ง่วงนอนตลอดเวลา สมองล้า (Brain Fog) อ่อนเพลีย รับมืออย่างไรดี ?

Reading Time: 5 minutes
ง่วงนอนตลอดเวลา

ง่วงนอนตลอดเวลา

อาการง่วงนอนตลอดเวลา เป็นปัญหาหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อย ๆ ครับ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานในออฟฟิศ ที่มีอาการง่วงนอนบ่อย ๆ ง่วงนอนตลอดทั้งวัน จนกลายเป็นอุปสรรคในการทำงาน

จริง ๆ แล้ว การนอนเป็นกิจกรรมพื้นฐานที่สำคัญต่อร่างกายและจิตใจของมนุษย์ การได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง สมองได้ประมวลข้อมูล และระบบภูมิคุ้มกันได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่สำหรับหลายคน แม้จะนอนหลับเป็นเวลาที่เพียงพอแล้ว กลับยังรู้สึกง่วงนอนอยู่เสมอ ความรู้สึกเหนื่อยล้าและง่วงซึมติดตัวไปตลอดทั้งวัน

ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการง่วงนอนตลอดเวลา สาเหตุ โรคที่อาจเกี่ยวข้อง ผลกระทบ และวิธีการรับมือ รวมถึงทางเลือกในการรักษาต่าง ๆ เพื่อให้สามารถกลับมามีชีวิตที่กระปรี้กระเปร่าและมีพลังอีกครั้ง

สรุป Key Takeaway
  • ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนตลอดเวลา มาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด การนอนหลับที่ไม่ดี พักผ่อนไม่เพียงพอ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง การได้รับยาบางชนิด ไม่ชอบออกกำลังกาย เป็นต้น
  • การบำรุงสมองให้แข็งแรงอยู่เสมอเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ แนะนำพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด การเลือกทานอาหาร หรือดริปวิตามินบำรุงสมอง ป้องกันภาวะสมองล้า 
  • การดริปวิตามินบำรุงสมอง Brain Flow No Brain เป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญในการลดความเหนื่อยล้าของสมอง เสริมสมาธิ เพิ่มความจำ ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สารบัญ ง่วงนอนตลอดเวลา


ง่วงนอนตลอดเวลาเกิดจากสาเหตุใด ผิดปกติหรือไม่ ?

อาการง่วงนอนตลอดเวลาสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การอดนอน, นอนไม่พอ, หลับไม่สนิท, การเปลี่ยนแปลงของระบบการนอนหลับที่ไม่เหมาะสม, ภาวะเครียดสะสม สมองล้า, ปัญหาสุขภาพทางจิต, การใช้ยา ตลอดจนโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการนอน ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ควรระมัดระวัง เพราะหากละเลย หรือปล่อยให้เกิดอาการลักษณะนี้เป็นเวลานาน ๆ ก็อาจจะส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวหรือเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้

รวมรายละเอียดสาเหตุอาการง่วงนอนตลอดเวลาที่พบได้บ่อย ๆ

  • พฤติกรรมการนอนไม่เหมาะสม

การนอนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหลักที่พบบ่อยที่สุดครับ ผู้ใหญ่ทั่วไปต้องการการนอนหลับประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อคืนครับ

ในกรณีที่นอนน้อยกว่านี้เป็นประจำ ร่างกายจะสะสม “หนี้การนอน” (Sleep Debt) ซึ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา

ง่วงนอนตลอดเวลา เพราะนอนไม่เหมาะสม

นอกจากนี้ การที่มีตารางการนอนที่ไม่สม่ำเสมอ เช่น นอนดึกในวันหยุดและตื่นเช้าในวันทำงาน ก็ทำให้นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) ของร่างกายสับสน ส่งผลให้รู้สึกง่วงในเวลากลางวันได้

  • คุณภาพการนอนไม่ดี

แม้ว่าบางคนจะนอนครบ 8 ชั่วโมง แต่หากคุณภาพการนอนไม่ดี ร่างกายก็จะไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอเช่นกันครับ ทั้งนี้คุณภาพการนอนที่ไม่ดีอาจเกิดจากการตื่นบ่อยระหว่างคืน การนอนในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน แสงสว่างมากเกินไป หรืออุณหภูมิไม่เหมาะสม เป็นต้น

