ปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้มไม่กระชับ เป็นปัญหาที่กวนใจหลาย ๆ คนโดยเฉพาะเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น วิธีการแก้ไขมีหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ครีมบำรุงที่ทำได้ง่าย ไม่เจ็บตัว จนไปถึงการผ่าตัดดึงหน้าที่เห็นผลตามต้องการทันที ข้อดี-ข้อเสีย และราคาก็แตกต่างกันไป ทั้งนี้ก็ขึ้นกับความสะดวกและงบประมาณของแต่ละคนครับ
การร้อยไหม ก็เป็นอีกวิธีที่เราได้ยินกันมานาน หลายคนเคยทำแล้ว หลายคนก็ยังไม่แน่ใจถึงความปลอดภัย และบางคนก็ยังไม่ทราบว่าว่าร้อยไหมคืออะไร ใช้วัสดุอะไร PDO Thread Lift คืออะไร ปลอดภัยจริงหรือ ไหม PDO ต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร ทุกข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับการร้อยไหม PDO รวบรวมไว้ในบทความนี้แล้วครับ
สารบัญ ร้อยไหม PDO
ร้อยไหม PDO คือ ?
การร้อยไหม คือการสอดเส้นไหมเข้าไปยังชั้นผิว เพื่อช่วยดึงผิว ยกกระชับผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ในบริเวณที่มีไหม ผิวบริเวณดังกล่าวจึงแน่นกระชับ ดูยกขึ้น ริ้วรอยที่เคยลึกและเหี่ยวย่น ก็ดูเต็มขึ้น กระชับขึ้นได้ครับ โดยการร้อยไหมให้ปลอดภัย ต้องใช้ไหมละลายทางการแพทย์ ที่สลายได้เอง ไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างในร่างกาย โดยปัจจุบัน มีวัสดุที่ใช้ผลิตเส้นไหมหลัก ๆ ได้แก่ PDO, PCL และ PLLA ครับ
ไหม PDO ย่อมาจาก Polydioxanone เป็นไหมละลาย (Absorbable suture) ชนิดแรกที่นำมาใช้เย็บแผลและใช้ทางการแพทย์ โดยเริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1980 มักใช้ในการผ่าตัดอวัยวะภายใน สมานแผลอวัยวะภายใน เช่น การผ่าตัดหัวใจ และเป็นไหมชนิดแรกที่นำมาใช้ในวงการเสริมความงามเพื่อยกกระชับแก้มที่หย่อน ปรับรูปหน้าเรียว และใช้เติมเต็มร่องลึก ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าครับ
คุณสมบัติของไหมละลาย PDO คือ เมื่อนำไหมเข้าสู่ร่างกาย ไหมจะค่อย ๆ ละลายได้เองผ่านการย่อยของเอนไซม์ enzymatic reactions และ hydrolysis โดยจะสลายหมดและนำออกจากร่างกายผ่านระบบขับถ่าย ไม่มีสารตกค้าง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้บริเวณที่ร้อยตึงกระชับขึ้นด้วยครับ
ไหม PDO เป็นไหมเส้นสีน้ำเงิน ขนาด USP0 และ USP2 มีความยืดหยุ่นปานกลาง นิ่ม ไม่เปราะ ในขณะที่ร้อย จะไม่รู้สึกระคายเคือง ไหมละลายหมดประมาณ 6 เดือน และด้วยคุณสมบัติที่สามารถกระตุ้นในเกิดการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดี จึงอาจเห็นว่าผิวยกกระชับขึ้นกว่าตอนก่อนร้อยได้ถึง 12 เดือนในบางรายครับ
ร้อยไหม PDO ต่างกับไหมชนิดอื่นอย่างไร ?
