อ่อนล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายเกิดจากอะไร
อ่อนล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายเกิดจากอะไร ? อาการเหล่านี้พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน แม้ว่าจะพักผ่อนเพียงพอ แต่บางคนก็ยังรู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลียอยู่ เพราะนอกจากเรื่องของการนอนหลับพักผ่อน ยังมีอีกหลายสาเหตุครับ ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานของสมอง เช่น สมาธิ ความจำ และการตัดสินใจ
สารบัญ อ่อนล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายเกิดจากอะไร
10 สาเหตุของอาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
อาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายเกิดจากอะไร ? หมอรวบรวม 10 สาเหตุที่พบบ่อย มีดังนี้
1.ภาวะนอนหลับไม่ได้คุณภาพ
การนอนหลับที่มีคุณภาพและเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพสมองและร่างกาย เพราะในช่วงที่เราหลับสนิท ร่างกายจะปล่อยฮอร์โมนที่สำคัญต่อการซ่อมแซมเซลล์สมองและระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะช่วงหลับตื้นไปจนถึงหลับลึก (NREM sleep) และช่วงที่หลับฝัน (REM sleep)
หากนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน หรือมีปัจจัยรบกวน เช่น ความเครียด สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม หรืออาการป่วย จะทำให้คุณภาพการนอนลดลง ตื่นมารู้สึกไม่สดชื่น อ่อนเพลียเรื้อรัง และส่งผลกระทบโดยตรงต่อสมาธิ ความจำ และการทำงานของสมองโดยรวม
2.ภาวะเครียดเรื้อรัง
ความเครียดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือเรื้อรัง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานของสมองทั้งในเชิงโครงสร้างและระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร่างกายตอบสนองต่อความเครียดด้วยการปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอลในปริมาณสูงเป็นระยะเวลานาน ทำให้เซลล์สมองเกิดภาวะอักเสบ และการทำงานของสมองลดประสิทธิภาพลงอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ความเครียดที่สะสมอาจทำให้เกิดภาวะเหนื่อยล้าจากความเครียด (Stress-Related Exhaustion Disorder : ED) ส่งผลให้มีอาการเหนื่อยล้าทั้งทางกายและทางใจ
3.โรคเรื้อรังที่มีผลต่อสมองและระบบประสาท
อาการอ่อนล้าเรื้อรังอาจเกี่ยวข้องกับโรคต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท เช่น ภาวะโลหิตจาง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ปอด ตับ ไต ภาวะซึมเศร้า โรคมะเร็ง และภาวะปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง (Fibromyalgia)
โรคเหล่านี้จะลดประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง ส่งผลให้รู้สึกอ่อนล้าเหนื่อยง่าย เมื่อได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาการดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้น
4.รับประทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ
การรับประทานอาหารที่ไม่ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ ไม่เพียงส่งผลให้ร่างกายขาดพลังงานที่จำเป็นในการทำงาน แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อสมองด้วย ทำให้ประสิทธิภาพในการคิด วิเคราะห์ และจดจำลดลง นอกจากนี้ร่างกายจะเริ่มดึงไขมันและโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน ส่งผลให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อและรู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลียได้
5.ภาวะขาดสารอาหารและวิตามินที่จำเป็น
การขาดวิตามิน เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบีรวม และวิตามินบี 12 มีผลอย่างมากต่อสมอง เนื่องจากวิตามินบีเหล่านี้มีหน้าที่ช่วยในการสร้างสารสื่อประสาท ช่วยควบคุมสมาธิและความจำ หากขาดวิตามินบีเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการอ่อนล้า เหนื่อยง่าย สมองล้า คิดช้าลง และมีปัญหาด้านความจำ
อ่านบทความเพิ่มเติม : วิตามินบี สำคัญอย่างไร ? ต่อการฟื้นฟูร่างกาย สมอง จิตใจ
6.บริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูง
การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลในปริมาณสูงหรือบ่อยเกินไป ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อบริโภคน้ำตาลจำนวนมากในช่วงเย็นหรือก่อนเข้านอน จะกระตุ้นให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และลดลงอย่างฉับพลันในช่วงกลางคืน ส่งผลให้ระบบประสาทตื่นตัว รบกวนการนอนหลับ ทำให้นอนหลับไม่สนิทและรู้สึกไม่สดชื่นในตอนเช้า