  • ความเครียดและปัญหาสุขภาพจิต

ความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า มีผลต่อคุณภาพการนอนอย่างมากครับ ผู้ที่มีความเครียดสูง ทำงานหนัก มีเรื่องให้คิดตลอดเวลาจนสมองล้า (Brain Fog) มักมีปัญหาในการเข้านอน หรือตื่นกลางดึกและไม่สามารถหลับต่อได้ สภาวะทางจิตใจเหล่านี้ยังส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งรบกวนวงจรการนอนและทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า มึนงง อ่อนล้าในเวลากลางวัน

ง่วงนอนตลอดวลา สมองล้า
  • ผลข้างเคียงจากยา

ยาหลายชนิดมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการง่วงนอน ได้แก่ ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต ยาคลายกล้ามเนื้อ ยากล่อมประสาท ยาระงับปวด และยาลดการอักเสบบางชนิด หากรับประทานยาเหล่านี้แล้วเริ่มรู้สึกง่วงผิดปกติหลังจากเริ่มใช้ยาใหม่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนยาหรือขนาดยาครับ

  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตและโภชนาการ

การขาดการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือมีน้ำตาลสูง การดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนมากเกินไปโดยเฉพาะในช่วงเย็นหรือก่อนนอน ล้วนส่งผลต่อคุณภาพการนอนและทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าในวันถัดไป

ง่วงนอนตลอดวลา ดื่มกาแฟมากไป

นอกจากนี้ การขาดวิตามินและแร่ธาตุบางชนิด เช่น วิตามินบี วิตามินดี ธาตุเหล็ก กรดอะมิโน เปปไทด์ วิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ก็สามารถทำให้รู้สึกเหนื่อยและขาดพลังงาน ทำให้รู้สึกง่วงนอนตลอดเวลาได้ครับ

ง่วงนอนตลอดเวลา อันตรายไหม ผิดปกติหรือไม่ ?

ในกรณีที่มีอาการง่วงนอนตลอดเวลาเป็นครั้งคราว ยังถือเป็นเรื่องปกติครับ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงตารางชีวิต การเดินทางข้ามเขตเวลา (Jet lag) หรือหลังจากช่วงที่นอนน้อยเนื่องจากการทำงานหรือการเรียนที่หนัก

อย่างไรก็ตาม หากอาการง่วงนอนเกิดขึ้นเป็นประจำแม้ว่าจะพยายามที่เข้านอนเร็ว เพื่อให้ได้เวลาการนอนที่เพียง แต่ก็ยังรู้สึกง่วงนอน อ่อนเพลีย จนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ลักษณะเช่นนี้ ถือว่าเป็นความผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การนอนกรน การหยุดหายใจขณะหลับ หรือมีอาการง่วงที่รุนแรงจนทำให้หลับโดยไม่ตั้งใจในระหว่างวัน


อาการง่วงนอนตลอดเวลา เป็นโรคอะไรได้บ้าง ?

ในกรณีที่อาการง่วงนอนตลอดเวลา ที่ผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของโรคบางโรค ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะโรคเหล่านี้

  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea)

เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มความผิดปกติของการนอนหลับ เกิดจากทางเดินหายใจส่วนบนถูกปิดกั้นชั่วคราวขณะหลับ ทำให้การหายใจหยุดชะงักเป็นช่วง ๆ ส่งผลให้คุณภาพการนอนลดลงและรู้สึกง่วงในเวลากลางวันครับ

ง่วงนอนตลอดเวลาจากโรค

ผู้ที่มีภาวะนี้มักจะมีอาการนอนกรนดัง หายใจติดขัด รู้สึกเหนื่อยเมื่อตื่นนอน และมีอาการปวดศีรษะในตอนเช้า โรคนี้พบบ่อยในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน มีคอสั้นและหนา หรือมีเนื้อเยื่ออ่อนในช่องคอมากเกินไป

  • โรคลมหลับ (Narcolepsy)

เป็นโรคทางระบบประสาทที่ทำให้สมองไม่สามารถควบคุมวงจรการหลับและการตื่นได้อย่างปกติ ผู้ป่วยมักมีอาการง่วงนอนอย่างรุนแรงในเวลากลางวันและอาจหลับโดยไม่ตั้งใจแม้ในขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ขับรถ หรือทำงาน

นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการอื่น ๆ เช่น อาการหลับโดยกะทันหันเมื่อมีอารมณ์แรง (Cataplexy) ประสบการณ์คล้ายฝันขณะเคลื่อนไหวไม่ได้ก่อนหลับหรือหลังตื่น (Sleep Paralysis) และภาพหลอนขณะใกล้หลับหรือใกล้ตื่น (Hypnagogic / Hypnopompic Hallucinations)

  • โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)

โรคนอนไม่หลับทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการเข้านอน การนอนหลับต่อเนื่อง หรือการตื่นเช้าเกินไปและไม่สามารถหลับต่อได้ แม้ว่าอาการหลักของโรคนี้คือการนอนไม่หลับ แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาคืออาการง่วงและเหนื่อยล้าในเวลากลางวัน โรคนี้อาจเกิดจากความเครียด ความวิตกกังวล การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือแม้แต่ความเชื่อและทัศนคติที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการนอน

ง่วงนอนตลอดเวลาจากสภาพจิตใจ
  • โรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล

โรคทางจิตเวชเหล่านี้มักส่งผลต่อการนอนหลับ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอาจมีทั้งอาการนอนมากเกินไปหรือนอนน้อยเกินไป และยังมีความเหนื่อยล้าเป็นหนึ่งในอาการสำคัญ ส่วนโรควิตกกังวลมักทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการนอน ส่งผลให้นอนไม่หลับและรู้สึกเหนื่อยในวันถัดไป

  • โรคไฮโพไทรอยด์ (Hypothyroidism)

เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป ทำให้เมตาบอลิซึมของร่างกายช้าลง ส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยล้าและง่วงนอนตลอดเวลา

นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการอื่น ๆ เช่น ผิวแห้ง ทนความหนาวได้น้อยลง ผมร่วง น้ำหนักเพิ่ม และท้องผูก

  • โรคทางเดินหายใจอื่น ๆ

โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคหอบหืด หรือโรคถุงลมโป่งพอง อาจทำให้การหายใจขณะนอนหลับเป็นไปได้ยากขึ้น ส่งผลให้คุณภาพการนอนลดลงและรู้สึกเหนื่อยล้าในเวลากลางวัน

  • โรคขาดสารอาหารและวิตามิน

การขาดวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญบางชนิด เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี12 ธาตุเหล็ก วิตามินดี หรือแมกนีเซียม อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและง่วงนอนตลอดเวลาได้ โดยเฉพาะภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia) ที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์


ผลเสียของปัญหาง่วงนอนตลอดเวลา

อาการง่วงนอนตลอดเวลาที่ไม่ได้รับการแก้ไข นอกจากจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตโดยตรงแล้ว ยังอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงในระยะยาว ดังนี้

  • ผลกระทบต่อการทำงานและการเรียน

อาการง่วงนอนทำให้สมาธิและความจำลดลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงาน เรียนลดลง ทำให้การตัดสินใจช้าลง เสี่ยงเกิดข้อผิดพลาดมากขึ้น ความคิดสร้างสรรค์ลดลง นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุในที่ทำงานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความแม่นยำหรือเครื่องจักรที่อันตราย

ง่วงนอนตลอดเวลา ทำงานแย่ลง
  • ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

การขับรถขณะง่วงนอนเป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนนครับ ร่างการอ่อนเพลีย ง่วงนอนมาก ๆ มีความเสี่ยงเทียบเท่ากับการขับรถขณะมึนเมา ซึ่งการหลับในขณะขับรถแม้เพียงเสี้ยววินาทีก็สามารถนำไปสู่อุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้ครับ

นอกจากนี้ อาการง่วงนอนยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในชีวิตประจำวันอื่น ๆ เช่น การตกบันได การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือการทำงานบ้านเป็นต้น

  • ง่วงนอนตลอดเวลาเสี่ยงปัญหาสุขภาพจิต

อาการง่วงนอนตลอดเวลาเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล ในขณะเดียวกัน ปัญหาสุขภาพจิตที่มีอยู่แล้วก็อาจแย่ลงเนื่องจากการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ เกิดเป็นวงจรที่ทำให้ทั้งอาการง่วงนอนและปัญหาสุขภาพจิตแย่ลงไปพร้อมกัน