ตามที่ได้กล่าวข้างต้นว่า ปัจจุบัน วัสดุที่ใช้ผลิตเส้นไหมหลัก ๆ มี 3 ชนิด ได้แก่ ไหม PDO, PCL และ PLLA ซึ่งวัสดุทั้ง 3 ชนิดนี้ ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยในการเย็บแผลหรือนำมาใช้ทางการแพทย์ คำถามที่ว่าร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด จุดเด่นของวัสดุแต่ละชนิด สามารถสรุปได้ด้งนี้
ไหม PDO (Polydioxanone)
- เป็นไหมเส้นสีน้ำเงิน ขนาด USP0 และ USP2
- เป็นไหมชนิดแรกที่นำมาใช้ในวงการเสริมความงาม
- ยืดหยุ่นปานกลาง นิ่ม ไม่เปราะ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี
- ขณะที่ร้อย จะไม่รู้สึกระคายเคือง ร้อยง่าย บวมน้อย
- คงผลลัพธ์การยกกระชับได้ประมาณ 4-6 เดือน ไหมละลายหมดประมาณ 6 เดือน
- ไหม PDO เป็นไหมที่มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด
ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
- เป็นไหมที่พัฒนาต่อมาจากไหม PDO เป็นไหมเส้นสีขาว
- ทนต่อแรงดึงได้ดีที่สุด แต่ไม่ค่อยยืดหยุ่น บาง เปราะ ขาดง่าย
- ไหมจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี แต่ด้วยคุณสมบัติที่เปราะ หักง่าย จากการนำมาใช้จริงพบว่าอยู่ได้ไม่ถึง 1 ปี
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีที่สุด สามารถใช้แทนฟิลเลอร์หรือโบท็อกเพื่อลดริ้วรอย แต่มีความเสี่ยงในการใช้เพราะไม่คงทน ขาดง่าย จึงไม่เป็นที่นิยม
- ไหม PLLA เป็นไหมที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีที่สุด
ไหม PCL (Polycaprolactone)
- เป็นวัสดุเส้นไหมใหม่ล่าสุด เป็นเส้นไหมสีขาว ขนาด USP2 เส้นใหญ่ที่สุด
- จุดเด่นคือมีความยืดหยุ่นสูงที่สุด แข็งทน ไม่เปราะหักง่าย
- ไหมจะละลายหมดใน 12 – 18 เดือน แต่ในบางเคสที่ผิวขาดคอลลาเจนหรืออิลาสตินมากๆ ผิวจะหลุดจากเส้นไหมก่อนที่ไหมละลายหมด อาจเห็นผลได้ไม่นานถึง 18 เดือน
- ไหม PCL เป็นไหมที่อยู่ได้นานที่สุด
ด้วยคุณสมบัติที่อยู่ได้นานของไหม PCL และคุณสมบัติการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ดีของไหม PLLA จึงได้มีการนำ PLLA มาผสมในไหม PCL เพื่อเพิ่มความสามารถในการการสร้างคอลลาเจนให้เส้นไหม PCL ดังนั้น PCL+PLLA จึงเป็นไหมที่ดีที่สุดในขณะนี้ครับ
นอกจากวัสดุในการผลิตเส้นไหมที่แตกต่างกันแล้ว ลักษณะรูปทรงของเส้นไหมก็มีส่วนที่ทำให้ผลของการร้อยไหมแตกต่างกัน โดยประเภทของไหม PDO สามารถแบ่งได้ดังนี้
