ระบบผิวหนัง สำคัญอย่างไร ? มีกี่ชั้นผิว ? อยากให้ระบบผิวหนังแข็งแรง มีวิธีไหนช่วยได้บ้าง ?

Reading Time: 4 minutes

ทำความรู้จัก ระบบผิวหนัง

ระบบผิวหนัง

เมื่อพูดถึงสุขภาพและความงาม หลายคนอาจนึกถึงการออกกำลังกายเพื่อดูแลรูปร่าง แต่น้อยคนนักที่จะตระหนักถึงความสำคัญของ “ระบบผิวหนัง” อวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย ซึ่งทำหน้าที่เป็นด่านแรกในการปกป้องเราจากอันตรายภายนอก

การดูแลระบบผิวหนังให้แข็งแรง ไม่เพียงช่วยให้เรามีผิวพรรณที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการรักษาสุขภาพโดยรวมของร่างกายด้วยครับ ในบทความนี้ หมอจะพาไปรู้จักกับโครงสร้างและหน้าที่ของผิวหนังในแต่ละชั้นกันใหม่มากขึ้น รวมถึงวิธีการดูแลผิวให้แข็งแรงทั้งด้วยตัวเอง และด้วยหัตถการทางการแพทย์ที่เหมาะสม

ไม่ว่าจะมีผิวแบบไหน อายุเท่าไร หรือมีปัญหาผิวอะไร บทความนี้จะช่วยให้คนไข้เข้าใจและสามารถดูแลระบบผิวหนังของคุณได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพราะผิวสวย สุขภาพดี เริ่มต้นที่การเข้าใจและดูแล “ระบบผิวหนัง” อย่างถูกวิธีครับ

สารบัญ ระบบผิวหนัง


โครงสร้างระบบผิวหนัง คืออะไร ? มีอะไรบ้าง ?

โครงสร้างระบบผิวหนัง

โครงสร้างระบบผิวหนัง คือ องค์ประกอบทั้งหมดที่ประกอบขึ้นเป็นผิวหนังของมนุษย์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันร่างกายจากสิ่งแวดล้อมภายนอก รวมถึงควบคุมอุณหภูมิและความชื้นของร่างกาย โดยโครงสร้างนี้ประกอบด้วยชั้นผิว 3 ชั้นหลักครับ คือ

  • ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
  • ชั้นหนังแท้ (Dermis)
  • ชั้นใต้ผิวหนัง (Hypodermis)

โครงสร้างระบบผิวแต่ละชั้น มีองค์ประกอบและหน้าที่ต่างกัน แต่จะทำงานร่วมกันเพื่อรักษาสุขภาพผิวและปกป้องร่างกายโดยรวม การเข้าใจโครงสร้างนี้จะช่วยให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลผิวอย่างถูกวิธีและครบถ้วน

หมอจะอธิบายให้ฟังในหัวข้อถัดไปครับว่าระบบผิวหนังแต่ละชั้นนั้นทำหน้าที่อะไรบ้าง และทำไมการดูแลผิวหนังให้แข็งแรงถึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม


ผิวหนังแต่ละชั้นช่วยอะไรบ้าง ?

ผิวหนังแต่ละชั้นช่วยอะไรบ้าง

1. ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ปราการด่านแรกของร่างกาย

ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เป็นชั้นผิวหนังบนสุด มีความหนาประมาณ 0.05-1.5 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของร่างกาย ชั้นนี้ประกอบด้วยเซลล์หลายชนิดที่ทำหน้าที่สำคัญ เช่น

  • ช่วยป้องกันการระเหยของน้ำจากร่างกาย รักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิว
  • ช่วยป้องกันเชื้อโรค แบคทีเรีย และสารพิษจากภายนอก คอยตรวจจับและกำจัดสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย
  • ช่วยผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งไม่เพียงแต่กำหนดสีผิวเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันอันตรายจากรังสี UV ด้วย
  • ช่วยเปลี่ยน 7-dehydrocholesterol ให้เป็นวิตามิน D3 ซึ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพกระดูกและระบบภูมิคุ้มกัน
  • ช่วยในการรับความรู้สึกสัมผัส