  • ผลกระทบต่อความสัมพันธ์และชีวิตทางสังคม

คนที่นอนไม่พอ มีอาการง่วงนอนตลอดเวลาสามารถส่งผลทำให้อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ขาดความอดทน และมีพลังงานไม่เพียงพอในการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

นอกจากนี้ อาการง่วงนอนยังอาจทำให้ขาดความสนใจในกิจกรรมทางสังคมที่เคยชื่นชอบ นำไปสู่การแยกตัวจากสังคม

ง่วงนอนตลอดเวลาหงุดง่าย
  • ผลเสียต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว

การอดนอนเรื้อรังและคุณภาพการนอนที่ไม่ดีมีความเชื่อมโยงกับการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังหลายชนิด ได้แก่

  1. โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง
  2. โรคเมตาบอลิก เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคอ้วน
  3. ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
  4. ระบบย่อยอาหารผิดปกติ เช่น กรดไหลย้อน และกระเพาะอาหารอักเสบ
  5. ความเสื่อมของระบบประสาทและสมอง ซึ่งอาจนำไปสู่การเสื่อมถอยของความจำและความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมในระยะยาว
  • ผลกระทบต่อการควบคุมน้ำหนัก

การนอนไม่เพียงพอส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหาร ได้แก่ เลปติน (Leptin) ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่ม และเกรลิน (Ghrelin) ที่กระตุ้นความรู้สึกหิว การขาดการนอนหลับทำให้ระดับเลปตินลดลงและเกรลินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รู้สึกหิวมากขึ้น กินอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักและความเสี่ยงต่อโรคอ้วนได้ง่ายครับ

  • ผลกระทบต่อระบบประสาทและสมอง

การนอนไม่เพียงพอเป็นประจำอาจส่งผลต่อการทำงานของสมอง ได้แก่

  • ความจำและการเรียนรู้ลดลง เนื่องจากสมองไม่ได้รับการประมวลข้อมูลอย่างเพียงพอในช่วงการนอนหลับ
  • ความสามารถในการแก้ปัญหาและคิดวิเคราะห์ลดลง
  • การตอบสนองช้าลง ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
  • ความคิดสร้างสรรค์ลดลง
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย

วิธีการรับมืออาการง่วงนอนตลอดเวลา

วิธีการรับมืออาการง่วงนอนตลอดเวลาสามารถทำได้ตัวเราเองไปถึงการเข้ารับการรักษาตามความรุนแรงของอาการ ดังนี้

1. ปรับปรุงสุขอนามัยการนอน (Sleep Hygiene)

  • กำหนดเวลานอนและตื่นให้สม่ำเสมอ : พยายามนอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน แม้แต่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อรักษาจังหวะนาฬิกาชีวภาพของร่างกาย
  • สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการนอน : ห้องนอนควรมืด เงียบ และมีอุณหภูมิที่เหมาะสม (ประมาณ 18-22 องศาเซลเซียส) อาจใช้ม่านกันแสง ที่อุดหู หรือเครื่องสร้างเสียงธรรมชาติ (White noise) ช่วยได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน : แสงสีฟ้าจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือโทรทัศน์ รบกวนการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการนอนหลับ ควรหยุดใช้อุปกรณ์เหล่านี้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน
  • จำกัดการนอนกลางวัน : หากจำเป็นต้องงีบหลับในตอนกลางวัน ไม่ควรนอนนานเกิน 20-30 นาที และไม่ควรงีบหลังเวลา 15.00 น. เพราะอาจส่งผลต่อการนอนในตอนกลางคืน