- PDO mono threads (ไหมเรียบ)
ไหมเรียบ ไหมโมโน หรือเรียกว่า การร้อยไหมคอลลาเจน เป็นไหมเส้นสีน้ำเงิน เส้นตรงยาว เน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มักใช้ร้อยเพื่อเติมเต็มผิวคล้ายๆ ฟิลเลอร์ ช่วยลดริ้วรอยในบางจุดช่วยให้ชั้นผิวฟูขึ้น ช่วยกระชับผิวได้เล็กน้อย เติมร่องใต้ตา ริ้วรอยหน้าผาก ลดความหย่อนคล้อยที่คอ ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมเพราะต้องร้อยทับกันหลายเส้น มีโอกาสทำให้เกิดพังผืดได้ครับ
ชื่ออื่น ๆ ที่แต่ละคลินิกตั้งขึ้นมาเพื่อใช้เรียกไหมเรียบ เช่น ไหมมิราคุ, ไหมสเต็มเซล, ไหม ruby, ไหมทับทิม ฯลฯ
- PDO cog threads (ไหมเงี่ยง)
ไหมเงี่ยงหรือที่นิยมเรียกว่า การร้อยไหมก้างปลา เป็นไหมละลายเส้นสีน้ำเงินที่มีเงี่ยงยื่นออกมาจากเส้นไหม ลักษณะคล้ายก้างปลา มีคุณสมบัติช่วยเกี่ยวผิวให้ยกกระชับขึ้น ใช้ร้อยเพื่อดึงยกแก้มที่หย่อน ปรับรูปหน้าเรียว เหมาะกับคนที่มีปัญหาแก้มหย่อน แก้มย้อย ไม่กระชับ หลังร้อยไหมจะเห็นว่าแก้มถูกยกขึ้นทันที และกระชับเพิ่มมากขึ้นใน 1 เดือน
ชื่ออื่น ๆ ที่แต่ละคลินิกตั้งขึ้นมาเพื่อใช้เรียกไหมเงี่ยง เช่น ไหมเงี่ยงกุหลาบ,ไหมก้างปลา 8D, ไหม Rose, ไหมฟันฉลาม, ไหมจระเข้, ไหมปิรันย่า, ไหมล็อค,ไหมค็อก ฯลฯ
- PDO screw threads (ไหมเกลียว)
เป็นการใช้ไหม PDO แบบเรียบ 1-2 เส้นพันเป็นเกลียวแบบต่างๆ ก่อนสอดเข้าใต้ผิวหนัง มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของเส้นไหม ใช้ร้อยเพื่อเติมเต็มผิวที่ยุบ เป็นแอ่ง ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนให้เรียบตึงขึ้น ใช้เพิ่มเนื้อ ช่วยปรับรูปหน้า ริ้วรอยบางจุด หรือต้องการยกแก้มบริเวณแก้มส้มครับ
ชื่ออื่น ๆ ที่แต่ละคลินิกตั้งขึ้นมาเพื่อใช้เรียกไหมเกลียว เช่น ไหมสปริง, ไหมทอร์นาโด ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่พัฒนาไหม PDO ในรูปแบบใหม่ เช่น ไหมมิ้นท์ (Mint lift) ที่มีการขึ้นรูปเงี่ยงแยกออกจากเส้นไหมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้เส้นไหม และไหมโครงตาข่าย (Tesslift soft thread lift) ที่นำวัสดุ PDO รูปทรงคล้ายตาข่ายคลุมรอบเส้นไหม เพื่อเพิ่มแรงดึงและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรอบทิศทาง ทำให้ไหม PDO สามารถอยู่ได้นานขึ้น ยกกระชับได้ดีมากขึ้นครับ
ร้อยไหม PDO ดีไหม ?