น้ำตาลที่สูงเกินไปยังส่งผลเสียต่อการทำงานของสมองในระยะยาว ทำให้สมองล้า ความสามารถในการคิดและสมาธิลดลง และมีผลต่อความจำและอารมณ์อีกด้วย
7.ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน
น้ำหนักตัวที่มากเกินไปส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงสมอง ส่งผลให้ร่างกายและสมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการอ่อนล้า เหนื่อยง่าย สมองอาจทำงานได้ช้าลง มีผลต่อสมาธิและการจดจำ
8.บริโภคคาเฟอีนมากเกินความจำเป็น
การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณมากหรือถี่เกินไปจะส่งผลกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้สมองตื่นตัวมากเกินไปและเกิดความเครียด เมื่อผลของคาเฟอีนหมดฤทธิ์จะส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง สมองล้าจากการถูกกระตุ้นซ้ำ ๆ และมีผลกระทบต่อการนอนหลับ คุณภาพของการพักผ่อนลดลง ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมองและสมาธิในระยะยาว
9.ออกกำลังกายไม่เหมาะสม
การออกกำลังกายที่หนักเกินไปหรือไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย อาจนำไปสู่อาการอ่อนล้า เหนื่อยง่าย และส่งผลกระทบต่อสมองได้ เนื่องจากร่างกายอาจเกิดภาวะการอักเสบ (Inflammation) และมีการสะสมของกรดแลคติกในกล้ามเนื้อมากเกินไป ซึ่งส่งผลให้ร่างกายต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติในการซ่อมแซมเซลล์และฟื้นฟูตัวเอง
เมื่อร่างกายต้องใช้พลังงานส่วนใหญ่ในการฟื้นฟูจากการออกกำลังกายที่หนักเกินไป จะทำให้สมองไม่ได้รับสารอาหารและพลังงานที่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการสมองล้า ขาดสมาธิ ประสิทธิภาพในการคิดและจดจำลดลง
10.ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล
ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลสามารถเกิดจากความเครียดเรื้อรัง การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือโรคบางชนิด เช่น ภาวะพร่องไทรอยด์ ซึ่งฮอร์โมนมีบทบาทสำคัญในการควบคุมกระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย รวมทั้งการทำงานของสมอง หากฮอร์โมนเสียสมดุล จะทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง สมองล้า สมาธิสั้น ความสามารถในการคิดและตัดสินใจลดลง ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ที่ V Square Wellness
ใครที่กำลังมีปัญหาอ่อนล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายเกิดจากอะไร ? จะเห็นว่ามีหลายสาเหตุมากครับ ตามที่หมอได้อธิบายไปข้างต้น ซึ่งแต่ละคนนั้นไม่จำเป็นว่าต้องเกิดจากสาเหตุเดียวกัน แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวัน
การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness) มีบทบาทสำคัญครับ มุ่งเน้นการแก้ไขสาเหตุเชิงลึก เพื่อการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ป้องกันไม่ให้เกิดโรค หรือลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ในอนาคต เป้าหมายเพื่อให้คนไข้มีสุขภาพดีขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นครับ
ที่ V Square Wellness Center ให้บริการครอบคลุม เริ่มตั้งแต่การซักประวัติ ให้คำปรึกษา ตรวจสุขภาพเบื้องต้น วางแผนการรักษา เสริมด้วยวิตามินหรือ IV Drip
บูสต์พลัง บำรุงสมอง เสริมความจำ ด้วย Vitamin IV Drip
Vitamin IV Drip หรือการฉีดวิตามินเข้าเส้นเลือดโดยตรง เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการช่วยฟื้นฟูร่างกายและสมองได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการอ่อนล้า เหนื่อยง่าย และสมองล้า
IV Drip จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือดได้ทันที ทำให้สมองและระบบประสาทได้รับสารอาหารอย่างรวดเร็ว ฟื้นฟูความสดชื่น ลดอาการเหนื่อยล้า ช่วยเพิ่มสมาธิและเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของสมองได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการฟื้นฟูแบบเร่งด่วน
IV Drip สูตร Brain Flow No Brain Fog
สำหรับสูตร Brain Flow No Brain Fog เป็นการฉีดสารเปปไทด์ที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท ช่วยเพิ่มความสามารถของสมองในการซ่อมแซมตัวเองโดยการกระตุ้นการฟื้นฟูของระบบประสาท รวมถึงวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้า เพิ่มความสดชื่น สมองปลอดโปร่งพร้อมทำงาน
เปปไทด์ และวิตามินบี สำคัญต่อร่างกายอย่างไร ?