2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและอาหารการกิน

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ : การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอน แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักภายใน 2-3 ชั่วโมงก่อนนอน เนื่องจากอาจทำให้นอนยากขึ้น
  • เลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ : หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มชูกำลังที่มีคาเฟอีนหลังเที่ยงวัน แอลกอฮอล์อาจช่วยให้หลับง่ายขึ้น แต่จะรบกวนการนอนในช่วงหลังของคืนและทำให้คุณภาพการนอนแย่ลง
  • รับประทานอาหารให้เหมาะสม : หลีกเลี่ยงอาหารหนักในตอนเย็น โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง เผ็ด หรือมีกรดมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนและรบกวนการนอน ควรรับประทานอาหารเย็นอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนนอน
  • จัดการความเครียด : ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การฝึกหายใจลึกๆ การทำสมาธิ โยคะ หรือการนวด เพื่อลดความเครียดและความวิตกกังวลซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการนอนไม่หลับ
  • รับแสงแดดให้เพียงพอ : การได้รับแสงแดดธรรมชาติในตอนเช้าช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพและกระตุ้นการตื่นตัว ในขณะที่ช่วงเย็นควรลดแสงสว่างลงเพื่อเตรียมร่างกายสำหรับการนอน

3. เข้ารับการรักษาทางการแพทย์

ในกรณีที่มีอาการรุนแรงมีอาการง่วงนอนตลอดเวลานาน ๆ หรือในช่วงกลางคืนมีภาวะนอนไม่หลับ หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อย ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และเข้ารับการรักษาอย่างตรงจุดครับ เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงเกิดโรค ซึ่งวิธีการตรวจรักษาอาจมีทั้ง

  • การตรวจการนอนหลับ (Polysomnography) เพื่อประเมินคุณภาพการนอนและค้นหาความผิดปกติต่าง ๆ
  • การตรวจเลือดเพื่อหาภาวะขาดธาตุเหล็ก โรคไทรอยด์ หรือเบาหวาน
  • การประเมินทางจิตวิทยาเพื่อวินิจฉัยโรคซึมเศร้าหรือวิตกกังวล

ทั้งนี้การตรวจรักษาในแต่ละเคสอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ครับ

4.ฟื้นฟูร่างกาย ดริปวิตามินบำรุงสมอง

การดริปวิตามิน (Vitamin Drip) หรือการให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ เป็นอีกวิธีที่ช่วยเรียกคืนความสดใส ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในการแก้ปัญหาอาการเหนื่อยล้าและง่วงนอน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีตารางชีวิตที่เร่งรีบและต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

การดริปวิตามินบำรุงสมอง เป็นการให้สารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระทางหลอดเลือดดำโดยตรง แทนที่จะรับประทานในรูปแบบอาหารหรืออาหารเสริม ซึ่งทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ 100% และออกฤทธิ์เร็วกว่า เนื่องจากไม่ต้องผ่านระบบทางเดินอาหาร สูตรการดริปที่นิยมใช้เพื่อบำรุงสมอง ที่ V Square Wellness Center จะเป็นสูตร Brain Flow No Brain ที่เน้นช่วยลดความเหนื่อยล้าของสมอง ช่วยให้มีสมาธิและความจำดีขึ้น ร่วมถึงช่วยให้สภาพร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่าอีกครั้งครับ


รู้จักสูตรดริปวิตามินบำรุงสมอง (Brain Flow No Brain)

การดริปวิตามินบำรุงสมอง ที่ V Square Wellness Center จะเป็นสูตร Brain Flow No Brain เป็นการฉีดสารเปปไทด์ที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทหลายชนิด ช่วยเพิ่มความสามารถของสมองในการซ่อมแซมตัวเองโดยการกระตุ้นการฟื้นฟูของระบบประสาท รวมถึงวิตามินต่าง ๆที่ช่วยลดความเหนื่อยล้า เพิ่มความสดชื่น พร้อมทำงาน

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ประสบความเหนื่อยล้าของสมอง ผู้ที่ต้องการตัวช่วยเพิ่มสมาธิ เพิ่มประสิทธิภาพในการรับรู้และความจำ

วิตามินบำรุงสมอง Brain Flow No Brain

ประโยชน์ สูตรดริปวิตามินบำรุงสมอง (Brain Flow No Brain)

สูตรวิตามินบำรุงสมอง Brain Flow No Brain จะประกอบด้วยวิตามินและตัวยาสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสามารถของสมองดังนี้

  • วิตามินบีรวม (B Complex)

ประโยชน์ของวิตามิน B Complex คือมีวิตามินบีหลายชนิดประกอบเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนกระบวนการทางชีวเคมีและสุขภาพของร่างกาย เช่น