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย หากทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน แต่การร้อยไหมดีไหม เห็นผลจริงไหม ต้องตอบว่าขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนครับ การร้อยไหมเป็นวิธียกกระชับหน้า ลดริ้วรอย ที่ให้ผลได้ชัดเจนก็จริง แต่หมอต้องตรวจประเมินสภาพปัญหาบนใบหน้าของคนไข้ก่อนทำทุกเคส ความแน่นของสภาพผิวเป็นอย่างไร จุดไหนบ้างที่คนไข้ต้องการดึงยกกระชับ สามารถแก้ไขได้ด้วยการร้อยไหมหรือไม่
หากประเมินแล้วร้อยไหมแก้ไขได้ หมอจะพิจารณาว่าควรใช้ไหมก้างปลาข้างละกี่เส้น ให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละเคสเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูดีเป็นธรรมชาติมากที่สุด หรืออาจจะต้องใช้หัตถการอื่นร่วมด้วย ขึ้นกับลักษณะโครงหน้าของแต่ละเคสครับ
ร้อยไหม PDO รีวิว
ก่อนตัดสินใจร้อยไหม PDO นอกจากศึกษาข้อมูลความปลอดภัยและรายละเอียดต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการดูรีวิวร้อยไหมก้างปลาครับ ว่าท่านอื่นทำแล้วเป็นอย่างไร ทำแล้วหน้าเป็นแบบไหน แต่ละคลินิกมี feedback จากผู้ใช้บริการจริงอย่างไร เพื่อให้มั่นใจที่สุดก่อนทำครับ
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้ คนไข้มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ทำให้ดูแก่กว่าวัย
หลังทำทันที ผิวบริเวณกรอบหน้ายกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หน้าดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้ มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หน้าไม่มีมิติ
หลังทำทันที กรอบหน้าชัด ใบหน้ายกกระชับขึ้น ริ้วรอยจางลง
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้ คนไข้มีปัญหาหน้าไม่มีมิติ มีแก้มห้อย ทำให้หน้าดูไม่กระชับ
หลังทำทันที ใบหน้าดูเรียวขึ้น แก้มกระชับ ดูอ่อนกว่าวัย
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้คนไข้มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อย มีร่องแก้มลึก แก้มห้อยย้อย
หลังทำทันที ริ้วรอยร่องแก้มดูตื้นขึ้น ใบหน้ายกกระชับ ดูอ่อนกว่าวัย
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้คนไข้มีปัญหาแก้มห้อยย้อย หน้าไม่กระชับ ทำให้ดูแก่กว่าวัย
หลังทำทันที ใบหน้ายกกระชับ กรอบหน้าชัด ร่องแก้มตื้นขึ้น ดูเด็กลง
อ่านบทความเพิ่มเติม : ร้อยไหมหน้าเรียว ที่ไหนดี ? เลือกไหมอย่างไรให้เห็นผลเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน
ร้อยไหม PDO ใช้กี่เส้น ?
ร้อยไหม PDO ใช้ข้างละกี่เส้น ขึ้นอยู่กับลักษณะรูปหน้าของคนไข้แต่ละราย โดยก่อนทำหมอจะเป็นผู้ประเมินใบหน้า ชั้นผิวอย่างละเอียดก่อน โดยทั่วไป ไหมก้างปลาจะใช้ข้างละ 3-10 เส้น โดยพิจารณาจาก
- ขนาดเนื้อแก้มของคนไข้
- ความแน่นของผิว
- คนไข้ต้องการดึงในจุดไหนบ้าง
นอกจากรูปหน้าที่ต้องพิจารณาแล้ว ยังรวมไปถึงความต้องการของคนไข้ด้วยครับ ว่าอยากยกแก้มมากน้อยขนาดไหน ต้องการให้อยู่ได้นานแค่ไหน เพราะการร้อยไหมเปรียบได้เหมือนการใช้เชือกยกสิ่งของ หากใช้จำนวนเส้นมากขึ้นก็จะยกได้มั่นคงแข็งแรงและอยู่ได้นานขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดที่ไม่ควรใช้เส้นไหมมากเกินไป เพราะอาจทำให้ไหมเรียงซ้อนทับกันและเกิดพังผืดในอนาคตได้ครับ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจร้อยไหม ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินอย่างละเอียดก่อนครับ
ร้อยไหม PDO 10 เส้น กับ 20 เส้น ต่างกันไหม ?
อย่างที่กล่าวไปว่า เมื่อใช้จำนวนเส้นไหมมากขึ้น ย่อมทำให้ความแข็งแรงในการดึงมากขึ้นและคงระยะเวลาการดึงในนานมากขึ้น การร้อยไหม PDO 10 เส้น กับ 20 เส้น จึงเห็นผลได้ต่างกัน แต่การที่จะตัดสินใจว่าควรใช้ไหมกี่เส้นดีที่สุด ควรให้แพทย์เป็นผู้ตรวจประเมินและพิจารณาครับ
ร้อยไหม PDO ราคาเท่าไหร่ ?
