายการ | จำนวน | ราคา |
---|---|---|
Rejuran | 2 CC | 9,900 |
4 CC | 19,800 | |
6 CC | 29,700 | |
8 CC | 36,000 | |
Gouri | 1 CC | 16,000 |
2 CC | 30,000 ปกติ 32,000 | |
3 CC | 42,000 ปกติ 48,000 | |
4 CC | 52,000 ปกติ 64,000 | |
5 CC | 60,000 ปกติ 80,000 | |
Sculptra | 10 CC | 29,000 |
20 CC | 58,000 | |
ASCE (Exosome) | 1 ครั้ง | 9,500 |
คอร์ส 3 ครั้ง | 26,500 | |
คอร์ส 5 ครั้ง | 42,500 | |
Belotero Revive (Skin booster) | 1 CC | 14,000 |
Restylane Vital light (Skin booster) | 1-2 CC | 14,000-16,000 |
Juvederm volite (Skin booster) | 1-2 CC | 14,000-16,000 |
Flore AQUA-S (Skin booster) | 1-2 CC | 14,000-16,000 |
Radiesse | 2 กล่อง | 64,800 |
Skin Booster ฉีดกี่ครั้งเห็นผล ฉีดบ่อยแค่ไหน ?
หลังฉีด Skin Booster จะเริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเต็มที่อาจจะต้องใช้เวลาเพื่อให้ผิวฟื้นฟู และกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่
หากมีปัญหาผิวมาก ๆ ก็อาจจะต้องฉีดมากกว่า 1 ครั้ง เช่นทุก 2-4 สัปดาห์ 2-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน หมอจะประเมินให้ตามความเหมาะสมครับ
ผลลัพธ์ของ Skin Booster อยู่ได้นานไหม ?
ผลลัพธ์ของ Skin Booster อยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าเราใช้ Skin Booster ตัวไหนครับ มีตั้งแต่อยู่ได้ 6 เดือน ไปจนถึง 2 ปี นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับปัญหาผิวเดิม และการดูแลตัวเองด้วย ถ้ายิ่งดูแลดี ไม่ได้มีพฤติกรรมทำร้ายผิวเพิ่ม ก็จะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้นได้ครับ
ฉีด Skin Booster ที่ไหนดี ?
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มั่นคุณภาพ การบริการ และมาตรฐานของสถานที่
- แพทย์ผู้ฉีด เป็นแพทย์จริง มีประสบการณ์ในการฉีด Skin Booster
- ใช้ Skin Booster ที่ได้มาตรฐาน ผ่านอย. ตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ในแหล่งที่เป็นกลาง น่าเชื่อถือ
- มีการติดตามผลหลังฉีด และมีช่องทางติดต่อที่สะดวก สามารถสอบถามได้หากมีปัญหาหรือข้อสงสัย
Skin Booster ต่างกับการทาครีมอย่างไร ?
การใช้ครีมบำรุงเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดในการดูแลผิวก็จริงครับ แต่ครีมจะใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการทาครีมเพื่อให้ได้ผลดีมีหลายอย่าง เช่น การซึมผ่านชั้นผิวหนัง ส่วนผสม ความสม่ำเสมอที่ใช้
แต่การทำ Skin Booster สารบำรุงต่าง ๆ จะสามารถเข้าถึงชั้นผิวหนังได้ลึกขึ้น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้จริง เป็นการช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวจากโครงสร้าง แม่นยำ ตรงจุดของปัญหา ทำให้เห็นผลได้ชัดเจนและรวดเร็วกว่าการทาครีมมากครับ
ฉีด Skin Booster เจ็บไหม ?
จริง ๆ แล้วการฉีด Skin Booster ไม่ได้เจ็บมากครับ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนทนความเจ็บได้แค่ไหน ปกติก็จะมีการประคบน้ำแข็งหรือแปะยาชาให้ก่อนฉีดอยู่แล้ว คนไข้ส่วนใหญ่ก็สบาย ๆ ครับ แพทย์ที่มีประสบการณ์ก็จะมีเทคนิคการฉีดที่ช่วยลดความเจ็บและลดรอยช้ำหลังฉีดได้ด้วยครับ
สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหน้าที่ต้องการแก้ไข หรือบำรุงเพิ่มเติม สนใจ Skin Booster แต่ไม่รู้จะเลือกยังไงดี สามารถเข้ามาปรึกษาหมอที่คลินิกได้ครับ หรือจะส่งรูป แจ้งปัญหาให้หมอช่วยวิเคราะห์ได้ทางออนไลน์ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