2. ชั้นหนังแท้ (Dermis) ศูนย์กลางของความแข็งแรง

ชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นชั้นที่อยู่ใต้ชั้นหนังกำพร้า มีความหนาประมาณ 0.3-3 มิลลิเมตร ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่มีบทบาทสำคัญหลายประการ เช่น

  • ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง ป้องกันการฉีกขาดและการหย่อนคล้อย
  • ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกายผ่านกระบวนการระเหยของเหงื่อ
  • ช่วยในการรับรู้สัมผัส ความเจ็บปวด อุณหภูมิ
  • ช่วยป้องกันการแห้งและแตกของผิว ลดการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
  • ช่วยบำรุงผม เล็บให้แข็งแรง
  • ช่วยในการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ปรับโครงสร้างของผิวหนังอย่างต่อเนื่อง

3. ชั้นใต้ผิวหนัง (Hypodermis) แหล่งพลังงานและการป้องกัน

ชั้นใต้ผิวหนัง (Hypodermis) เป็นชั้นที่ลึกที่สุด ประกอบด้วยเซลล์ไขมันและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีหน้าที่สำคัญดังนี้

  • ช่วยในการเก็บสะสมไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำรองของร่างกาย
  • ช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที่ โดยเฉพาะในสภาวะอากาศหนาวเย็น
  • ปกป้องอวัยวะภายในจากแรงกระทบภายนอก
  • มีส่วนในการผลิตฮอร์โมนบางชนิด เช่น เอสโตรเจนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
VSqare Tips (VSQ Tips)

ข้อควรรู้ : การทำความเข้าใจหน้าที่ของผิวหนังแต่ละชั้น จะช่วยให้คนไข้เห็นภาพรวมของระบบผิวหนังได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถดูแลผิวหนังได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพผิวในระยะยาวครับ


ระบบผิวหนังที่ดี แข็งแรง มีลักษณะอย่างไร ?

ระบบผิวหนังที่ดี มีลักษณะอย่างไร

ระบบผิวหนังที่ดีและแข็งแรง เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม และความงามภายนอก หมอขออธิบายลักษณะของระบบผิวหนังที่ดีและแข็งแรง ดังนี้ครับ

  • สีผิวสม่ำเสมอ : ไม่หมองคล้ำหรือมีจุดด่างดำมากเกินไป แสดงถึงการทำงานที่สมดุลของเม็ดสีเมลานิน
  • ความชุ่มชื้นเหมาะสม : ไม่แห้งกร้านหรือมันเยิ้มจนเกินไป แสดงถึงการทำงานที่ดีของต่อมไขมันและความสามารถในการเก็บกักน้ำของผิว
  • ความยืดหยุ่นดี :เมื่อกดผิวแล้วปล่อย ผิวจะกลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แสดงถึงปริมาณคอลลาเจนและอีลาสตินที่เพียงพอในชั้นหนังแท้
  • พื้นผิวเรียบเนียน : ไม่หยาบกร้านหรือมีสะเก็ดแห้ง แสดงถึงการผลัดเซลล์ผิวที่สมดุล
  • ไม่มีการอักเสบหรือระคายเคือง : เช่น แดง บวม คัน หรือเจ็บ แสดงถึงระบบภูมิคุ้มกันของผิวที่ทำงานได้ดี
  • ทนต่อสิ่งกระตุ้นภายนอก : เช่น แสงแดด ความร้อน หรือความเย็น แสดงถึงมี skin barrier หรือมีเกราะป้องกันผิวที่ดี
  • รูขุมขนเล็กและกระชับ : แสดงถึงการทำงานที่ดีของต่อมไขมันและการรักษาความสมดุลของผิว
  • ไม่มีริ้วรอยก่อนวัย : ผิวที่แข็งแรงจะไม่แสดงริ้วรอยหรือความหย่อนคล้อยก่อนวัยอันควร

การมีระบบผิวหนังที่ดีและแข็งแรง ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสวยงามภายนอกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังในระยะยาวได้ครับ