ร้อยไหมก้างปลา PDO (4-5 เดือน)
8,900.- | 6 เส้น
13,000.- | 10 เส้น
ร้อยไหมก้างปลา PCL (1 ปี)
14,000.- | 4 เส้น
18,000.- | 6 เส้น
25,000.- | 10 เส้น
Mint Lift (6-8 เดือน)
15,000.- | 4 เส้น
25,000.- | 8 เส้น
35,000.- | 12 เส้น
Tesslift Soft (8-12 เดือน)
20,000.- | 4 เส้น
28,000.- | 6 เส้น
35,000.- | 8 เส้น
Tesslift Foxy Eye แก้ตาตก (4-5 เดือน)
25,000.- | 2 เส้น
40,000.- | 4 เส้น
ร้อยไหม PDO กี่วันเห็นผล ?
ร้อยไหมกี่วันเห็นผล เป็นคำถามที่ทักมาถามกันบ่อย ๆ การร้อยไหมก้างปลา จะเห็นผลหลังทำทันทีครับ และอาจมีอาการบวมแดง หรือเขียวช้ำเล็กน้อย ประมาณ 3-4 วันแรกจะบวมมากขึ้น แต่อาการบวมจะยุบลงได้เองในช่วง 14 วัน และใบหน้าจะเข้าที่ได้รูปชัดเจนในช่วงประมาณ 1 เดือนครับ
ร้อยไหม PDO บวมกี่วัน ?
การร้อยไหมเป็นการสอดเส้นไหมเข้าไปตามแนวของผิว จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการบวมช้ำหลังทำค่อนข้างสูง ทั้งจากการฉีดยาชา และเลือดที่ออกใต้ผิวหนัง ถึงแม้หลังทำทันทีจะบวมน้อย แต่ก็อาจจะบวมมากขึ้นในช่วง 3-4 วันแรกครับ แต่ก็จะค่อย ๆ ยุบบวมและหายได้เองภายใน 7-14 วันครับ หากเป็นคนบวมง่าย ช้ำง่าย ก็อาจจะทำให้มีอาการบวมช้ำนานขึ้นได้ครับ ซึ่งอาการบวมลักษณะนี้ถือว่าเป็นอาการปกติครับ
แต่อาการบวมที่ต้องระวังว่าผิดปกติ คือ การบวมมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงหลังร้อยไหมไปแล้ว 3-4 วัน ปวด บวม แดง ร้อน มีหนอง ซึ่งควรจะรีบเข้าไปพบแพทย์อีกครั้งเพื่อประเมินอาการและรับยาทานเพิ่มครับ
ส่วนหลายท่านที่กังวลว่าร้อยไหมเจ็บไหม ตอบตามตรงว่า ร้อยไหมเจ็บครับ แต่จะมีการฉีดยาชาให้ก่อน ทำให้ตอนร้อยไม่รู้สึกว่าเจ็บมาก และสามารถทายาชาก่อนร้อยไหมได้ ไม่มีผลข้างเคียงครับ
ทั้งนี้ หากร้อยไหมกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ก็จะลดความเสี่ยงในการบวมช้ำลงได้มาก และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ทั้งก่อนและหลังการร้อยไหม เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงและคงผลลัพธ์ได้ยาวนานยิ่งขึ้นครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : หลังร้อยไหม มีข้อปฏิบัติ – ข้อห้าม อะไรบ้างที่ควรรู้ เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
สรุป
ไหม PDO เป็นวัสดุที่มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาทั้งในและต่างประเทศ ไหม PDO มีหลายชนิด การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข และควรตรวจประเมินโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น และควรดูรีวิวจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เช่น pantip facebook ที่คลินิกไม่สามารถเข้าไปลบโพสต์ได้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนทำ และผลลัพธ์ออกมาได้ตรงใจที่สุดครับ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