  • B1 : ช่วยระบบประสาทและเผาผลาญพลังงาน
  • B2 : ต้านอนุมูลอิสระและสนับสนุนการผลิตพลังงาน
  • B3 : ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและการไหลเวียนเลือด
  • B5 : ช่วยสร้างฮอร์โมนและเผาผลาญไขมัน
  • B6 : สนับสนุนระบบประสาทและภูมิคุ้มกัน
  • B7 : เสริมสร้างเส้นผม ผิวหนัง และเล็บ
  • B9 : สำคัญต่อการพัฒนาของเซลล์
  • B12 : บำรุงระบบประสาทและสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
วิตามินบีบำรุงสมอง
  • วิตามิน B12

วิตามินบี 12 ในสูตรดริปวิตามินบำรุงสมอง (Brain Flow No Brain) จะช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและการทำงานของระบบประสาท ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง (Anemia) ที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย

สามารถช่วยในการบำรุงการทำงานของสมอง ความจำ และซ่อมแซมเส้นประสาท ช่วยลดระดับโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) ซึ่งเป็นสารที่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงช่วย ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและลดความเสี่ยงของผมร่วงหรือเล็บเปราะได้ด้วยครับ

  • เปปไทด์ ( Cerebrolysin)

Cerebrolysin เป็นชื่อยี่ห้อของสารสกัดเปปไทด์ที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทหลายชนิด ช่วยเพิ่มความสามารถของสมองในการซ่อมแซมตัวเองโดยการกระตุ้นการฟื้นฟูของระบบประสาท สามารถกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเซลล์สมอง (neuroregeneration) โดยช่วยเพิ่มการสร้างเซลล์ประสาทและการงอกใหม่ของเส้นใยประสาท ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อสมองที่เสียหายจากการบาดเจ็บ, โรคหลอดเลือดสมอง, หรือภาวะสมองเสื่อม และ ช่วยปรับปรุงการทำงานของสมองในด้านการเรียนรู้ ความจำ และสมาธิ

ข้อดีการดริปวิตามินบำรุงสมอง (Brain Flow No Brain)

  1. เพิ่มพลังงานทันที : ผู้ที่ได้รับการดริปวิตามิน Brain Flow No Brain จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาอาการง่วงนอนในระยะสั้นได้
  2. การทำงานของสมองดีขึ้น : สูตรดริปวิตามิน Brain Flow No Brain จะประกอบด้วยวิตามินบีเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งสามารถ ช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำ สมาธิ และความคิดสร้างสรรค์ได้
  3. ลดความเครียดและความวิตกกังวล : วิตามินบียังช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาการนอนหลับ
  4. แก้ไขภาวะขาดวิตามินอย่างรวดเร็ว : สำหรับผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินอย่างรุนแรง การดริปวิตามินสามารถเติมเต็มระดับวิตามินในร่างกายได้อย่างรวดเร็วกว่าการรับประทานอาหารเสริม
  5. ช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังการเจ็บป่วย : การดริปวิตามินช่วยเร่งการฟื้นฟูร่างกายหลังการเจ็บป่วย ช่วยให้ร่างกายกลับมามีพลังงานและตื่นตัวได้เร็วขึ้น

ข้อควรระวังในการดริปวิตามินบำรุงสมอง

สูตรดริปวิตามิน Brain flow no Brain fog มีข้อห้ามในการใช้ในกลุ่มบุคคลเหล่านี้

  • ผู้ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา Sodium hydroxide
  • ผู้ป่วยโรคลมชัก ผู้ป่วยโรคไต

ทั้งนี้ การดริปวิตามินสามารถช่วยบำรุงสมอง และแก้ปัญหาอาการง่วงนอนตลอดเวลาได้เพียงชั่วคราว และไม่สามารถทดแทนการนอนหลับที่มีคุณภาพหรือการแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา คนไข้จำเป็นต้องดูแลตัวเองร่วมด้วย


ดริปวิตามินสูตร Brain Flow No Brain Fog ที่ V Square Wellness Center

ที่ V Square Wellness Center มีให้บริการ ดริปวิตามินบำรุงสมอง Brain Flow No Brain ราคา 2,900.-/ 1 ครั้ง สามารถให้ได้ทุก 2-4 สัปดาห์ ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ครับ