Peptide
- เพิ่มความสามารถของสมองในการซ่อมแซมตัวเองโดยการกระตุ้นการฟื้นฟูของระบบประสาท
- กระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเซลล์สมอง (Neuroregeneration) โดยช่วยเพิ่มการสร้างเซลล์ประสาทและการงอกใหม่ของเส้นใยประสาท
- ฟื้นฟูเนื้อเยื่อสมองที่เสียหายจากการบาดเจ็บ โรคหลอดเลือดสมอง หรือภาวะสมองเสื่อม
- ปรับปรุงการทำงานของสมองในด้านการเรียนรู้ ความจำ และสมาธิ
Vitamin B12
- สร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงที่แข็งแรง ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง (Anemia) ที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย
- ช่วยในการบำรุงการทำงานของสมอง ความจำ และซ่อมแซมเส้นประสาท
- ช่วยลดระดับโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) ซึ่งเป็นสารที่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและลดความเสี่ยงของผมร่วงหรือเล็บเปราะ
Vitamin B complex
- B1 : ช่วยระบบประสาทและเผาผลาญพลังงาน
- B2 : ต้านอนุมูลอิสระและสนับสนุนการผลิตพลังงาน
- B3 : ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและการไหลเวียนเลือด
- B5 : ช่วยสร้างฮอร์โมนและเผาผลาญไขมัน
- B6 : สนับสนุนระบบประสาทและภูมิคุ้มกัน
- B7 : เสริมสร้างเส้นผม ผิวหนัง และเล็บ
- B9 : สำคัญต่อการพัฒนาของเซลล์
- B12 : บำรุงระบบประสาทและสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
รวมวิธีบรรเทาอาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ เช่น กำหนดเวลาเข้านอนให้สม่ำเสมอ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนอน
- ลดความเครียด ด้วยเทคนิคต่าง ๆ เช่น การนั่งสมาธิ การทำกิจกรรมผ่อนคลาย
- ดูแลและรักษาโรคเรื้อรังอย่างสม่ำเสมอ ปรึกษาแพทย์เพื่อควบคุมอาการให้ดีขึ้น
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอและรับประทานอาหารที่เหมาะสม
- รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน โดยเน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง เช่น โปรตีน ไขมันดี และผักผลไม้สด
- ลดการบริโภคน้ำตาลและคาเฟอีน ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่และลดภาวะสมองล้า
- รักษาสมดุลของฮอร์โมน ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่รบกวนการผลิตฮอร์โมน
- เติมวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น วิตามินบี เปปไทด์ และเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
สรุป อ่อนล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย สัญญาณเตือนจากร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม
อ่อนล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายที่ต้องให้ความสำคัญครับ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพกาย ยังกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการทำงานที่ต้องใช้ทั้งร่างกายและสมอง
ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เร่งรีบของคนในยุคนี้ การจะดูแลสุขภาพทุกด้านอย่างครอบคลุม อาจเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก หนึ่งในตัวช่วยของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม หรือ Wellness อย่างเรื่องของอาหารเสริม หรือการดริปวิตามิน จึงเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจมากขึ้นในการฟื้นฟูสุขภาพเร่งด่วน ซึ่งควรทำควบคู่กับการปรับพฤติกรรมตามคำแนะนำ จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาวครับ
อ้างอิง
- Front Pharmacol. 2019 Apr 24;10:406. doi: 10.3389/fphar.2019.00406
- Drug Ther Bull. 2023 Oct;61(10):151-155. doi: 10.1136/dtb.2023.000006