รู้หรือไม่ ? อายุที่มากขึ้น ระบบผิวหนังและการดูแล ก็จะต่างกันออกไปด้วย

ระบบผิวหนัง แต่ละช่วงอายุ

ในช่วงอายุที่ต่างกัน ผิวหนังของเรามีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันไปด้วย ดังนั้นการดูแลผิวหนังให้เหมาะสมกับช่วงอายุจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งครับ เช่น การดูแลผิวในวัยรุ่นจะเน้นเรื่องการควบคุมความมัน ความกระจ่างใส และป้องกันสิว ในขณะที่การดูแลผิวในวัยผู้ใหญ่จะเน้นการป้องกันริ้วรอยและการคงความชุ่มชื้นของผิวเป็นหลักครับ

1. วัยรุ่น (Teenage Years)

ในช่วงวัยรุ่น ผิวหนังจะมีความมันมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การดูแลผิวในช่วงนี้ควรเน้นการควบคุมความมันและการป้องกันสิว แนะนำให้ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว รวมถึงใช้มอยเจอร์ไรเซอร์และครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่้อลดปัญหาผิว ป้องกันริ้วรอยไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

2. วัยผู้ใหญ่ต้น (Early Adulthood)

ในช่วงวัยผู้ใหญ่ต้น ผิวหนังจะเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ และสูญเสียความชุ่มชื้น แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระและคอลลาเจนเพื่อช่วยคงความยืดหยุ่นและลดริ้วรอย การใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำก็สำคัญเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวครับ

3. วัยกลางคนและผู้สูงอายุ (Middle Age and Senior Years)

ในช่วงวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่นและมีริ้วรอยที่เด่นชัด การดูแลผิวในช่วงนี้ควรเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ ไฮยาลูรอน และเรตินอล (Retinol) เพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และรักษาความชุ่มชื้น

แต่สำหรับช่วงวัยนี้ การใช้สกินแคร์ก็อาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะพวกริ้วรอยแห่งวัย ผิวขาดวอลลุ่ม หน้าตอบ ซึ่งถ้าอยากให้เห็นผลดี การทำหัตถการเพื่อฟื้นฟูผิว เช่น เลเซอร์ การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อก หรือใช้พวกเครื่องยกกระชับผิว จะเป็นตัวช่วยที่เห็นผล และตอบโจทย์มากกว่าครับ

การดูแลผิวให้เหมาะสมกับช่วงอายุ ไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาสุขภาพผิวให้ดีเท่านั้น แต่ยังช่วยชะลอการเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีสภาพผิวที่แตกต่างกัน ดังนั้นการปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย หรือมีปัญหาผิวเฉพาะครับ


วิธีดูแลระบบผิวหนังให้แข็งแรง ด้วยตัวเอง

วิธีดูแลระบบผิวหนัง ด้วยตัวเอง

การดูแลระบบผิวหนังให้แข็งแรงด้วยตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน หมอขอแนะนำวิธีการดูแลผิวที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ดังนี้ครับ

  • ทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการใช้สบู่หรือคลีนเซอร์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่รุนแรง
  • ทามอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังและป้องกันการแห้งกร้าน
  • ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดด เพื่อช่วยปกป้องผิวจากรังสี ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อที่มีโปรตีน เพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวจากภายใน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิวหนัง
  • ออกกำลังกายเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • นอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวหนังได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเองจากความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างวัน
  • งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
  • ไม่แกะ หรือบีบสิว เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการเกิดแผลเป็น

วิธีดูแลระบบผิวหนังให้แข็งแรง ด้วยหัตถการทางการแพทย์

วิธีดูแลระบบผิวหนัง ด้วยหัตถการทางการแพทย์

นอกจากการดูแลผิวด้วยตัวเองแล้ว การเลือกทำหัตถการทางการแพทย์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเสริมสร้างผิวหนังให้แข็งแรงขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลชัดเจนครับ ซึ่งก็จะมีหลายรูปแบบ หลายหัตถการที่มีคุณสมบัติและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปตามนี้ครับ

1. ฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่ใช้สารเติมเต็มไฮยาลูรอน หรือ ไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) ฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยลึก ร่องลึกบนใบหน้า และเพิ่มวอลลุ่มให้กับบริเวณที่มีการสูญเสียความแน่นของผิว เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ริมฝีปาก หรือขมับ

หลังฉีดฟิลเลอร์ผิวจะมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังจากการฉีด และสามารถคงอยู่ได้นาน 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ครับ

2. ฉีดโบท็อกซ์

การฉีดโบท็อกซ์ เป็นหัตถการที่ใช้สารโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin) เพื่อลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น ริ้วรอยบนหน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว และรอยตีนกา โดยจะลดการทำงานของกล้ามเนื้อ มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว จึงช่วยลดริ้วรอย ลดกราม ปรับรูปหน้าและทำให้ผิวเต่งตึงได้ครับ ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ คงอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อก ตำแหน่งที่ฉีด และปริมาณยาที่ใช้

3. เครื่องยกกระชับผิว Hifu Ultraformer III, Ulthera, Thermage

การยกกระชับผิวเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการดูแลระบบผิวหนังให้แข็งแรงและกระชับขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเครื่องยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมจะมี Hifu, Ulthera, Thermage

Hifu Ultraformer III และ Ulthera เป็นการยกกระชับผิวที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ โดยคลื่นเสียงจะส่งผ่านลงไปถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังที่ช่วยพยุงผิวหน้า ทำให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้นทันทีหลังทำ และค่อยๆ เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในระยะยาว

ส่วน Thermage จะเป็นการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency) ในการกระชับผิว โดยส่งพลังงานความร้อนลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูกระชับ ผิวแน่น เหนียงใต้คางลดลง หน้าได้รูป และเรียบเนียนขึ้นครับ

คนไข้สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างของ Hifu Ultraformer III, Ulthera และ Thermage ได้ครับ

4. ฉีดสาร Biostimulator

การฉีดสาร Biostimulator เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยปรับระบบผิวหนังให้แข็งแรง ดูกระชับและเรียบเนียนขึ้นได้ครับ โดยจะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นาน 1-2 ปี เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิว และเพิ่มความกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด มียี่ห้อ Biostimulator ที่นิยม คือ Sculptra และ Radiesse ครับ

5. ฉีดเมโสหน้าใส

การฉีดเมโสหน้าใส หรือเมโสเทอราปี เป็นการฉีดสารบำรุงผิว เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ เข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง เพื่อฟื้นฟูผิวที่เหนื่อยล้าให้กลับดูสดใส เปล่งปลั่ง ผิวเรียบเนียน แข็งแรงมากขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่ต้องการพักฟื้นนาน

สำหรับเมโสหน้าใส จะมีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ คนไข้สามารถเลือกได้ตามปัญหาผิวที่กังวล หรือให้แพทย์แนะนำยี่ห้อที่เหมาะสมให้กับเราได้ครับ

6. ฉีด Skin Booster

การฉีด Skin Booster เป็นการฉีดสารบำรุงผิวที่เข้มข้นเข้าสู่ชั้นผิวหนัง เพื่อฟื้นฟู กระตุ้นเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินครับ

ส่วนใหญ่สาร Skin Booster จะประกอบด้วยส่วนผสมของไฮยาลูรอนิคแอซิด วิตามิน และแร่ธาตุ ซึ่งช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้านและเหนื่อยล้า ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เรียบเนียน เปล่งปลั่งจากภายใน มีคุณภาพผิวดีขึ้น แข็งแรงพอที่จะป้องกันตัวเองจากมลภาวะ ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ครับ

สำหรับ Skin Booster จะมีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ คนไข้สามารถเลือกได้ตามปัญหาผิวที่กังวล หรือให้แพทย์แนะนำยี่ห้อที่เหมาะสมให้กับเราได้ครับ

หัตถการเหล่านี้มีข้อดี คือ ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแรงของผิวหนังอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น และสามารถปรับใช้ได้กับปัญหาผิวที่หลากหลาย อย่างไรก็ตามก่อนการทำหัตถการใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือมีโรคผิวหนังอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุดครับ


สรุประบบผิวหนังสำคัญยังไง

ระบบผิวหนังแต่ละชั้น มีบทบาทสำคัญในการปกป้องร่างกายและรักษาสุขภาพผิวโดยรวม การดูแลที่ถูกต้องจะช่วยให้ทุกชั้นของผิวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี และมีความสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ

สำหรับคนไข้ที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพผิวหรือต้องการคำแนะนำเฉพาะบุคคล ทีมแพทย์ V Square Clinic ยินดีให้คำปรึกษาและคำแนะนำที่เหมาะสมกับผิวของคนไข้ เพื่อให้ระบบผิวหนังทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ และมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว หรือหากมีข้อสงสัยอื่น ๆ สามารถปรึกษาหมอได้ในช่องทางออนไลน์ หรือเข้ามาปรึกษาหมอที่คลินิก ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ42คน

สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ

บทความแนะนำ

ดริปวิตามิน ตัวช่วยให้ผิวกระจ่างใส มีประโยชน์อะไรบ้าง ต่างกับฉีดวิตามินผิวใสอย่างไร ?

Reading Time: 3 minutes- ดริปวิตามิน คืออะไร ? - ดริปวิตามิน แตกต่างกับวิตามินแบบรับประทานอย่างไร ? - ดริปวิตามิน VS กินวิตามิน แบบไหนดีกว่ากัน ? - การดริปวิตามินอันตรายไหม ? - ดริปวิตามิน ช่วยอะไรได้บ้าง ?

February 18, 2025 อ่านต่อ

ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก เพื่อให้โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกติ

Reading Time: 6 minutes- ก่อนฉีดโบท็อก ควรรู้อะไรบ้าง ? - วิธีปฏิบัติตัวก่อนฉีดโบท็อก ที่จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกติ - หลังฉีดโบท็อก ควรปฏิบัติตัวแบบไหน ? ที่จะทำให้โบท็อกสลายช้าที่สุด - ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก - สรุป Timeline ข้อปฏิบัติตัวในการฉีดโบท็อก

Sofwave กับ Ulthera ต่างกันอย่างไร ? เลือกเครื่องไหนเห็นผ...

Reading Time: 4 minutes- รู้จัก Sofwave กับ Ulthera คืออะไร ? - Sofwave กับ Ulthera ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ? - Sofwave กับ Ulthera ต่าง เหมือนกันอย่างไร ? - Sofwave กับ Ulthera เลือกเครื่องไหนดี ? - Sofwave กับ Ulthera กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานเท่าไร ?

Thermage ที่ไหนดี อัปเดต 2025 ก่อนทำควรพิจารณาอะไรบ้าง ?

Reading Time: 4 minutes- ทำ thermage ที่ไหนดี ? พิจารณาอะไรบ้าง ? - ข้อควรรู้ก่อนทำ thermage - เปรียบเทียบ Thermage Flx กับ CPT - เปรียบเทียบ thermage กับเทคโนโลยีอื่น ๆ - thermage ราคาเท่าไหร่ ?

Revanesse Filler จากแคนาดา ผ่านอย.ไทย อีกหนึ่งตัวเลือกฉีด...

Reading Time: 5 minutes- ข้อควรระวัง ฉีดฟิลเลอร์ Revanesse - กระบวนการทำงานของฟิลเลอร์ Revanesse - ฟิลเลอร์ Revanesse แตกต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร ใช้ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้หรือไม่ ? - ฟิลเลอร์ Revanesse มีกี่รุ่น ? แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติอย่างไร ? - ฉีดฟิลเลอร์ Revanesse ราคาเท่าไหร่ ?

ฟิลเลอร์ 1 CC เยอะแค่ไหน ? ฉีดจุดไหนได้บ้าง แต่ละยี่ห้อ ร...

Reading Time: 4 minutes- ฟิลเลอร์ 1 CC ปริมาณเท่าไหร่? - ฟิลเลอร์ 1 CC ฉีดจุดไหนได้บ้าง? - ความแตกต่างของเนื้อฟิลเลอร์แต่ละรุ่น - เปรียบเทียบราคา ฟิลเลอร์ 1 CC แต่ละยี่ห้อ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า