ราคาดริปวิตามินสูตร Brain Flow No Brain

นอกจาก การดริปวิตามินสูตร Brain Flow No Brain Fog แล้ว ที่ V Square Wellness Center ยังมีบริการให้คำปรึกษาโดยแพทย์ ไม่มีค่าใช้จ่าย และมีวิตามินหลายสูตรให้เลือกครับ ทั้งในกลุ่ม Healthy Booster และมี Aura White Booster สำหรับคนที่ต้องการเน้นงานผิวโดยเฉพาะ

บริการ V Square Wellness Center
ราคาโปรแกรมดริปวิตามิน

สรุป ง่วงนอนตลอดเวลา อย่าละเลย เช็กสาเหตุเพื่อดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม

สำหรับผู้ที่มีอาการง่วงนอนตลอดเวลา รู้สึกอ่อนเพลียทั้งที่พักผ่อนเพียงพอ ควรเข้าปรึกษาเเพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคให้ถูกต้องครับ เพื่อร่างกายจะได้กลับมามีสุขภาพกายดี สุขภาพจิตสดใสอีกครั้ง

สำหรับผู้ที่สนใจการดริปวิตามิน สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้โดยตรง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ V Square Wellness Center สาขา เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 5 โซน Wellness ใกล้ลิฟต์แก้ว


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
ปรึกษาหมอ
บทความแนะนำ

รู้จัก HarmonyCa นวัตกรรมฟิลเลอร์ใหม่ คืนความอ่อนเยาว์ กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวจากภายใน

Reading Time: 3 minutes- HarmonyCa คืออะไร ? - จุดเด่นของ HarmonyCa ที่ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป - รวมประโยชน์ของ HarmonyCa ทั้งในระยะสั้นและยาว - HarmonyCa ฉีดจุดไหนได้บ้าง ? - HarmonyCa เหมาะกับใครบ้าง ใครบ้างที่ควรใช้ ?

Jawline ผู้ชาย ควรเป็นแบบไหน ? รวมวิธีสร้างกรอบหน้า ให้เห...

Reading Time: 4 minutes- ลักษณะของ jawline ผู้ชายที่ได้รับความนิยม เป็นแบบใด ? - Jawline ผู้ชาย VS Jawline ผู้หญิง แตกต่างกันอย่างไร ? - Jawline ไม่ชัด เกิดจากอะไร ? - 10 วิธีสร้าง jawline ผู้ชาย ให้คมชัดแบบเร่งด่วน

หายใจไม่สะดวก หายใจไม่อิ่ม เกิดจากอะไร ? รู้สาเหตุ  อาการ...

Reading Time: 5 minutes- หายใจไม่สะดวก คืออะไร ? ทำไมต้องใส่ใจอาการนี้ - หายใจไม่สะดวก หายใจไม่อิ่ม มีลักษณะอาการอะไรบ้าง ? - สาเหตุของอาการหายใจไม่สะดวก เกิดจากอะไร ? - เช็กด่วน! ระดับความรุนแรงของอาการหายใจไม่สะดวก คุณอยู่ระดับไหน ? - หายใจไม่สะดวก อันตรายไหม ? เสี่ยงอะไรบ้าง?

หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น อาการแบบไหนอันตราย ? ฟื้นฟูร่างกายแล...

Reading Time: 5 minutes- หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น คืออะไร ? ทำไมต้องใส่ใจอาการนี้ ? - หัวใจของเราทำงานอย่างไร ? อัตราการเต้นของหัวใจ โดยทั่วไปเป็นแบบไหน ? - สาเหตุของอาการหัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น - หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น มีอาการอะไรบ้าง? - อาการหัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น แบบไหนที่ควรพบแพทย์ ?

อ่อนล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายเกิดจากอะไร ? รวมวิธีบูสต์พล...

Reading Time: 3 minutes- 10 สาเหตุของอาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย - ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ที่ V Square Wellness - บูสต์พลัง บำรุงสมอง เสริมความจำ ด้วย Vitamin IV Drip - IV Drip สูตร Brain Flow No Brain Fog - เปปไทด์ และวิตามินบี สำคัญต่อร่างกายอย่างไร ?

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า